[[๘๘๐] ถ้าดิฉันนั้นจากที่นี้ไป ได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว จักรู้ความประสงค์ของผู้ขอ สมบูรณ์ด้วยศีล จักสร้างกุศลให้มากด้วยการให้ทาน ประพฤติธรรมสม่ำเสมอ การสำรวม และการฝึกอินทรีย์ [๘๘๑] ดิฉันจักปลูกสวนไม้ดอกไม้ผล จักตัดทางเข้าไปในสถานที่ที่เดินลำบาก ขุดบ่อน้ำและตั้งน้ำดื่มไว้ด้วยใจที่ผ่องแผ้ว [๘๘๒] จักเข้าจำอุโบสถศีลซึ่งประกอบด้วยองค์ ๘ ทุกวัน ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำและ ๘ ค่ำแห่งปักษ์ และตลอดวันปาฏิหาริยปักษ์ [๘๘๓] ดิฉันจักสำรวมระวังในศีลตลอดเวลา และจักไม่ละเลยในการให้ทาน เพราะผลกรรมนี้ ดิฉันได้เห็นเองแล้ว]

                  [๘๘๐]            ถ้าดิฉันนั้นจากที่นี้ไป    ได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว
                                      จักรู้ความประสงค์ของผู้ขอ    สมบูรณ์ด้วยศีล
                                      จักสร้างกุศลให้มากด้วยการให้ทาน
                                      ประพฤติธรรมสม่ำเสมอ    การสำรวม
                                      และการฝึกอินทรีย์
                  [๘๘๑]            ดิฉันจักปลูกสวนไม้ดอกไม้ผล
                                      จักตัดทางเข้าไปในสถานที่ที่เดินลำบาก
                                      ขุดบ่อน้ำและตั้งน้ำดื่มไว้ด้วยใจที่ผ่องแผ้ว
                  [๘๘๒]            จักเข้าจำอุโบสถศีลซึ่งประกอบด้วยองค์    ๘
                                      ทุกวัน    ๑๔    ค่ำ    ๑๕    ค่ำและ    ๘    ค่ำแห่งปักษ์
                                      และตลอดวันปาฏิหาริยปักษ์
                  [๘๘๓]            ดิฉันจักสำรวมระวังในศีลตลอดเวลา
                                      และจักไม่ละเลยในการให้ทาน
                                      เพราะผลกรรมนี้    ดิฉันได้เห็นเองแล้ว

คนเราเมื่อทำผิดแล้ว เวลาจะรับกรรมก็มักจะเป็นเช่นนี้
 ถึงจะสำนึกก็สายเสียแล้ว

   เพราะว่าถึงนางจะกล่าวไว้อย่างนั้น เมื่อพ้นกรรมกำเนิดใหม่ ก็ไม่สามารถจำข้อความส่วนนี้ได้ มีเรื่องราวๆ ต่างที่เป็นครูมากมายในชีิวิต ทุกชาติ หากเราระลึกชาติได้กันอย่างนี้ทุกคน คงจะไม่ต้องสร้างกรรมกันให้เป็นกรรมต่อกันต่อไป เวียนว่ายกันไม่รู้สิ้น
 
    อย่างน้อยคำของนาง ก็ยังเป็นบทธรรมเตือนสติ เราซึ่งยังมีชีิวิตอยู่ ได้เป็นแนวปฏิบัติสืบต่อไป



 

อ่านแล้วอย่างนี้ ลูกศิษย์ที่ปฏิบัติกรรมฐาน ควรหมั่นแจ้งกรรมฐาน ใช่หรือไม่คะ

 อนุโมทนา ด้วยคะ

 พึ่งทราบ ว่า อสุภกรรมฐาน มีผลร้ายแรง ถ้าภาวนาแล้วแก้อารมณ์ไม่ได้นะคะในครั้งพุทธกาล อ่านแล้วไม่กล้าปฏิบัติ อสุภกรรมฐาน เลย ฝึกอานาปานสติ ก่อนน่าจะดีกว่าคะ

 สาธุ สาธุ สาธุ

 

อันนี้เรียกว่า จิตซ้อนจิต กรรมซ้อนกรรม หรือไม่ คะ

 

น่าเป็นห่วงนะคะ ว่าสักวันจะเป็นเรา นี่สิ.....

ใครจะรู้ว่า เรานั่งรถเมล มาดี ๆ แล้วก็โดนยิงเฉยเลย ยิ่งเป็นผู้ใช้บริการรถเมล บ่อยด้วย

 

อนุโมทนา คะ ได้อ่านบทความพระอาจารย์ ร่วมกับ พระสูตรแล้ว รู้สึกดีมากคะ บางครั้งไม่ค่อยได้อ่านพระไตรปิฏกฉบับจริง ก็มาอ่านฉบับกระทู้ ที่ละหน่อย ได้พอกพูนธรรมไปเรื่อย ๆ

 

อนุโมทนา คะ
ส่วนนี้มีการบริจาค พอเพียงแล้วหรือยัง คะ

 

ปัจจุบัน พระอาจารย์เป็นอยู่อย่างไร คะ ( ถามด้วยความเป็นห่วง )

ใครเป็นผู้ดูแล อุปฐาก คะ จะติดต่อพบพระอาจารย์ ทำอย่างไร คะ

 

[คำตอบง่าย ๆ ก็คือน้ำท่วม เนื่องด้วย ในสมัยก่อนนั้นไม่มีระบบ คูคลองระบายแบบปัจจุบัน ที่บังคับเส้นทางน้ำได้ จึงทำให้น้ำที่ไหลไปกลบฝัง สิ่งก่อสร้างที่อยู่ใต้น้ำหมด ประกอบในสมัยก่อนถึงแม้รู้ว่าท่วมทับอยู่แต่ไม่มีเครื่องจักรในการขุดเจาะอย่างในปัจจุบัน ถึงแม้รู้อยู่ก็ขุดกันไม่ไหว ได้แต่จดจำกันไว้เป็นแผนที่คร่าว ๆ บันทึกไว้เป้นที่สืบทอดกันไว้ จนไปสู่ที่มาของการล่าขุมทรัพย์ ของชาวอังกฤษ ในสมัยสงครามโลก กัน.... คิดว่า คำตอบน่าจะเป็นเพราะธรรมชาติสมัยก่อนมีกำลังมากมากกว่า เครื่องมือสมัยปัจจุบัน ดูง่าย ๆ จากภาพสึนามิ ที่เกิดที่ ญี่ปุ่น ถ้าไม่มีเครื่องมือขุดกัน ก็ต้องปล่อยจมอยู่อย่างนั้น สมัยก่อนการข่าวก็ไม่ได้ เวิร์ดไวร์ ด้วยคิดดูว่า ที่มีเหตุการณ์ น้ำท่วมกลบนั้นยังมีอีกกี่ที่เข้าไปแล้ว จ๊ะ นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ซาก โบราณ เมืองโบราณ ที่มีระดับต่ำนั้นจมอยุ่ใต้ดิน]

คำตอบง่าย ๆ ก็คือน้ำท่วม เนื่องด้วย ในสมัยก่อนนั้นไม่มีระบบ คูคลองระบายแบบปัจจุบัน ที่บังคับเส้นทางน้ำได้ จึงทำให้น้ำที่ไหลไปกลบฝัง สิ่งก่อสร้างที่อยู่ใต้น้ำหมด ประกอบในสมัยก่อนถึงแม้รู้ว่าท่วมทับอยู่แต่ไม่มีเครื่องจักรในการขุดเจาะอย่างในปัจจุบัน ถึงแม้รู้อยู่ก็ขุดกันไม่ไหว ได้แต่จดจำกันไว้เป็นแผนที่คร่าว ๆ บันทึกไว้เป้นที่สืบทอดกันไว้ จนไปสู่ที่มาของการล่าขุมทรัพย์ ของชาวอังกฤษ ในสมัยสงครามโลก กัน....

  คิดว่า คำตอบน่าจะเป็นเพราะธรรมชาติสมัยก่อนมีกำลังมากมากกว่า เครื่องมือสมัยปัจจุบัน

 

 ดูง่าย ๆ จากภาพสึนามิ ที่เกิดที่ ญี่ปุ่น ถ้าไม่มีเครื่องมือขุดกัน ก็ต้องปล่อยจมอยู่อย่างนั้น สมัยก่อนการข่าวก็ไม่ได้ เวิร์ดไวร์ ด้วยคิดดูว่า ที่มีเหตุการณ์ น้ำท่วมกลบนั้นยังมีอีกกี่ที่เข้าไปแล้ว จ๊ะ

 

 นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ซาก โบราณ เมืองโบราณ ที่มีระดับต่ำนั้นจมอยุ่ใต้ดิน

 

 

อนุโมทนา กับทุกท่าน ที่มีความตั้งใจสวดด้วยคะ ถึงจะยังไม่ค่อยจะเข้าใจวัตถุประสงค์การสวดตรงนี้ จริง ๆ ที่พระอาจารย์ได้เชิญชวนร่วมกันสวด ก็คิดว่า จะร่วมสวดด้วยคนคะ

 

ประเด็นของคำถาม น่าจะมาจากการตั้งคำถาม ที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุ เหมือนถามรวม ๆ ไปจึงหาคำที่จะตอบเฉพาะได้ยาก คะ เพราะอันที่จริง การทำไม่ดี ก็มี ทุคติ เป็นที่รอแน่นอน ทำดีก็ดี ทำชั่วก็ชั่ว ใช่หรือไม่คะดังนั้นต้องควรยกประเด็นขึ้นมาสักนิดค จึงทำให้การสนทนาในธรรมได้

  ปกติก็จะชอบอ่าน ไม่ชอบตอบคะ
  แต่การโพสต์ ตอบนั้นต้อง ทราบเหตุผลปัญหาคะ
 
   

คุณมดนะนอย นี้เก่ง นะคะ
 ฟังเรียน มามาก แต่สุดท้าย ครูอาจารย์ ก็ให้ภาวนา แค่ พุทโธ

  ที่จริง ก็เห็นด้วยบางอย่างนะคะ
  เพราะมานั่งนึกดูว่า เราจะเสียเวลาไปฟังธรรม มากมาย ทุกวันทำไม ในเมื่อเวลาภาวนานั้น มีแค่

  หายใจเข้า พุท และ หายใจออก โธ


   

ดีใจจัง มีสะพานข้าไปลาวอีกแห่ง แล้ว

 

ยังไม่ได้ ถามอาจารย์ ลักษณ์ เลยนะ ยังไม่ฟันธง ........ ยัง ยัง ยัง จ้า

[ส่วนตัวก็มองว่า อาจจะยากมากนะคะ กรรมฐานนี้ แต่ก็ไม่เคยคิดหมิ่น ครูอาจารย์ สายกรรมฐานเลยคะ]

อันนี้ ก็กล่าวปรามาส ครูอาจารย์ โดยตรง เลยนะคะ
ส่วนตัวไม่ได้เป็นศิษย์กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นะคะ
 แต่อ่านแล้ว รู้สึกว่า มันขัด ๆ กันอยู่นะคะ

 ดังนั้นคิดว่า ควรทำความเข้าใจ ในหลักปฏิบัติให้เคลีย ก่อนนะคะ
ผู้โพสต์ น่าจะไม่ใช่ศิษย์กรรมฐาน แต่น่าจะเป็นสายสวนโมกข์ เพราะตามอ่านกระทู้
แล้ว จะกล่าวถึง หลวงพ่อพุทธทาส และ สถานที่ปฏิบัติภาวนาในแนวทาง สวนโมก ทั้งหมด

 

  การภาวนา กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นั้นคิดว่า เป็นที่จริต และวาสนาด้วยนะคะ
เพราะครูอาจารย์ ก็ไม่ใช่ จะพบกันได้ง่าย ๆ เลยนะคะ ไปถึงที่ยังไม่เจอเลย ขึ้นกรรมฐาน
แล้วยังไม่ได้เรียน เลยนะคะ รุ่นพี่ที่ไปวัดราชสิทธาราม มากันก็บอกว่า วันนี้ยังย่ำต๊อก อยู่ที่

 ฐานจิตที่ 1 อยู่เลยนะคะ แจ้งกรรมฐานกับ หลวงพ่อแล้ว ก็ให้ปฏิบัติอยู่ตรงนั้น นี่ก็ปีที่ 2 แล้ว
ส่วนตัวก็มองว่า อาจจะยากมากนะคะ กรรมฐานนี้ แต่ก็ไม่เคยคิดหมิ่น ครูอาจารย์ สายกรรมฐานเลยคะ

 

กาย ใจ นาม รูป

 ขันธ์ 5

 แหม หัวข้อเหล่านี้ วิีธีการเข้าไปรู้ทำอย่างไร คะ

 รูป คือ ธาตุ มหาภูตรูป 4

 เวทนา คือ ความรู้สึก ทุกข์ สุข ไม่ทุกข์ไม่สุข

 สัญญา คือ ความจำได้

 สังขาร คือ ความคิด

 วิญญาณ คือ ความรับรู้

 ก็รู้จักแล้วคะ แต่ จะบริหารอย่างไร จึงจะถูกตามทางที่พระสุคต ทรงตรัส
ก็หมายความ เราต้อง มีครู สัตถาเทวมนุสสานัง ครูผู้สอนเทวดา และ มนุษย์ ท่านตรัสบอกแล้ว

  วิธีการพายเรือ ข้ามฝั่ง นี้ทำอย่างไร ถ้ากระแสน้ำ แรง ๆ

  เชื่อว่า ภัยในวัฏฏะสงสาร มีอีกมากเลยคะ

  และจะถึงความดับ แห่งทุกข์

 

พระดีที่โลก รอ  อ่านเอาแก่นสารนะคะ

กรุณาตามไปอ่านที่ ลิงก์นี้ นะคะ

http://www.aksornsartbooks.com/showdetail.asp?boardid=507

ยังชอบภาพนี้ อยู่ นะจ๊ะ

[ขอบคุณ ทุกท่านที่แสดงความเห็น]

ขอบคุณ ทุกท่านที่แสดงความเห็น

กำลังคิดว่าจะทำโหวต หน่อย ช่วยแสดงความเห็นด้วย

ปล.

 ใครที่อยู่ในแก็งค์ แล้ว ยังไม่แสดงความเห็น โปรด

แสดงความเห็นด้วย จาก หันหน้าแก็งค์ นะจ๊ะ ( ไม่ได้พิมพ์ผิดนะจ๊ะ )

  ถ้าไม่แสดง ก็ขอให้ เวลาเจอกัน เลี้ยงข้าวกันทุกมื้อนะจ๊ะ

 

[โพสต์ กระทู้ ตอบ กระทู้ จะเป็น บุญ หรือ ไม่ ก็ขึ้นอยู่เรื่องที่โพสต์ และ ตอบ แต่ อย่างไรเสีย จะเป็นเรื่อง ธรรมะ หรือ วิชาการ หรือ อื่น ๆ บันเทิง ส่วนตัวเราก็คิดว่าได้ บุญ ที่สำคัญ ได้ รู้จักเพื่อน มีที่ปรึกษา บางครั้ง ยามอับจน หนทาง ยังเคยหลังไมค์ ติดต่อขอความช่วยเหลือกันได้ อย่างไม่เชื่อ แต่ในโลก ของไซเบอร์ แล้ว เว็บ ธรรมะ ค่อนข้างจะเชื่อถือได้มากกว่า เว็บอื่น ๆ]

 

   โพสต์ กระทู้ ตอบ กระทู้ จะเป็น บุญ หรือ ไม่ ก็ขึ้นอยู่เรื่องที่โพสต์ และ ตอบ

   แต่ อย่างไรเสีย จะเป็นเรื่อง ธรรมะ หรือ วิชาการ หรือ อื่น ๆ บันเทิง

   ส่วนตัวเราก็คิดว่าได้ บุญ ที่สำคัญ ได้ รู้จักเพื่อน มีที่ปรึกษา

   บางครั้ง ยามอับจน หนทาง ยังเคยหลังไมค์ ติดต่อขอความช่วยเหลือกันได้ อย่างไม่เชื่อ

   แต่ในโลก ของไซเบอร์ แล้ว เว็บ ธรรมะ ค่อนข้างจะเชื่อถือได้มากกว่า เว็บอื่น ๆ

 

เวลาทำงาน น่่าจะใช้ สติ เพื่อ ให้เกิด สัมปชัญญะ มากกว่านะคะ

ถ้ามัวแต่ไปนั่งหลับหู หลับตา นั่งนิ่ง เดินจงกรมอยู่ สงสัยตกงาน แน่ ๆ คะ

อาจจะต้อง ดู กาละเทศะ ด้วยคะ

  มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ค่อนข้างจะหนักไปทางเคร่งเลยคะ เช้ามารอรถ นั่งรถ ไปถึงที่ทำงาน ก็จะเอาแต่นั่งทำสมาธิ คะ
แต่เวลาทำงานเขา ก็ทำงานปกติ เวลาเที่ยงไม่ทานข้าว รู้สึกจะทานมื้อเดียว ดื่มนม 1 กล่องมั้งคะ เสร็จแล้วก็ไปนั่งกรรมฐานทำสมาธิ ที่ใต้ต้นไม้ พอถึงบ่าย ก็กลับมานั่งทำงาน พอเลิกงานนั่งรถกลับก็นั่งสมาธิ ไม่ค่อยสนทนากับใครเพื่อนคนนี้ไม่ใช่ คนมีความรู้น้อยนะคะ ตำแหน่งงานระดับหัวหน้านะคะ และเรียบ จบ ป.โท ด้วยคะ
แถมทำงานด้าน วิศวกรรม IT อีก แต่ช่วง ครึ่งปีมานี้จะทำตัวอย่างนี้ คะ ก็จัดว่าเป็นแบบที่แปลกไปคะ

 ถ้าจะให้ เรา ไปทำอย่างเขา ก็คงไม่ได้ จึงได้แต่ภาวนา สติ รู้ทันให้ได้ก่อน คะ
 อย่างน้อยก็รู้จักควบคุมอารมณ์ ให้ได้คะ ไม่ใช่รัก ก็ถึงขึ้นหลง นะคะ

 อย่างน้อยเจริญ สติ เป็นเรื่องที่เราน่าจะทำได้ง่ายกว่าคะ ที่จะมุ่งเรื่องสมาธิ โดยตรง

 การเจริญ สติ ก็ืคือ ยามใดทีี่่เวลาจิตมีเวลาบ้าง ก็กำหนดรู้ทัน พระอาจารย์ที่วัดมหาธาตุสอนไว้ว่า

กำหนดรู้ก็เพียงพอ เช่น นั่ง กำหนดได้ นั่งหนอ ยืน  ยืน ก็ ยืนหนอ เดิน ก็เดินหนอ ทำงาน ก็ ทำงานหนอ
เป็นต้น คือกำหนดจิตรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ ก็เป็นเพียงแต่หนอ รู้ว่า รูป ยืน รูป เดิน รูป นั่ง รูป นอน ใจที่รู้ ก็คือ นาม คะ เมืื่อเรากำหนด รูป นาม ได้ชำนาญแล้ว สัมปชัญญ เต็มแล้วก็ค่อยมาว่าัขั้นต่อไป คะ

 

น่าสนใจ คะ คำว่า  ธรรมุทธัจจะ คือ อะไร คะ พึ่งเคยได้ยินนี่คะ

  ใช่คำว่า ธรรม + อุทธัจจะ หรือไม่คะ ถ้าหมายถึงคำสองคำนี้ ละก็ คงจะแปลว่า ความฟุ้งซ่านในธรรม

 ก็แปลกนะคะ ธรรมเป็นเรื่อง ฟุ้งซ่านได้ด้วยหรือ คะ ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ เหมือนกัน กับความหมาย

ต้องรอผู้รู้หลาย ๆ ท่านร่วมวิจารณ์ แล้วคะ

 

[พระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ]

เปิดหัวข้อ คำถาม ยังกับพระถามเลย อยู่ ๆ ก็ถามขึ้นมาเหมือนลองภูมิ ซะงั้น
ว่าแต่ คุณ Ngangjang ไปได้ยินคำว่า พระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ  มาจากที่ไหนคะ น่าจะมีเกริ่นเรืองกันหน่อย นะคะ

 

ผู้หญิง ที่ต้องการมีเรือน บางครั้งก็ไม่ต้องการ ผู้ชาย ที่ดีแสนดี ละคะ
บางครั้ง ก็ชอบทำตัวแบบ ผู้ชายปกติ คะ ไม่ต้องดีเลิศ ประเสริฐศรีคะ
แต่ทำตัวสบาย ๆ ไม่เจ้ากี้ เจ้าการ มุ่งมั่นเกินไปคะ ที่สำคัญต้องไม่เจ้าชู้่

ก็ว่าไปตามแบบที่เพื่อน ๆ บ่นกันนะคะ อย่าจริงจังคะ

เรื่องเนื้อคู่ อยู่ที่บุพเพกตปุญญตา ด้วยคะ

 

คำนวณค่าไฟฟ้า จริง และ จ่ายจริง พร้อม อัตรา การใช้ พลังงานให้ดูครับ

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.thaimtb.com


ถ้าท่านทั้งหลายจะได้มีโอกาสพิจารณาข้อความจาก พระวินัยปิฎกเล่ม ๗ จุลวรรค ภาค ๒ ข้อ ๑๘๐ ซึ่งปรากฏข้อความดังนี้ว่า ....

“สมัย นั้น ภิกษุสองรูปเป็นพี่น้องกัน ชื่อเมฏฐะและโกกุฏฐะเป็นชาติพราหมณ์ พูดจาอ่อนหวาน เสียงไพเราะ เธอสองรูปนั้นเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคม นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า บัดนี้ ภิกษุทั้งหลายต่างชื่อต่างโคตร ต่างชาติ ต่างสกุลกันเข้ามาบวช พวกเธอจะทำพระพุทธวจนะให้ผิดเพี้ยนจากภาษาเดิม มิฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะขอยกพระพุทธวจนะขึ้นโดยภาษาสันสกฤต
พระผู้มี พระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆะบุรุษทั้งหลาย ไฉนพวกเธอจึงได้กล่าวอย่างนี้ว่า มิฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะขอยกพระพุทธวจนะ ขึ้นโดยภาษาสันสกฤตดังนี้เล่า ดูกรโมฆะบุรุษทั้งหลาย การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ...
ครั้นแล้วทรง ทำธรรมีกถา รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงยกพุทธวจนะขึ้นโดยภาษาสันสกฤต รูปใดยกขึ้น ต้องอาบัติทุกกฏ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้เล่าเรียนพุทธวจนะตามภาษาเดิม ฯ”

ที นี้ เมื่อพิจารณาข้อความจากพระไตรปิฎกแปลไทย ก็จะได้ความว่า พระพุทธองค์ตรัสห้ามมิให้ภิกษุทั้งหลายยกพุทธพจน์ขึ้นโดยภาษาสันสกฤต !!!!

----------------------------------------------------------------------
เรื่อง ของเรื่องก็คือ จริงๆแล้วพระพุทธองค์ตรัสออกมาตรงๆ ด้วยคำว่า “ฉันท์” ซึ่งลักษณะของฉันท์ก็คือ ข้อความที่ถูกแต่งขึ้นมาเป็นกาพย์กลอน เป็นโศลก เหมือน คัมภีร์พระเวทของพราหมณ์ แปลความได้ว่า พระบัญญัติที่ตรัสห้ามมิให้ยกพุทธพจน์ขึ้นสู่ฉันท์นั้น มีองค์ประกอบอยู่ ๒ ประการ คือ ….

(๑) ห้ามแต่งพระธรรมวินัยเป็นบทกวี เนื่องจาก ฉันทลักษณ์ ที่บังคับลักษณะทางคำประพันธ์ชนิดนั้นๆ อาจส่งผลทำให้ พุทธพจน์ ถูกบิดเบือนความหมายไปได้ และยิ่งถ้าผู้แต่ง(บทกวี)ไม่แตกฉานในภาษาเพียงพอ ก็จะเป็นการทำร้ายพุทธพจน์(ไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์)
(๒) ห้ามจดบันทึกพระธรรมวินัยด้วยภาษาสันสกฤต เนื่องจากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาของชนชั้นสูงในสมัยนั้น ซึ่งจำกัดอยู่แต่ในกลุ่มอภิสิทธิ์ชน ดังนั้นถ้าปล่อยให้ทำได้ นานวันไป พระธรรมคำสอนของพระองค์ก็จะถูกสงวนไว้สำหรับชนชั้นสูง(กลุ่มน้อย) ซึ่งขัดกับพุทธประสงค์ที่จะตรัสสั่งสอนชาวบ้านรากหญ้าด้อยสิทธิ์ไร้การศึกษา เป็นสำคัญ

ดังนั้น ถ้าจะแปลพระบาลีข้อนี้ให้ตรงต่อความหมายจริงๆแล้ว ควรกล่าวว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงยกพุทธวจนะขึ้นโดย “คำฉันท์” รูปใดยกขึ้น ต้องอาบัติทุกกฏ โดยที่พระบัญญัตินี้ จะมีความเข้มงวดมากจำเพาะการแต่งตำราที่ใช้สำหรับศึกษาเล่าเรียน(พระธรรม วินัย)เท่านั้น แต่หากเป็นการแต่งหนังสือในเชิง “สดุดี” เพื่อส่งเสริมศรัทธาปสาทะของศาสนิกชน (ไม่ใช่ตำราสำหรับการศึกษาพุทธพจน์) ก็มักได้รับการผ่อนปรน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยหลัง(มากแล้ว) แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็คือ มีชาวพุทธบางหมู่เหล่า ไม่เข้าใจความข้อนี้ แต่ได้พยายามที่จะนำเอา “ข้อความ” จากคัมภีร์ที่เป็นบทกวีประกอบด้วยฉันทลักษณ์ ซึ่งแต่งขึ้นเพื่อเจริญศรัทธาปสาทะในหมู่พุทธศาสนิกชน มาอ้างอิงเพื่อคัดค้านหลักฐานซึ่งอยู่ในชั้นพุทธพจน์ ได้อย่างหน้าตาเฉย !!!!

จำเพาะ “คัมภีร์อปทาน” นั้นก็ชัดเจนอย่างมิต้องสงสัยเลยว่า เป็นของใหม่ มิใช่เป็นมุขปาฐะที่สืบต่อมาจากปฐมสังคายนา เพราะ อปทาน เป็นคัมภีร์ที่แต่งด้วย “คำฉันท์” ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยว่า พระอรหันตเถระ เมื่อสมัยปฐมสังคายนา จะล่วงละเมิดพระบัญญัติของพระพุทธองค์
ดังนั้น การยกข้อความจาก คัมภีร์อปทาน มาคัดค้านข้อความซึ่งเป็นพุทธพจน์แท้ๆจากพระสูตร จึงย่อมเป็นการกระทำที่โง่เขลาเบาปัญญาโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ ดูเหมือนว่า บรรดาชาวพุทธขี้เท่อเหล่านั้น จะยังไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่า ตนเองกำลังทำความผิดอย่างมหันต์ โดยที่ยังหลงนึกฝันไปว่า ตนกำลังปกป้องพระธรรมวินัย(อะไรๆ) ตามความเชื่อของเขาอยู่อย่างสุดกำลัง และสมควรแก่การสรรเสริญ (!)

แหล่งที่มา
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=janson&date=24-05-2011&group=8&gblog=1

ลองไปดูว่าจริงหรือไม่

ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกฎหมาย มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมเกียรติ ตันติกนกพร พงส.(สบ3) กก.1 บก.ป. เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กรณีได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีพระสงฆ์ประพฤติตนไม่เหมาะสมด้วยการแสดงท่านอนคว่ำ หน้าแล้วแข็งตัว หรือที่เรียกว่าการทำแพลงกิ้ง โดยลอยตัวอยู่ที่ขอบบันไดกุฏิวัด ได้มีการนำภาพออกเผยแพร่ตามเว็บไซต์ต่างๆ ทางอินเตอร์เน็ต จึงตรวจสอบข้อมูล กระทั่งพบว่าบุคคลในภาพเป็นพระจริง มีฉายาในกลุ่มผู้ที่เล่นอินเตอร์เน็ตว่า “ชินสี ห่วงรัก” โดยพบว่าเป็นพระลูกวัดกลางเกร็ด หมู่ 1 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งกระทำการไปด้วยความคึกคะนอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา


   นายสงกานต์ กล่าวว่า เมื่อตนรวบรวมพยานหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้วจึงเดินทางไปยังวัดกลางเกร็ด โดยเข้าพบพระครูวินัยธรสมนึก สิทธิมโน เจ้าอาวาส เพื่อสอบถามและขอพบพระสงฆ์รูปดังกล่าว แต่ทางเจ้าอาวาส ระบุว่า หลังจากทราบเรื่องและตรวจสอบแล้วได้ให้พระรูปนี้ออกจากวัดไปเรียบร้อยแล้ว จากนั้นตนจึงตรวจสอบและเก็บภาพบริเวณจุดที่พระสงฆ์แสดงท่าทางและถ่ายภาพนำมา เปรียบเทียบเป็นภาพเชิงซ้อนก็พบว่าพระรูปนี้สูงประมาณ 170 ซม. ตรงกับภาพที่ได้มาก่อนหน้านี้ จึงยืนยันหลักฐานที่มีอยู่ได้อย่างชัดเจน


   นายสงกานต์ กล่าวต่อว่า เหตุที่ต้องลงประจำวันไว้ก็เพราะตนไม่อยากให้พระรูปอื่นๆ คิดจะเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และไม่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างเนื่องจากประชาชนทั่วไปที่ไม่ทราบเรื่องการ ทำแพลงกิ้ง หากได้เห็นภาพนี้อาจเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าพระรูปนี้สามารถลอยตัวได้ เป็นการอวดอุตริคุณวิเศษที่ไม่มีในตน ซึ่งต้องขาดจากความเป็นพระภิกษุ อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ตนได้เดินทางไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อร้องเรียนให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้วด้วย

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=516315

อ่านแล้ว ไม่อยากวิจารณ์เลย

ตอนนี้เป็นผลกรรมที่ต้องรับ ครับเพราะ เธอคัดค้านความรูสึก ของทุกคนก็ต้องรับความรู้สึกของทุกคน

แนะนำก็หาเพื่อนกลุ่มใหม่ ที่ไม่รู้จักเรา ไม่รู้จักเรื่องที่เราำทำ ก็พอนะครับ

 

อาจจะเป็นผลที่วิบากทันที เพราะเราเป็นผู้ภาวนาครับ
เท่าที่ผมทราบมา พวกที่อธิษฐานเป็นสาวกภูมิ และ มีความปรารถนาในนิพพาน ส่วนใหญ่จะได้รับวิบากทางอกุศล
ทันทีครับ

  เมื่อทำลงไปแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปนี้ก็คือการภาวนาลดวิบากกรรมครับ
  คราวหน้าอย่าใช้พวกกับดักแบบขบเลยครับ ใช้พวกกรง หรือ กาวดีกว่าครับ

 

อาโลกแปลว่า แสงสว่าง  การพิจารณาแสงสว่างเป็นอารมณ์์ มีวิธีการดังนี้ คือ

ให้เรานึกเอารูปแสงสว่างกลมจ้า สุกใส   เป็นการบริกรรม นิมิต แล้วมาบริกรรมภาวนา ว่าอาโลกกสิณัง(อา-โล-กะ-กะ-สิ-ณัง)   จนภาพที่เห็นแสงสว่าง อาการของไฟ นั้นติดตา บริกรรมได้ขึ้นใจ จะเดินก็เห็น นั่งก็เห็น นอนก็เห็นไฟ ใจก็บริกรรมว่า  อาโลกกสิณัง อยู่ตลอดเวลา ใจก็เข้าถึงอารมณ์ฌาณ เมื่อสำเร็จ

เป็น   อาโลกกสิณ  แล้ว  เราสามารถ ที่จะขยับไป กสิณกองอื่นทั้ง  ๑๐  กองได้ 

องค์ คุณ ของกสิณกองนี้ ก็มีคือ จิตใจ ของผู้นั้นจะเบิกบานแจ่มใส ทิพยจักขุญาณเกิดขึ้นได้ง่าย

เมื่อทำำอาการของ สมถกรรมฐานในกองอื่น ที่ร่วม รวมกันเป็นองค์ประกอบของวัตถุ หรือ สิ่งมีชีวิต ก็ทำให้เกิดเป็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิตนั้นได้(กสิณ ทั้ง ๑๐ )

http://jandatorn.net76.net/arlokakasin.html

แบงค์ 50 ปลอมระบาด! หลอกซื้อของตามร้านค้า
พบธนบัตรปลอมใบละ 50 บาท ระบาดในพื้นที่ จ.สงขลา โดยคนร้ายนำมาใช้หลอกซื้อสินค้าตามร้านขายของชำ ซึ่งทำได้แนบเนียนเหมือนของจริง จนพ่อค้าแม่ค้าจับไม่ได้
(9 พ.ค.) ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา และเจ้าของร้านขายของชำในพื้นที่ ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา ช่วยกันตรวจสอบธนบัตรปลอมใบละ 50 บาท หลังจากที่มีลูกค้านำมาซื้อสินค้า แต่มาตรวจเจอพิรุธในภายหลังว่าเป็นธนบัตรปลอม โดยธนบัตร 50 บาทปลอมดังกล่าว ทำได้แนบเนียนเหมือนกับของจริงมาก แต่ยังมีจุดต่างบริเวณด้านขวาของธนบัตร จะไม่มีลายน้ำพระบรมฉายาลักษณ์ นอกจากนี้ เนื้อกระดาษยังบางและสีซีดกว่าของจริง แต่หากไม่สังเกตอย่างละเอียดจะจับไม่ทัน ทำให้พ่อค้าแม่ค้าหลายรายถูกหลอกซื้อสินค้าไป ก่อนจะพากันมาแจ้งให้ตำรวจทราบ เพื่อจะได้แจ้งเตือนประชาชนและตามจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดี. - สำนักข่าวไทย

น่าสนใจมาก คะ เพราะว่าเป็นประวัติศาสตร์ ของอังกฤษ

กำลังดูเปรียบเทียบกับพระราชพิธีของไทย ว่าใคร ยิ่งใหญ่กว่า กัน

 

มีประโยชน์ มาก ๆ ครับ เป็นพุทธภาษิต ที่เป็นอมตะ จริง ๆ

 

คุณยาย ห่วงแหวนวงเดียว สุดท้ายแหวนวงสุดท้ายก็เอาไปไม่ได้ ปกติแล้วแหวนถ้าเผาพร้อมศพก็หายหมด

ไม่ก็ถูกสัปเหร่อถอดไปขาย

  โอชีวิต ไม่มีอะไรไปด้วยเมื่อต้องตาย

  เมื่อความตายมาถึง ก็หมายถึง พันธะสัญญา นานานัปการ สิ้นสุดลง

  ใครสามารถ นอนตายได้อย่างสงบ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก

   

ได้รับฟัง ... ในรายการ RDN แล้ว รู้สึกว่า มีขั้นตอนใน กล่าวในใจมากจังครับ และ ทำไมต้องกล่าว 3 ครั้งด้วยครับ และออกจากกรรมฐาน ไม่ต้องแผ่เมตตาได้หรือไม่ครับ ?
 

โดยทั่วไป พ่อแม่ ถ้ามีคุณธรรม ก็ถือว่าเป็น บุญของลูก

แต่ถ้าเจอพ่อแม่ ไร้คุณธรรม ก็ถือว่าเป็น กรรมของลูก

ชีวิตยิ่งกว่าหนัง...ครับ เพราะหนังดูแล้ว ก็จบ แต่ชีวิตจริง นั้น ไม่จบ จนกว่าจะตายจากกันครับ

กตัญญู สำหรับ คนจีน ถือเป็นเรื่องสำคัญ

สามัคคี ของ ตระกูล เป็นเรื่องที่สองครับ

กรรมเวร พูดกันยากส์ ..... ครับ

สร้าง กุศลไว้เถอะครับ ค่อย ๆ นำพระธรรมเปลี่ยนท่าน กัน...

 

ปกติ ผมก็ไม่ค่อยจะอ่านบทความในหน้าแรก วันนี้เห็นมีคำว่า new

ก็เลยเข้าไปอ่านดูครับ



ในหน้านี้มีบทความที่มีสาระ อยู่หลายเรื่องครับ จึงฝากท่านสมาชิก โดยเฉพาะชาวแก็งค์ ที่อาจจะไม่ทราบครับ

ไปตามอ่านกันที่หน้านี้นะครับ

http://www.madchima.org/madchima/index2.php?name=knowledge&file=readknowledge&id=183


สาระความรู้ทั้งหมด

http://www.madchima.org/madchima/index2.php?name=knowledge

อย่าว่าแต่เพื่อน ๆ เลยครับผมเองได้ไปวัดบวรนิเวศน์ ทำบุญในวันเสาร์ คุยถามพระเรื่องกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับไม่มีพระรูปไหน รู้จักเลยครับกะว่า จะอาศัยคุยกับพระคุณเจ้าที่วัดใกล้ ๆ ก็ไม่มีอีกครับ เท่าที่ดูคนในยุคนี้จะ
ใช้การภาวนาในแนว มหาสติปัฏฐาน เป็นส่วนใหญ่ คือไม่เน้นสมาธินะครับ เพราะผมไปที่วัดก็จะสอนให้เจริญสติ

ด้วยการย่างหนอ นั่งหนอ และ การเจริญอานาปานสติ ในการดูลมหายใจ เป็นส่วนใหญ่ ครับ

 

เพื่อนโทรมาที่ จว. เีชียงราย ยังมี อาฟเตอร์ช๊อกอยู่