ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - chutina
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ในยุคเรา มีพระที่พิสูจน์ อิทธิฤทธิ์ ด้วยการให้หวยแม่นที่สุด มีหรือไม่ ? เมื่อ: กันยายน 24, 2011, 08:00:06 am
คือเรื่อง หวย อาจจะดูว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ของคนมีปัญญา นะคะแต่สำหรับคนที่หาเช้า กินค่ำ มีทรัพย์น้อยก็ยังมีความหวังอยู่ ที่จะถูกหวยกับเขาสักครั้ง อยากจะบำรุงพระพุทธศาสนาให้มาก อยากสนับสนุนพระกรรมฐาน ให้มีคนรู้จักมาก ๆ แต่การสนับสนุน ก็ต้องมีทรัพย์ นะคะ ดังนั้นคนมีทรัพย์ ก็จัดได้ว่า เป้นคนมีโชค

  ในโลกนี้ จะมีสักกี่คน ที่ไม่ได้ทำงาน แต่มีเงินเดือนใช้ ( นอกจากพวกคุณภรรยา ที่เป็นแม่บ้าน )

 เอ้านอกเรื่องไปเยอะคะ

 อยากถามว่า ในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ นี้นอนมี พระรูปไหน ที่ให้หวยแม่น ๆ บ้าง คะ

ใครรู้บ้างช่วยเล่าที

   :29:
2  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.veeranon.com วัดป่าเจริญราช ปทุมธานี เมื่อ: สิงหาคม 11, 2011, 08:44:56 am


http://www.veeranon.com
วัดป่าเจริญราช ปทุมธานี
3  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมจองเป็นเจ้าภาพสร้างองค์พระพุทธรูปปางเปิดโลก เมื่อ: สิงหาคม 11, 2011, 08:37:58 am




ขอเชิญร่วมจองเป็นเจ้าภาพสร้างองค์พระพุทธรูปปางเปิดโลก ร่วมเป็นเจ้าภาพรายละ ๕๐๐,๐๐๐บาท หรือสมทบตามกำลังศรัทธา
ร่วมทำบุญแผ่นทองเพื่อนำไปประกอบพิธีเททองหล่อองค์พระ ทำบุญแผ่นทองใบโพธิ์ แผ่นละ ๑๐๐ บาท

ผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญสร้างพระองค์ตามกำลังศรัทธาได้ที่ วัดป่าเจริญราช
ตำบลบึงทองหลาง อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ๑๒๑๕๐
โทรศัพท์ 02 995 2112 โทรสาร 0 2 995 2477
หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ศูนย์ประชาสัมพันธ์โครงการสร้างพระ
086-3102566 ,088 620 1299, 085 1202005, 081 8288298,081 8557071,086 3069873
หรือร่วมทำบุญผ่านบัญชี วัดป่าเจริญราชเพื่อสร้างพระพุทธรูปปางเปิดโลก
ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาปิ่นเกล้า ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 094-231144-4
ส่งหลักฐานการโอนเงินพร้อมชื่อ สกุล มาที่ โทรสาร 0 2 995 2477
WWW.VEERANON.COM
หมายเหุต กำหนดพิธีเททองหล่อจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

    การสร้างพระพุทธรูป เป็นวิธีการหนึ่งที่พุทธบริษัทต้องการแสดงออกถึงความระลึกถึงพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมุ่งให้เป็นวัตถุแทนหรือองค์พระปฏิมาสำหรับแสดงความเคารพนอบน้อม เพราะความตระหนักในพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ทรงมีต่อมนุษยชาติ พร้อมด้วยเทวดาและเหล่าสัตว์ทั้งหลาย

    พระพุทธรูปปางเปิดโลกเป็นปางหนึ่งที่มีนัยทางประวัติศาสตร์ในพุทธประวัติที่ น่าสนใจ แฝงไปด้วยสาระธรรม น้อมนำให้ระลึกถึงพระพุทธคุณและย้ำเตือนให้พุทธบริษัทมุ่งมั่นปฏิบัติตนอยู่ ในธรรมเพื่อข้ามพ้นอบายภูมิ ได้เกิดในสุคติภูมิจนถึงขั้นข้ามพ้นแม้สุคติภูมิ สู่พระนิพพานอันเป็นที่สิ้นทุกข์ทั้งปวง

    ความเป็นมาของพระพุทธรูปปางเปิดโลก พระพุทธรูปปางเปิดโลก มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถยืนอยู่เหนือดอกบัว พระหัตถ์ทั้งสองขนาบลงข้างพระวรกายเหมือนปางประทับยืน แบฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองออกไปข้างหน้า

    ความเป็นมาของพระพุทธรูปปางนี้ คือ หลังจากการแสดงยมกปาฏิหาริย์ของพระพุทธองค์เพื่อข่มทิฏฐิของเหล่าเดียรถีย์ ทั้งหลาย ณ เมืองสาวัตถีในวันเพ็ญเดือน ๘ แล้ว พระองค์ได้เสด็จจำพรรษาเพื่อแสดงอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเวลา ๓ เดือน ครบกำหนดในวันมหาปวารณา คือ วันเพ็ญเดือน ๑๑ แล้วจึงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ โดยมีท้าวสักกเทวราชเป็นผู้เนรมิตบันได ๓ ชนิด คือ บันไดทองคำ บันไดแก้วมณี บันไดเงิน โดยมีเชิงบันไดตั้งอยู่ที่ประตูสังกัสสนคร และหัวบันไดทอดถึงยอดเขาสิเนรุ บันไดเบื้องขวาซึ่งเป็นบันไดทองเป็นทางลงของเหล่าเทวดา บันไดเบื้องซ้ายซึ่งเป็นบันไดเงินเป็นทางลงของเหล่ามหาพรหม ส่วนพระพุทธองค์เสด็จลงโดยบันไดแก้วมณีซึ่งอยู่ในท่ามกลาง ในเวลาที่เสด็จลงจากยอดเขาสิเนรุ พระองค์ได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์ คือ ทรงเปิดโลกทั้ง ๓ ได้แก่ เทวโลก ยมโลกและมนุษยโลกให้เหล่าสัตว์ใน ๓ โลกสามารถเห็นซึ่งกันและกันได้ เหตุการณ์นี้เรียกว่า “โลกวิวรณปาฏิหาริย์” พระโบราณาจารย์กล่าวว่าวันนั้นโทษกรรมกรณ์ในนรกระงับชั่วคราวจึงเป็นวันสงบ เยือกเย็นของโลกทั้ง ๓ ฉะนั้นจึงเรียกว่า "วันพระเจ้าเปิดโลก" และในการเสด็จลงจากเทวโลกในวันนั้น พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมโปรดเทวดาและมนุษย์ โดยตรัสถามปัญหาในวิสัยของบุคคลจำพวกต่างๆ อยู่ตลอดเวลา นำมาซึ่งมรรคผลนิพพานแก่ประชาสัตว์นับไม่ถ้วน อาศัยเหตุนี้เองจึงมีการนิยมสร้างพระพุทธรูปปางเปิดโลกขึ้น เพื่อเป็นการน้อมระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งสำคัญและเป็นการบูชาคุณของพระ พุทธองค์ที่ทรงมีต่อเหล่าสัตว์

อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปปางเปิดโลก
การสร้างพระพุทธรูปย่อมเกิดอานิสงส์ที่เกื้อกูลแก่ผู้สร้าง ที่แฝงไว้ด้วยคติธรรมและคุณค่าทางจิตใจ รวมถึงปัญญาทางธรรมที่เกิดจากการสร้างพระพุทธรูป อานิสงส์ที่จะพึงเกิดได้จากการสร้างพระพุทธรูปปางเปิดโลก อาจสรุปได้ดังนี้
๑) มีชีวิตที่สงบร่มเย็น แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง
๒) สมบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ มีฐานะไม่ตกต่ำทั้งในชาตินี้และชาติหน้า
๓) มีเกียรติหรือชื่อเสียงที่ดีงามขจรไป
๔) เป็นที่รัก เป็นที่เคารพนับถือของมนุษย์ทั้งหลาย
๕) เป็นที่รักของเหล่าเทวดาและอมนุษย์ทั้งหลาย
๖) มีสุคติเป็นแดนเกิดและเป็นปัจจัยเกื้อกูลแก่การถึงซึ่งนิพพานสมบัติเป็นลำดับไป

    การสร้างพระพุทธรูปปางเปิดโลก จึงเป็นช่องทางหนึ่งในการส่งเสริมคุณความดีให้มีในตนอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะเป็นเครื่องระลึกถึงพุทธกิจและพุทธคุณอันยิ่งใหญ่ของพระ พุทธองค์แล้ว ยังก่อให้เกิดคุณค่าที่เกื้อกูลแก่ความสุขของเหล่าสัตว์ทั้งหลายโดยเฉพาะ เพื่อนมนุษย์ผู้ได้สักการะบูชาย่อมได้รับอานิสงส์แห่งการบูชาโดยถ้วนทั่ว แม้พระพุทธองค์จะมิได้ทรงพระชนม์อยู่แต่องค์พระปฏิมาที่ได้สร้างขึ้นย่อมมี คุณต่อผู้ได้บูชาเสมอกับได้บูชาพระองค์จิต หากจิตของผู้บูชามีความศรัทธาตั้งมั่นและทำการบูชาด้วยใจนอบน้อม ดังพระพุทธพจน์ในพระสุตตันตปิฎก ปีตวิมานวัตถุ ว่า

    "แม้พระตถาคตจะยังทรงพระชนม์อยู่ หรือเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วก็ตาม เมื่อจิตสม่ำเสมอ ผลก็ย่อมสม่ำเสมอ เพราะเหตุที่ตั้งจิตไว้ชอบ สัตว์ทั้งหลายย่อมไปสู่สุคติ ทายกทั้งหลายได้กระทำสักการบูชาในพระตถาคตเหล่าใดไว้แล้วย่อมไปสู่สวรรค์ พระตถาคตเหล่านั้นย่อมเสด็จอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมากหนอ"

รูปแบบองค์พระพุทธรูปปางเปิดโลก
    พระพุทธรูปปางเปิดโลก มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถยืนอยู่เหนือดอกบัว พระหัตถ์ทั้งสองขนาบลงข้างพระวรกายเหมือนปางประทับยืน แบฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองออกไปข้างหน้า หล่อด้วยทองเหลือง ความสูงจากฐานถึงยอดรัศมี ๑๕ เมตร ใต้ฐานพระบรรจุดินจากสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล และดินจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ๗๗ จังหวัด รวมทั้งดินในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จากนานาประเทศ และอัญเชิญพระบรมสาริกธาตุจากประเทศอินเดียและศรีลังกาบรรจุที่เศียรขององค์ พระพุทธรูปปางเปิดโลก

วัตถุประสงค์
๓.๑ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการบูชาเป็นพุทธานุสติ เป็นพุทธบูชา และเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนา อีกทั้งเพื่อสืบทอดอายุพระศาสนาให้ยั่งยืนต่อไป
๓.๒ เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔
๓.๓ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ให้ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ และเป็นการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีอันเปี่ยมล้นด้วยความสำนึกในพระมหา กรุณาธิคุณของพุทธศาสนิกชนทั้งมวล

งบประมาณในการสร้าง เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐.- บาท (สิบล้านบาทถ้วน)

ประธานโครงการสร้างพระ
พระครูปลัดวีระนนท์ วีรนนฺโท เจ้าอาวาสวัดป่าเจริญราช

ประธานการดำเนินการสร้าง
ดร.อำนาจ บัวศิริ

คณะกรรมการ
๑ คุณน้ำทิพย์ ภูธนชัย
๒ คุณธีระ โพธิ์ทอง
๓ คุณดรุณี พัวพันธ์สกุล

ประธานจัดหาทุนสร้างองค์พระ
๑ สายคณะลูกเรือการบินไทย

เหรัญญิก
๑ ศิริพร วิทยาศิริกุล
๒ พระจตุรปญฺ โญ
๓ นัยนา วิทยาศิริกุล
๔ บุษรัตน์ มกรแก้วแกยูร

ฝ่ายประชาสัมพันธ์/ประสานงาน
๑ ศราวุฒิ คำเทพ
๒ อณิระ โพธินิล
๓ วีระ ศรีสนิท
๔ ดร.สุภาพร ศรีสัตตรัตน์
๕ กมลาศ ภูวชนาธิพงศ์
๖ พิราภรณ์ ด่านสุนทรวงศ์
๗ ชนารัสมิ์ ศิวศรัณพงศ์
๘ อนุเทพ อินทรชิต
๙ ภุชงค์ ทับทิมงาม
๑๐ วิทูร วิริยะพิพัฒน์
๑๑ ญาณภัทร ยอดแก้ว |
๑๒ แพรภัทร ยอดแก้ว
๑๓ ดวงกมล มณีกุล
๑๔ สิรินภา สินตระการผล
๑๕ อโนทัย สินตระการผล
๑๖ สิรินทิพย์ ลีลาประเสริฐ
๑๗ ศรินภัสน์ หิรัญพุฒิชัยกุล
๑๘ ศิรเมษฐ์ สินธพนำชัย
๑๙ พันลึก จินายน
๒๐ สุธีศักดิ์ มะลิกุล
๒๑ ชญาดา ผ่องพูลใส
๒๒ พัศญา วัฒนชัยพงษ์

เจ้าหน้าที่รับจององค์พระ
๑ ปฏิกาญจน์ หวู
๒ จันทิภา เหลืองอรุณ
๓ สมภัตสร วงศ์ศรีวิชัย
๔ อิสรีย์ ภู่ภิญโญ
๕ ยุวดี พงษ์พินยาพิบูลย์
๖ ธวัลรัตน์ คล้ายมาลา

พิธีเททองหล่อองค์พระ ๕ วาระ
ครั้งที่ ๑ ประมาณเดือน มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๔
ครั้งที่ ๒ ประมาณเดือน กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๔
ครั้งที่ ๓ ประมาณเดือน สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔
ครั้งที่ ๔ ประมาณเดือน กันยายน พ.ศ.๒๕๕๔
ครั้งที่ ๕ ประมาณเดือน ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔

หมายเหตุ ดำเนินการปั้นพระตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป ณ วัดป่าเจริญราช กำหนดการดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่วัด

ขอเชิญร่วมจองเป็นเจ้าภาพสร้างองค์พระพุทธรูปปางเปิดโลก
ร่วมเป็นเจ้าภาพรายละ ๕๐๐,๐๐๐บาท หรือสมทบตามกำลังศรัทธา
ร่วมทำบุญแผ่นทองเพื่อนำไปประกอบพิธีเททองหล่อองค์พระ
ทำบุญแผ่นทองใบโพธิ์ แผ่นละ ๑๐๐ บาท
ทำบุญทองเหลืองก้อน ก้อนละ ๕๐๐ บาท
ทำบุญทองเหลืองก้อน ก้อนละ ๑,๐๐๐ บาท
4  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / สมถะกรรมฐาน ให้ผล เพียง พรหมโลก เท่านั้นหรือ ? เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 07:24:19 am
ขออนุญาต พระอาจารย์ นำความรู้ที่ได้จากพระอาจารย์ มากล่าวบ้างนะคะ ในช่วงที่พระอาจารย์ เข้ากรรมฐานอยู่



 จากหัวข้อที่ตั้งเป็นกระทู้ นะคะว่า สมถะกรรมฐาน ให้ผล เพียง พรหมโลก เท่านั้นหรือ ?

 โดยส่วนตัวเมื่อก่อน ก็คิดอย่างนั้น คะ และ ก็มีความเห็นว่าส่วนตัวว่า สมถะกรรมฐาน ให้ผลเพียงเป็น พรหม หรือ ฌาณ เท่านั้น ก็คิดมาอย่างนี้จริง ๆ

 จนกระทั่งได้สนทนา กับพระอาจารย์ ทางเมล เป็นเวลาพอสมควร ก็ 1 ปี วันนี้ขอพูดตามตรงว่า ที่รู้มาเหมือนไม่ได้รู้จริง คือ ขาด นิสัมมะกะระณังเสยโย คือกระทำการพิจารณาธรรม ที่เรียนมา

  สมถะกรรมฐาน มีอยู่ 40 กองกรรมฐาน ตามภูมิธรรมกรรมฐาน และ หลายครูอาจารย์ ก็มักจะอธิบายว่าเป็นเพียง พรหม ให้ผลเพียง ฌาน แต่ที่จริงแล้ว

  กรรมฐาน ทั้ง 40 กองนั้น กลับเป็น สมถะวิปัสสนากรรมฐาน โดยสมบูรณ์เลยคะไม่ใช่ให้ผลเพียง พรหม เท่านั้น

  ยกตัวอย่าง ง่าย ๆ นะคะ  อานาปานสติ มี 16 ขั้นตอน จัดเป็น มหาสติปัฏฐาน 4 ด้วย เป็นทั้งสมถะ และ วิปัสสนา ใช่หรือไม่คะ

  อาหาเรปฏิกูลสัญญา ก็เป็นปัจเวกขณ ด้วยปัญญา พิจารณา ธาตุ ก็เป็นวิปัสสนา ใช่หรือไม่คะ

  จตุธาตุววัตตถาน ก็เป็น อันเดียวกับ ธาตุบรรพ ในมหาสติปัฏฐาน

  กสิณ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ แสงสว่าง ก็จัดเป็น ธาตุบรรพ ใน มหาสติปัฏฐาน

  อสุภะกรรมฐาน ก็เหมือนกันมีการพิจารณาตามความเป็นจริง ในอาการ 32 ด้วย

  กายคตาสติ ก็พิจารณา อาการ 32 โดยตรง

  แหม ยกแค่ นี้ ดิฉันก็อึ้งแล้ว พิจารณา กำลังหลัก แล้ว บอกว่าให้ผลเพียงเป็นพรหม อันนี้พูดผิดแน่นอน จัดเป็นสมถะฝ่ายเดียว ก็ผิดไปใหญ่

  พอได้ฟัง เหตุและผล ที่ยกมา จึงรู้ทันทีว่า ความสำคัญของ ครูอาจารย์ ที่สอนมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต้องเป็นผู้ปฏิบัติจริง จึงรู้จริง ไม่ใช่จำมาพูดเพียงเท่านั้น

   ดังนั้น ในวันนี้ สำหรับดิฉัน แล้ว กรรมฐาน 40 กองที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้แล้วนั้น ไม่ใช่เป็นเพียง สมถะกรรมฐาน เท่านั้น แต่ต้องเป็น สมถะวิปัสสนากรรมฐาน โดยสมบูรณ์

  ขอบคุณพระอาจารย์ ที่ช่วยชี้แนะเจ้าคะ

   :25: :25: :25: :25: :25:
5  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การถอดกายทิพย์ ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มีหรือไม่ คะ เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2011, 09:36:21 pm


อยากทราบว่า การถอดกายทิพย์ ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มีหรือไม่คะ

ถ้ามี ต้องฝึกถึงขั้นไหน ถึงจะทำได้

 :s_hi: :c017:
6  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมอุปสมบทหมู่ เฉลิมพระเกียรติ 12 มิ.ย.54 วัดบางปลากด เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2011, 11:15:18 pm


ขอเชิญร่วมอุปสมบทหมู่  เฉลิมพระเกียรติ   เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ  ๘๔  พรรษา

วันอาทิตย์ที่ ๑๒   มิถุนายน  ๒๕๕๔ 

ณ วัดบางปลากด   อ.องค์รักษ์    จ. นครนาำยก

ติดต่อสอบถามได้ที่  089-194-5155

บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ประสงค์   ปริปุณโณ 

http://www.phraprasong.org/
7  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / แนะนำสถานที่ปฏิบัติธรรม ที่พัทลุง คะ เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 03:37:01 pm
   
 
วัดถ้ำสุมะโน (วิปัสสนา)
 



วัดถ้ำสุมะโน (วิปัสสนา)
ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง 93000
โทรศัพท์ 074-619616-7, 087-289-8211

พระอาจารย์เดช สุมโน (พระคูรภาวนาสุมณฑ์) ประธานสงฆ์

พระอาจารย์จำลอง ติกฺขวีโร เจ้าอาวาส

วัดถ้ำสุมะโน เป็นวัดหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการปฏิบัติธรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามแนวนโยบายของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กฎระเบียบผู้ที่มาถือบวช (เนกขัมมะฯ)

๑. ลงทะเบียนเก็บบัตรประชาชนไว้ทุกครั้ง
๒. ซ้อมพิธีการบวชและคำขอบวชให้ได้เสียก่อน
๓. โทรศัพท์ที่นำติดตัวมาต้องทำหลักฐานมอบให้เจ้าหน้าที่เก็บรักษาไว้
๔. แจ้งให้ทางบ้าน หน่วยงาน หรือต้นสังกัดให้ทราบ
เมื่อมีธุระด่วนให้ติดต่อมาที่หมายเลข ๐๘๗-๒๘๙-๘๒๑๑
๕. การถือบวชให้มีกำหนด ๓ วัน, ๗ วัน
๖. กรณีที่มีความประสงค์ในการถือบวชมากกว่า ๗ วัน
ต้องมาปรึกษากับเจ้าอาวาสหรือผู้ช่วยเจ้าอาวาส โดยตรงเท่านั้น
๗. วันที่มาถือบวชได้คือ วันศุกร์, เสาร์, อาทิตย์, วันพระ
(ยกเว้นงานประจำปี,วันสำคัญในทางพระพุทธศาสนา)
๘. การถือบวชแต่ละครั้ง ต้องถือบวชกับเจ้าอาวาสหรือผู้ช่วยเจ้าอาวาสโดยตรง
(เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสหรือผู้ช่วยเจ้าอาวาส)
๙. หลังจากบวชแล้ว ต้องถือปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุบาสิกาอุบาสก
ตลอดจนกฎระเบียบของทางวัดอย่างเคร่งครัด
๑๐. กฎระเบียบนี้มีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในมติสงฆ์ของวัดถ้ำสุมะโน



ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่
http://chanlowfat.multiply.com/photos/album/13

http://www.trueplookpanya.com/true/ethic_detail.php?cms_id=5384
8  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / พระโปฐิละ ภิกษุใบลานเปล่า ( new version ) เมื่อ: มีนาคม 05, 2011, 08:48:47 am
เรื่องพระโปฐิลเถระ

ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระ
นามว่าโปฐิละ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " โยคา เว " เป็นต้น.

รู้มากแต่เอาตัวไม่รอด

ดังได้สดับมา พระโปฐิละนั้นเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎกในศาสนาของ
พระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป. พระศาสดา
ทรงดำริว่า " ภิกษุนี้ ย่อมไม่มีแม้ความคิดว่า ' เราจักทำการสลัดออก
จากทุกข์แก่ตน; เราจักยังเธอให้สังเวช."
จำเดิมแต่นั้นมา พระองค์ย่อมตรัสกะพระเถระนั้น ในเวลาที่พระ-
เถระมาสู่ที่บำรุงของพระองค์ว่า " มาเถิด คุณใบลานเปล่า, นั่งเถิด คุณ
ใบลานเปล่า, ไปเถิด คุณใบลานเปล่า, แม้ในเวลาที่พระเถระลุกไป ก็
ตรัสว่า " คุณใบลานเปล่า ไปแล้ว." พระโปฐิละนั้นคิดว่า " เราย่อม
ทรงไว้ซึ่งพระไตรปิฎกพร้อมทั้งอรรถกถา, บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป
ถึง ๑๘ คณะใหญ่, ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น พระศาสดายังตรัสเรียกเราเนือง ๆ
ว่า ' คุณใบลานเปล่า ' พระศาสดาตรัสเรียกเราอย่างนี้ เพราะความไม่มี
คุณวิเศษ มีฌานเป็นต้นแน่แท้." ท่านมีความสังเวชเกิดขึ้นแล้ว จึงคิดว่า
" บัดนี้ เราจักเข้าไปสู่ป่าแล้วทำสมณธรรม" จัดแจงบาตรและจีวรเอง
ทีเดียว ได้ออกไปพร้อมด้วยภิกษุผู้เรียนธรรม แล้วออกไปภายหลังภิกษุ
ทั้งหมดในเวลาใกล้รุ่ง. พวกภิกษุนั่งสาธยายอยู่ในบริเวณ ไม่ได้กำหนด
ท่านว่า " อาจารย์." พระเถระไปสิ้นสองพันโยชน์แล้ว, เข้าไปหาภิกษุ
๓๐ รูป ผู้อยู่ในอาวาสราวป่าแห่งหนึ่ง ไหว้พระสังฆเถระแล้ว
กล่าวว่า " ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของกระผม."
พระสังฆเถระ. " ผู้มีอายุ ท่านเป็นพระธรรมกถึก, สิ่งอะไรชื่อว่า
อันพวกเราพึงทราบได้ ก็เพราะอาศัยท่าน, เหตุไฉนท่านจึงพูดอย่างนี้ ?"
พระโปฐิละ. ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงอย่าทำอย่างนี้,
ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของกระผม.


พระโปฐิละหมดมานะ

พระโปฐิละนั้น มีมานะอันพระเถระทั้งหลายนำออกแล้ว
จึงประคองอัญชลีในสำนักของสามเณรแล้วกล่าวว่า
" ท่านสัตบุรุษ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของผม."
สามเณร. ตายจริง ท่านอาจารย์ ท่านพูดอะไรนั่น, ท่านเป็น
คนแก่ เป็นพหูสูต, เหตุอะไร ๆ พึงเป็นกิจอันผมควรรู้ในสำนักของท่าน
พระโปฐิละ. ท่านสัตบุรุษ ท่านอย่าทำอย่างนี้,
ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของผมให้ได้.
สามเณร. ท่านขอรับ หากท่านจักเป็นผู้อดทนต่อโอวาทได้ไซร้, ผมจักเป็นที่พึ่งของท่าน.
พระโปฐิละ. ผมเป็นได้ ท่านสัตบุรุษ, เมื่อท่านกล่าวว่า ' จงเข้า
ไปสู่ไฟ,' ผมจักเข้าไปแม้สู่ไฟได้ทีเดียว.

พระโปฐิละปฏิบัติตามคำสั่งสอนของสามเณร

ลำดับนั้น สามเณรจึงแสดงสระ ๆ หนึ่งในที่ไม่ไกล แล้วกล่าวกะ
ท่านว่า " ท่านขอรับ ท่านนุ่งห่มตามเดิมนั่นแหละ จงลงไปสู่สระนี้."
จริงอยู่ สามเณรนั้น แม้รู้ความที่จีวรสองชั้นซึ่งมีราคามาก อันพระเถระ
นั้นนุ่งห่มแล้ว เมื่อจะทดลองว่า " พระเถระจักเป็นผู้อดทนต่อโอวาทได้
หรือไม่" จึงกล่าวอย่างนั้น. แม้พระเถระก็ลงไปด้วยคำ ๆ เดียวเท่านั้น.
ลำดับนั้น ในเวลาที่ชายจีวรเปียก สามเณรจึงกล่าวกะท่านว่า " มาเถิด
ท่านขอรับ" แล้วกล่าวกะท่านผู้มายืนอยู่ด้วยคำๆ เดียวเท่านั้นว่า " ท่าน
ผู้ เจริญ ในจอมปลวกแห่งหนึ่ง มีช่องอยู่ ๖ ช่อง, ในช่องเหล่านั้น ตัวเงินตัวทองเข้าไปภายในโดยช่อง ๆ หนึ่ง บุคคลประสงค์จะจับมัน จึงอุดช่องทั้ง ๕
นอกนี้ ทำลายช่องที่ ๖ แล้ว จึงจับเอาโดยช่องที่มันเข้าไปนั่นเอง; บรรดา
ทวารทั้งหก แม้ท่านจงปิดทวารทั้ง ๕ อย่างนั้นแล้ว จงเริ่มตั้งกรรมนี้ไว้
ในมโนทวาร." ด้วยนัยมีประมาณเท่านี้ ความแจ่มแจ้งได้มีแก่ภิกษุผู้
เป็นพหูสูต ดุจการลุกโพลงขึ้นแห่งดวงประทีปฉะนั้น. พระโปฐิละนั้น
กล่าวว่า " ท่านสัตบุรุษ คำมีประมาณเท่านี้แหละพอละ" แล้วจึงหยั่งลง
ในกรชกาย๒ ปรารภสมณะธรรม.

ทางเจริญและทางเสื่อมแห่งปัญญา

พระศาสดาประทับนั่งในที่สุดประมาณ ๑๒๐ โยชน์เทียว ทอด
พระเนตรดูภิกษุนั้นแล้วดำริว่า " ภิกษุนั้นเป็นผู้มีปัญญา (กว้างขวาง)
ดุจแผ่นดิน ด้วยประการใดแล; การที่เธอตั้งตนไว้ด้วยประการนั้นนั่นแล
ย่อมสมควร." แล้วทรงเปล่งพระรัศมีไป ประหนึ่งตรัสอยู่กับภิกษุนั้น
ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๕. โยคา เว ชายตี ภูริ อโยคา ภูริสงฺขโย
เอตํ เทฺวธา ปถํ ญตฺวา ภวาย วิภวาย จ
ตถตฺตานํ นิเวเสยฺย ยถา ภูริ ปวฑฺฒติ.
" ปัญญาย่อมเกิดเพราะการประกอบแล, ความ
สิ้นไปแห่งปัญญาเพราะการไม่ประกอบ, บัณฑิตรู้
ทาง ๒ แพร่ง แห่งความเจริญและความเสื่อมนั่น
แล้ว พึงตั้งตนไว้โดยประการที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้."
 :25: :25: :25:

9  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากทราบ วิธี ชนะความขี้เกียจ ในการภาวนาต้องทำอย่างไรคะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2011, 06:11:00 am
มีหลายคนกล่าวว่า ภาวนา ให้ปฏิบัติภาวนาที่บ้านก็ได้คะ

แต่ดิฉันก็ลองทำบ้านเป็น สถานที่ภาวนา จัดห้องพระเป็นส่วนบุคคล แต่พอถึงเวลาภาวนา

ก็มักจะง่วงนอน หลับไปเลยก็หลายครั้ง บางครั้งนอนเพลิน ๆ ก็ไม่อยากภาวนา จนบางทีก็ต้องรีบไปทำงาน

อยากทราบว่า เราควรทำอย่างไร จึงจะชนะความขี้เกียจในการภาวนา ตรงนี้ได้คะ
 :c017: :25:
10  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ตักบาตรหนังสือ ที่ราชประสงค์ วันที่ 17 ก.พ.2554 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2011, 10:41:29 pm


ที่มาข่าวสาร
http://www.dmgbooks.com/
11  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / มรณัสสติ ในกรรมฐาน มีวิธีการปฏิบัติภาวนาอย่างไรคะ เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 07:35:33 am
เนื่องด้วย มรณัสสติ เป็นกองกรรมฐานหนึ่ง

 อยากทราบว่า มีวิธีกำหนดบริกรรม อย่างไรที่ถูกต้อง ในกรรมฐานคะ

  :25:
12  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การปฏิบัติ วิปัสสนา มีความจำเป็นต้องใช้สมาธิ ระดับไหน เมื่อ: มกราคม 23, 2011, 10:30:54 pm
คือพอได้ศึกษา ปฏิบัติ พระคุณเจ้า ก็บอกให้ปฏิบัติสมาธิ แล้วเราต้องการภาวนาวิปัสสนาโดยตรง
แต่ถ้าต้องปฏิบัติสมาธิ แล้วต้องปฏิบัติ สมาธิ ถึงระดับไหนจึงจะใช้วิปัสสนาได้ คะ
 :c017:
13  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การนับของอานาปานสติ แบบกรรมฐาน มัชฌิมา แบบเข้าใจง่าย และ ทำได้ง่ายๆ เมื่อ: มกราคม 19, 2011, 07:50:15 pm
การนับของอานาปานสติ แบบกรรมฐาน มัชฌิมา แบบเข้าใจง่าย และ ทำได้ง่ายๆ

 มีวิธีการนับอย่างไรค่ะ รบกวนท่านผู้่รู้ช่วย ชี้แนะด้วยค่ะ 

 เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติสำหรับผู้มาใหม่อย่างข้าพเจ้า

 ที่เพิ่งย่างก้าวเข้าเส้นทางสายธรรม...ขอขอบพระคุณมา ณ.ที่นี้ค่ะ
 :25:
14  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / นั่งสมาธิ แล้ว จะหมดกิเลสได้อย่างไรคะ เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 01:47:09 pm
นั่งสมาธิ แล้วจะทำให้หมดกิเลสอย่างไร คะ

  เพราะใจเห็นว่า นั่งสมาธิ แล้ว ไม่สามารถทำให้ใจหมดกิเลสได้จริง ๆ คะ

 :'(
15  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เมื่อก่อนนั่งภาวนา บ่อย ๆ คะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นอย่างไรไม่อยากนั่งภาวนาคะ เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 01:45:51 pm
เมื่อก่อนนั่งภาวนา บ่อย ๆ คะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นอย่างไรไม่อยากนั่งภาวนาคะ

 เมื่อก่อนจะนั่งภาวนาได้ครั้งละ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ แทบทุกวัน แต่มาช่วงหลังจากที่หยุดภาวนา

ไปทำการค้า และ งานประจำก็เลยหยุดภาวนา พอจะกลับมาภาวนาอีกครั้งไม่สามารถภาวนา

ได้แบบของเก่าเป็นเพราะอะไรคะ เพราะเดี๋ยวนี้นั่งกรรมฐานได้ไม่เกิน 10 นาทีก็มีความรู้สึกว่า

ไม่อยากจะภาวนาแล้วคะ

 :03:
16  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้าจิตกระสับกระส่าย หงุดหงิด ทำอย่างไรดีคะ เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 12:28:17 pm
บางครั้งพอมีเรื่อง กลุ้ม ๆ กังวล ทำให้ใจกระสับกระส่าย หงุดหงิด พาลจะทำให้อารมณ์โมโหง่าย

บางครั้งก็พูด ออกไปโดยไม่ได้ยั้งคิด ยั้งทำ คะ

อยากทราบวิธีการแก้ไขทางธรรมะ ควรทำอย่างไรที่ให้ทันสภาวะ ทันการณ์คะ
 :25:
17  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / กรรมฐาน ปรับธาตุ ให้บริสุทธิ์ ได้อย่างไรคะ เมื่อ: มกราคม 06, 2011, 12:42:52 pm
อ่านแล้วยังไม่เข้า ใจว่า ทำไมต้องปรับธาตุ

  กรรมฐาน จะปรับธาตุได้อย่างไร คะ
 :25:
18  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / มีวิีธีการ ขึ้นห้องวิปัสสนา แบบสุกขวิปัสสก หรือป่าวคะ เมื่อ: มกราคม 06, 2011, 12:41:21 pm
มีวิีธีการ ขึ้นห้องวิปัสสนา แบบสุกขวิปัสสก หรือป่าวคะ
19  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ศีล นับความหมดจดเมื่อใดคะ เมื่อ: มกราคม 06, 2011, 12:40:36 pm
อยากทราบเวลาเรารักษา ศีล นั้นต้องใช้เวลาเท่าใด จึงจะเรียกว่า ศีลนี้บริสุทธิ์ คะ
20  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / ประวัติหลวงพ่อย้อย ปุญญมี วัดอัมพวัน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี เมื่อ: มกราคม 02, 2011, 10:19:53 am
ประวัติหลวงพ่อย้อย ปุญญมี วัดอัมพวัน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี
พระอธิการย้อย
ฉายา ปุญญมี
ชื่อเดิม ย้อย นามสกุลชาติภูมิ
เกิดวันที่ 1 กรกฎาคม 2435 ปีมะโรง ที่บ้านโรงเหล้า (บ้านอัมพวัน) หมู่ที่ 3 ตำบลศาลารีไทย อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เชื้อชาติไทย
สัญชาติไทย บิดาชื่อ นายนิ่ม เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ มารดาชื่อ นางแป๋ เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ
ก่อนบรรพชาอุปสมบท อยู่บ้านโรงเหล้า(บ้านอัมพวัน) หมู่ที่ 3 ตำบลศาลารีไทย อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี
การศึกษา
การศึกษา ประถมปีที่ 4 พ.ศ.2452 ที่วัดวังแดงเหนือ
บรรพชาที่วัดอัมพวัน อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เมื่อ พ.ศ. 2452 อายุ 16 ปี เศษ มีพระครูสา วัดวังแดงเหนือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์
อุปสมบท
อุปสมบทที่วัดอัมพวัน อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2456 อายุ 21 ปีมีพระครูสา วัดวังแดงเหนือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์
มีพระใบฎีกาโป๋ วัดวังแดงเหนือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระกรรมวาจาจารย์มีพระใบฎีกานาค วัดสมุหประดิษฐาราม อำเภอเสาไห้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ตำแหน่งตามพรบ.คณะสงฆ์
ตำแหน่ง พระอธิการเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน เมื่อ พ.ศ.2461 อายุ 26 ปี
มรณภาพ
วันที่ 19 ธันวาคม 2525 รวมอายุ 90 ปี รวม 72 พรรษา
 
สำหรับประวัติหลวงพ่อย้อย ปุญญมี นั้น เป็นที่น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ไม่มีผู้เขียนที่สามารถจะเขียนได้อย่าง ละเอียดได้ เพราะว่าลูกศิษย์หลายท่านที่จะนำไปทำประวัติ
รวมทั้งคุณไพบูลย์ ชมภูทัพ ผู้เขียนเรื่องของดีวัดอัมพวัน ในหนังสือพระธาตุเจติยานุสรณ์ ของวัดอัมพวัน ได้ไปสอบถามกับหลวงพ่อย้อยด้วยตัวเอง 2-3 ครั้ง
ท่านเพียงแต่บอกว่าไม่ต้องเอาไปลงหรอก ทุกครั้งไป จึงเป็นเรื่องจนปัญญาที่จะหาประวัติอย่างละเอียดของท่านได้ เท่าที่ค้นหาได้จากทะเบียนพระภิกษุวัดอัมพวันตามรายละเอียดที่
ปรากฎข้างต้นนี้ อาจารย์ผู้สั่งสอนเวทย์มนต์คาถา ตำราต่างๆ ให้แก่ท่านคือ หลวงพ่อโป๋ วัดวังแดงเหนือ ที่เป็นพระพระกรรมวาจาจารย์ ตอนที่ท่านอุปสมบทนั่นเอง
หลวงพ่อย้อยเป็นพระภิกษุผู้ทรงศีล บริสุทธิ์ ที่เจริญด้วยเมตตาอย่างยิ่ง ผู้ที่ได้พบท่านมาแล้วคงจะได้เคยเห็นว่าเวลาท่านฉันอาหารไม่ว่าเช้าหรือเพล
แทบจะกล่าวได้ว่าทุกเวลาที่ท่านฉันจะมี สุนัขและแมวล้อมรอบตัวท่านและสำรับกับข้าวของท่านจำนวนมาก ท่านไม่เคยไล่ให้หนีออกไปเลย ท่านฉันอาหารไป ท่านก็ให้อาหารสุนัข
แมวไปด้วยทุกครั้ง ยุงที่กัดท่านก็ไม่เคยที่กัดท่านไม่เคยถูกไล่หรือตี มีลูกศิษย์จะตีให้ก็ไม่ยอมให้ตีบอกแต่เพียงว่าเขาอิ่มแล้วเขาก็ไป คุณลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งของท่านก็คือ
ท่านไม่เคยขัดศรัทธาของผู้ที่ไปหาท่าน ต้องการให้ท่านทำ หรือช่วยอย่างไร ท่านทำให้ทุกอย่าง ท่านมีวิชาอาคมเวทย์มนต์คาถาแต่ใช้ในทางที่ถูกเท่านั้น ช่วยเหลือ,ป้องกันภัย
ไม่ว่าจะลงกระหม่อม ทำน้ำมนต์อาบให้ หรือปลุกเสกเครื่องลางของขลังไว้ป้องกันตัวจากภัย อันตรายต่างๆ ที่ถูกผู้อื่นทำใส่ หรือที่เรียกว่า”คุณไสย” ท่านเป็นทำให้ทั้งนั้น
ไม่เคยขัดคำขอร้องของผู้ไปหาเลย อีกประการหนึ่งท่านมีประสาทหูเสีย (หูหนวก) จึงมีสมาธิดีกว่าปกติ เพราะไม่สามารถฟังเสียงรบกวนจากบริเวณใกล้เคียง
ของขลังของท่านจึงศักดิ์สิทธิ์ มีพุทธานุภาพมาก แม้กระทั่งว่าท่านเจ้าคุณพระมหานายก วัดบวรนิเวศ ลูกศิษย์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก
สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน เล่าให้ฟังว่าท่านสมเด็จพระญาณสังวร ทรงมีและคาดตระกรุดหลวงพ่อย้อยที่เอวท่านประจำ ปรากฏการณ์ ผลศักดิ์ สิทธิ์และ
อภินิหารเป็นที่เลื่องลือในบรรดาลูกศิษย์และคนทั่วไปที่ได้เคยมีประสบการณ์มาแล้ว
เช่น 1.คุณศุกลรัตน์ ธนรัตน์ติกานนท์ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้เล่าให้ฟังว่า ได้กำลังเดินข้ามถนน
บังเอิญไปคนคนแก่กำลังข้ามจึงได้ อาสาช่วยจูงข้าม ระหว่างข้ามถนนนั้นมีรถตู้วิ่งมาอย่างเร็วเบรคอย่างแรงด้วยความตกใจ จนรถเกือบชนอีกไม่กี่นิ้วก็ถึงตัว
ซึ่งชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์นั้นคิดว่ายังไงๆ 2 คนต้องถูกรถชนตายอย่างแน่นอน หลังจากเกิดเหตุคุณศุกลรัตน์ ธนรัตน์ติกานนท์
ได้คุยกับคนขับได้ความว่าที่เบรคนั้น เห็นภาพพระแก่ๆ ข้ามถนนจึงเบรค ไม่ได้เห็นตนเองกับคนแก่ที่ได้จูงข้ามเลย ทั้งๆที่นั้นไม่ปรากฎพระรูปใดๆอยู่เลย
แสดงความแปลกใจให้กับคุณศุกลรัตน์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นึกขึ้นได้ว่าได้แขวนพระเหรียญหลวงพ่อย้อยรุ่น 2 ด้านหลังมีหลวงพ่อขาวไว้ในคอ เพียงองค์เดียว
เจ้าตัวจึงศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อว่า ท่านได้มาช่วยเราปลอดภัย ตั้งแต่นั้นมาพระองค์นี้ไม่เคยห่างกายเลย และยังเป็นที่เคารพศรัทธาตลอดมา
2.ครั้งหนึ่งมีคุณป้าคนหนึ่งเดินทางไป ทัศนาจร นครเวียงจันทน์ และตอนกลับได้ซื้อของจากเวียงจันทน์ข้ามฝั่งมาไทยหลายสิ่งหลายอย่าง ปรากฎว่าในคณะที่ไปด้วยกันนั้นถูกด่านตรวจและยึดสิ่งของไปหมด ครั้นตรวจมาถึงคุณป้าคนนี้คนตรวจกลับถามว่าป้ามาจากไหน คุณป้าตอบว่ามาจากสระบุรี คนตรวจถามเพียงเท่านั้นแล้วก็เดินผ่านไป โดยไม่ได้ตรวจค้นสิ่งของและยึดของเหมือนคนก่อนๆ ปรากฎว่าเพราะคุณป้าคนนี้มีตระกรุดมหาจักรพรรตราธิราชติดตัวไปด้วย และมีเพียงอย่างเดียว ในขณะที่เขากำลังตรวจคนอื่นอยู่นั้นคุณป้าไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยยกมือจับที่ตระกรุดและนึกถึงหลวงพ่อย้อย พร้อมกับรำพึงขอให้หลวงพ่อย้อยช่วยให้แคล้วคลาดไปสักครั้งเถิด (มาจากเรื่องของดีวัดอัมพวัน ในหนังสือพระธาตุเจติยานุสรณ์ ของวัดอัมพวัน คุณไพบูลย์ ชมภูทัพ ผู้เขียน)
3.อีกรายหนึ่งรถคว่ำ ทุกคนบนรถบาดเจ็บล้มตามกัน แต่ตัวเขาเองไม่ได้รับอันตรายใดๆเลย และมีมหาจักรพรรตราธิราชเพียงดอกเดียว หลังจากนั้นไม่กี่วันปรากฎว่าเขาผู้นี้ได้ไปหาหลวงพ่อย้อยที่วัด และขอสั่งจองมหาจักรพรรตราธิราชอีกถึง 10 ดอก(มาจากเรื่องของดีวัดอัมพวัน ในหนังสือพระธาตุเจติยานุสรณ์ ของวัดอัมพวัน คุณไพบูลย์ ชมภูทัพ ผู้เขียน)
เคยมีผู้กล่าวว่า ใครมีของขลังของหลวงพ่อย้อยไว้กับตัวไม่ต้องกลัวภัย โดยเฉพาะตระกรุดมหาจักรพรรตราธิราชด้วยแล้ว มีคุณานุภาพมากมายแล้วแต่จะอธิฐานใช้เอา ย่อมเกิดผลให้ทันตาเห็น สมกับที่หลวงพ่อท่านเปรียบเทียบเท่ากับแก้วสารพัดนึกนั่นเทียว แต่ทั้งนี้ต้องใช้ในทางที่ถูกที่ควร และสิ่งที่เป็นไปได้

ที่มาเนื้อหา
http://www.ampawun.com/L1.htm
21  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ** 7 .. ความเชื่อผิดๆ.. เมื่อเป็นไข้หวัด ** เมื่อ: ธันวาคม 31, 2010, 10:14:17 am
** 7 .. ความเชื่อผิดๆ.. เมื่อเป็นไข้หวัด **
 
..เวลาจามให้เอามือปิดปาก ..เวลามีไข้ให้นอนพักผ่อนเยอะๆ ..ไม่ควรออกกำลังกาย หลากความเชื่อแสนคลาสสิกที่ได้ยินกันมานาน
       
       เชื่อว่าหลายคนต้องมีแอบสงสัย -> จริงมั้ยนะกับความเชื่อเหล่านี้!!
       
       เอางี้ดีกว่า เรามาฟังคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกันค่ะ ว่าความเชื่อไหนกันที่ถูก แล้วความเชื่อไหนบ้างที่ผิด เผื่อคุณๆ จะได้เอาไว้เป็นแนวปฏิบัติตัวให้หลีกไกลโรคไข้หวัด ในภาวะฝนตกชุกอย่างช่วงนี้ไงคะ
       
        ความเชื่อที่1 : ห้ามออกจากบ้าน ขณะที่ผมยังเปียก

   
        ข้อเท็จจริง ถึงผมไม่เปียกก็เป็นหวัดได้ ถ้ารับเชื้อหวัดเข้าไป
       
       หลายคนมีความเชื่อว่า หากออกจากบ้านในขณะที่ผมเปียก ศีรษะเย็น จะเสี่ยงต่อการเป็นหวัด ทว่าความจริงแล้วผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ Rachel Vreeman คุณหมอด้านกุมารเวชศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัย Indiana เปิดเผยว่า ไม่เป็นความจริง เพราะไม่ว่าผมคุณจะเปียก หรือไม่เปียก คุณก็สามารถเป็นไข้หวัดได้ หากได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดเข้าไป
       
       “เราได้ทำการศึกษา วิจัยกับคน 2 กลุ่ม โดยฉีดเชื้อไวรัสไข้หวัดเข้าไปในจมูกของอาสาสมัครทั้ง 2 กลุ่ม หลังจากนั้นให้คนกลุ่มหนึ่งอยู่ในสภาพอากาศที่เปียกและเย็น อีกกลุ่มอยู่ในสภาพอากาศปกติ ซึ่งผลวิจัยพบว่า คนทั้งสองกลุ่มไม่ได้มีแนวโน้มในการเจ็บป่วยที่แตกต่างกันเลย ดังนั้นการเป็นหวัดจึงมาจากเชื้อไวรัสมากกว่าสภาพอากาศ”
       
        ความเชื่อที่2 : เป็นไข้แล้ว กินอาหารน้อยลงกว่าปกติ

   
        ข้อเท็จจริง ต้องกินอาหารที่ดี และมีประโยชน์ให้มากกว่าปกติ
       
       ข้อนี้ไม่ถึงกับเป็น ความเชื่อที่ผิด แต่คุณหมอVreeman ระบุว่า คนส่วนใหญ่มักปล่อยเลยตามเลย พอป่วยรู้สึกเบื่ออาหารก็จะไม่กิน หรือกินน้อยลง ซึ่งเป็นความผิดมหันต์ค่ะ
       
       เพราะแท้จริงแล้วเมื่อเป็นหวัด ร่างกายจะต้องการพลังงานจากอาหารมากกว่าปกติ เพื่อนำไปต่อสู้กับเชื้อไข้หวัด
       
       ดังนั้นหากมีไข้ เป็นหวัด จำให้ขึ้นใจว่า ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และพยายามดื่มน้ำมากขึ้น ร่างกายจะได้ไม่แย่ไปกว่าเดิมไงล่ะ
       
        ความเชื่อที่3 : ห้ามดื่มนมวัว เดี๋ยวน้ำมูกเยอะ

   
        ข้อเท็จจริง นมวัวไม่ได้ทำให้ปริมาณน้ำมูกเพิ่มขึ้น
       
       สำหรับความเชื่อนี้ คุณหมอVreeman แห่งมหาวิทยาลัย Indiana ฟันธงว่า ไม่เป็นความจริงค่ะ
       
       “คนส่วนใหญ่รวมถึง กุมารเวชศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่า นมวัวหรือผลิตภัณฑ์จากนมวัว จะเพิ่มการผลิตเมือก ซึ่งนั่นหมายถึงจะทำให้มีน้ำมูกมากขึ้น
       
       แต่จากผลการศึกษาด้วยวิธีการให้คนกลุ่มหนึ่งดื่นนมวัว อีกกลุ่มให้ดื่นนมถั่วเหลือง ผลก็ยังปรากฏว่า ปริมาณน้ำมูกของคนทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกันเลย”
       
        ความเชื่อที่4 : จับหน้าผาก สังเกตอาการไข้

   
        ข้อเท็จจริง ใบหน้าสามารถสังเกตอาการไข้ได้รวดเร็วกว่าที่หน้าผาก
       
       แท้จริงแล้ว การสังเกตตัวเองหรือคนใกล้ตัวว่าเริ่มมีอาการไข้หรือไม่นั้น ควรสังเกตที่ใบหน้ามากกว่าการเอามือแตะหน้าผากอย่างที่หลายคนเคยชิน
       
        Daniel Sessler นักวิจัยแห่ง Cleveland Clinic ระบุ ว่า ใบหน้าของเราจะบอกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงร่างกายได้มากที่สุด (มากกว่าศีรษะเสียอีก) ดังนั้นหากเริ่มรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อน ก็ไม่ต้องรอให้หน้าผากหรือศีรษะร้อนค่ะ เร่งควาญหาเสื้อหนาๆ มาใส่ให้อบอุ่นได้เลย เพราะนั่นคือสัญญาณเตือนของอาการไข้หวัดแล้ว
       
        ความเชื่อที่5 : กินซุปไก่ น้ำแกงชั้นยอด ช่วยลดไข้หวัดได้

   
        ข้อเท็จจริง ช่วยได้จริง แต่จะดียิ่งขึ้นถ้าในน้ำซุปมีผักอยู่ด้วย
       
       มีการกล่าวขานว่า ซุปไก่เป็นยารักษาหวัดตามธรรมชาติ ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Nebraska ให้ข้อมูลว่า เป็นความเชื่อที่ถูกต้องแล้ว เพราะไก่มีโปรตีน และกรดอะมิโนตามธรรมชาติ ที่ออกฤทธิ์เหมือนยาขับเสมหะ
       
       แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมที่จะใส่ผัก เข้าไปด้วยนะคะ เพราะผักอย่าง หอม หรือกระเทียม จะทำให้ซุปไก่ มีประโยชน์มากยิ่งขึ้นค่ะ
       
        ความเชื่อที่6 : เมื่อเป็นไข้ ควรผักผ่อนเยอะๆ และห้ามออกกำลังกาย

   
        ข้อเท็จจริง คุณต้องการการผักผ่อนก็จริง แต่การออกกำลังกายสักเล็กน้อยจะทำให้คุณรู้สึกดียิ่งขึ้น
       
       ข้อนี้เป็นความเชื่อฝังแน่น ที่หลายท่านคงได้ยินมาบ่อยๆ ส่วนข้อเท็จจริงสำหรับกรณีนี้ การศึกษาจากมหาวิทยาลัย Ball State ได้ ทำการศึกษากับอาสาสมัคร 2 กลุ่มที่เป็นหวัด โดยให้กลุ่มหนึ่งออกกำลังกาย 30 นาทีต่อครั้ง และ 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ขณะที่อีกกลุ่มพักผ่อนเฉยๆ โดยไม่มีการออกกำลังกาย และผลการศึกษาพบว่า แม้การหายจากภาวะป่วยของคนทั้งสองกลุ่มจะใช้เวลาไม่ต่างกัน แต่ในกลุ่มคนที่ออกกำลังกายจะรู้สึกดีกว่าสบายตัวกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกาย
       
       อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยชิ้นนี้ระบุด้วยว่า การออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ จะเกิดผลดีต่อร่างกายของคุณ แต่หากคุณกำลังป่วย แล้วดันไปออกกำลังกายหักโหม เช่น มากกว่า 90 นาทีต่อครั้ง ถือว่าไม่ดีนะคะ เพราะเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้ร่างกายเราเจ็บป่วยมากกว่าเดิมค่ะ
       
        ความเชื่อที่7 : การใช้มือปิดปากเมื่อจาม

   
        ข้อเท็จจริง ไม่ควรทำ เพราะจะยิ่งทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้มากขึ้น
       
       เรื่องนี้หลายคนอาจ เคยได้ยินกันมาแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ เลยต้องเตือนกันอีกทีว่า แม้การใช้มือปิดปากระหว่างไอหรือจามจะดูสุภาพ แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เชื้อโรคแพร่ไปยังผู้อื่นได้ง่ายขึ้น เพราะเมื่อเราไอหรือจามใส่มือ เชื้อโรคที่ติดอยู่ในมือจะสามารถแพร่ไปติดใครต่อใครได้ง่าย ผ่านจากการสัมผัสสิ่งต่างๆ เช่น โทรศัพท์ ปุ่มกดลิฟท์ หรือแม้แต่ลูกบิดประตู
       
       ดังนั้นวิธีที่ดีที่ สุดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อคือ เมื่อเป็นไข้หวัดควรล้างมือบ่อยๆ ใช้กระดาษทิชชูแทนผ้าเช็ดหน้า จะได้ใช้แล้วทิ้งไปเลย แต่หากไม่มีทิชชู เมื่อไอหรือจามควรใช้วิธีจามใส่ข้อศอกด้านในของตัวเอง เพราะเป็นจุดที่แพร่เชื้อโรคได้น้อยกว่ามือของเราค่ะ
22  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เก๋งซีวิคซิ่งชนท้ายรถตู้เสียหลักบนโทลล์เวย์ ดับสยอง 8 ศพ บาดเัจ็บอีก 7 ราย เมื่อ: ธันวาคม 30, 2010, 11:01:09 am
เก๋งซีวิคซิ่งชนท้ายรถตู้เสียหลักบนโทลล์เวย์ ก่อนรถตู้พลิกคว่ำหลายตลบ ประตูหลุดผู้โดยสารกระเด็นออกจากนอกตัวรถร่างร่วงกระแทกพื้นดับสยอง 8 ศพ บาดเัจ็บอีก 7 ราย

พ.ต.ท.สนอง แสงมณี สว.จร.สน.วิภาดี รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันบนทางด่วนโทลเวลย์ ฝั่งขาเข้าช่วงด้านหน้าสำนักงานปรมาณู และ ม.เกษตรศาสตร์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง เจ้าหน้าที่พบรถตู้โดยสารยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายทะเบียน 13-7795 กทม. เลขข้างรถ ต 11827 วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีชัยสมรภูมิ เสียหลักพลิกคว่ำจนสภาพรถพังยับเยิน

โดยมีผู้โดยสารชายหญิงได้รับบาดเจ็บจำนวน 6คน ห่างไปเล็กน้อยพบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน ฎว-8461 กทม.จอดอยู่กลางทางด่วนในสภาพหน้ารถพังยับเยิน ตรวจสอบข้างในรถพบผู้ได้รับบาดเจ็บหญิง 1 ราย เจ้าหน้าที่จึงรีบนำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลวิภาวดีเพื่อให้แพทย์ช่วยชีวิตเป็นการด่วน

ขณะเดียวกันบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตช่องทางคู่ขนานฝั่งขาเข้า ช่วงสะพานลอยด้านหน้าสำนักงานปรมาณู และข้างคลองริมรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิตชายหญิง ซึ่งเป็นผู้โดยสารรถตู้ที่กระเด็นตกลงมาจากทางด่วน กระจัดกระจายเกลื่อนพื้นถนน จำนวน 6 ศพ  นอก จากนี้ยังพบศพกระเด็นไปติดอยู่บนสะพานลอยคนข้ามถนนอีก 1 ศพ และอีก 1 ศพกระเด็นตกลงไปในคลองข้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมแล้วมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เป็นชาย 5 หญิง 3 ส่วนบนพื้นถนนเต็มไปด้วยเศษกระจก เศษเหล็กเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบปิดการจราจร เพื่อเคลียร์พื้นที่ส่งผลให้การจราจรเส้นทางวิภาวดีฝั่งขาเข้านั้นติดขัด อย่างหนักยาวไปจนถึงรังสิต

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุรถตู้โดยสารคันดังกล่าวกำลังวิ่งไปส่งผู้โดยสารที่อนุสาวรีย์ ชัยฯ มาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ก็ถูกรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค คู่กรณี ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าชนท้ายอย่างจังจนทำให้รถตู้เสียหลักพลิก คว่ำหลายตลบ กระจกแตก ประตูหลุด จนผู้โดยสารกระเด็นออกจากนอกตัวรถจนได้รับบาดเจ็บ และร่วงลงมาเสียชีวิตด้านล่างดังกล่าว

รายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 8 รายประกอบด้วย

1.นายภิญโญ จินันทุยา อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 40/73 ซอยอารีย์ 4 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริหารจัดการเทคโนโลยีและสารสนเทศ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง ม.ธรรมศาสตร์

2.นายศาสตรา เช้าเที่ยง เจ้าหน้าที่ประจำ สวทช. สภาพศพห้อยอยู่บนสะพานลอยคนข้าม

3.นายปรัชญา คันธา อายุ 21 ปี อยู่้บ้านเลขที่ 105/29 หมู่ 1 ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

4.นายอุกฤษฎ์ รัตนโฉมศรี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/1 หมู่ 1 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นักวิจัยไบโอเทค

5.น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ อายุ 20 ปี นักศึกษาปี 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลานสาวของนางนฤมล นิลวรรณ ดารานักแสดงตัวประกอบรุ่นใหญ่

6.นางนฤมล ปิตาทานัง อายุ 38 ปี คนขับรถตู้

7.นายเกียรตินัน รอดอารี อายุ 23 ปี

8.น.ส.ตรอง สุดธนกิจ 24 ปี 

ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งหมด 7 รายประกอบด้วย 1.น.ส.กัญจน์นภัส ปัญญาประเสริฐ อายุ 23 ปี 2.นายวรัญญู เกตุชู อายุ 20 ปี 3.น.ส.อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 18 ปี คนขับรถเก๋ง 4.นายมูฮัมหมัด ชารีฟ อายุ 31 ปี 5.นายวิสรุต พลสิทธิ์ อายุ 35 ปี 6.นายสุนทร ปิตตาทานัง อายุ 43 ปี และ 7.หญิงไทยไม่ทราบชื่อ

ความคืบหน้าล่าสุด นายณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุธยา พระเอกชื่อดังจากค่ายเอ็กแซ็กท์ ได้ยอมรับแล้วว่าคนขับซีวิคที่ชนรถตู้จนมีคนเสียชีวิต คือน้องสาวต่างมารดา ชื่อจริง นางสาวอรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา วัย 18 ปี มีชื่อเล่นว่า แพรวา

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดรถเก๋งคันดังกล่าววิ่งมาด้วยความเร็วสูงประมาณ 100กม./ชม. ก่อนที่จะสะบัดแล้วพุ่งชนรถตู้อย่างจัง เบื้องต้น นางสาวอรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา ถูกตั้งข้อหาขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ อย่างไรก็ดี นางสาวอรชร ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยให้การว่า เพิ่งกลับจากสหรัฐอเมริกาได้ไม่นาน ก็มาประสบอุบัติเหตุดังกล่าว

ที่มา
http://news.sanook.com/991173-%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%87%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B9%89-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-8.html
หน้า: [1]