ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ตามอ่านบทความ พระอาจารย์ ไม่เห็นมีเรื่องใหม่เข้ามาเลยคะ  (อ่าน 8457 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ตามอ่านบทความ พระอาจารย์ ไม่เห็นมีเรื่องใหม่เข้ามาเลยคะ

 เห็นนานวันแล้วพระอาจารย์ ยังไม่ได้โพสต์

 :58: :58:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ตามอ่านบทความ พระอาจารย์ ไม่เห็นมีเรื่องใหม่เข้ามาเลยคะ

 เห็นนานวันแล้วพระอาจารย์ ยังไม่ได้โพสต์

 :58: :58:

ตามอ่านศึกษา ด้วยอีกคน คะ

 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

KIDSADA

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 439
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
เราชอบ ป่วนแก็งค์ อ๊บ อ๊บ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
อาจจะนานหน่อย นะ ช่วงนี้ เพื่อหลีกเลี่ยง วิบากกรรม ที่จะเกิดกับหลายท่าน หลายคน
เพราะช่วงนี้ อาตมา ได้รับข้อความ ทั้ง face ทั้งจดหมาย และโพสต์ บาย ชั่วโมง

 เป็นข้อความโจมตี เป็นส่วนใหญ่ พอจะจำแนกหัวข้อ ได้ดังนี้

   1. อวดเก่ง ?
   2. เป็นพระเล่นอินเตอร์ เน็ต ทำไม ?
   3. ทำเป็นเจ้าบท เจ้ากลอน หาสาระมิได้
   4. พูด เขียน โพสต์ ซ้ำซาก อยู่กับเรื่องเดิม
   5. อยากดัง หรือไง
   6. เป็น บ้า สติแตก ก็ไปอยู่ รพ. ซะ
   7. หากินบนผ้าเหลือง
   8. โล้นซ่า ไม่เลือก ที่ เจอกู จะตบให้ เป็นพระมี เฟค
   9. พวกหลอกลวง ปลิ้นปล้อน
  10. พวกไม่มีวัดจะอยู่

  และอีก หลาย ๆ ข้อความที่ส่ง ซ้ำซาก มาที่อาตมา ทั้งเฟค และ โพสต์ และ อีเมล์ ทีมงาน ซึ่งเราก็พยายามลบ แต่ยิ่งลบ คนก็ยิ่งส่ง ยิ่งนี่ง ก็ยิ่งใส่ ประมาณนี้

  ดังนั้นช่วงนี้ จึงพัก การโพสต์ ไว้บ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงกรรม ให้กับคนกลุ่มนี้

  เจริญธรรม / เจริญพร


   ;)
   
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

kira-d-note

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 119
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
จริง ๆ เลยน้า คนสมัย นี้ เห็นพระขึ้นรถ ก็พูดว่า ทำไมไม่เดิน มาเบียดเบียนกับชาวบ้านทำไม งานการก็ไม่ทำ เดินไป ก็ไม่เป็นไร

 ดังนั้นพวก คนที่ดูถูก พระ ที่มาใช้งาน คอมพิวเตอร์ เครื่องขยายเสียง โทรศัพท์ ประมาณนี้ผมเห็นเยอะมาก ด่ากันเป็นชุดในเฟค ในพันทิป ก็มีด่าประจำประมาณว่า เป็นพระอย่าสะเออะมาใช้ งาน อินเตอร์เน็ต เอาเวลาไปปฏิบัติ ประมาณนี้ เยอะมาก จริง

 คนจัญไร พวกนี้ ขอเวรกรรมตามทัน ไว ๆ นะครับ

  :49: st12
บันทึกการเข้า
แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
จริง ๆ เลยน้า คนสมัย นี้ เห็นพระขึ้นรถ ก็พูดว่า ทำไมไม่เดิน มาเบียดเบียนกับชาวบ้านทำไม งานการก็ไม่ทำ เดินไป ก็ไม่เป็นไร

 ดังนั้นพวก คนที่ดูถูก พระ ที่มาใช้งาน คอมพิวเตอร์ เครื่องขยายเสียง โทรศัพท์ ประมาณนี้ผมเห็นเยอะมาก ด่ากันเป็นชุดในเฟค ในพันทิป ก็มีด่าประจำประมาณว่า เป็นพระอย่าสะเออะมาใช้ งาน อินเตอร์เน็ต เอาเวลาไปปฏิบัติ ประมาณนี้ เยอะมาก จริง

 :a102:           :67:           :38:
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

prachabeodee

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 135
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนิจจังไม่เที่ยง..ธรรมดาโลกเป็นอย่างนี้......มีทั้งชมและติ,ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์...
อยู่ที่ผู้เลือกรับผลอันนั้น....จะรับหรือไม่รับก็อย่าให้ตนเองเป็ทุกข์หรือปริวิตกหรือขุ่นมัวเพราะสิ่งเหล่านี้.....และทำต่อไปให่เต็มกำลังความสามารถ
ผลก็จะบังเกิดเอง...สาธุ เป็นกำลังใจให้ด้วยคนเด๊อ...พระคุณเจ้า... :25:. :) :34: :bedtime2:
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พรหมชาลสูตร
สรุปโดยย่อ

ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาค เสด็จดำเนินทางไกลระหว่างกรุงราชคฤห์กับเมืองนาฬันทา พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป แม้สุปปิยปริพาชกก็ได้เดินทางไกลระหว่างกรุง ราชคฤห์กับเมืองนาฬันทา พร้อมด้วยพรหมทัตตมาณพผู้อันเตวาสิก. ได้ยินว่าในระหว่างทางนั้น. สุปปิยปริพาชก กล่าวติพระพุทธเจ้า ติพระธรรม ติพระสงฆ์ โดยอเนกปริยาย ส่วน พรหมทัตตมาณพอันเตวาสิกของสุปปิยปริพาชก กล่าวชมพระพุทธเจ้า ชมพระธรรม ชม พระสงฆ์ โดยอเนกปริยาย อาจารย์และอันเตวาสิกทั้งสองนั้น มีถ้อยคำเป็นข้าศึกแก่กันโดยตรง ฉะนี้ เดินตามพระผู้มีพระภาคและภิกษุสงฆ์ไปข้างหลังๆ ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จ เข้าไปประทับแรมราตรีหนึ่ง ณ พระตำหนักหลวง ในพระราชอุทยาน อัมพลัฏฐิกาพร้อมด้วย ภิกษุสงฆ์ แม้สุปปิยปริพาชก ก็ได้เข้าพักแรมราตรีหนึ่ง ใกล้พระตำหนักหลวงในพระราชอุทยาน อัมพลัฏฐิกา กับพรหมทัตตมาณพผู้อันเตวาสิก ได้ยินว่าแม้ ณ ที่นั้น สุปปิยปริพาชก ก็กล่าว ติพระพุทธเจ้า ติพระธรรม ติพระสงฆ์โดยอเนกปริยาย ส่วนพรหมทัตตมาณพ อันเตวาสิก ของสุปปิยปริพาชก กล่าวชมพระพุทธเจ้า ชมพระธรรม ชมพระสงฆ์ โดยอเนกปริยาย อาจารย์และอันเตวาสิกทั้งสองคนนั้น มีถ้อยคำเป็นข้าศึกแก่กันโดยตรงฉะนี้ (เดินตาม พระผู้มีพระภาคและภิกษุสงฆ์ไปข้างหลังๆ(คำในวงเล็บนี้บาลีเดิมน่าจะเป็นคำติดปาก)) ครั้งนั้น ภิกษุหลายรูปลุกขึ้นในเวลาใกล้รุ่ง นั่ง ประชุมกันอยู่ ณ ศาลานั่งเล่น เกิดสนทนากันว่า ท่านทั้งหลาย เท่าที่พระผู้มีพระภาคผู้รู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงทราบความที่หมู่สัตว์มีอัธยาศัยต่างๆ กันได้ เป็นอย่างดีนี้ น่าอัศจรรย์นัก ไม่เคยมีมา ความจริงสุปปิยปริพาชกผู้นี้ กล่าวติพระพุทธเจ้า ติพระธรรม ติพระสงฆ์ โดยอเนกปริยาย ส่วนพรหมทัตตนาณพอันเตวาสิกของสุปปิยปริพาชก กล่าวชมพระพุทธเจ้า ชมพระธรรม ชมพระสงฆ์ โดยอเนกปริยาย อาจารย์และอันเตวาสิก ทั้งสองนี้ มีถ้อยคำเป็นข้าศึกแก่กันโดยตรงฉะนี้ เดินตามพระผู้มีพระภาคและภิกษุสงฆ์ไป ข้างหลังๆ

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงทราบคำสนทนาของภิกษุเหล่านั้นแล้วเสด็จไปยัง ศาลานั่งเล่น ประทับ ณ อาสนะที่เขาจัดถวาย แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เธอทั้งหลายนั่งประชุมสนทนาอะไรกัน และเรื่องอะไรที่พวกเธอพูดค้างไว้ เมื่อตรัสอย่างนี้ แล้ว ภิกษุเหล่านั้นได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า พระพุทธเจ้าข้า ณ ที่นี้ เมื่อพวกข้า พระพุทธเจ้าลุกขึ้น ณ เวลาใกล้รุ่ง นั่งประชุมกันอยู่ที่ศาลานั่งเล่น เกิดสนทนากันขึ้นว่า ท่าน ทั้งหลาย เท่าที่พระผู้มีพระภาคผู้รู้เห็นเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงทราบ ความที่หมู่สัตว์มีอัธยาศัยต่างๆ กันได้เป็นอย่างดีนี้ น่าอัศจรรย์นัก ไม่เคยมีมา ความจริง สุปปิยปริพาชกนี้ กล่าวติพระพุทธเจ้า ติพระธรรม ติพระสงฆ์ โดยอเนกปริยาย ส่วน พรหมทัตตมาณพอันเตวาสิกของสุปปิยปริพาชก กล่าวชมพระพุทธเจ้า ชมพระธรรม ชมพระสงฆ์ โดยอเนกปริยาย อาจารย์และอันเตวาสิกทั้งสองนี้ มีถ้อยคำเป็นข้าศึกแก่กันโดยตรง ฉะนี้ เดินตามพระผู้มีพระภาคและภิกษุสงฆ์ไปข้างหลังๆ พระพุทธเจ้าข้า เรื่องนี้แลที่พวกข้าพระพุทธเจ้า พูดค้างไว้ พอดีพระองค์เสด็จมาถึง.

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพวกอื่นจะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์ ก็ตาม เธอทั้งหลายไม่ควรอาฆาต ไม่ควรโทมนัสน้อยใจ ไม่ควรแค้นใจในคนเหล่านั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพวกอื่นจะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์ ถ้าเธอทั้งหลายจักขุ่นเคือง หรือจักโทมนัสน้อยใจในคนเหล่านั้น อันตรายจะพึงมีแก่เธอทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นเป็นแน่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพวกอื่นจะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์ ถ้าเธอทั้งหลายจักขุ่นเคือง หรือจักโทมนัสน้อยใจในคนเหล่านั้น เธอทั้งหลายจะพึงรู้คำที่เขาพูดถูก หรือคำที่เขาพูดผิดได้ ละหรือ?

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้อนั้นเป็นไปไม่ได้ทีเดียว พระพุทธเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพวกอื่นจะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์ ในคำที่เขากล่าวตินั้น คำที่ไม่จริง เธอทั้งหลายควรแก้ให้เห็นโดยความไม่เป็นจริงว่า นั่นไม่จริง แม้เพราะเหตุนี้ นั่นไม่แท้ แม้เพราะเหตุนี้ แม้นั่นก็ไม่มีในเราทั้งหลาย และคำนั้น จะหาไม่ได้ในเราทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพวกอื่นจะพึงกล่าวชมเรา ชมพระธรรม ชมพระสงฆ์ เธอทั้งหลายไม่ควรเบิกบานใจ ไม่ควรดีใจ ไม่ควรกระเหิมใจในคำชมนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพวกอื่นจะพึงกล่าวชมเรา ชมพระธรรม ชมพระสงฆ์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าเธอทั้งหลายจักเบิกบานใจ จักดีใจ จักกระเหิมใจในคำชมนั้น อันตรายจะพึงมีแก่เธอทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นเป็นแน่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพวกอื่นจะพึงกล่าวชมเรา ชมพระธรรม หรือ ชมพระสงฆ์ ในคำชมนั้น คำที่จริง เธอทั้งหลายควรปฏิญาณให้เห็นโดยความเป็นจริงว่า นั่นจริง แม้เพราะเหตุนี้ นั่นแท้ แม้เพราะเหตุนี้ แม้คำนั้นก็มีในเราทั้งหลาย และคำนั้นจะหาได้ใน เราทั้งหลาย.

เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมา พระเจ้าข้า ธรรมบรรยายนี้ชื่ออะไร พระเจ้าข้า. พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เพราะฉะนั้นแหละ อานนท์ เธอจงจำธรรมบรรยายนี้ว่า อรรถชาละก็ได้ ว่าธรรมชาละก็ได้ ว่าพรหมชาละก็ได้ ว่าทิฏฐิชาละก็ได้ ว่าพิชัยสงครามอันยอดเยี่ยมก็ได้.

ครั้นพระผู้มีพระภาค ตรัสพระสูตรนี้จบแล้ว ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น มีใจชื่นชม เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาค ก็และเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้อยู่ หมื่น โลกธาตุได้หวั่นไหวแล้วแล.

ขอขอบคุณที่มาจาก http://www.polyboon.com/dhumma/09_001.php
พระสูตรเต็มดูได้ที่นี่ http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=09&A=0

------------------------------------------------------------------


"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! จิตใจที่ไม่หวั่นไหวด้วยโลกธรรมคือ นินทาสรรเสริญนั้น เป็นจิตใจที่ประเสริฐยิ่ง ภิกษุทั้งหลาย ! ในหมู่มนุษย์นี้ผู้ใด ฝึกตนให้เป็นคนอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้อื่นได้ จัดว่าเป็นผู้ประเสริฐสุด ม้าอัสไนย ม้าสินทบ พญาช้าง ตระกูลมหาราชที่ได้รับการฝึกดีแล้ว จัดเป็นสัตว์ที่ประเสริฐ แต่บุคคลที่ฝึกตนดีแล้วยังประเสริฐยิ่งกว่าสัตว์เหล่านั้น"
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ผู้อดทนต่อคำกล่าวล่วงเกินของผู้สูงกว่า ก็เพราะความกลัว อดทนต่อคำล่วงเกินของผู้เสมอกันเพราะเห็นว่าพอสู้กันได้ แต่ผู้ใดอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้ซึ่งด้อยกว่าตนได้ เราเรียกความอดทนนั้นว่าสูงสุด ผู้มีความอดทนมีเมตตา ย่อมเป็นผู้มีลาภ มียศอยู่เป็นสุข เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เปิดประตูแห่งความสุขความสงบได้โดยง่าย สามารถปิดมูลเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทเสียได้ คุณธรรมทั้งมวล มีศีลและสมาธิเป็นต้น ย่อมเจริญงอกงามแก่ผู้มีความอดทนทั้งสิ้น ภิกษุทั้งหลาย ! เมตตากรุณาเป็นพรอันประเสริฐในตัวมนุษย์"

ที่มาจากพุทธโอวาท 3 เดือนก่อนปรินิพพาน


บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
มีคนใช้บทธรรม พรหมชาลสูตร ทุกครั้ง ที่มีการปรามาสพระอาจารย์ และ ก็จะสรุปลงไปว่า พระอาจารย์ควรจะต้องอ่านให้มากและหนักแน่น ทุกกระทู้ก็จะเป็นอย่างนั้น แต่ต้นตอเหตุแห่งการปรามาสเรามักจะไม่มองกันเพราะอะไร อย่างที่ทราบมาว่า พระอาจารย์ ทำไมไม่อยู่วัดก็เพราะมีผู้โจมตีท่านในเรื่องการสอน กรรมฐาน สุดท้ายท่านก็เลือกไม่อยู่วัด แต่สุดท้ายทางแก้ บทนี้ หลายคนก็คอยตำหนิพระอาจารย์ไม่มีความอดทน ที่จะอยู่วัด แต่ความเป็นจริงปัญหาที่ทราบมาคือ เราเหมือนทอดทิ้งครูอาจารย์ กันปล่อยให้ท่านต้องอดทนอยู่อย่างนั้น โดยเราเป็นแต่เพียงผู้ไปขอ อย่างเดียว ที่ทราบก็เป็นอย่างนี้

  ส่วนตัวอยากให้พระอาจารย์ กลับวัด เพราะพวกเรากลุ่มนี้ยังไม่เคยขึ้นกรรมฐาน กับท่านเลย

  ก็คงจะเหมือนทุกครั้งที่เริ่มต้น และจบลงด้วยการไม่ได้ช่วยอะไรเช่นเดิม

  นิ่ง คือ ไม่รู้ ไม่ทำ
  นิ่ง คือ ทำ หรือ รู้
  นิ่ง คือ ......

   :38: :a102:
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ที่ผมยกพรหมชาลสูตรมานี้ ท่านอากิระก็จะตีควา หมายตามควาทเข้าใจของท่ารว่าผมแนะให้พระอาจารย์อ่านให้มากบ้าง แนะว่าให้หนักแน่นบ้าง นี่คือควาทคิดของท่านอากิระซึ่งผมเองก็ห้ามท่านไม่ให้คิดอย่างนั้นไม่ เพราะท่านไม่ใช่ผม ไม่ใช่ของผมที่ผมจะไปบังคับให้คิดตรงกับผมได้ ฉันใด
เราก็ไปห้ามให้คนอื่นนั้นคิดเหมือนเราไม่ได้ฉันนั้น ก็เพราะเขาไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา จะไปบังคับให้คิดตรงกันคงไม่ได้

พรหมชาลสูตรที่ยกมานี้ผมจะเจตนาสื่อว่า แม้พระตถาคตเองเป็นถึงพระบรมศาสดา เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นผู้ประเสริฐสุดไม่มีใครยิ่งกว่า ก็ยังถูกว่ากล่าว ใส่ร้าย ต่างๆนาๆ จนถึงถูกหมายจะปลงพระชนน์ เราผู้ธรรมดาก็ย่อมต้องมีถูกนินทาสรรเสริญ ให้ร้ายเป็นธรรมดา โลกนี้มันล่วงพ้นสิ่งนี้ไปไม่ได้ เราต้องประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักที่ไม่พอใจอยู่เป็นธรรมดาประจำทุกวัน ยิ่งพระสงฆ์หรือบุคคลใดหมายจะเผยแพร่ธรรมยิ่งโดนหนัก ผมเองก็เห็นครุบาอาจารย์หลายท่านโดน หลวงปู่มั่นบ้าง หลวงตามหาบัวบ้าง หลวงพ่อฤๅษีบ้าง ท่านพุทธทาสบ้าง หลวงพ่อปราโมทย์บ้าง หลวงปู่เจี๊ยะบ้าง ฯลฯ ซึ่งที่ผมกล่าวชื่อมาก็พระอรหันต์ทั้งนั้น ไม่รู้คนที่กล่าวหาท่านป่านนี้อยู่นรกขุมไหน แม้ผมเองผู้ไม่รู้ธรรม ไม่ได้ปฏิบัติ ไม่มีปัญญา ไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ เป็นคนธรรมดาอยากจะเผยแพร่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เอาพระสูตรมาโพสท์บ้างยังถูกด่าเลยทั้งๆที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าจากพระไตรปิฎกแท้ๆ ดูสิครับ ประเทศไทย่าทุกคนที่มีจิตจะเผยแพร่ธรรม แต่สรรเสริญเณรคำ พระยันตระ อย่างนี้
ทำให้เห็นว่า เรานั้นต้องเจออุปสรรคอย่างใหญ่หลวงหากเจตนาจะทำดีก็อย่าละทื้งในกุศลอันนั้น พระพุทธเจ้าก็เคยตรัสไว้ในสมัยก่อนเสวยชาติเป็นพระพุทธเจ้าว่า จะตั้งมั่นมนกุศล และ ทาน แม้หัวจะทิ่มลงเท้า เท้าชี้ขึ้นฟ้า แม้จะตกนรกขุมไหนก็จะไม่ทิ้งความดี กุศล ทาน ดังนี้ ดูได้ในชชาดกหรือพระสูตร ที่ท่านเศรษฐีผู้บรรลุโสดาบันที่ท่านทำถวายจนหมดตัวแล้วพระภูมิเจ้าที่มายุ่และบอกให้ท่านหยุดทำ ท่านก็ไล่เจ้าที่จนไม่สามารถสถิตที่บ้านท่านได้
แล้วเราล่ะศรัทธาดั่งท่าเศรษฐีไหม หากทำดีไม่ต้องกลัวใคร ผมเองเผยแพร่ธรรมถูกผู้มีธรรมสูงหลายท่านด่ากล่าวผมดูถูกผมเป็นประจำ ผมก็ท้อจนเลิกไปหลายทีแต่ก็เลิกไม่ได้เพราะสาบานไว้ ปละ ด้วยเจตนาอธิษฐานจิตของผมเอง ธรรมผมไม่มีค่ากับคนมีธรรมสูง แต่ธรรมของผมช่วยให้คนที่เขาเป็นืุกข์อยู่เห็นทางพ้นทุกข์และนับถือศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผมดีใจมากแล้วที่ทำหน้าที่นี้ได้บ้าง ปม้อุปสรรคจะเยอะก็ไม่สู้ศรัทธาที่ผมมีต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์ ผมคิดอย่างนี้จึงเผยแพร่ต่อไปตามสติกำลังและปัญญาที่ผมพอจะมีซึ่งน้อยเพียงเศษผงหากเทียบกับผู้รู้ธรรมที่นี่หรือที่อื่น แม้เขาจะด่กล่าวผม ถึงผมจะขุ่นเคืองใจแต่ก็น้อมรับไว้แล้วมาทบทวนตนเองว่านี่เรารึ เราเป็นรึ นี่ไม่ใช่ที่มีในเรา นี่มีในเรา แล้วก็ละควาทคับแค้นนั้นไป เมื่อมีใครจะมาถามผมก็ตอบได้แค่แบบโง่ๆของคนที่พอจะชี้แจงได้ ผมไปเวบที่มีคนทุกข์เสียใจทุกเวบแล้วเผยแพร่ธรรมให้เขามาศรัทธาและปฏิบัติในพระพุทธศาสนาดูแล้วแม้ผมจะไม่ทีธรรมเหมือนคนที่ตืเตียนผมทั้งหลาย แต่ศรัทธาและใจที่ตรงต่อพระพุทธศาสนาผมไม่ได้น้อยกว่าเขาหรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
แม้พระพุทธเจ้ายังโดนตำหนิ ผมผู้ต่ำกว่าพระอาจารย์ก็โดนตำหนิด่าทอ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะต้องเจอแล้วผ่านไปให้ได้ แล้วคิดทบทวนถึงสิ่งผิดถูกในเราเสมอๆเพื่อควาทถูกต้องดีงาม คำนินทาสรรเสริญมันเป็นเรื่องปกติของสันดานปุถุชน เราผู้มีสันดานแห่งพระอริยะ จักไม่หวั่นไหวไปตามคำนินทาสรรเสริญจนเสพย์อกุศลธรรมตามที่คนที่ต้องการกลั่นแกล้งเราต้องการ เหมือนพญามารและธิดามารทำร้ายพระพุทธเจ้าไม่ได้ฉันนั้น
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
st11 st12 st12 st12

  ยินดีที่ท่านทั้งหลาย กล่าวธรรม แสดงธรรม อย่างน้อยเป็น ธรรมานุสสติ ดีกว่า มาด่าด้วยคำหยาบคาย อีกสารพัดที่ส่งกันมาให้อ่าน ซึ่งอ่านแล้ว ก็ต้องไปตามลมสำหรับคำหยาบคายเหล่านั้น

   สำหรับท่านที่กล้าแสดงความคิดเห็น ก็ขอชื่นชม เพราะว่า ต้องเรียกว่าท่านผู้กล้า เพราะว่าที่เว็บแห่งนี้ ผู้กล้าหาน้อยมาก ส่วนมากจะเป็นแต่ผู้อ่าน และสิ่งที่อาตมา ต้องการสำหรับเว็บนี้ ก็คือ ผู้กล้า กับ ผู้บำรุง และ ผู้ศึกษา มันจะได้ประโยชน์ จากการที่อาตมา และ ศิษย์ที่ใกล้ชิด มาร่วมปิดทองหลังพระกัน

   สำหรับการแสดงธรรม นั้น จะกล่าวว่าถูกหรือ ผิดไปเลยก็ไม่ได้ เพราะผู้แสดงธรรม ย่อมแสดงในผลของการปฏิบัติของตน จะให้ปุถุชน แสดงธรรมละเอียดลึกซึ้ง อย่างพระอรหันต์ไม่ได้ แต่บางครั้ง พระอรหันต์ ท่านก็ปรุงแต่งคำเพื่อให้ปุถุชนมาเข้าใจ ก็ไม่ได้เหมือนกัน

    ดังนั้นระดับผู้ปฏิบัติธรรม แสดงธรรม จึงแตกต่างกันไป ที่โดนใจ ก็เพราะว่า เราปฏิบัติถึงตรงนั้น

   ดังนั้นขอให้ท่านทั้งหลาย เคารพในพระธรรม เหมือนที่พระพุทธเจ้า เคารพ และ เจริญเป็น ธรรมานุสสติ ถึงแม้จะยังไม่ปฏิบัติใด ธรรมปริยัตินุสสติ ก็ยังดี กว่า เรื่อง เพ้อเจ้อ

   สำหรับอาตมา ก็เป็นพระธรรมดา กิน ถ่าย นอน เดิน ยืน นั่ง แก่ เจ็บ และ ตาย ก็ไม่แตกต่างจากท่านเท่าไหร่ดอก
   
   มีลูกศิษย์มาถามว่า อาจารย์เวลาไปที่ไหน ๆ แสดงธรรมบ่อยไหม ?
   
   อาตมาตอบว่า ไม่เคยแสดงธรรม ถ้าไม่มีการยกถาดมาเป็นทางการ และไม่คิดจะแสดงด้วย มีคนมากมายเจอพบอาจารย์ ไม่ใช่ไม่มีใครไม่เจอ ไม่พบ แต่เขาเหล่านั้นก็ไม่ได้สนใจที่จะสนทนา หรือ เรียนกรรมฐาน ด้วย พระเป็นร้อย ๆ รูป นั่งนอนอยู่ด้วยกัน ก็ไม่มีสักรูป คิดจะมาเรียนกรรมฐาน ถึงแม้จะเห็นการปฏิบัติของอาตมา ว่าทรงการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง พระทั้งหลายเหล่านั้น หนึ่งร้อยรูป จะมีกล่าวอนุโมทนาเพียงสองสามรูปเท่านั้น นอกนั้น ก็จะว่าเป็นพระบ้า และเป็นพวกอุตริ ประมาณนี้ ที่กล่าวอย่างนี้ เพื่อให้ท่านทั้งหลาย เห็นมุมมองจริง ๆ ของสังคมที่อาตมาอยู่ ไม่ใช่ว่า แต่ฆราวาส ที่จะมาด่า มาว่า แม้พระด้วยกัน ก็ยังไม่เคารพ ที่นี้ถ้าคิดอย่างชาวโลก เอาอัตราความไม่เคารพ คือ 93 ต่อ 3 นี้ อย่างน้้อาตมาต้องมาพิจารณาตนเองใช่หรือไม่ เพราะ พระชังเรามี 93 พระชอบเราเป็นศิษย์เพียง 3 นีคืออัตราที่ผ่านมา ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ไม่มีที่จะอยู่ เหมือนที่เป็นอยู่ปัจจุบันนั่นแหละ

    ที่นี้กับมาเรื่องคน ชาวบ้าน เดินชน อาจารย์มีเยอะแยะมากมาย เดินแล้วเราต้องหลบไม่เหมือนในอดีต เพราะว่าชาวบ้านในปัจจุบัน ความเคารพพระมีน้อยลง ยิ่งเป็นเด็กนักเรียนรุ่นใหม่ บางทีเดินทางถูกจ้องมองและหัวเราะ ตลกขบขัน กันอย่างเมามันมีมาก เนื่องจากอาตมา เป็นพระที่มีรูปร่างอ้วน ดังนั้นเวลาไปที่ไหน มักจะมีเสียงด่ามาเสมอ มีอยู่คราวหนึ่งไปพักวัดที่มีชื่อเสียง พระรูปหนึ่งไม่เคยรู้จักกันเลย ท่านเดินมาแล้วพูดขึ้นว่า อ้วนอย่างนี้ ถ้าจะแดกจุ คงตะกูม ตะกาม ถึงได้อ้วนน่าเกลียดมาก พูดเสร็จท่านก็เดินหัวเราะจากไป เราก็ยืนมองท่านเฉย ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นอกจากงุนงงเล็กน้อย ที่เดินมาพูดอย่างนี้แล้วก็จากไปอย่างนี้ ท่านทั้งหลายอาจจะมองว่า พระท่านมาแนะนำธรรม ให้อาตมา ทดสอบความอดทน ใช่หรือไม่ ?

    สรุปก็คือ ให้ธรรมเป็นใหญ่ เจริญเป็น ธัมมานุสสติ กันเถิด

 
   เจริญธรรม / เจริญพร



 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
st12 st12 st12

ขอพระอาจารย์โปรดแสดงธรรมกรรมฐานต่อไปเถอะ แม้ใครอื่นที่เขาไม่ใส่ใจก็ช่างเขา แม้ผทเองก็เจอกับผู้ที่เรียนอภิธรรมที่ดูถูกในกรรมฐานไม่เคารพนับถือ ซึ่งเขาไม่รู้รู้ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า ธรรมคู่อันงามคือ สมถะ+วิปัสสนาไม่ใช่สาวนใดส่วนหนึ่ง สมถะเป็นอุบายแห่งกุศลมีสัมมาสมาธิเป็นผล เป็นเครื่องสงบรำงับแห่งนิวรณ์และกิเลสทั้งปวง วิปัสนาเป็รปัญญาเห็นชอบตามจริงโดยลำดับไม่อิงควาทคิดไรๆ ดังนั้นผู้ที่จะมีจิตเป็นกุศลด้วยหนทางการเจริญที่มีมากเป็นล้านๆทางแต่สงเคราะห์ลงได้ใน ๔๐ กรรมฐาน จนมีจิตตั้งมั่นควรแก่งาน ให้รู้เห็นตามจริงด้วยปํญญา ดังนั้น สมถะและวิปัสสนาจะแยกจากกันไม่ได้ พระพุทธเจ้ารู้สมถะก่อนวิปัสนา รู้วิปัสนาตามจริงอันตัดจากความคิดได้ก็ด้วยสมถะ

พระพุทธเจ้าตรัสสอนวาจาที่ประกอบไปด้วยประโยชน์ว่า

วาจาอันใดที่เป็นที่พอใจยินดี หรือ ไม่พอใจยินดีก็ตาม แต่ประกอบไปด้วคุณประโยชน์แก่ผู้สนทนาหรือผู้ฟัง ตถาคตย่อมตรัสวาจานั้น
วาจาอันใดที่เป็นที่พอใจยินดี หรือ ไม่พอใจยินดีก็ตาม แต่ไม่ประกอบไปด้วยคุณประโยชน์แก่ผู้สนทนาหรือผู้ฟัง ตถาคตย่อมไม่ตรัสวาจานั้น

ดังนั้นแล้ว พระอาจารย์เผยแพร่กรรมฐานมาเถิด แม้ไม่มีใครเห็นคุณค่า แต่ผมคนนี้ผู้ถือพระอาจารย์เป็นครูอุปัชฌาย์แม้ไม่ได้ไปขึ้นกรรมฐานที่ขอพระอาจารย์เป็นอุปัชฌาย์ของผมเสมอได้เห็นคุณค่าและน้อมนำมาปฏิบัติเสมอ ไม่มีใครฟังแต่ผมฟังอย่างไม่ละเลย ในสมัยใดก็ตามที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมย่อมเน้นเจาะจงต่อผู้รับที่จะให้ประโยชน์ได้เสมอ ไม่แสดงไปทั่วแบบไม่เจาะจง ผมเป็นผู้เห็นคุณประโยชน์อยู่นี้รอฟังคำสอนของพระอาจารย์อยู่ ขอพระอาจารย์จงแสดงธรรมมาเถิด

ผมนำอานาปานสติ พุทธานุสสติ พรหมวิหาร๔ ที่พระอาจารย์สอนไว้ไปปฏิบัติ ขณะนี้ผมหยุดกินเหล้ามาได้สักระยะหนึ่งแล้ว มีศีลอันงาทมากขึ้น จนรู้สึกว่าศีลนี้ง่ายมากปฏิบัติได่ไม่ขัดใจ มีสันดานแห่งพระอริยะเกิดขึ้นเหมือนดั่งการบรรลุโสดาบันนี้เป็นเรื่องง่ายแก่ผม ใกล้เวลาที่ผมจะเข้าถึงพระโสดาบันแล้ว (แต่ไม่ใช่ว่าผมบรรลุโสดาบันแล้วนะครับผมยังเป็นปุถุชนผู้มีสันดานหยาบอยู่ ที่กล่าวมามันแค่ความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่งของผมไปเท่านั้น)
สิ่งที่พระอาจารย์โพสท์สอนมา เกิดผลแล้วแก่ผมคนหนึ่งดังนี้ครับ กรุณาเผยแพร่ต่อไปเถิดครับ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

prachabeodee

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 135
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
จริงๆแล้ว.....ข้าพเจ้าต้องขออภัยด้วยหรือขออนุญาติกับพระคุณเจ้าด้วยเด๊อ....เหตุก็เพราะว่า....ข้าพเจ้าได้กอ๊ปปี้ เอา คำคม,ภาพสวยๆที่มีธรรมมะติดอยู่ด้วย...เอาไป โพสต์ในเฟสบุคค์ของดิฉัน...หลายๆครั้งแล้ว..เพราะเห็นว่าสวยดี,และก็มีประโยชน์มากๆ.......สาธุ
 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 st11 st12 thk56

 อย่างไร ก็ยังตามอ่าน เนื้อหา สาระ อยู่ไม่ได้ ขาด ทุกวันเลยคะ ถึงแม้บางวันจะมีอุปสรรค ด้วยเว็บ อืดเข้าได้ยากมาก แต่ก็พยายาม เข้ามาศึกษา เนื้อหาพระธรรม โดยเฉพาะห้อง ปุจฉา วิสัชชนา คะ พยายามเข้ามาอ่านประจำคะ เดี๋ยวนี้ลดการอ่านเฟค และแชท และหันมาอ่านเนื้อหาหลักธรรมคะ แต่ด้วยเวลางาน นะคะ ต้องทำงาน จึงมีเวลาศึกษาได้คือก่อนไปทำงาน และ เวลาเที่ยง และ เย็น คะ

   thk56 thk56 thk56
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ยังติดตามเรื่องราว ธรรมะจากพระอาจารย์ อยู่คะ ถึงแม้ว่าจะนานออกบทความ เพราะพระอาจารย์หลีกเลี่ยงผู้คอยปรามาสอยู่

  :49: :welcome: :88: st11 st12 thk56
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

Mario

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 208
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ตอนนี้มีกลอนใหม่ พร้อมเรื่องใหม่ อยู่ในเฟค นะเห็นอยู่เมื่อวาน

 

 "ไม่รู้เช้า ไม่รู้กลางคืน ไม่รู้กลางวัน ไม่มีสัญญาณใด ๆ ที่จะรู้ว่า ตอนนี้กลางวัน หรือกลางคืน เพราะเมื่อยามใดที่มีสติ ฉันก็นั่ง หายใจเป็นพุทโธ ยืนหายใจเป็นพุทโธ เดินหายใจเป็นพุทโธ ฉันเว้นขาดจากการนอนเป็นเวลาเยี่ยงนี้ หนึ่งพรรษา ตาฉันลืมไม่ขึ้น มองเห็นผ้าฟาง เพราะน้ำตาไหลออกตลอด จึงทำให้ต้องหลับตา มากกว่า 20 ชม.ต่อครั้งเพื่อถนอมดวงตานี้ไว้ จึงทำให้ไม่รู้กลางคืน หรือ กลางวัน ฉันนำผ้ามาพันปิดตาทั้งสองไว้ และต้องใช้มือ เดินเกาะเกี่ยวและความรู้สึก เหมือนคนตาบอด ที่มีแต่ความมืดมิด ความดับมืดเช่นนี้มีอยู่หลายครา จนในที่สุดฉันก็เห็นแสงสว่างบังเกิดขึ้น ที่หทัยวัตถุ จากนั้นความสว่างส่วนนี้ก็เป็นเพื่อนฉันมาตลอดในการภาวนา ท่านทั้งหลายที่มีความเพียร และฉันทะสมาธิ เกิดขึ้นจนเห็นแสงสว่างด้วยตาในแล้ว "

ข้อความบางส่วน จาก บันทึกการภาวนาของ ธัมมะวังโส
ตั้งใจทำเป็นหนังสือ ชื่อว่า " 5 ปี ที่หลีกเร้น ภาวนาอย่างทุ่มเท"


 "น้ำตาฉันไหลอาบลงทั้งสองแก้ม ใจที่ฟ่อบแฟ่บ ห่อเหี่ยว ไม่มีความหวัง เมื่อความสว่างไสวที่ปรากฏนั้น ห่อหุ้มกายในภายใน ความรู้สึกสว่างจ้าที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ฉันมองเห็นด้วยตาในรอบตัว เหมือนเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ยืนมองตนเอง ความมืดที่เกิดหลายครานั้น เหมือนไม่ได้เป็นอุปสรรค ความรู้สึกตื้นตันใจ ปีตินี้อยากที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้ ทั้งกายฉันนั้นกระเพื่อมไปด้วยความเย็น มีความเย็นที่เหมือนก้อนน้ำแข็ง ไหลไปตามตัวตั้งแต่ บนศรีษะลงมาที่หน้าตัก ความเย็นหลายระลอกนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ใจที่ท้อแท้ และเหมือนสิ้นหวังนั้น พลันกลับมามีกำลังทันที กายที่อ่อนระทวย ใจที่ห่อเหี่ยว เหมือนต้นไม้ที่ขาดน้ำได้น้ำฉันใด ความรู้สึกที่เกิดกับฉันในตอนนี้ ยากเสียเหลือเกินที่จะบรรยายความรู้สึกส่วนนั้นออกมาได้"

ต่อให้อีกนิดหนึ่งนะจ๊ะ สำหรับหนังสือเล่มนี้ เป็นการภาวนาของอาตมาเองที่ได้บันทึกไว้ทุกวัน คัดเอาเฉพาะข้อความที่เกิดขึ้นบางส่วนออกมาเป็นหนังสือ ก็หลายหน้าอยู่เป็นเล่ม ตั้งใจไว้ว่าจะเอาไว้จัดพิมพ์แจกเป็นกำลังใจแก่ผู้ที่กำลังภาวนา

หนังสือเล่มนี้ ตั้งใจให้ชื่อว่า เพียงหยดหนึ่งแห่งพระธรรม
ซึ่งหมายถึงสิ่งที่อาตมาภาวนานั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของ ครูอาจารย์ และพระรัตนตรัย เพียงหยดเดียวนี้แหละที่ประทังกายจิตนี้ไว้ได้

แต่อย่างไร ก็ตามยังไม่ได้ประกาศบอกบุญสำหรับหนังสือเล่มนี้นะจ๊ะ
บันทึกการเข้า
hero ผู้ปราบอธรรม มาแว้ว
มาเพราะยายกบ เป็นคนชวน
ฝากตัวด้วยไม่ถนัดเว็บ ธรรม
แต่เป็น hero ต้องไม่กลัว ธรรม

Jojo

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 237
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ฉันมาเพราะเธอนะ ยายกบ มาศึกษาธรรมะบ้าง ยินดีที่รู้จักทุกท่านคะ
ช่วยเมตตา แนะนำด้วยมิตรภาพ นะคะ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

VongoleX

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ผู้พิทักษ์รุ่นที่ 10 แห่ง Vongole จับมือกับ แก็งค์ อ๊บ อ๊บ

MICRONE

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 310
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ทำไมในเว็บ ช้ากว่า เฟค

 st11 st12 thk56
บันทึกการเข้า
อบอุ่นใจด้วยคุณธรรม จุดเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา