ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากจะเริ่ม วปัสสนา เลยได้หรือไม่คะ คือ ไม่อยากฝึก ส่วนของสมถะ  (อ่าน 4639 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Goodbye

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อยากจะเริ่ม วปัสสนา เลยได้หรือไม่คะ คือ ไม่อยากฝึก ส่วนของสมถะ ช่วยแนะนำ ธรรมะในแนวทางปฏิบัติแบบ วปัสสนา ได้หรือไม่คะ ว่าควรจะเริ่มปฏิบัติได้อย่างไร ควรทำอย่างไร เพราะมีความรู้สึกว่า ไม่อยากฝึกสมาธิ คะ

  :c017: :25:
บันทึกการเข้า

kira-d-note

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 119
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถามเรื่องวิปัสสนา โดยตรง อาจจะไม่มีใครตอบในห้องกรรมฐาน นะคะ
 
 คิดว่า กระทู้นี้น่าจะตอบโจทย์ ได้บางส่วนนะคะ

 กลอน "สาวกภูมิ" กิจ ที่สาม และ ที่สี่ ( ธัมมะวังโส )
 http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5700.0

บันทึกการเข้า
แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

แพนด้า

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 248
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การเรียน วิปัสสนา นั้นเป็นการรวม มรรค ทั้ง 8 เป็นองค์เดียวกัน

  ในปัจจุบัน นั้นส่วนมากผู้ฝึกภาวนา จะเข้าใจผิด ว่า เพียงฝึก สติ แล้วจะเป็นวิปัสสนา หรือ ฝึก สมาธิ จะเป็น วิปัสสนา ท้ายที่สุดการเห็นธรรม ตามความเป็นจริง จึงยังไม่ปรากฏ เพราะไม่สามารถรวมมรรค อันมีองค์ประกอบ 8 ประการให้เป็นองค์เดียวกัน ดังนั้นการฝึกวิปัสสนาโดยที่่ไม่ผ่าน มรรค ตั้งแต่ข้อที่ 1 มานั้นจึงไม่บังเกิดผล

  ต่อไปนี้จะเป็นการสอนวิปัสสนา อย่างที่ได้ผล และ เข้าใจง่าย ๆ ด้วยการตรวจสอบองค์ มรรค ให้สมบูรณ์

  1. สัมมาทิฏฐิ  ความเห็นถูกต้อง คุณมีแล้วหรือยัง ?

          เห็นถูกต้องอย่างไร ? สั้น ๆ แต่ก็เป็นคำตอบที่ดี ที่สุด คือ
            1.เห็น ทุกข์ หรือยัง เข้าใจ ทุกข์ หรือ ยัง
            2.เห็นเหตุ แห่งทุกข์ หรือยัง รู้จักต้นตอแห่ง ทุกข์ หรือยัง
            3.เห็น สุข หรือยัง เข้าใจสภาวะที่ตรงกันข้ามจากทุกข์ หรือยัง
            4.เห็นทางพ้นออกจากทุกข์ แล้วหรือยัง เข้าใจวิธีการที่จะพ้นออกจากทุกข์ นี้แล้วหรือยัง
   
           ถ้าเข้าใจ ธรรม 4 ประการนี้ จัดได้ว่าคุณมีสัมมาทิฏฐิ แล้วถ้ามีมาก ๆ คุณจะพ้นจากอบายแล้ว

  2. สัมมาสังกัปปะ ความดำริถูกต้อง คุณมีแล้วหรือยัง
           อันนี้สำคัญนะ เป็นเป้าหมาย เป็นการกระทำที่พยายามให้ มรรค สมบูรณ์ ความดำริถูกต้อง หรือปณิธานการภาวนาที่ถูกต้องก็คือ
           อ่านบทความ นี้ประกอบ
          ธรรมะสาระวันนี้ "แก่นสารของการภาวนาแบบพุทธ"
          http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=6988.0

  3. สัมมาวาจา การพูดจาชอบ สุจริต ประกอบด้วยธรรม ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น คุณมีแล้วหรือยัง ?

  4. สัมมากัมมันตะ การทำสิ่งที่ชอบ สุจริต ประกอบด้วยธรรม ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น คุณมีแล้วหรือยัง ?

  5. สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีวิตชอบ สุจริ ประกอบด้วยธรรม ไม่เบียดเบียนตนเองไม่เบียดเบียนผู้อื่น คุณมีแล้วหรือยัง ?

  6.สัมมาวายามะ การพากเพียร ขยันสร้างกุศล ให้มีอยุ่ในจิตใจ รักษากุึศล คือความดีงามอันนั้นไว้ มีอยู่แล้วในตัวคุณหรือยัง หรือ ยังมีหาย ๆ

  7.สัมมาสติ การระลึกถูกต้อง มีสติระลึกในธรรม กรรมฐาน เช่น พุทธานุุสสติ กายคตาสติ มรณานุสสติ เมตตานุสสติ สติปัฏฐาน 4 อานาปานสติ เหล่านี้ มีมากน้อย เพียงใด

  8.สัมมาสมาธิ จิตตั้งมั่นถูกต้อง ประกอบด้วยความตั้งมั่นอันประกอบไปด้วยเป้าหมายปลายทาง คือพระนิพพานได้ เจริญแล้ว กระทำแล้วหรือยัง ?


    ดังนั้นถ้าท่าน ตอบคำถามเหล่านี้ได้ นั่นแหละท่านมาถูกทาง ยิ่งถ้ามีครบทั้ง 8 แล้ว นี่แหละคือวิปัสสนา อย่างแท้จริง เป็น วิปัสสนา ที่ชอบตามธรรมทีีพระพุทธเจ้าทรงตรัสแสดงไว้ดีแล้ว

     วิปัสสนา คือ การรวมมรรคทั้ง 8 ให้เป็นองค์เดียวกัน ปณิธานเพื่อการไม่กลับมาเกิดอีกใน ชาติต่อไป เพื่อการสิ้นภพ หมดกรรม เป็นพรหมจรรย์ที่ยอดเยี่ยม เป็นกิจที่แท้จริงของพุทธสาวก

     เจริญธรรม วันธรรมสวนะ นะจ๊ะ

 ;)



ที่มาเนื้อหาจาก
อยากเรียนถามหลัก วิปัสสนา แบบทำได้จริง ๆ ง่าย ๆ ด้วยครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=6947.0

บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
อนุโมทนา ทุกท่านที่ช่วยกันนำคำตอบมาใส่ในกระทู้ให้ ถึงแม้จะใกล้เคียง หรือ ตรงประเด็น ก็ขออนุโมทนาน้ำใจที่ช่วยเหลือกันในการ ทำธรรมวิจยะ กันทั้งทางตรงและทางอ้อม

 บุญในการแจกธรรม เป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ และ เป็นบุญที่ พระพุทธเจ้าทุ่มเทมากที่สุดใน ชีวิตการเป็นพระพุทธเจ้า ดังนั้น ธรรมทาน เป็น ทานที่สูงที่สุด และชื่อว่าชนะ ทานทั้งปวง บุญทั้งปวง นะจ๊ะ

 เจริญธรรม / เจริญพร
  ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

sinjai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 144
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ่านเข้าใจง่าย ดี  คะ สาธุ จึงอยากให้พระอาจารย์มาตอบเป็นประจำคะ
 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

Goodbye

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 61
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบพระคุณ พระอาจารย์ที่มาตอบคำถามให้ คะ
ขอทำความเข้าใจก่อนนะคะ ไม่เข้าใจแล้วจะตั้งคำถามใหม่ คะ

 
 สาธุ สาธุ สาธุ

 :58: :25: :c017:
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุกับทุกท่านและพระอาจารย์ที่ตอบคำถามและแนะแนวทางให้ได้รู้และศึกษาเพิ่มเติมครับตาม Link http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5700.0 นี้ครับเป็นประโยชน์มากครับผมจะปริ๊นไว้อ่านปฏิบัติครับ

ผมใคร่ขออนุญาตตอบคำถามด้วยซักนิดหนึ่งนะครับ ตามเท่าที่ผมรู้และปฏิบัติมา ซึ่งเป็นแนวสำหรับคนที่ไม่เจริญสมาธิโดยตรงนะครับ

- วิปัสนาต้องอาศัยอุปจาระสมาธิเป็นที่ตั้งเพื่อความไม่สัดส่ายและเห็นจริงในสภาพที่เป็นปรมัตถธรรม โดยไม่ผิดเพี้ยนไม่ปรุงแต่งคิด การอาศัยแค่ขณิกสมาธิหรือสมาธิทั่วไปหากจิตไม่มีกำลังพอจะหลงไปกับความตรึกนึกคิดได้ง่าย
- วิปัสนาจะมีสติเป็นที่ตั้ง เมื่อสติเกิด สมาธิย่อมเกิดตามมา ลองสังเกตุดูไหมครับเวลาที่เราระลึกรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ เช่น เมื่อมีสติระลึกรู้ว่ากำลังโกรธอยู่ เมื่อสติระลึกรู้เกิดก็จะเกิดความนึกคิดตามในสิ่งที่รู้นั้นตามมา เช่น เรากำลังโกรธในสิ่งนี้ ไม่พอใจในสิ่งที่เรารับรู้อารมณ์ในทางใดทางหนึ่งจากสิ่งที่เรากำลังโกรธ จะเห็นได้ว่า เมื่อมีสติ สมาธิจะเกิดขึ้นจดจ่อสิ่งนั้นๆตามทันที แต่สมาธิที่เกิดตามนั้นจะควรแก่ปัญญามากน้อยแค่ไหนอยู่ที่การอบรมสติและสมาธิของเราครับ


การพิจารณาในขั้นเริ่มต้นใช้ปูพื้นฐาน เพื่อให้เกิดสติบ่อยขึ้น และ มีสมาธิจดจ่อมากขึ้น ควบคู่กันไปด้วยในเวลาเดียวกัน ย้ำแค่พื้นฐานปูทางเท่านั้นนะครับ ส่วนที่ดีและลึกขึ้นต้องสอบถามกับท่านผู้รู้และพระอาจารย์ธัมมวังโสอีกครั้งนะครับ

1. ถ้ามีเวลาว่างๆ แม้ขณะดำเนินไปในชีวิตประจำวันอยู่ คุณก็พยายามสร้างสติให้เกิดโดยการรู้ตนว่ากำลังทำอะไรอยู่ มีสิ่งใดกระทบกระทบสัมผัสทางกายเราอยู่ รู้ตนว่ากำลังนึกคิดอะไร สิ่งที่เราคิดที่ดำเนินไปอยู่นั้นเป็น กุศล หรือ อกุศล
เช่น
                1.1 รู้ปัจจุบันขณะนั้นคุณกำลัง ยืน เดิน นั่ง นอน ขับรถ เป็นต้น (หากเดินหรือขับรถหรือวิ่งอยู่ควรมีสติรู้แล้วดูทางให้ดีไม่ให้จิตส่งออกนอกมีจิตระลึกรู้ทุกขณะ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ไม่ใช่ว่าขับรถอยู่แล้วไประลึกรู้ว่ากำลังนั่งขับรถแล้วตรึกพิจารณาว่ากำลังจับนั่นจับนี้สัมผัสนั่นสัมผัสนี่อ่อน แข็ง เคลื่อนตัว ร้อนเย็น อย่างนี้คือเกิดอุบัติเหตุได้นะครับ ควรมีสติรู้ตัวรู้กิจที่กำลังทำในปัจจุบันอยู่ แล้วดำเนินไปโดยความไม่ประมาทเพื่อทำกิจนั้นๆให้เสร็จ ไม่ไปไหลไปตามความตรึกนึกคิดปรุงแต่งต่างๆนาๆ นี่เรียกว่าไม่ส่งจิตออกนอกครับ)
                1.2 รู้สภาพความคิดในปัจจุบันเช่นหากคิดใน รัก โลภ โกรธ หลง ให้รู้ตนว่า อกุศลจิตเกิดขึ้นแก่คุณแล้ว หากคิดที่เป็นไปด้วยความปารถนาดีไม่เบียดเบียนทำร้ายใคร มีความเอื้ออนุเคราะห์แบ่งปัน มีการให้เพื่อหวังให้เขามีความสุขจากการให้ของเรา มีความยินดีเมื่อคนอื่นเป็นสุขเป็นต้น ให้รู้ตนว่า กุศลจิตเกิดขึ้นแก่คุณแล้ว
2. เมื่อรู้ในความคิดนั้นๆแล้วว่าเป็นกุศลหรืออกุศลให้หลับตาแล้ว หายใจเข้าลึกๆ-หายใจออกยาวๆ สัก 5 ครั้ง แล้วจากนั้นค่อยๆหายใจเข้าออกตามปกติ ซัก 5 ครั้ง (อาจจะบริกรรมในใจเช่น หายใจเข้า พุทธ-หายออก โธ แล้วระลึกนับเป็น 1 เมื่อจบพุทธ-โธ อีกรอบให้นับ 2 ไปจนถึง 5 ครั้ง) แล้วพิจารณาดูรู้สภาพจิต หรือ ความรู้สึกจริงๆที่เกิดขึ้นกับคุณในขณะนั้นๆว่ารู้สึกยังไง

ทำใน 2 ข้อนี้เรื่อยๆจนชำนาญสติและสมาธิจะเกิดมีมากขึ้นกว่าปกติตามสมควรแก่ที่คุณปฏิบัติ จากนั้นก็ดำเนินการเรียนรู้เข้าใจไปตามที่ท่านผู้รู้และพระอาจารย์ธัมมวังโสท่านชี้แนะสั่งสอนนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 01, 2012, 07:44:53 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

หมิว

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 398
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พระอาจารย์เคยตอบไว้ในเรื่องวิปัสสนา กับ กรรมฐาน

 พระพุทธเจ้า สอนให้เราฉลาด มีปัญญา ดังนั้น วิปัสสนา สอนให้เราฉลาด

จากกองทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความก้าวล่วงทุกข์ และหนทางไปสู่ความก้าวล่วงทุกข์เสียได้

ดังนั้น คำตอบก็คือ วิปัสสนา มีมาก่อนเพราะเรานับถือพระพุทธเจ้


ฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ห้ามทำวิปัสสนา หรือป่าวครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1865.msg7237#msg7237


ขอบคุณภาพสวย ๆ จาก http://www.thaigoodview.com
บันทึกการเข้า
ใจดี น่ารัก และ ไม่ชอบคนที่กวน...ใจ
แสงพระธรรม นำทาง นำสู่ใจ ได้รับแสงสว่าง
แสงสว่างใดเสมอด้วยปัญญาไม่มี