สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มกราคม 02, 2012, 12:23:59 pm



หัวข้อ: เปิดฟ้า 'ลังกาหลวง' ต้อนรับปีใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 02, 2012, 12:23:59 pm
(http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2011/12/31/ac9fa96k88dgeachec9ag.jpg)

เปิดฟ้า 'ลังกาหลวง' ต้อนรับปีใหม่

ชวนเที่ยว : เปิดฟ้า 'ลังกาหลวง' ต้อนรับปีใหม่ เรื่อง//ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์

มีวันหยุดยาวๆ กับเขาทั้งที มีหรือที่ฉันจะพลาดไปท่องธรรมชาติ ใครๆ ก็บอกว่า ดอยลังกาหลวง-ลังกาน้อย สวยงามไม่แพ้ที่ไหน ขอให้มีแรงเดินไปสัมผัสความสวยที่ยอดสูงเถอะ เพราะยอดดอยลังกาหลวงสูงแตะระดับ 2,031 ม. จนได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในท็อปเท็นดอยสูงของไทย จริงๆ ที่นี่อยู่ในความสนใจมาหลายปี แต่โอกาสไปมีไม่มากนัก เพราะถ้าไปก็อยากเดินเก็บให้ครบ 3 ยอดหลักๆ

                 วันหยุดยาวๆ 4 วัน อย่างน้อยทำให้เราเดินทางได้ไกลขึ้น "ผาโง้ม-ลังกาหลวง-ลังกาน้อย" ดอยสูงที่ในความรับผิดชอบของ อุทยานแห่งชาติขุนแจ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เลยเข้ามาอยู่ใน list เดินทางโดยปริยาย เพราะที่นี่รับนักท่องเที่ยวได้ไม่มากนัก เพราะเส้นทางเดิน และจุดตั้งแคมป์ มีจำกัด  ดังนั้นในช่วงวันหยุดยาวๆ จะมีไม่เกิน 3-4 กลุ่ม ที่จะไปสวนสนามกันบนลังกาหลวง-ลังกาน้อย


(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2011/12/31/ik9bdd5jf6ihi5gd96ga9.jpg)

                พวกเราเดินทางถึงอุทยานแห่งชาติขุนแจ ค่อนข้างสาย หลังแวะซื้อเสบียง และจัดการมื้อเช้าระหว่างแวะรับเพื่อน ที่เชียงใหม่ จากเชียงใหม่ไป อช.ขุนแจ อ.เวียงป่าเป้าระยะทางห่างกันราวๆ 62 กม. ทักทายเจ้าหน้าที่ที่นัดหมายไว้ล่วงหน้า ก่อนจัดการสัมภาระเพื่อเดินทางกันต่อ เพราะจุดเริ่มเดินกลับไปอยู่ที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่นู่น

                 เส้นทางที่เรากำหนดไว้ ผาโง้ม-ลังกาหลวง-ลังกาน้อย ไปลงที่หมู่บ้านแม่ตอนหลวง ต.เทพเสด็จ ของ อ.ดอยสะเก็ด จะได้ไม่ซ้อนเส้นทางกับอีกกลุ่ม ที่จะขึ้นจากฝั่งลังกาน้อย มาลงที่ผาโง้ม อย่างมากเราก็เดินสวนทางกัน เพราะรู้มาว่า จะมี 3 กลุ่ม ที่ขึ้นไปเคานท์ดาวน์กันบนดอยสูงแห่งนี้

                 รถโฟร์วีล ไต่ทางชันขึ้นไปส่งเราถึงบริเวณที่ตั้ง สถานีทวนสัญญาณดอยสันยาว หรือเรียกกันว่าสถานีเรดาห์ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ในเวลาใกล้เที่ยงเข้าไปแล้ว แต่เราตกลงกันว่า เดินไปสักหน่อย ค่อยหาที่พักชมวิวริมสันเขา กินข้าวเที่ยงกัน


(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2011/12/31/ec95jh75hab95af7d7b7c.jpg)

                 ตามสเต็ปการเดินแต่ละคน ใครเดินเร็วก็นำไปก่อน ใครเดินช้า ก็ค่อยๆ ตามไป ใครจะพักเหนื่อยก็อาศัยจังหวะถ่ายรูปไปด้วย เพราะเส้นทางสายนี้ มีแต่เขาชันๆ ให้เดินไต่กันไป แต่วันแรกยังแค่เด็กๆ เพราะเป็นทางไม่ชันมาก มีขึ้นเขา - ลงเขาสลับให้ได้พักขา พักปอด แถมยังมีเวลาให้ได้โอ้เอ้กันพักใหญ่

                 ทางเดินสันเขาวันนี้ ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ ที่ช่วยบังแสงแดด จะมีบ้างที่ลอดหมู่ไม้เข้ามาให้ได้ถ่ายรูปแสงสวยๆ กัน จนตะวันคล้อยบ่าย เราก็เห็นสันเขาสูงทอดตัวอยู่เบื้องหน้า ... อืมมม ผาโง้ม เป้าหมายวันแรกของเราก็อยู่ที่เชิงเขานั่นแหละ เพราะมีที่ทางกว้างกว่า และยังหลบลมหนาวได้บ้าง

                 คืนแรกเราพูดคุยกันไม่นาน แค่พอได้อรรถรส ก็แยกย้ายกันเข้าเตนท์นอน ให้ร่างกายได้พักอย่างเต็มที่ ก่อนจะลุยกันต่อในวันรุ่งขึ้น

                 เช้าแรกในราวป่า สดชื่นกับอากาศเย็นๆ จิบกาแฟอุ่นๆ ก่อนจะจัดการอาหารเช้า เก็บแคมป์เพื่อเดินป่ากันต่อ วันนี้เป้าหมายเราจะเดินขึ้นผาโง้ม แล้วไปตั้งแคมป์กันที่เชิงดอยลังกาหลวง เท่าที่เห็นเขาสูงชันข้างหน้าพอจะบอกได้ว่า วันนี้เดินระห่ำแน่ๆ แล้วก็ไม่ผิดปากว่า ทางมีแต่ขึ้นกับขึ้น


(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2011/12/31/gd5c6k9kiack65gahjf9i.jpg)

    แต่ถ้าผ่านผาโง้มลูกแรกไปได้ ที่เหลือก็ไม่เท่าไหร่แล้ว เพราะยอดผาโง้มที่เห็นเดินบางช่วงแทบจะเข้าลักษณะ หน้าติดเขาหลังติดเหว กว่าจะไต่ขึ้นไปถึงยอดสูงสุด ที่ 1,700 ม.ได้  เราเลยถือโอกาสพักถ่ายรูปกันยาวๆ ตรงยอดผาโง้มก่อนจะออกเดินทางกันต่อ คราวนี้ลงอย่างเดียวเหมือนกัน กับเขาชัน เพื่อตัดไปขึ้นอีกยอด แล้วยังต้องข้ามอีกหลายๆ ยอด เพื่อไปให้ถึงดอยลังกาหลวงให้ทันบ่ายแก่ๆ

                  เส้นทางเดินเขาแถบนี้ เหมือนเราเดินอยู่บนสันเขา เห็นหุบป่ากว้างๆ ในเบื้องล่าง มีต้น กุหลาบขาวดอยลังกาออกดอกประปรายท้าลมหนาวพอให้ช่างภาพได้ตื่นเต้น พักเหนื่อยเป็นระยะ กว่าที่จะไปถึง ยอดลังกาหลวง
        เราหาทำเลที่พักกันก่อนขึ้นยอด ใต้ร่มหุบไม้ใหญ่ ที่ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ก็เดินถึงยอดเขา มีกลุ่มอื่นที่ขึ้นจากดอยลังกาน้อย มากางเต็นท์นอนพักเอาแรงก่อนเราอยู่แล้ว ก็แบ่งที่ทางกันคนละมุม จัดแจงสัมภาระเสร็จก็คว้ากล้อง ออกเดินขึ้นยอดกันอีกครั้ง คว้าไฟฉาย กับเสื้อกันหนาวหนาๆ ไปด้วย เพราะอากาศในหุบเขายังเย็น บนยอดสูงน่าจะหนาวจับใจหลังอาทิตย์ลับฟ้า

                 "สวรรค์บนดิน" คำคำนี้มีอยู่จริง ยามที่เราขึ้นไปยืนอยู่บนยอดดอยลังกาหลวง มองดูทะเลหมอกบางที่เริ่มไหลเข้ามาในหุบ แสงอาทิตย์ทอแสงลงมากระทบกับหมู่ไม้ในหุบเขาเบื้องหน้า  เห็นยอดดอยลังกาน้อยอยู่ไม่ไกล แต่เพื่อนที่เคยมาบอกว่า ที่เห็นใกล้ๆ เนี่ยะ เดินเป็นวันยิ่งกว่าเดินจากผาโง้มมาลังกาหลวงซะอีก   

                 ของคู่กันกับดอยสูง คือสายลมเย็นและอากาศเย็นแต่ในฤดูหนาวปลายปี-ต้นปีแบบนี้ หนาวจับใจซะมากกว่า ... ระหว่างเดินขึ้นเขายังเหนื่อยหอบ แต่ตอนนี้เสื้อกันหนาวที่หอบขึ้นมาได้ใช้งานกันซะที เพราะพอหยุดเดิน ก็เริ่มหนาวทันที ตอนนี้ความคิดที่ว่าน่าจะขึ้นมากางเต้นท์บนยอดลังกาหลวง ถูกลมหนาวกระชากไปหมด ... เหลือแต่ความคิดที่ว่า "ดีแล้วที่กางเต้นท์ในหุบ วิวไม่สวยแต่น่าจะหนาวน้อยกว่านี้แน่ๆ"


(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2011/12/31/bhh8bikadkfeah8kb58a7.jpg)
 

                 คืนนี้อากาศหนาว หลังปิดท้ายของหวานเต้าฮวยฟรุตสลัด เลยต่างแยกย้ายกันเข้าไปคุยในเต้นท์ดีกว่า ซุกตัวในถุงนอนอุ่นๆ มารู้อีกทีก็ตอนเช้าว่าเมื่อคืน เหลือแค่ 4 องศา  รู้แล้วว่าหนาวจัดเป็นยังไง หลังวอล์มร่างกายด้วยกาแฟอุ่นๆ ก็ตามด้วยอาหารเช้าที่ช่วยกันทำเหมือนเคย เก็บแคมป์ออกเดินทางกันต่อ

                 เป้าหมายแค่ดอยเดียว คือ ยอดดอยหลังกาน้อย แต่ระหว่างทางที่จะไปถึงนี่ซิ ทั้งลงหุบลึก ขึ้นเขาชัน แต่เส้นทางเดินก็ยังสวยงามกับฟ้าใสๆ มีต้นสนสามใบเป็นฉากข้างทาง จนถึงเนินสุดท้ายก่อนจะข้ามไปถึงลังกาน้อย มีจุดชมวิวที่เรียกตากล้องได้ไม่ยาก รวมถึงมุมหวาดเสียวชะง่อนหินที่ยื่นไปในหุบเหว

                 ถ่ายรูปกันจนหนำใจ ก็ออกเดินฝ่าแดดร้อนๆ ข้ามเนินสุดท้าย ที่มีน้ำตกเล็กๆ เหมือนเป็นตาน้ำ ซ่อนตัวอยู่ คราวนี้จะหนาวขนาดไหนก็ไม่สนใจ ขอแวะพัก ล้างเนื้อล้างตัวให้ชื่นใจก่อนดีกว่า ตอนแหย่ขาไปโดนน้ำ ชาวาบขึ้นมาจนอยากจะเปลี่ยนใจ แต่เอาไงเอากันพอความชาได้ที่ ก็หย่อนตัวลงน้ำได้สบาย แถมยังได้น้ำต้มกาแฟจิบให้ร่างกายอุ่น

                 ก่อนไต่ขึ้นสันสุดท้ายมุ่งสู่ดอยลังกาน้อย เราจัดแจงที่พักหลบลมตามพุ่มไม้ใกล้ๆ ยอด ก่อนจะขึ้นไปเก็บบรรยากาศ และสักการะเจดีย์บนยอดด้วย เจ้าหน้าที่เล่าว่า ที่นี่เคยมีการสู้รบหนักระหว่างไทยใหญ่กับพม่า แล้วยังมีพวกคอมมิวนิสต์อีก จนครั้งหนึ่งยอดเจดีย์ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงตกไปในหุบเขา แต่ก็ไม่เคยมีใครหาเจอ ยอดที่เหลือนี่มาบูรณะขึ้นใหม่ สีทองสวยยามสะท้อนแดดบ่าย

                 ลังกาน้อยที่แม้จะสูงเป็นรองทั้งผาโง้มและดยลังกาหลวง แต่วิวเปิดแทบจะ 360 องศา มิน่าใครๆ ถึงว่า ลังกาน้อยก็สวยไม่เป็นรองใคร ทั้งยามเย็นและยามเช้า ที่ทำให้เรายอมฝ่าลมหนาวขึ้นมาถ่ายรูปทะเลหมอก แม้จะโชคไม่เข้าข้างทะเลหมอกไม่มี แต่วิวป่าเขาที่เห็นก็คุ้มค่า วันนี้เรามีเวลาเยอะ จนโอ้เอ้ได้ยันสายทีเดียว เพราะเดินไม่ไกลก็จะหมู่บ้านข้างล่าง แต่ทางลงนี่สิ ทำให้หลายคนที่เป็นโรคกลัวความสูงหวาดหวั่น เพราะเป็นทางลงชนิดหักศอก จากยอดดอยลังกาน้อย ไต่เขาลงอย่างกับเลียงผา กว่าจะหลุดลงไปเบื้องล่างได้ ก็ทำเอาขาสั่น
               

(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2011/12/31/defhc59fhc96jb88h6g9a.jpg)

                เลยต้องไปนั่งจิบกาแฟสด กินก๋วยเตี๋ยวปลอบใจกันในหมู่บ้านแม่ตอนหลวง หมู่บ้านเล็กๆ แต่อุดมด้วยไร่กาแฟที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของ ต.เทพเสด็จ เป็นการปิดทริปที่อิ่มเอมทีเดียว

                 สำหรับดอยลังกาหลวง-ลังกาน้อยแล้ว ฉันอยากจะบอกว่าความสวยงามมักอยู่รายทาง ส่วนยอดๆ มันคือสวรรค์บนดินดีๆ นี่เอง



ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20120101/119054/ (http://www.komchadluek.net/detail/20120101/119054/)เปิดฟ้าลังกาหลวงต้อนรับปีใหม่.html