ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - ปอง
หน้า: 1 2 [3]
81  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เชิญร่วมฝึกสมาธิ กับ อาจารย์ทองทิพย์ โอภาโส เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 01:53:48 pm
อนุโมทนาด้วย ปิดเทอม ก็ว่าจะไปร่วมทำบุญกับ คุณพ่อ ที่นี่ด้วยคะ

 :25: :25:
82  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: สวดมนต์ ตอนเช้า ทำให้จิตใจผ่องใส เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 01:38:03 pm
อนุโมทนา จ้า

 :25: :25:
83  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อาหาร ต้องห้าม ยามท้องว่าง เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 01:29:04 pm

อาหารต้องห้ามยามท้องว่าง
 
 



 
                    คงจะมีบ่อยครั้งที่เรารับประทานอาหารหรือ เครื่องดื่ม โดย ไม่คำนึงถึงผลที่จะได้รับ ต่อร่างกาย แม้กระทั่งว่าบางชนิดเราเองก็ทราบดีว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่รู้หรือไม่ว่า หากเรารับประทานในขณะที่ท้องว่างอาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ ทั้งนี้เพราะสารอาหารต่างๆ ที่มีอยู่ในตัวของมันจะไป สร้างปฏิกิริยา กับน้ำย่อยในกระเพาะ ของเราจนเกิดอาการผิดปกติ  หมูหวานเลยยกอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ควร รับประทานขณะท้องว่างมาให้รู้กันว่ามีอะไรบ้าง จะได้คิดให้ถี่ถ้วนก่อนหยิบเข้าปาก

นมและนมถั่วเหลือง

                     เป็นที่ทราบกันดีว่า นมสดและนมถั่วเหลืองเป็นเครื่องดื่มมากคุณค่า อุดมไปด้วยโปรตีน แต่หากดื่มโดยที่กระเพาะอาหารยังไม่มีอะไรมารองรับจะทำให้เกิดอาการจุกเสียด และปวดท้อง เนื่องจากกระเพาะต้องทำงานหนักในการย่อยสารอาหารในนม ในบางรายจะมีอาการท้องเสียทันที

กล้วย

                    ผู้ช่วยตัวเก่งของผู้มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย อีกทั้งยังมากด้วยคุณค่าทางโภชนาการ อย่างไรก็ดีก็ไม่ควรรับประทานในขณะที่ท้องว่าง เพราะธาตุแมกนีเซียมในกล้วยจะไปเพิ่มปริมาณสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียม ไป อีกทั้งยังไปยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ ส่งผลให้เกิดอาการแน่นหน้าอก อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ

ลูกพลับ

                    ผลไม้สีส้มสวยสด รสชาติหอมหวาน มากคุณค่า แต่หากรับประทานขณะท้องว่างจะทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดเกลือออกมามากเกินไป และหากกรดนี้เกิดการรวมตัวกับยางและสารแขวนลอยในลูกพลับ จะมีอาการแน่นหน้าอกคลื่นไส้ และเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้

น้ำตาลหรือของหวานต่างๆ

                    เวลาอ่อนเพลียทีไร เป็นต้องนึกถึงของหวานๆ จำพวกน้ำอัดลม ลูกกวาด หรือ ช็อกโกแลต เพื่อเพิ่มความสดชื่น แต่หากรับประทานขณะท้องว่างจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากกว่าเดิมได้ ทั้งนี้เพราะความหวานนั้นเป็นตัวทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาล ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนทุกชนิด รวมถึงโปรตีนที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายด้วย จึงเป็นสาเหตุให้สมรรถภาพการทำงานของไตและการหมุนเวียนของโลหิตลดลง

น้ำชา

                     ในวันที่อากาศเย็น หากได้จิบน้ำชาร้อนๆ ก็จะทำให้รู้สึกดีขึ้น แต่ความเข้มข้นเกินไปของน้ำชา จะทำให้กรดเกลือของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารที่ว่างอยู่เจือจางลง จนส่งผลให้ระบบย่อยของอาหารลดลง อาจเกิดอาการใจสั่น วิงเวียนศีรษะ มือเท้า อ่อนแรงได้ หากใครชอบรสชาติชาที่เข้มข้นก็ควรหาของว่างรับประทานควบคู่ไปด้วย

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

                      ความจริงแล้วเครื่องดื่มอย่างแอลกอฮอล์นั้นส่งผลเสีย ต่อร่างกายทั้งยังยามท้องอิ่มและท้องว่าง แต่จะส่งผลรุนแรงกว่า ในขณะท้องว่าง เพราะแอลกฮอล์จะเข้าไปกระตุ้นและทำลายเยื่อบุกระเพาอาหาร ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ จนกลายเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้

กระเทียม

                      ใครที่มีปัญหาเรื่องคอเรสเตอรอลอยู่ล่ะก็ กระเทียมช่วยคุณได้ แต่รสชาติที่ฉุนและเผ็ดของกระเทียมจะส่งผลให้เยื่อบุในกระเพาะอาหารเกิดการ อักเสบอย่างรุนแรงได้ ทั้งนี้เพราะกระเทียมจะไปกระตุ้นระบบการย่อยอาหารให้มากเกินความจำเป็นของ ร่างกาย ฉะนั้นจึงไม่ควรรับประทานกระเทียมหากยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง

Tips

                       การรับประทานผลไม้ในมื้อเช้าแทนข้าว จะช่วยให้ระบบการย่อยอาหารในระหว่างวันดีขึ้นทั้งนี้เพราะในผลไม้มีเอนไซม์ ที่เป็นประโยชน์และย่อยตัวเองได้ อีกทั้งร่างกายยังช่วยดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ จากผลไม้ใช้ได้เต็มที่ และช่วยล้างสารพิษที่ตกค้างในระบบทางเดินอาหารได้ดี แต่ควรเลือกผลไม้ที่มีกากและใยอาหาร

                        ที่สำคัญต้องเป็นผลไม้สดไม่ใช่ผลไม้ดองนะคะนอก เหนือจากอาหารบางชนิดจะส่งผลเสียต่อร่างกายในขณะท้องว่างแล้ว ยังมีสิ่งต้องห้ามขณะท้องว่างอีกด้วย นั่นคือไม่ควรออกกำลังกายและอาบน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดอาการช็อกได้เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างไรก็ตาม เราสามารถดื่มน้ำเปล่า(อุณหภูมิห้อง)สักหนึ่งแก้วเพื่อเป็นการรองท้องก่อน ที่จะรับประทานอาหารต่างๆ รับรองได้ว่าไม่มีผลเสียต่อร่างกายแน่นอน
84  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: 3 พระสูตรที่ยืนยันว่า: ธรรมธาตุ/นิพพาน/พระพุทธเจ้า เป็นผู้สร้างสร้างสิ่งทั้ง เมื่อ: ตุลาคม 11, 2010, 12:51:27 pm
อ่านแล้ว ก็เห็นด้วย ครับ คุณ tumnum หงาย

 :25:
85  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิธีลดกรรม แบบชาวบ้าน เมื่อ: ตุลาคม 11, 2010, 12:32:11 pm
อยากให้เอาไว้อ่านกันนะจะได้ไม่ทำบาปกรรม ไม่ว่ากับ คน สัตว์ หรืออะไรก็ตาม เพราะว่ากรรมมันมีจริง และติดจรวดด้วย   (ตอนนี้กรรมมันมี GPS ไม่ ช้าก็หาเราเจอ) อย่าลืม ใครทำอะไรไว้ก็ได้แบบนั้นแหละ แต่สำหรับคนที่ทำดีแล้ว เอาไว้ส่งเป็นวิทยาทานให้กับคนที่กำลังลุ่มหลงในกรรมอยู่นะ จะได้เป็นบุญของเรา
 การลดกรรม 45อย่าง (ควรอ่านอย่างยิ่ง)
มาทำความดี ละเว้นความชั่วกันดีกว่า

1. กรรมที่ไม่มีลูก
กรรมจาก การทำร้ายลูกของสัตว์อื่น พรากสัตว์อื่นจากพ่อแม่หรือเคยข่มเหงลูกคนอื่น
ลดกรรม ด้วยการงดกินเนื้อสัตว์ทุกๆ 7 วัน ในทุกๆเดือนทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญบริจาคทานที่มูลนิธิสัตว์หรือ มูลนิธิเด็กอ่อน

2. เจ็บป่วยบ่อย หรือเป็นโรคร้าย
กรรมจาก เคยทำทารุณกรรมต่อสัตว์
ลดกรรม ด้วยการทำบุญทำทานกับสัตว์อนาถา ให้อาหารให้ความเมตตา ซื้อยาหรือบริจาคเงินที่โรงพยาบาลสงฆ์ ทำบุญปล่อยเต่า
งดกินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต

3. ตาบอดหรือเป็นโรคตา
กรรมจาก เคยทำร้ายสัตว์ที่ดวงตา หรือไม่เคยทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงในชาติก่อน หรือเคยทำลายไฟฟ้าของวัด ของที่สารธารณะ
ลดกรรม ซื้อโคมไฟ หลอดไฟถวายวัด ถวายเทียนห่อใหญ่ ถวายไฟฉาย เติมน้ำมันตะเกียงทุกวันพร! ะ บริจาคเงินในกล่อง
ซื้อน้ำมันเติมตะเกียงที่วัด

4. ถูกรถเฉี่ยวชน ถูกลูกหลง ถูกสัตว์กัดต่อย
กรรมจาก จากเคยเป็นคนพาลเกะกะเกเร หาเรื่องเดือดร้อนให้ผู้อื่น มักรังแกและสาปแช่งผู้อื่นอยู่เสมอ
ลดกรรม หมั่นพูดดี มีวาจาไพเราะ

5. สูญเสียคนใกล้ชิด
กรรมจาก เคยยิงนกตกปลา
ลดกรรม ทำบุญไถ่ชีวิตโค กระบือ งดกินเนื้อสัตว์อย่างน้อยสัก 1 อย่างชั่วชีวิต หรือกินเจทุกๆ 3 เดือน ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา

6.ถูกนินทา ถูกให้ร้าย
กรรมจาก เคยพูดจาให้เป็นเหตุให้คนอื่นเป็นทุกข์หรือเดือดร้อน
ลดกรรม พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี พูดดี พูดให้คนอื่นเกิดประโยชน์ พูดให้ผู้อื่นมีความสุข

7. มักเดือดร้อนเพราะไฟ ไฟไหม้บ้าน ไฟดูด
กรรมจาก เคยลบหลู่พระสงฆ์ และศาสนา
ลดกรรม ตักบาตรทุกวันพระ ทำบุญถวายสังฆทานทุกเดือน ฟังเทศน์ฟังธรรมทุกวันพระ หรือทุกๆเดือนในวันพระ ร่วมพิมพ์หนังสือ
ธรรมะแจกจ่ายฟรี

8. ขาดบารมี ไร้ญาติขาดมิตร
กรรมจาก ไม่เคยไปร่วมงานบุญงานศพ
ลดกรรม ร่วมทำบุญงานศพ บริจาคเงิน หรือร่วมด้วยแรงกายช่วยงานอื่นๆในงานศพ เช่นทำอาหาร จัดดอกไม้

9. ตั้งหลักปักฐานไม่ได้ โยกย้ายบ่อย
กรรมจาก ไม่เคยร่วมทำบุญสร้างโบสถ์สร้างวิหาร แก่วัดวาอารามต่างๆ
ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างหลังคาวิหาร ร่วมทำบุญฝังลูกนิมิต หมั่นไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ณ เมืองที่ตนอยู่อาศัย

10. มักถูกรังแก ถูกเบียดเบียน
กรรมจาก ไม่เคยบวช หรือทำบุญงานบวช
ลดกรรม บวช ด้วยจิตศรัทธาปวารถาอย่างบริสุทธิ์ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงจะบวช 7 วัน หรือ 15 วัน 1 เดือน 1 พรรษา แล้วแต่
จิตศรัทธา ถ้าเป็นสตรีจะบวชชีพราหมณ์ หรือถือศีล 8 ตามเวลาที่สะดวกและตั้งจิตศรัทธา หรือร่วมทำบุญงานบวชอย่าง
สม่ำเสมอเท่าที่จะทำได้

11.ไม่มีคนชื่นชมเอ็นดู ชาดเสน่ห์
กรรมจาก ไม่เคยถวายของหอม
ลดกรรม หมั่นทำบุญไหว้พระทุกวันพระ ถวายธูปหอม เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัย ทองคำเปลว ประน้ำอบน้ำปรุง ประพฤติดี
ปฏิบัติชอบต่อผู้อื่น คิดดี ทำดี พูดดี ให้ผู้อื่นได้ดี มิให้ร้ายผู้ใด

12. เป็นที่รังเกียจ มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว
กรรมจาก ทำติเตียนดูแคลน ผู้ที่ชอบทำบุญทำทาน
ลดกรรม หมั่นทำบุญทำทานอย่างสม่ำเสมอ ฟังเทศน์มหาชาติทุกๆปี ชักชวนผู้อื่นให้ร่วมทำบุญหรือบริจาคทานเป็นการบอกบุญผู้อื่น
พิมพ์หนังสือธรรมะจ่ายแจกฟรี

13. ไปไหนมาไหนลำบาก มีแต่อุปสรรค
กรรมจาก เคยทำลายหนทางสัญจรของวัด หรือของชาวบ้าน หรือทำให้ทางสัญจรสาธารณะได้รับความไม่สะดวก
ลดกรรม บริจาคทรัพย์หรือแรงกายช่วงสร้างสะพาน สร้างทางอันเป็นประโยชน์แก่วัด หรือชุมชนเล็กๆ ช่วยผู้คนยากไร้ให้
ได้มียวดยานพาหนะหรือทางสัญจรที่สะดวก

14. เป็นคนรับใช้เขาร่ำไป
กรรมจาก เคยเนรคุณผู้ที่เคยมีพระคุณแก่ตน
ลดกรรม ตอบแทนผู้มีคุณด้วยความกตัญญู ร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูป พระประธาน ทำทานทั้งกับคนและสัตว์

15. ขัดสน อดมื้อกินมื้อ
กรรมจาก เคยละเว้นการใส่บาตร ละเว้นการให้ทาน เมื่อมีคนยากไร้มาขอทานอาหารและน้ำ
ลดกรรม แบ่งปันอาหาร น้ำ เสื้อผ้า แก่คนยากไร้อนา! ถา แม้ไม่มีเงินก็แบ่งปันสิ่งของตามที่มี ตักบาตรทุกเช้าหรือทุกวันพระ

16. อาภัพคู่ ร้างคู่
กรรมจาก เคยผิดลูกผิดเมียเขา
ลดกรรม บวชพระ หรือบวชชีพราหมณ์ ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพงานแต่งงานคู่บ่าวสาวที่ยากจน ถวายของเป็นคู่ เช่น แจกันคู่
เชิงเทียนคู่ หมอนคู่ เป็นต้น

17. ได้คู่ที่เลวร้าย ทำร้ายตนหรือทำให้เป็นทุกข์
กรรมจาก เคยข่มขืนเขาในชาติก่อน เคยทุบตีทำร้ายคู่
ลดกรรม บวชพระ หรือบวชชีพราหมณ์ ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา

18. อยู่โดดเดี่ยวยามบั้นปลาย
กรรมจาก เคยจับสัตว์ขัง
ลดกรรม ทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญทำทานแก่เด็กอนาถาและสัตว์อนาถา

19. รูปร่างหน้าไม่งดงาม
กรรมจาก ไม่เคยถวายดอกไม้ของหอม
ลด??รรม ถวายพวงมาลัยดอกไม้สด ดอกไม้หอม ทำบุญบริจาคดวงตา บริจาคร่างกายให้โรงพยาบาล

20. มักถูกโกง ถูกเบี้ยวเงิน
กรรมจาก เคยคดโกงผู้อื่น!
ลดกรรม สละทรัพย์บริจาคร่วมการกุศลต่างๆ ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวรทุกๆเดือน

21. พิการ ร่างกายไม่สมประกอบ
กรรมจาก เคยทุบตีพ่อแม่ ด่าพ่อแม่ หรือทำร้ายพ่อแม่
ลดกรรม หมั่นทำบุญไหว้พระ ปล่อยนกปล่อยปลา ถือศีล 5 ศีล 8 เจริญภาวนา นั่งวิปัสสนากรรมฐาน

22. มีคดีความ
กรรมจาก เคยพบคนทุกข์ร้อนแล้วไม่ช่วยหรือพยายามหาทางช่วยเหลือ
ลดกรรม หมั่นทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ถือศีล 8 ทุกๆ 3 เดือนๆละ 7 วัน

23. ไร้ที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
กรรมจาก ไม่สงเคราะห์คนอนาถา ที่มาขออาหาร ขอชายคาหลบฝน ไม่มีน้ำใจช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก
ลดกรรม ร่วมทำบุญซื้อกระเบี้องหลังคาโบสถ์ หมั่นไปกราบไหว้บู! ชาศาลหลักเมือง ทำบุญทำทานแก่สัตว์พิการหรือสัตว์จรจัด

24. จิตใจขุ่นมัว ดุดัน ขี้โมโห
กรรมจาก มักตะหนี่ในการทำบุญ
ลดกรรม สวดมนต ์ไหว้พระ ทุกวันพระ ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ถือศีล 5 หรือศีล 8 ทุกๆ 3 เดือน บริจาคทาน แบ่งปันเงินทองหรือ สิ่งของแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก หรือร่วมทำบุญบริจาคทานกับมูลนิธิสถานสงเคราะห์ และวัดวาอารามต่างๆ

25. ไม่มีชื่อเสียง
กรรมจาก เคยติฉินนินทาทำให้ผู้อื่นเสียหาย
ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างหอระฆัง ร่วมทำบุญหล่อเทียนพรรษา ทำทานกับคนยากไร้ และสัตว์อนาถา

26. ไม่มีวาสนาบารมี
กรรมจาก ไม่เคยนับถือชื่นชมผู้นับถือธรรมมะ
ลดกรรม ทำบุญสร้างพระพุทธรูป ทำทานกับคน

27. มีลูกหลานไม่ดี เกเร ไม่เชื่อฟัง
กรรมจาก ทำแท้ง เคยทำร้ายคนใกล้ชิดมาก่อน และทำร้ายจิตใจครอบครัวในชาติก่อน
ลดกรรม บวชเณร โดยให้ลูกบวชหรือไปร่วมบวช จะทำให้กรรมน้อยลง ปฏิบัติธรรม อุทิศให้ลูกตนเอง

28. เจอแต่คนเอาเปรียบ
กรรมจาก เคยเบียดเบียนเงินพ่อแม่ไว้ในอดีตชาติ เคยโกงคนไว้ในอดีตชาติ ขโมยเงินครอบครัวมาใช้
ลดกรรม หมั่นยึดถือศีล 5 ให้มั่น ไม่ดื่มเหล้า ทำให้ขาดสติ โดนโกงง่าย หมั่นสวดมนต์ อธิษฐานบารมีด้านขอพรให้พบเจอคนดีๆเข้ามาในชีวิต

29. เกิดในสกุลต้อยต่ำ
กรรมจาก โอหัง อวดดี จิตใจคับแคบ
ลดกรรม ร่ว??ทำบุญสร้างวัด สร้างพระประธาน ทำบุญทำทานกับคนยากไร้ และสัตว์อนาถา พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี

30. ไร้สง่าราศี ขาดวาสนา
กรรมจาก เคยเมาสุระอาละวาด ระรานผู้อื่น!
ลดกรรม นั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน ทำทานกับคนอนาถา และสัตว์อนาถา ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี

31. ไม่เจริญก้าวหน้า จิตใจเป็นทุกข์
กรรมจาก เคยชักจูงคนทำชั่ว
ลดกรรม ถือศีล 8 เป็นเวลา 7 วัน ทุกๆ 3 เดือน หมั่นทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน

32. จิตใจฟุ้งซ่าน เป็นทุกข์
กรรมจาก เคยริษยาผู้อื่น
ลดกรรม ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ปล่อยปลาลงน้ำ นั่งสมาธิ สวดมนต์บทคาถาพระชินบัญชร

33. ชีวิตตกต่ำ ทำสิ่งใดไม่เจริญ
กรรมจาก เคยทำแท้ง
ลดกรรม ปล่อยปลาลงน้ำทุกๆเดือน จนครบ 9 เดือน หรือ 1 ปีเต็ม ถวายสังฆทาน ทำบุญใส่บาตรเสมอ

34. เป็นเมียน้อย เมียเก็บ
กรรมจาก เคยผิดลูกผิดเมียเขามาก่อน ขืนใจเขาโดยไม่ยินยอม เคยอธิษฐานจิตร่วมกันมาว่ากี่ภพก็ขอให้ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
ลดกรรม ถวายธงคู่ ธูปคู่ เชิงเทียนคู่ หมอนคู่ อย่างใดก็ได้ อธิษฐานจิตขอให้ชีวิตคู่ที่ดีขึ้น บวชชีพราหมณ์ ปีละ 1 ครั้ง 3 วัน อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยล่วงเกินให้ได้รับกุศลและเปิดทางให้ชีวิตคู่ดี ขึ้น ร่วมเป็นเจ้าภาพงานแต่ง เพื่อชีวิตตนจะดีขึ้นและสมหวัง สวดมนต์ขอพรทุกวันเกิดด้านความรักให้สมหวังต่อไป ทำบุญสังฆทานสด ในวันเกิดตนเอง เดือนละครั้ง เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติและวิญญาณที่ตามมาให้ได้ รับกุศลและอโหสิกรรม

35. เป็นทุกข์เพราะคนในครอบครัว
กรรมจาก เคยลำเอียง ไร้คุณธรรมในด้านครอบครัวไว้ก่อน เคยเอารัดเอาเปรียบคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดไว้ในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน เคยทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกในอดีตชาติ
ลดกรรม ต้องบวชชีพราหมณ์ เพราะเมื่อเกิดอีกภพชีวิตจะได้ดีมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะกุศลของการบวช ปฏิบัติธรรมทำให้เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรม และตนเองได้พบสิ่งที่มีกุศลมากขึ้น ยึดพรหมวิหาร 4 มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จะทำให้ชีวิตมีความเมตตา และไม่ลำเอียงเอารัดเอาเปรียบคนใกล้ชิด ทำให้วิถีชีวิตมีคนนับถือและพ้นจากความทุกข์ในเรื่องญาติพี่น้องยุ่งเกี่ยว ได้ นำพระคู่บ้านคู่เมืองเข้าสักการะที่บ้าน และสวดมนต์ขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข

36. เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
กรรมจาก ฆ่าสัตว์ ทรมานสัตว์ ทำร้ายคนไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
ลดกรรม ตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติ รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้กุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ปล่อยสัตว์ลงน้ำในวันเกิดตนเอง กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับและอโหสิกรรม ถวายยาเข้าวัด
หรือช่วยเหลือคนป่วย

37. เป็นมะเร็ง
กรรมจาก รู้เห็นเป็นใจกับการทำแท้ง การทารุณสัตว์ หรือการทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่น
ลดกรรม ทำบุญใหญ่อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และบวชชีพราหมณ์ 1 เดือน เพื่อส่งกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม
ทำบุญสร้างพระพุทธรูป สร้างโบสถ์หรือสร้างศาลาวัด ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี หมั่นนั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน

38. ค้าขายขาดทุน ทำงานไม่ก้าวหน้า
กรรมจาก เคยลบหลู่เจ้าที่เจ้าทาง
ลดกรรม หมั่นทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน ถวายเครื่องเซ่นสังเวย เจ้าที่-เจ้าทาง หมั่นสวดมนต์บทคาถาพระชินบัญชร

39. ด้อยปัญญา
กรรมจาก ฝักใฝ่อบายมุขในชาติก่อน หรือชักชวนคนไปทำชั่ว ดูแคลนหลักธรรมมะ
ลดกรรม พิมพ์หนังสือธรรมะจ่ายแจก ทำบุญทำทานกับโรงเรียนของเด็กพิการหรือตามมูลนิธิต่างๆ

40. ตกงาน
กรรมจาก เคยกลั่นแกล้งผู้อื่นในเรื่องงาน หรือแย่งงานผู้อื่น
ลดกรรม หมั่นทำบุญทำทาน ร่วมงานบุญต่างๆ ปล่อยนกปล่อยปลา

41. ไม่มีโชคลาภ
กรรมจาก ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ
ลดกรรม หมั่นทำบุญสวดมนต์ไหว้พระ ถวายธูป เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัย และทองคำเปลว

42. เรียนไม่จบ การเรียนมีอุปสรรค
กรรมจาก ชาติก่อนปฏิเสธการฟังเทศน์ฟังธรรม
ลดกรรม หมั่นเข้าวัด ร่วมงานบุญต่างๆ ฟังเทศน์ อ่านหนังสือธรรมะ

43. มีอาชีพต้อยต่ำที่ผู้คนดูแคลน
กรรมจาก ชาติก่อนเคยบวชด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ไร้ความศรัทธา อาศัยผ้าเหลืองหากิน
ลดกรรม ถือศีล 5 ศีล 8 นั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน ถวายสังฆทานทุกเดือน หรือทุก 3 เดือน

44. ครอบครัวยากจน
กรรมจาก ชาติก่อนไม่เคยบริจาคทาน
ลดกรรม หมั่นทำบุญด้วยการบริจาคทาน ถ้ามีเงินไม่มากก็บริจาคเป็นสิ่งของ แรงกาย
หรือน้ำใจ ต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก เช่น ไปช่วยอ่านหนังสือให้มูลนิธิคนตาบอด

45. เป็นทุกข์เพราะความรัก
กรรมจาก ชาติก่อนเจ้าชู้ หลอกผู้อื่นให้อกหัก
ลดกรรม ประพฤติดีปฏิบัติดีทั้งความคิด กาย วาจา ใจ ร่วมทำบุญงานแต่งงาน ทำสิ่งดีๆให้คนอื่นได้สมรักสม 

อ่านให้จบเพราะ จุดเด่นอยู่ที่ข้อ 19 ค่ะ
กฏแห่งกรรม
1. เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย 
เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์

2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ 
เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจนในชาติก่อน

3. เหตุใดชาตินี้คุณอดอยากยากจน ไม่มีเสื้อผ้าดีดีสวมใส่
เพราะคุณตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมทำทานคนจน ในชาติก่อน

4. เหตุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนให­ญ่โต 
เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน

5. เหตุใดชาตินี้คุณมีความเจริ­ญรุ่งเรืองและมีความสุขมาก 
เพราะคุณเคยถวายเงินสร้างวัดในชาติก่อน

6. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนสวย และรูปงาม 
เพราะคุณเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความเคารพในชาติก่อน

7. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีปัญญาดี 
เพราะคุณเคยเป็นพุทธมามกะและทานมังสวิรัติในชาติก่อน

8. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นที่รักของทุกๆ คนและมีเพื่อนมากมาย 
เพราะคุณเคยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนในชาติก่อน

9. เหตุใดชาตินี้คุณมีพ่อ แม่อยู่พร้อมหน้า 
เพราะคุณเคารพและให้ความช่วยเหลือ ไม่ดูแคลนคนไร้­ญาติในชาติก่อน

10. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นเด็กกำพร้า 
 เพราะคุณเคยยิงนก ตกปลา และพรากสัตว์ในชาติก่อน

11. เหตุใดชาตินี้คุณมีอายุยืนแข็งแรง 
 เพราะคุณเคยปล่อยนก ปล่อยปลา สิ่งมีชีวิตในชาติก่อน

12. เหตุใดชาตินี้คุณอายุสั้น 
 เพราะชาติก่อนคุณเคยฆ่าสัตว์มากมาย

13. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนรับใช้ 
 เพราะชาติก่อนคุณเคยดูถูกเหยียดหยามคนจน

14. เหตุใดชาตินี้คุณมีดวงตาสดใส 
 เพราะชาติก่อนคุณเคยเติมน้ำมันตะเกียงและจุดไฟบูชาพระ

15. เหตุใดชาตินี้คุณโง่ปัญญาอ่อนและหูหนวก 
 เพราะชาติก่อนคุณเคยด่าว่าและหยาบคายต่อหน้าพ่อแม่

16. เหตุใดชาตินี้คุณต้องตายเพราะยาพิษ
 เพราะชาติก่อนคุณเจตนาวางยาในต้นน้ำลำธารให้เป็นพิษ

17. เหตุใดชาตินี้คุณจึงแขวนคอตาย 
 เพราะชาติก่อนคุณใช้ตะข่ายล่าและดักสัตว์

18. ถ้าชาตินี้คุณฆ่าเขา 
 ชาติหน้าเขาก็จะฆ่าคุณ และจะฆ่ากันไป-มาไม่มีสิ้นสุด

19. ถ้าชาตินี้คุณบอกเล่ากฏแห่งกรรม 
 คุณจะเป็นที่เคารพนับถือมากมายในชาติหน้า
** อ่านเสร็จแล้ว ถ้าส่งต่อ ก็เหมือนได้ปฏิบัติตามกฏแห่งกรรม ข้อที่ 19 แล้ว ด้วยความปราถนาดี*
86  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ฟังผิด เมื่อ: ตุลาคม 09, 2010, 11:37:26 am
อย่าลืมทำในแต่ละวันนะครับพี่ๆ เพื่อนๆ..............
เครื่องประดับที่สวยที่สุดในร่างกายคือ....รอยยิ้ม..
งานที่ทำแล้วพอใจที่สุดคือ....การช่วยเหลือผู้อื่น...
ความสุขที่สุดคือ....การให้....
อาวุธร้ายแรงที่ต้องระมัดระวังและเก็บรักษาให้ดีที่สุดคือ..คำพูดที่ทำร้ายผู้อื่น
ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ....การทำร้ายตัวเอง...
ปัญหาที่ยิ่งใหญที่สุดคือ....ความกลัว....
พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้ทุกอย่างสำเร็จคือ....ความรัก
ยานอนหลับที่ให้ผลดีที่สุดคือ.....ความสงบภายในใจ............
87  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ที่นี่ประเทศไทย จ้า ( ชมภาพสวย ได้ที่นี่ ) เมื่อ: ตุลาคม 06, 2010, 10:28:37 am
คลายเครียดันบ้างนคะ



























88  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เหนือฟ้ายังมีฟ้า เมื่อ: ตุลาคม 03, 2010, 12:41:01 pm
@เหนือฟ้า..ยังมีฟ้า@
เดิมที สิงโตเป็นสัตว์ที่ อ่อนแอ หาความสง่างามมิได้เลย มันรู้สึกหดหู่อย่างยิ่ง จึงคร่ำครวญต่อเทพเจ้าทุกวัน จนกระทั้งเทพเจ้าทนไม่ไหว เสกให้สิงโตกลายเป็นสัตว์ใหญ่ที่แข็งแรงและสง่างาม แต่ว่าสิงโตก็ยังไม่พอใจโอดครวญต่อเทพเจ้าว่า “ข้าพเจ้ายังกลัวไก่โต้ง”


     เทพเจ้าตอบว่า “ข้าได้ประทานสิ่งที่วิเศษที่สุดให้แก่เจ้าแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก”


     สิงโตรู้สึกเสียใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ในขณะที่มันกำลังคิดที่จะฆ่าตัวตายนั้นเอง มันก็พบช้างตัวหนึ่ง ช้างพูดพลางกระดิกหูไปมา สิงโตจึงถามช้างว่า “ทำไมต้องกระดิกหูอยู่ตลอดเวลา”


     ช้างตอบว่า “แกเห็นยุงตัวเล็ก ๆที่ตอมอยู่รอบๆ ตัวของฉันหรือเปล่า ถ้าหากมันบินเข้าไปในหูของฉันละก้อ ฉันคงจะตายแน่ๆ”


     สิงโตได้ฟังแล้ว จึงรำพึงขึ้นว่า “แม้แต่สัตว์ใหญ่อย่างช้าง ยังกลัวยุงตัวเล็ก ๆ ถ้าเช่นนี้ ทำไมฉันจะต้องเสียใจที่ตัวเองกลัวไก่โต้งด้วยเล่า” ...






     คติ

    1.สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนส่งเสริมกันและข่มกัน โลกจึงจะเกิดความสมดุล

     2.คนเราจะให้ดีไปเสียทุกอย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ได้อย่างหนึ่ง มักเสียอย่างหนึ่เสมอ เราจึงไม่ควรเย่อหยิ่งลำพอง ไม่ควรคิดว่าตัวเอง ยิ่งใหญ่ที่สุด แน่ที่สุดดูอย่างช้างยังกลัวมด สิงโตยังกลัวไก่โต้ง

     3.ทุกคนล้วนมีปัญหาของตนเอง มีข้อดี – ข้อเสีย มีความยากลำบากที่แตกต่างกัน เราต้องรู้จักเปรียบเทียบ รู้จักมองทั้งคนที่เหนือกว่าและต่ำกว่า จึงจะเกิดความพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่...




ที่มา : หนังสือนิทานเตือนสติ
89  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: พี่ส่าว กับ น้องชาย ซึ้งของแท้ครับ เมื่อ: ตุลาคม 03, 2010, 12:37:32 pm
รู้สึกว่าเรื่องนี้ เคยโพสต์ ไปแล้วนะ

ถ้าจำไม่ผิด

 :25:
90  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ดูเธอลักทรัพย์ แล้วยังมุสา อีก มันหน้าไหม... เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 03:40:57 pm
อ่านแล้วสงสาร คุณครูจัง เลย

 :03: :03: :25:
91  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ฆ่า อะไร หนอ จึงจะอยู่เป็นสุข เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 03:40:14 pm
โกธัง ฆัตวา สุขัง เสติ

ฆ่าความโกรธเสียได้ อยู่เป็นสุข คะ

 :25: :25:
92  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ซื้อฝันวันละ 6 บาท เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 03:39:20 pm
พ่อหนู ก็ซื้อ คะ แต่ คุณพ่อ บอกว่า ซื้อแค่ งวดละ 1 ใบ

โดยคุณพ่อบอกว่า เปิดประตูดวงไว้สักใบ สักวันอาจจะเป็นของเรา

ทำบุญให้คนขายมีอาชีพ เงินส่วนหนึ่งก็นำไปพัฒนาชาติ ดีกว่าเอาไปลงขวด

ประตูดวงที่คุณพ่อเปิดไว้ ก็เห็นผลหลายครั้ง หนูได้เสื้อผ้่า สวย ๆ ก็หลายครั้ง

ได้ทานอาหารดี ๆ ก็หลายครั้ง แต่คุณพ่อหนู ก็ซื้อเีพียงใบเดียวเท่านั้นคะ

สำหรับ เราชนชาวธรรมะ ชั้นเทวดา ก็น่าจะเปิดประตูดวงไว้บ้างสักเล็กน้อย นะคะ

 :25: :25:
93  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ที่มาของคำว่า สีกา พระต้องเรียก สีกา เพราะว่า .... เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 03:35:45 pm
พึ่งรู้นะเนี่ย เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย มีประโยชน์ จริง ๆ

ตอนแรกที่ เข้ามาอ่าน นึกว่าจะจบ แบบเรื่อง ซึ้ง อีก

 :) :)
94  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เรื่องดี ๆ ที่ ม.6 อยากทำจริง ๆ เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 03:34:30 pm
หนูพยายาม มาทุกปี แล้วคะ

แต่ก็จะไม่ถอย นะคะ ก็ยังปรารถนา อยู่กับ เกรด 4

แต่ต้องทำใจแบบกรรมฐาน ตามพระอาจารย์สอนไว้

ถ้าอยากได้ ก็คือไม่ได้ ถ้าไม่อยากได้ ก็ยิ่งไม่ได้

ดังนั้น หนูจักตั้งใจเรียนเพิ่มขึ้น คะ

 :25: :25:
95  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ไม่ได้ มุสา.... แต่ ซึ้ง จริง ๆ ( เพื่อนรักส่งมา ) เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 03:25:13 pm
ซึ้งมาก ๆ ซึ้งจริง ๆ

 :03: :13:
96  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อยากอ่านเรื่อง อุบาสิกา ที่บำรุงสงฆ์ 30 รูป เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 03:21:20 pm
วันก่อนได้อบรมจริยธรรม แล้วฟังพระพูดถึงเรื่อง อุบาสิกา ที่สำเร็จเป็น พระอริยะบุคคล ก่อน พระภิกษุผู้ปฏิบัติ

30 รูปในป่า ตอนนั้นง่วงด้วย เลยฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง อยากอ่านเรื่องของอุบาสิกาผู้นี้ เสริชเน็ต ก็ไม่เจอ ใครพอจะ

หาให้ หนูอ่าน ได้บ้างคะ


 :13: :c017: :c017: :25: :25: :88:
97  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฝ่ามือยูไล เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 03:35:08 pm
เห็นน้าหมวย โพสต์เรื่อง ลมปราณล้างไขกระดูก

หนูก็มานำเสนอ ฝ่ามือยูไล ต่อคะ





    
ฝ่ามือยูไล หรือ พุทธสุขภาพ หรือ ตีลัญจกร
   
การบรรยายประชุมวิชาการ เรื่อง พุทธสุขภาพ ตีลัญจกร   
     
  โดย : อ.ศุภชัย จารุสมบูรณ์   
     
     
  สรุปการบรรยายประชุมวิชาการกรมพัฒน์ฯ (วันพุธ)
เรื่อง "พุทธสุขภาพ ตีลัญจกร"
โดย อ.ศุภชัย จารุสมบูรณ์
วันพุธที่ 30 มีนาคม 2548 เวลา 10.00-12.00 น.
ณ ห้องประชุมเบญจกูล กรมพัฒน์ฯ

--------------------------------------------------------------------------------

คำว่า ตีลัญจกร อาจารย์ศุภชัย จารุสมบูรณ์ เป็นผู้บัญญัติขึ้น
ตี เป็นคำกริยา หมายถึง กดให้เข้ากัน
ลัญจกร เป็นคำนาม หมายถึง รูปแบบ ตราที่เอาไว้ประทับ


ตี ลัญจกร คือ การประสานฝ่ามือ ให้เป็นรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง วิชานี้ศาสตร์การแพทย์แผนจีน เรียกว่า เทียน ฝ่อ เจิ้น คือ หัตถ์พุทธองค์ ศาสตร์นี้สามารถทำด้วยตัวเองไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมทำได้ทุกที่ทุกเวลา จะมีการสอนหัตถ์พุทธองค์ในวิชามนตราบำบัด ที่วัดโจคัง ประเทศทิเบต นั่นคือ ตีลัญจกร ซึ่งเป็นศาสตร์หนึ่งในวิชามนตราบำบัด มนต์ทั้งหลายในโลกใบนี้ แบ่งเป็น 3 อย่าง คือ


1. มนตรา ได้แก่ อสัมวิสุโร ปุสาภุพะ ต้องสวดไม่ใช่ฟัง สวดเสร็จ ต้องขอคือการสั่งจิตใต้สำนึก สวดมนตราต้องใช้สติ สวดยากและสวดให้ได้108 คาบ ห้ามนับลูกประคำ จะทำให้คลื่นสมองลดจากเบต้าเป็นอัลฟาและสั่งจิต เช่น สั่งให้น้ำตาลในเลือดลดลงในผู้ป่วยเบาหวาน
2. มนต์คาถา ได้แก่ อิติปิโส ภควาฯ ถ้ารักษาโรคต้องฟังไม่ใช่สวด หัวใจ คือ ผู้สวดต้องมีพลังผู้ฟังต้องพนมมือรับตีลัญจกร ปรางค์ มือพระพุทธรูปต่างๆ สวดเสร็จผู้สวดต้องแผ่เมตตา ผู้ฟังจึงจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ
3. เวทมนต์ คือ ได้แก่ อิติปิโส ภควาฯ จากขวาไปซ้ายหรือสวดจากล่างขึ้นบน สำคัญที่สุด ต้องปล่อยคุณและไสย


สมัยก่อนวัดเป็นสถาบันรักษาโรค ศาสนาป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้ คำสอนคือศีล ศีล 5 คืออุบายการรักษาโรค
ศีลข้อ 1. ห้ามฆ่าสัตว์ ทำให้เกิดการโมโห โมเลกุลของตนเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ
ศีลข้อ 2. ห้ามลักทรัพย์ มีผลกระทบต่อปอด หายใจแรงขึ้นเมื่อจะลักทรัพย์
ศีลข้อ 3. ไม่ประพฤติผิดในกาม การเคารพผู้อื่น ทำให้หัวใจแข็งแรง แต่การผิดลูกผิด เมียผู้อื่น ถือเป็นการไม่เคารพผู้อื่น
ศีลข้อ 4. ห้ามพูดปด จะมีปัญหาเรื่องม้ามและกระเพาะ
ศีลข้อ 5 ห้ามดื่มเครื่องดองของเมา การดื่มของมึนเมาทำให้ขาดสติ ถ้าสติสัมปะชัญญะไม่ดีไตก็จะมีปัญหา (ไตควบคุมสติสัมปะชัญญะ)


ตี ลัญจกร คือ การกด รัด ทับ เชื่อม ตรงจุดต่างๆ ในมือเราให้เกิดเป็นรูปลักษณ์ใดรูปลักษณ์หนึ่ง หรือที่เราเรียกว่า แผงวงจรอิเลกทรอนิคในร่างกาย ให้เป็นเสารับอากาศรับคลื่นจากพลังธรรมชาติเข้าสู่ร่างกาย การกินน้ำ กินอาหาร ล้วนแล้วแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังชีวิต หรือที่เราเรียกว่า พลังชี่ พลังคอสมิก พลังจักรวาล ฯลฯ

คนจีนเราแบ่งพลังงานเป็น 2 รูปแบบ


1. อู่ฉี่หรือบ๊อเก๊ก นั่นคือพลังงานที่มองไม่เห็นรูป ทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่า ควาร์ก (quark) เป็นพลังงานที่เล็กกว่าอิเลคตรอนหรือรวมเรียกว่า คลาวมตั้มนั่นเอง สมัยก่อนใช้สัญลักษณ์ สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม วงกลม แทนพลังงานต่างๆ เหล่านี้

2. ไทจี๋ คือ พลังงานเห็นรูป นั่นก็คือ หยินกับหยาง หรือขั้วบวกขั้วลบ


ใน ร่างกายของเราต้องการพลังงานไร้รูปด้วยให้เป็นระเบียบเวลานอนหลับ สามารถพลังงานต่างๆ เหล่านี้จะเข้ามาเหนี่ยวนำโมเลกุลที่วางตัวไม่เป็นระเบียบให้เป็นระเบียบ เช่น โมโหมาก โมเลกุลของตับเรียงตัวไม่เป็นระเบียบและถ้าวิตกกังวลด้วย โมเลกุลของม้ามของกระเพาะเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ

ตกใจกลัว ทำให้ไตมีปัญหา ธาตุในน้ำมีปัญหา, ถ้าโกรธรีบร้อน ธาตุไม้มีปัญหา, รีบเร่งดีใจเกินเหตุเป็นธาตุไฟ, ขี้น้อยใจเสียใจเป็นธาตุทองเกี่ยวกับปอดลำไส้ใหญ่ ในชีวิตประจำวันทำให้โมเลกุลของร่างกายไม่เป็นระเบียบ การนอนหลับจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้สนามพลังงานจากธรรมชาติที่เรามองไม่ เห็นเข้าสู่สมองตรงกระหม่อมออกที่ปลายเท้าและที่มือ และเหนี่ยวนำให้สารโมเลกุลของร่างกายเรียงตัวเป็นระเบียบ

มีการบันทึกจากการแพทย์แผนจีนว่า
- หัวใจและลำไส้เล็ก ได้รับอิทธิพล แรงเหนี่ยวนำ สนามแม่เหล็ก ในระดับที่มีรูปหรือเรียกว่า ไทจี๋ จากดาวอังคาร
- กระเพาะ, ม้าม ได้รับอิทธิพลแรงสั่นสะเทือน จากดาวเสาร์ คนจีนแยกเป็นธาตุดินในร่างกาย ถ้าธาตุดินมีปัญหา จะทำให้วิตกกังวล และมีนิสัยชอบกินของหวาน
- ตับ ถุงน้ำดี ได้รับแรงอิทธิพลแรงสั่นสะเทือน จากดาวพฤหัส ทำหน้าที่ระบบนิเวศน์ธาตุไม้ในร่างกาย หรือคนไทยเรียกว่า ธาตุลมนั่นเอง ถ้าธาตุลมมีปัญหาจะขี้โมโหและชอบกินเปรี้ยว
- ปอด ลำไส้ใหญ่ ได้รับแรงอิทธิพลแรงสั่นสะเทือน จากดาวศุกร์ เป็นธาตุน้ำ จะเป็นคนขี้น้อยใจ เสียใจ ชอบกินเผ็ด
- ไต กระเพาะปัสสาวะ ได้รับอิทธิพลแรงสั่นสะเทือน จากดาวพุธ เป็นธาตุน้ำ น้ำจะเป็นคนขี้ตกใจกลัว ขี้กลัว ชอบกินเค็ม
- หัวใจ ลำไส้เล็ก ได้รับแรงอิทธิพลแรงสั่นสะเทือน จากดาวอังคาร เป็นธาตุไฟ เป็นคนใจร้อนชอบกินขม


การตีลัญจกร จะช่วยการแก้ปัญหาสิ่งเหล่านี้ โดย มือ 2 ข้าง มีเส้นลมปราณอยู่ 6 เส้น


เส้นที่ 1 หลังมือ ลำไส้ใหญ่
เส้นที่ 2 นิ้วนาง ระบบภูมิต้านทานโรค
เส้นที่ 3 นิ้วก้อยด้านนอก ลำไส้เล็ก
เส้นที่ 4 นิ้วหัวแม่มือ ปอด
เส้นที่ 5 นิ้วกลาง เยื่อหุ้มหัวใจ
เส้นที่ 6 นิ้วก้อยด้านใน หัวใจ
2 ข้างเหมือนกัน มือยังมีจุดสะท้อนเหมือนฝ่าเท้าทุกอย่างการตีลัญจกร คือ การกด รัด ทับ เชื่อม ฝ่ามือ ให้เป็นแผงวงจรอิเล็กทรอนิคเหมือนเสาอากาศ รับคลื่นสนามแม่เหล็ก เช่น เจ็บหน้าอก บกพร่องธาตุไฟ พระจะสวดคาถาหัวใจ เราต้องติดตั้งเสาอากาศรับคลื่นสนามแม่เหล็กดาวอังคาร คำสวดของพระ คือ ไดสตาร์ท ให้พลังงานในร่างกายเราเชื่อมกับสนามแม่เหล็กของจักรวาลและเหนี่ยวนำหรือดูด ซึมโดยแผงวงจรอิเลคทรอนิค ที่เราเรียกว่า ตีลัญจกร

ขั้นตอนการบำบัดโรคร้ายโดย “ตีลัญจกร”


เนื่อง จาก “ตีลัญจกร” คือการบำบัดและป้องกันโรคร้าย โดยใช้การ กด รัด พับ เชื่อมจุดต่างๆ บนฝ่ามือ ดังนั้นเราจึงสามารถใช้ “ตีลัญจกร” ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า ช่วงเวลาระหว่างรถติด ระหว่างการประชุม แม้กระทั่งก่อนนอน ซึ่งถ้าเราทำต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอติดต่อกัน เป็นประจำประมาณ 2 สัปดาห์ก็เริ่มเห็นผล

ข้อควรระวังในการฝึก “ตีลัญจกร”


1. ไม่ควรฝึกในขณะที่อิ่ม หรือหิวจัด เมาค้าง หรืออดนอน
2. ควรใส่เสื้อผ้าที่สบาย ไม่รัด
3. ควรฝึกแต่ละครั้งอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 15 นาที แต่ไม่เกิน 30 นาที
4. เพื่อให้เกิดผลควรฝึกอย่างต่อเนื่องประมาณ 2 สัปดาห์

ตีลัญจกร


หัตถ เวชศาสตร์เพื่อการบำบัดและป้องกันโรคร้ายตอนโรคร้ายคนเมือง ปัจจุบันคนเมืองมีโรคร้ายที่ต้องประสบอยู่หลายโรค ส่วนหนึ่งเป็นอาการที่เกิดจากอวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ไม่สมดุล ซึ่งโรคและอาการเหล่านี้สามารถบำบัดและป้องกันได้ด้วย “ตีลัญจกร” ซึ่งได้แก่ อาการนอนไม่หลับ, อาการเครียด, ไมเกรน, โรคประสาทอัตโนมัติสับสน,โรคมะเร็งและซิสต์ ฯลฯ

เรียบเรียงโดย
งานถ่ายทอดเทคโนโลยี
กองการแพทย์ทางเลือก




เครดิตภาพ จาก
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pennymba&month=04-2010&date=26&group=3&gblog=11
98  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บันทึก(ลึก)ลับ ของการเข้าค่ายธรรมะ ( OK) เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 03:28:41 pm
เสียงบ่นจากเพื่อน ๆ ที่เข้าไปอบรมค่ายธรรมะ กันจนบันทึุกกันไว้นิดเดียว คะ

เพื่อน ๆ นักเรียนที่กำลังเข้า ค่าย ควรอ่าน นะคะ


8 คืน 7 วันกับค่ายธรรมะที่ยุวพุทธฯ
8 คืน 7 วันกับค่ายธรรมะที่ยุวพุทธฯ
ก่อนอื่นคนที่เข้ามาหลายๆคน คงไม่คิดอยากจะอ่านยาว แต่เพื่อหลอกล่อ เอ๊ย ชักชวน
เราจะพูดถึงข้อดีของการเข้าค่ายธรรมะเพื่อฝึกสติซะก่อน

1. สมาธิเราจะดีขึ้น จดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำได้ดีขึ้น ส่งผลให้การเรียนดีขึ้น

2. เปลี่ยนมุมมองเก่าๆที่เคยคิดมาเกี่ยวกับธรรมะ ว่าเป็นเรื่องของคนแก่ น่าเบื่อ เพราะจริงๆแล้วคนที่จะใช้ธรรมะ ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุดคือ เยาวชน เนื่องจากชีวิต ยังมีอีกยาวไกล และเป็นวัยแห่งการศึกษาหาความรู้ ประสบการณ์ต่างๆ

3. ลดน้ำหนัก ( สาวๆตาลุกวาวเชียวนะ ) เพราะต้องกินแต่อาหารเจ และเดิน จงกรมรวมๆแล้ววันละหลายชั่วโมง และการกินอาหารก็ต้องกำหนดนู่นนี่มากมาย ต้องเคี้ยวให้ละเอียดมากๆ จนหลายๆคนเกิดอาการเอียน เพราะมันจะเหลือแต่ซากแหยะๆ ไม่กล้ากลืน และเราจะบอกว่าน่องเราเล็กลงไปเซ็นนึง ( โห เยอะนะ ) เพราะเดินจงกรมเยอะมาก แล้วก็น้ำหนักลดไปสองโลเพราะกินแต่อาหารเจ

4. ได้เพื่อนใหม่ๆ เพราะต้องอยู่ร่วมชะตากรรมเดียวกันเป็นอาทิตย์ๆ แม้จะถูกสั่งห้ามไม่ให้พูดกัน แต่เราเชื่อว่าไม่มีใครไม่พูด กับคนอื่นได้หรอก เค้าพูดกับเราดีๆ เราจะเชิ่ดใส่เค้าได้ไงล่ะ

5. ได้ฝึกความอดทน เช่นการนั่งสมาธินานๆ เดินนานๆ

6. เข้าใจเกี่ยวกับร่างกายและจิตใต้สำนึกของตนได้ดีขึ้น และฝึกการควบคุมมันให้อยู่ เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์เช่น ปลุกตัวเองตื่นในเวลาที่ต้องการ

7. ผิวพรรณของคุณจะผุดผ่องขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ วิทยากรกล่าวว่าเป็นเพราะคุณใจจดจ่ออยู่กับสิ่งปัจจุบัน ไม่คิดฟุ้งซ่าน ไปเครียดเรื่องในอดีตหรือเรื่องที่ยังมาไม่ถึง คือจดจ่ออยู่กับปัจจุบันเท่านั้น คุณจะมีความสงบ และร่างกายจะหลังสารเอนโดนฟินออกมา ทำให้ผิวพรรณผ่องใส อันนี้เราคอนเฟิร์ม เพราะผิวเราขาวขึ้นจริง หน้าสิวลดลงจริง แต่เราคิดว่าคงเป็นเพราะเราไม่ได้ออกไปข้างนอกเลยมากกว่า อยู่ในตึกทั้งอาทิตย์ เค้าห้ามออกอะ สงสัยกลัวเราจะหนี แล้วห้องที่นั่งปฏิบัติกันก็ติดแอร์ เย็นสบายนั่งไปได้ทั้งวันดีกว่าไปเดินเที่ยวอีก เพราะหน้าคุณจะ ไม่มัน และไม่ได้เจอมลพิษอะไร

8. คุณจะได้นอนวันละ 5 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ( ปกติบางคนอาจได้นอนวันละแค่ 2-3 ชม.)

9. บุคลิกของคุณจะดีขึ้น เดินนิ่มขึ้น บุคลิกดูเคร่งขรึม น่าเชื่อถือขึ้น

10. คำพูดของคุณจะสุภาพมากขึ้น เพราะมีสติมากขึ้นในการเลือกใช้คำ และในการยับยั้งอารมณ์เวลาโมโห อย่างเราเป็นต้น เราว่าตั้งแต่ออกมาเราไม่อยากพูดคำหยาบเลย ไม่ใช่กลัวบาป แต่กลัวใจตัวเอง ถ้าพูดไปแล้วมันก็จะมาอีกเรื่อยๆ การพูดคำหยาบจะทำให้เราตกต่ำลงอะ ( เราก็คิดนะ แต่น้องเรามันยังพูด )

11(ข้อนี้สำคัญ) ทุกอย่างฟรีตลอดรายการ ของเรานี่เพิ่งออกมาวันที่ 2 พค. เอง หลังจากเข้าไปตั้งแต่วันที่ 25 เมษา นับไปก็เป็นเวลา 8 วัน 7 คืน... ของเราเป็นคอร์ส" เนกขัมมบารมี สำหรับเยาวชนอายุ 17-25 ปี " เป็นหลักสูตรของคุณแม่ สิริ กรินชัย ที่ยุวพุทธิกสมาคม ที่บางแค เป็นผู้จัด ที่เรารู้จักค่ายนี้ก็เพราะเพื่อนชวน ( วิทยากรบอกว่าผู้ชวนได้กุศลแรงกล้า.. ) เราก็สมัครไป โดยคิดเพียงว่าจะเข้าไปฝึกสติเท่านั้น เพราะโดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเหมือนกัน และเราเห็นว่ามันเป็นกิจกรรมที่ดูน่าสนุก เพราะจะไม่ได้พูดกับใครเลยตั้ง 8 วัน 7 คืน เพื่อให้มีสติไม่ว่อกแว่กไปคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ในขณะปฏิบัติธรรม ( เพิ่งมารู้ทีหลังว่าอาการนี้ภาษาธรรมมะเค้าเรียกว่า " ฟุ้ง" ) และเพื่อปกป้องเราจากการทำผิดศีลเกี่ยวกับวจีกรรม เช่นโกหก เพ้อเจ้อ เสียดสี เนื่องจากการนี้เค้าถือว่าเรามา "บวชใจ" คือไม่ได้บวชเป็นพระหรอก แต่ต้องรักษาศีลให้ได้ และนั่งกำหนดจิต ภาวนา การนี้จะทำให้เกิดกุศล การฝึกไปหลายๆวันจะทำให้เราเริ่มมีสมาธิ จิตเริ่มมีพลังแก่กล้า มากพอจะแผ่เมตตาไปให้คนป่วย หรือขออะไรให้คนที่เรารักได้เช่น ขอให้พ่อแม่มีความสุขกายสุขใจ เราอ่านแล้วก็ตื่นเต้น อยากพิสูจน์ .. วันแรกที่เข้าไป คนดูเยอะมาก ดูแออัด ส่วนใหญ่จะพ่อแม่มาส่ง ..เราก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจะไม่พูดกับใคร ตอนนั้นก็คิดว่าคงทำได้แหละ แต่ละคนก็ยังมีท่าทีสงวนเนื้อสงวนตัว ( เพราะยังไม่รู้จักกันด้วยแหละ ) วันแรก ..ไปถึงเค้าก็จะให้ใส่ผ้าถุงสีขาว ( เรียกไม่ถูกนะ เอาเป็นว่าคงเข้าใจ แต่ก็ให้ใส่แค่วันแรกและวันสุดท้ายเท่านั้น ซึ่งนับว่าดีมาก เพราะเป็นอะไรที่ใส่ไม่สะดวกเลย เราใส่ไม่เป็นด้วยมั้ง เลยกังวลตลอดว่ามันจะหลุดๆๆๆๆ ) จากนั้น ก็มีการจัดแถวตามลำดับความสูง ดิชั้นเลยโดนนั่งซะแถวหน้าๆเลย ก็ดีตรงที่เวลาดูจะเห็นอะไรๆได้ชัด แต่ก็เสี่ยงกับการโดนเห็นเวลาทำอะไรผิดอะ จากนั้นเค้าก็จะสอน เราให้ทำอะไรใหม่ๆ หลายๆอย่าง เราจะลองพูดไว้นะ เผื่อใครอยากจะทำเองดู อาจได้อะไรไปบ้าง

- เริ่มแรก จะสอนให้รู้จักกำหนดสิ่งต่างๆที่เรากำลังทำ ผ่านทางทวารทั้ง6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้เรารู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น เราก็จะต้องทำอะไรช้าๆ เพื่อให้ได้อยู่กับตัวเองจริงๆ ( จริงๆจะเร็วก็ได้ แต่ช้าจะชัดเจนกว่า ) เช่น เห็นอะไรก็กำหนด "เห็นหนอ " ได้ยินเสียงอะไรก็กำหนด " ยินหนอ " ได้กลิ่นอะไรก็กำหนด " กลิ่นหนอ " เวลากินอะไรรสชาติเป็นยังไงก็ต้องบอกตัวเอง " หวานหนอ เค็มหนอ ฯลฯ" เวลาสัมผัสกับอะไรก็ต้องบอกตัวเองได้ว่า " เย็นหนอ แข็งหนอ ฯลฯ " ** อันนี้สำคัญ** เรากำลังคิดอะไรอยู่ก็ต้องบอกตัวเองด้วยว่า " อยากยืนหนอ อยากนั่งหนอ ฟุ้งหนอ อยากกินหนอ ตอนแรกเราฟังวิทยากรพูดก็รู้สึกว่าแปลกๆ จะทำไปทำไม คนยืนอยู่ก็ต้องรู้ตัวอยู่แล้วดิว่าตัวเองยืนอยู่ ใครมันจะไม่รู้ .... มารู้ทีหลังว่าบางครั้งร่างกายเราก็ทำๆไป โดยอาจทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน เช่นฟังเพลงไป กินไป ตรงนี้เชื่อว่าทุกคนก็คงทำนะ มันจะทำให้ใจเราไม่จดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ ดังนั้นการเข้าค่ายนี้เค้าจะเน้นการฝึกให้เราจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่เพียง สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อให้เกิดสติ รับรู้ตัวเอง - นั่งสมาธิ อันนี้เชื่อว่าทุกคนทำเป็นกันอยู่แล้ว สำหรับที่นี่นั่งแบบ พอง-ยุบ คือเอามือไปประสานไว้ที่ท้อง มือซ้ายอยู่ข้างล่าง พอท้องพอง( หายใจเข้าหรือออกก็แล้วแต่ๆละคน ) ก็กำหนด " พองหนอ " วันแรกนั่งแค่ห้านาที ( วิทยากรบอกอย่างนั้น ) แต่เรารู้สึกว่ามันยาวนานมาก เพราะมันปวดไปหมด ขาชามากๆ ไม่มีสมาธิเลย ตอนนั้นอยากลุกขึ้นมากระโดดใจแทบขาด แต่ก็ทำไม่ได้ ต้องนั่งๆไป วิทยากรสอนให้กำหนด " ปวดหนอๆๆ " เราก็นึกในใจ แค่นึกแล้วมันจะหายได้ยังไงนะ พอลองฝึกๆจนเข้าใจแล้วจะรู้ว่าการที่เค้าให้กำหนดว่าปวดหนอๆ นั้นไม่ใช่เพื่อให้หายปวด แต่เพื่อให้ "รู้จัก" กับความปวด และทำใจเฉยชากับมันให้ได้ เพราะจิตใจเราจะจดจ่ออยู่แค่ที่ท้อง พอง-ยุบ เท่านั้น เราจะหมดความรู้สึกเจ็บปวดไป เหมือนการที่เราตั้งใจเรียนมากๆแล้วจะไม่ได้ยินเสียงแอร์ที่เปิดอยู่บนหัว อะไรอย่างเงี้ยะ - เดินจงกรม มีหลายขั้น เรียงจากง่ายไปยาก คือขั้นตอนจะละเอียดมากขึ้น

ขั้นแรก ก็ ขวา-ย่าง-หนอ , ซ้าย - ย่าง - หนอ

ขั้นสอง ยกหนอ - เหยียบหนอ , ยกหนอ - เหยียบหนอ

ไปจนขั้นหก ยกส้นหนอ-ยกหนอ-ย่างหนอ-ลงหนอ-เหยียบหนอ-กดหนอ

ใครอยากได้รายละเอียดตรงนี้ให้ทิ้งเมล์ไว้ *****

- บริหารร่างกายแบบมีสติ ส่วนใหญ่เป็นการแกว่งแขน ย่อขา ซึ่งไม่ได้เรียกเหงื่อมากเหมือนการเต้นหรือวิ่ง แต่ก็ต้องจดจ่อมาก และวิทยากรจะค่อยๆเพิ่มความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะถ้าทำผิดจะเห็นชัด และน่าอายมากๆ

- การเดินแบบสำรวมสายตา ห้ามว่อกแว่กมองซ้ายมองขวา ให้ก้มหน้ามองพื้น มองไปข้างหน้าประมาณเมตรกว่าๆ ทำหน้าให้นิ่งที่สุด ตอนแรกเราทำไม่ได้ เห็นพี่เลี้ยงทำแล้วก็ขำว่าพี่เค้าจริงๆแล้วใจสงบอย่างที่แสดงออกรึเปล่านะ หรือว่าแค่แกล้งทำ แต่ตอนนี้เชื่อแล้วจ้าาา ....แต่การสำรวมสายตาเนี่ยมันทำให้เรารู้สึกแปลกๆไงไม่รู้ เหมือนไร้ชีวิตเลยอะ รู้สึกเหมือนเป็นการไม่เคารพผู้ใหญ่โดยถูกต้อง งงป่ะ คือเวลาเห็นวิทยากรเดินมาเราก็เพียงทำหน้าเฉยชา ไม่ต้องมองเลยด้วยซ้ำ ห้ามยิ้ม ห้ามหัวเราะ ห้ามสบตา ....อย่าติดนิสัยนี้ออกไปข้างนอกโดยเด็ดขาดนะคะ อันตรายยย

- การรับประทานอาหารแบบมีสติ คือการกำหนดตลอดเวลาตั้งแต่มองถาดแล้วกำหนดว่า "เห็นหนอ " " อยากกินหนอ" "ยกไปจับ" (ช้อน ) เมื่อจับแล้วก็บอกตัวเองด้วยว่า " เย็นหนอ " "แข็งหนอ" แล้วก็ตักเข้าปาก แล้วก็เคี้ยวอย่างละเอียด บอกตัวเองว่ารสชาติมันเป็นยังไง ลิ้นตวัดอย่างไร กลืนลงไปอย่างไร กลืนแล้วความรู้สึกเป็นยังไง ตลอดเวลาต้องระวังไม่ให้เกิดเสียงดังจากการที่ช้อนไปโดนถาดอาหาร เพราะไม่งั้นคนอื่นๆ จะต้องกำหนด " ยินหนอ " ตรงนี้หากเรากำหนดตลอดเวลาจะทำให้อยากอาหารลดลงได้ เพราะ เราจะซึมซับรสชาติของอาหารได้ดีขึ้น แม้จะกินน้อย เพราะมีสติ แล้วถ้ายิ่งอยากกินเยอะ ยิ่งใช้เวลานานมาก แล้วคนอื่นๆก็จะลุกไปกันหมดแล้วเราก็จะเขิน อิอิ ต้องรีบลุกเหมือนกัน

- การนั่งท่าเทพบุตรเทพธิดาสวดมนต์จนจบ ขาชาจนไม่รู้สึกเลย แต่ก็ดี เป็นการทดสอบความอดทน ยิ่งนานๆไปเราจะนั่งได้นานขึ้น และเราว่าเราชอบฟังตอนแม่ชีสวดมากเลย ท่านสวดเพราะไม่เหมือนคนอื่น ฟังแล้วเพลินอะ ...แต่ตอนที่พี่เลี้ยงสวดเนี่ยดิ ( ด้วยความเคารพนะคะ ) พี่ดัดเสียงซะเด็กกกก เชียว ฟังพี่สวดกับเสียงคนอื่นในห้องสวนแล้วมัน คอนทราสต์กันอย่างรุนแรง นั่งอมยิ้มไปจนจบเลย

- การฝึกการไหว้ การกราบ ที่นี่เค้าจะมีเสตปค่ะ ยกหนอ มาหนอ พนมหนอ ยกหนอ ถึงหนอ ลงหนอ ถึงหนอ ก้มหนอ กราบ ต้องกำหนดตลอด ทุกคนจะกราบสวยขึ้น จริงๆ

- การนอนแบบมีสติ เอามือประสานไว้ที่ท้อง แล้วกำหนด พอง ยุบไปเรื่อยๆ ไม่ว่อกแวก จนหลับไป อันนี้เราก็ไม่เคยทำได้ เพราะมันมักจะหลับไปก่อนเสมอ แต่วิทยากรบอกว่าหากทำสำเร็จ คุณจะหลับไปพร้อมกับจิตที่เป็นสมาธิ คุณจะได้พักผ่อน ไม่งั้นก่อนนอนคุณก็จะฟุ้งๆๆๆๆๆ คิดนู่นคิดนี่ แล้วก็หลับไปพร้อมกับความฟุ้ง ไปฝันต่อ ( การฝันแปลว่าหลับไม่สนิท ) การนอนแบบมีสตินี้จะไม่ฝันอะ แล้วก็จะหลับๆตื่นๆตลอดคืน เหมือนตื่นอยู่ตลอด แต่ตื่นมาจะไม่ง่วง

- ได้รับรู้ชีวิตของคนอื่น เปิดมุมมองใหม่ๆ ว่าชีวิตเราที่ว่าแย่แล้วนั้น คนอื่นเค้าเลวร้ายกว่าเรามาก ( วันที่ให้ออกมาเล่า )บางคนไม่มีโอกาสเจอหน้าแม่ที่แท้จริงด้วยซ้ำ บางคนก็ต้องอยู่ในบ้านที่มีแต่ความกดดัน แต่เค้าก็ฝ่าฟันมาได้ ....มันทำให้เราเห็นว่าตัวเองน่ะโชคดีเท่าไหร่แล้วที่มีอย่างนี้ได้ แม้มันจะไม่เพอร์เฟค ขอแสดงความนับถือทุกคนที่ออกไปเล่าอะไรๆมากมาย โดยไม่กลัวว่าจะเสียหน้า ทั้งๆที่คุณอาจไม่เคยเปิดเผยกับใครมาก่อน

- การกลั้นตด ( อันนี้ฮาป่ะ แต่เป็นเรื่องจริง ) เพราะคุณจะท้องผูกมากๆ เนื่องจากไม่มีเวลาให้เข้าห้องน้ำมากพอ คนก็เยอะ แต่แปลก เราจะมีความสามารถในการกลั้นตดได้ดีขึ้น แต่ไอ้ท้องผูกเนี่ยเราก็กลัว เพราะเราไม่อยากท้องผูกนาน เดี๋ยวสิวขึ้น ( ร่างกายจะดูดน้ำจากลำไส้ใหญ่ไปใช้เรื่อยๆ ใช่เปล่า) ก็เลยต้องวิ่งไปเข้าห้องน้ำตอนเค้านั่งสมาธิกัน ก็ดีอะ สงบดี นอกจากนี้แล้วเรายังมีพฤติกรรมแปลกๆมาเล่าให้ฟังอีก สำหรับเรานะ เราชอบ...

- แอบมองคนข้างหน้า 55 มันทำผิดอีกแล้วเว้ย ( อุ๊ย ลืม ..เห็นหนอๆ )

- แอบสังเกตชุดคนข้างหน้าและข้างหลัง ทำให้เราได้รับทราบความจริงว่า คนข้างหน้าเราเค้าใส่กางเกงตัวเดียวกันประมาณ 3 วัน เพราะมันมีรอยเหลืองเล็กๆที่ขาขวา และเสื้อตัวละสองวันติดกัน ส่วนคนข้างหลังเค้าจะสลับวันใส่เอา แต่กางเกงเอามาสามตัว จำได้เลย

- โห ขา( ฝ่าเท้าค่ะ )คนข้างหน้าดำจัง ขาเราเป็นไงเนี่ย แล้วแอบชำเลืองดู โชคดีที่ไม่ดำมาก เราเกรงใจคนที่นั่งหลังเรามากเลย เพราะตอนนอนมันต้อง เอน ๆๆๆๆ หน้าเค้าจะอยู่ตรงขาเราอะ

- ตอนกินก็แอบชำเลืองคนที่นั่งตรงข้าม แล้วแอบขำในใจ .. แต่มันก็เป็นแค่วันแรกๆอะ วันหลัง ถ้าเค้ามองเราเค้าก็คงขำเหมือนกันแหละ
- แอบหลับตอนนั่งสมาธิ เพราะวิทยากรไม่สังเกตเห็น นึกด่าตัวเองเหมือนกัน ว่าแล้วมันจะได้ผลเต็มที่มั๊ย - แอบหลับตอนฟังธรรมะ 15 นาทีของคุณแม่สิริ เกือบทุกเช้าเลย - ตอนมีคนมาทำทานด้วยของกิน เช่นไอติม คุกกี้ เค้ก มันทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าอะไรซักอย่าง ...ก็เป็นความรู้สึกใหม่อะ เราจะพยายามกินให้คุ้ม เพราะไม่อยากขัดศรัทธา คนเค้าอุตสาห์เอามาให้ด้วยความเมตตา ไม่อยากกินเหลือให้ต้องทิ้ง
- แอบสังเกตตอนคนอื่นเค้าหลับ ..พี่ที่นอนเตียงข้างๆเราเค้านอนกรนด้วยอะ ( แบบว่าพี่เค้าเป็นคนน่ารักมาก ) ตอนแรกเราก็คิดว่าวิทยากรกรน เปล่าหรอก..
- แอบตากกางเกงใน (เค้าห้ามซักอะ) ไว้นอกห้อง
- ตอนกินไอติม แอบคิดในใจว่า " นี่มันไอติม หรือน้ำไอติมฟะ " แบบว่านั่งสวดมนต์และกำหนดจนมันละลายไปเกือบครึ่งลูก
- แอบคุยกับคนอื่น ( อันนี้สำคัญ ) ได้เพื่อนใหม่มาเยอะแยะเลย แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอะ เรามีเบอร์เค้าก็ไม่กล้าโทรไป กลัวจะรบกวน
- แอบไม่สนใจตอนวิทยากรท่านที่ตัวเล็กๆ ( อายุมากที่สุดน่ะ ) ออกมาพูดๆก่อนเดินจงกรม เพราะเค้าเสียงเบา และไมค์มักจะไกลปาก ..แล้วมีคนข้างหลังฝากพี่เลี้ยงมาบอกว่าไม่ได้ยิน ....อืมม จริงๆหนูนั่งข้างหน้า ยังไม่ได้ยินเลยค่ะ

ตอนนี้ก็ออกมาหลายวันแล้ว ยอมรับว่าทำอะไรไม่ได้กำหนดแล้ว ไม่เหมือนวันแรก ออกมาเปิดคอมนี่นิ่งมากเลย กดหนอ เห็นหนอ อยากจับหนอ แบบว่าทำทีละอย่าง เดินก็อืดๆ ...ทำหน้าตาเฉยชาใส่คนอื่น สงบปากสงบคำ ไม่ค่อยเถียงแม่ .........แต่ตอนนี้ มันเริ่มกลับสู่สภาพปกติแล้วอะ แต่เราก็ยังพยายามจะนั่งสมาธิก่อนนอน และนอนแบบมีสติอยู่ หน้าจากที่ออกมาใสๆ ตอนนี้สิวเริ่มขึ้นมาอีกแล้ว .. ( จิตใจเลวลงง่ะ ) แต่... คิดไปคิดมา ถ้าเป็นไปได้ เราอยากอยู่ค่ายต่ออีกซักอาทิตย์นึงเหมือนกันนะ จริงๆมันยังมีอะไรอีกเยอะ แต่เดี๋ยวเรามาโพสให้ใหม่แล้วกัน

อันนี้พิมพ์ไว้นานแล้วตั้งแต่วันที่ออกมาจากค่าย แต่เพิ่งจะมาโพสอะ กลัวจะดองไว้นานเกินควร สุดท้ายนี้ขอให้ วิทยากร พี่เลี้ยง ผู้บริการ และผู้อ่านทุกท่าน ( และคนเขียนด้วย ) จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ยิ่งๆขึ้นไปเทอญ - - - - -
99  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Miss call ( เรื่องสั้น แต่มีข้อคิด ) เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 03:17:19 pm
เก็บไว้นานกับเรื่อง นี้ รื้อมาใหม่ ตอนที่ Fwd mail ว่อนกันทั่วเมื่อ 3 ปี

อ่านตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจ เพราะอายุยังน้อยอยู่ วันนี้กลับมาอ่านอีกครั้ง

รู้สึก ซึ้ง จริง ๆ กับเรื่องนี้



 สายซ้อน miss call สุดท้ายแห่งชีวิต



        ก่อนอื่นต้องขออภัยสำหรับเจ้าของต้นเรื่อง
        มันอาจตอกย้ำความเจ็บปวดกับคุณในเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้เป็นสิ่ง
        ที่ควรเผยแพร่เพื่อตอกย้ำคนที่ได้ชื่อว่าลูกทุกคนให้หันกลับมาดูคนที่ส่งเสียคุณเลี้ยงดูคุณมาด้วยความเหนื่อย
        ยาก วันนี้เราหันไปเหลียวท่านบ้างหรือเปล่า ก่อนจะไม่มีโอกาสดูแล
        เมื่อท่านจากเราไปแล้วการจัดงาน
        ใหญ่โตมันไม่มีประโยชน์อะไร เวลาท่านอยู่ทำไมไม่ทำ?

        ความรู้สึกของน้องคนหนึ่งที่บรรยายออกมาจากใจ ในขณะที่....
        ผมก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป เรียน
        เที่ยว นอน กิน ดึกๆผมก็โทรคุยกับแฟนของผม
        ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผมและผมก็
        เชื่อว่าใครๆเค้าก็ทำแบบนี้กัน 'จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าวรื้อยาง'
        'กินกับอะไรบ้าง แล้วตอนกินตัวเองคิด
        ถึงเค้ามั้ยเนี่ย' 'รู้มั้ยตัวเอง ถ้าเค้าเป็นผีเนี่ย
        เค้าอยากเป็นกระสือที่รักจะได้เห็นใจไง'
        'ตัวเองวางก่อนดิ ก่อนดิ'

        ประโยคต่างๆที่ผมได้คิดและคัดสรร เตรียมพร้อมมาต่างๆก่อนโทร
        ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนดึกไปกับ
        การคุยโทรศัพท์ ระยะเวลาอันผมได้ใช้ไปในแต่ละครั้งนั้น
        พอรู้สึกอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ผมก็
        ไม่ชอบนะ หากใครจะมาว่าผมไร้สาระ ก็ไม่เห็นหรอคนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกัน
        'เอ้อ เกือบลืมไปอีกอย่าง

        กิจวัตรอีกอย่างนึงของผมก็คือ แม่ของผมมักชอบโทรหาผมทุกวัน'
        'ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง'
        'เย็นนี้กินข้าวอิ่มมั้ย' 'วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง'
        'อย่าไปเที่ยวที่ไหนไกลนะ' โธ่!คำถามเดิมๆ ผมก็
        ตอบไปแบบเดิมๆ แม่ผมก็ไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาผมเป็นประจำ
        โชคดีที่ผมพยายามตัดบทคุย ผมกับแม่
        น่ะคุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว ก็มันไม่มีอะไรจะคุยจะให้ผมทำยังไง'
        จนกระทั่งวันนั้น
        'ตัวเองตอบเค้าได้รึยังว่ารักเค้ามั้ย' 'เร็วๆสิ
        เค้ายังอุฒส่าห์บอกรักตัวเองไปแล้วนะ'
        'แล้วยังจะใจร้ายไม่บอกรักเค้าอีกหรอ'

        ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจากโทรศัพท์บอกผมว่ามีสายซ้อน
        ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า 'Home'

        'โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย'
        ผมไม่สลับสายผม ผมยังคงคุยกับสุดที่รักของ
        ผมต่อไป เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็นประโยคเดิมๆ
        'และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะมี
        โอกาสฟังเสียงของแม่'

        หลังจากนั้นไม่นานทางญาติของผมโทรมาแจ้งผมว่า
        เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูกขโมยเข้า และแม่ของผมขัดขืน
        และได้ต่อสู้กับโจร จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้อง
        แม่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ญาติของผม
        เล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้น ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น
        และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอไม่ใช่โทร
        แจ้งตำรวจหรือเรียกรถพยาบาล แต่แม่เลือกที่จะโทรหา 'ผม'
        สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือ
        โทรศัพท์หาผมเพื่อฟังเสียงของผม

        วินาทีนั้นน้ำตาของผมไหลอาบแก้ม ผมพูดอะไรไม่ออก มือและตัวของผมสั่น
        วันนั้นผมเลือกที่จะคุยกับแฟน
        ผม ดีกว่าที่จะคุยกับแม่ของผม ผู้หญิงคนเดียวในโลก
        ที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต ผู้หญิงคนเดียวที่ผม
        สามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูดใดๆ
        ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะประทับใจหรือ
        ไม่ ไม่ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ
        คนเดียวในโลกที่โทรมาหาผมเพียงแค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ คน
        เดียวในโลกที่ไม่ว่าโทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหาผม
        'และคนเดียวในโลกที่เลือกคุยกับผมในวินาทีสุดท้ายในชีวิต'

        ในบางครั้งประโยคที่ว่า 'ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว'
        มันก็ไม่เป็นความจริง
        'เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว'
        อาจเป็นเพราะเวรกรรมของผม หลังจากนั้น
        ไม่นานแฟนผมที่ผมใช้เวลาคุยกับเธอวันหลายๆชั่วโมงคุยกับเธอก็ทิ้งผมไป
        วันนี้ผมเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น
        หลายๆอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
        เพราะตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการ
        กระทำของเราเอง 'เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป'
        ทุกวันนี้ผมนั่งมองโทรศัพท์ รอ
        ที่จะตอบคำถามเดิมๆให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง
        แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว


ภาพประกอบจากเว็บ

 http://campus.sanook.com/inlove/read.php?id=247
100  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: หลักปฏิบัติง่าย ๆ ที่สุด ในการเดินจิตไว เมื่อ: กันยายน 17, 2010, 10:56:24 am
เป็นคำวิจารณ์ เรื่องการอัดนิ่ง คะ

มัชฌิมาปฏิปทา

คำว่า มัชฌิมาปฏิปทา คำนี้เป็นถ้อยคำที่พระพุทธสาวกจำกันจนขึ้นใจ เป็นพระพุทธพจน์
ที่ยืนยันถึงผลของการปฏิบัติ เพราะการปฏิบัตินั้นมีแนวอยู่สามแนวคือ
๑. อัตตกิลมถานุโยค การดำรงความเพียรอย่างเคร่งเครียด กินน้อยนอนน้อยว่ากันหามรุ่ง
หามค่ำ บางรายถึงกับอดมื้อกินมื้อ บางรายพยายามกินน้อยๆ ลดลงไปทุกวันจนร่างกายผอม และ
มีการกลั้นลมหายใจ กลั้นกันนานๆ เพื่อให้มรรคผลนิพพานเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่เกิด เพราะมันไม่ใช่
ทางของผลที่ฌานและมรรคผลจะเกิด พระพุทธเจ้าเองท่านยืนยันว่า วิธีนี้พระองค์ทำมาแล้ว สิ้นเวลา
หกปีเต็ม อดข้าวจนมีร่างกายผอมเกือบเดินไม่ไหว ขนที่พระกายเวลาเอามือลูบถึงกับหลุดติดมือ
ออกมา กลั้นลมโดยเอาลิ้นกดเพดานจนลมออกหูอู้ ทำอย่างนี้พระองค์ตรัสว่า เป็นการทรมานตน
ให้ลำบากเปล่าไม่เกิดมรรคผลเลย นอกจากจะเพิ่มทุกขเวทนาให้มากขึ้น สมัยนี้เห็นจะได้แก่การ
อัดขันธ์ของอาจารย์บางคณะ เคยไปพบเขาที่สนามแจง จังหวัดลพบุรี เห็นอุบาสิกาสองคนนั่งคราง
เสียงกระหึ่ม ได้เข้าไปถามว่า โยมเป็นอะไร เพราะคิดว่าแกป่วย ได้รับคำตอบว่า

" อาจารย์ท่านสั่งให้อัดขันธ์ค่ะ "
ถามว่า " อัดขันธ์เป็นอย่างไร "
ได้รับคำตอบว่า " อาจารย์ให้กลั้นใจ
"

ฟังแล้วก็สลดใจ คิดว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนมาแล้ว ท่านทำมาแล้วยิ่งกว่านี้ ท่านทราบว่า
ไม่เป็นทางสำเร็จ ไม่คิดเลยว่าสมัยนี้ยังมีคนเอามาสอนกันอีก แบบนี้จงอย่าแตะต้องเลย ผู้เขียนเอง
ก็ลองฝืนและได้รับผล คือ ของเก่าที่ได้มาแล้วพลอยสูญไปด้วย ที่เป็นโรคเส้นประสาท และถูก
ประสาทหลอน ก็เพราะทำนอกรีตนอกรอยอย่างนี้แหละ

ที่มาของเว็บ

http://www.wattiabsilaram.net/upload/showthread.php?t=1108



คือพอนำไปพูดแนะนำกัน หลายคนก็บอกว่า เป็น ทางสายโต่ง ไม่ใช่ทางสายกลางคะ

สรุปแล้ว การหายใจ อัดนิ่งนั้นเป็น ทางสายกลาง หรือป่าวคะ

101  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กบนอกะลา ทอดกฐิน กับสาระเรื่องการทอดกฐิน เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 02:39:59 pm
ใกล้ออกพรรษา แล้ว ประเพณีที่ชาวไทยพุทธ จะทำกันก็คือ งานทอดกฐิน

การทอดกฐิน อยาก หรือ ง่าย ความหมาย เหตุ  และ ผล

ท่านชมได้ วีดีโอชุึดนี้ คะ

เรื่องดี ๆ ยังมีอยู่ มาก คะ

ตอนที่ 2 และ 4 คลิ้๊กที่ลิงก์ นะคะ  เพราะเจ้าของยังไม่ปล่อยให้ embed




http://www.youtube.com/watch?v=OILf-Kt9ats (The video's owner prevents external embedding)



http://www.youtube.com/watch?v=Fef_RRQfOVk (The video's owner prevents external embedding)
102  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมงานทอดกฐิน วัดถ้ำเมืองนะ เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 02:18:56 pm
มีข่าวบุญมาแจ้งครับ วัดถ้ำเมืองนะ จัดงานกฐินในวันที่ 14 พฤศจิกายน 53 ตรงกับวันอาทิตย์ ญาติธรรมท่านใดที่สนใจจะร่วมเดินทางงานบุญกฐิน ณ วัดถ้ำเมืองนะ ผมได้จัดเตรียมรถบัสปรับอากาศไปร่วมงาน โปรแกรมเดินทางมีดังนี้

13 พ.ย. 53   เวลา 6.30 น. จุดขึ้นรถที่หนึ่ง ณ ปั้มน้ำมันปตท. วิภาวดี (ตรงข้าม ม.การค้า)
       เวลา 6.45 น. จุดขึ้นรถที่สอง ณ ปั้มน้ำมันปตท. อนุสรณ์สถาน
          เวลา 7.30 น. จุดขึ้นรถที่สาม ณ ป้ายรถด้านในหน้าห้าง เทสโก้โลตัส จ.อยุธยา

เมื่อ สมาชิกครบแล้วก็จะเดินทางสู่จังหวัดตาก กราบพระธาตุ วัดพระบรมธาตุบ้านตาก เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีมะเมีย (แทนเจดีย์ชะเวดากอง)  อายุประมาณ 200 กว่าปี สักการะและเสี่ยงทายกับหลวงพ่อทันใจ ที่เลื่อมใสศรัทธา (ห้ามนำเนื้อสัตว์เข้ามาบริเวณพระธาตุและองค์หลวงพ่อ) แวะรับประทานอาหารที่จังหวัดตากให้อิ่มหนำสำราญ จากนั้นเดินทางไปพระธาตุลำปางหลวง ที่จังหวัดลำปาง ซี่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีฉลู เมื่ออิ่มบุญอิ่มใจแล้วก็เดินทางสู่วัดถ้ำเมืองนะ

14 พ.ย. 53   ร่วมงานบุญกฐินประจำปี กับพระเดชพระคุณหลวงตาม้า เมื่อเสร็จงานกฐินแล้ว จากนั้นเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

ผู้สนใจติดต่อ คุณอภิชาติ โทร.085-222-6582
ค่า ใช้จ่ายในการเดินทาง ท่านละ 1,500 บาทชื่อ นาย อภิชาติ มีจิตร์ บัญชี ออมทรัพย์ เลขที่ 401-496-1438 ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาย่อย คาร์ฟูร์ บางปะกอก

หมายเหตุ : ต้องขอให้ผู้ที่ชำระค่าเดินทางแล้ว เลือกที่นั่งก่อนน่ะครับ
103  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เส้นทางรถไฟที่สวยที่สุด อยู่ในธิเบต คะ เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 03:45:00 pm
เส้นทางรพถไฟที่สวยที่สุด อยู่ในธิเบต คะ








Aeva Debug: 0.0004 seconds.
104  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สมอไทย มีคุณประโยชน์ เป็นยา ตามพุทธานุญาต ด้วยคะ เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 01:21:20 pm
 :) ขอโพสต์บ้าง

เรื่องของสมอ จ้า เป็น fwd mail คะ



“สมอไทย”ของดีที่(เริ่ม)หายไป

        หากถามเด็กสมัยนี้ว่ารู้จักลูก“สมอ”หรือเปล่า ส่วนใหญ่ส่ายหน้าไม่รู้จัก หรือไม่ก็ถามกลับว่า คือลูกอะไร? ขณะที่เด็กบางคนร้องอ๋อ เข้าใจว่าคือสมอเรือ ส่วนบางคนบอกคือยี่ห้อชุดนักเรียน
       
       เหตุที่เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จักลูกสมอ โดยเฉพาะกับลูก“สมอไทย”นั้นเป็นเพราะว่าเดี๋ยวนี้หาลูกสมอไทยกินค่อนข้างยาก และเด็กยุคนี้ส่วนใหญ่ก็ไม่นิยมกัน ผิดกับเด็กๆในสมัยรุ่นแฟนฉันขึ้นไป ที่ดูจะคุ้นเคยกับสมอไทยมากกว่า
       
       สมอไทย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีผลเป็นลูกป้อมๆรีๆ มีขนาดเล็กประมาณหัวแม่มือ ผิวเกลี้ยงไม่มีขน เมื่อแก่จะมีสีเขียวอมเหลือง
       
       สมอไทยมีรสชาติที่ค่อนข้างทรมานใจเด็กหลายคนหรือผู้ใหญ่บางคน เพราะมีรสฝาด ขม นำ แต่เมื่อกินไปสักพักจะกลายเป็นหวานชุ่มคอ
       
       สำหรับสรรพคุณเด่นของสมอไทย คือ เป็นยาระบาย ช่วยแก้โรคท้องผูกแต่ไม่ทำให้ถ่ายท้อง อีกทั้งยังช่วยชำระลำไส้ให้สะอาด โดยผู้ที่เป็นโรคท้องผูกควรกินลูกมอไทยประมาณวันละ 3-5 ลูกทุกวันจนกว่าจะหาย
       
       นอกจากนี้สรรพคุณของสมอไทยยังมีหลากหลาย อาทิ บำรุงกำลัง แก้ไอ แก้กระหาย แก้เจ็บคอ ขับลมในกระเพราะ แก้ปวดท้อง ช่วยย่อยอาหาร เป็นต้น
       
       และด้วยสรรคุณที่มากมีสวนทางกลับขนาดลูกเล็กๆของมัน ทำให้บางคนผู้นิยมสมุนไพรถึงกลับกล่าวว่า ถ้ากินสมอไทยวันละลูกเป็นประจำทุกวัน โรคภัยก็ยากที่จะเข้ามาก้ำกราย


เพิ่มเดิมนะคะ
ยาดองน้ำมูตรเน่า ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาต พระฉันเป็นยา มี

สมอ มะขามป้อม เท่าที่ทราบคะ

วิธีดองให้ใช้ น้ำมูตร ( ปัสสาวะของตนเอง ) ดองคะ

วิธีบริโภค หนูไม่ทราบคะ ขั้นตอนอย่างไร ?

ใครรู้มาโพสต์ บอกด้วยนะคะ
 :25:
105  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: วัดเจดีย์หอย เคยไปเที่ยวกันหรือยัง คร้า.... เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 01:06:47 pm
มีหอยมากมาย ถึงขนาดก่อเป็นเจดีย์ได้ หนูทึ่งเลยคะ

พึ่งเคยเห็น คะ

ไป กทม. คราวหน้า ต้องชวนคุณพ่อไปแวะแล้วคะ

 :25:
106  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ข้อคิดดี ก็มีนะ ก่อนตัดสินใจอะไรไปในทางผิด เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 12:52:29 pm
 :88:

อารมณ์ชั่ววูบ คะ

ส่วนมาก ก็เพราะอาศัยอารมณ์ชั่ววูบ นี่แหละ คะ

 :88:
107  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: ฝากกลอน ด้วย คร้า เมื่อ: กันยายน 06, 2010, 10:11:22 am
ชอบมาก ๆ คะกับบทกลอน ที่มีความหมาย และ ภาพสวย ๆ


 :58: :88: :25:
108  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: "ต้นงิ้ว" วิมานฉิมพลีของนางกากี เมื่อ: สิงหาคม 16, 2010, 12:16:39 pm
อ้างถึง
นางกากาติ นี้ทำไมใจ ง่าย

สงสัยเหมือนกัน ในฐานะลูกผู้หญิง แล้ว ไม่น่าประมาท

อาจจะโดน ครุฑ ใช้กำลัง เพราะกลัวภัย หรือ ป่าว จึงยอมเสียตัว

ส่วน คนธรรพ์ นั้นก็หวังว่า จะได้ช่วยกลับ ก็เลยเอาตัวเข้าแลก อีก

มองตามธรรม แล้ว นางกากาติ อาจจะอยู่ในภาวะจำเป็น ก็ได้

เอาใจช่วยลูกผู้หญิง ก่อน
 :25: :25:
109  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทำไมงาน ทำบุญกระดูก ต้องมีการสวด ธัมมะนิยาม คะ เมื่อ: สิงหาคม 16, 2010, 12:13:07 pm
วันก่อน ไปร่วมงานทำบุญกระดูก บ้านเพื่อน แล้ว ก็เกิดปัญหาขึ้นว่า

จะหา พระสวดแจง และ สวดธัมมะนิยาม ไม่ได้

โดยเฉพาะ บทสวด ธัมมะนิยาม นั้น หายากมาก ต้องนิมนต์ หัววัด ( เจ้าอาวาส )

ทำให้การทำบุญ ยุ่งยาก เพิ่มขึ้น

ที่หนู สงสัย ก็คือ ถ้าเราทำบุญกระดูก 100 วัน 1 ปี นี้ ไม่ต้องสวดบท ธัมมะนิยาม ได้หรือไม่

หรือว่า ถ้าไม่สวด บทนี้แล้ว บุญจักน้อยกว่า ไม่ได้สวด

ไม่รู้จะถามที่ไหน ก็เลยขอนำมาถาม ห้องธรรมะนี้คะ
 :25: :c017:
110  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: เพื่อลูกแม่จะสู้ ( ใกล้วันแม่แล้ว ) เมื่อ: สิงหาคม 11, 2010, 09:20:47 am
วันแม่ วันนี้ ไม่มีแม่มา      แม่ได้ลา จากลูก ไปก่อนแล้ว

เหลือ แต่ พ่อ และ พี่ ดั่งแก้วตา  ที่เยียวยา แทนแม่ฉัน ที่จากไป

พระคุณแม่ เลิศฟ้า ฟังหลายครั้ง  ให้เหนี่ยวรั้ง คุณแม่ คะนึงหา

วันนี้แม่ ได้จากฉัน ห่างไกลตา  ให้ลูกยา เฝ้าระลึก ถึงพระคุณ
 ;) ;) :25: :25:

111  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ควรทำอย่างไร ถ้าเราเจอ ผี หรือ วิญญาณ เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2010, 03:41:36 pm
 :03: :03:
112  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: ปฏิบัติธรรมวัน อาสาฬหบูชา ๒๔- ๒๕ – ๒๖ – ๒๗ ก.ค. พ.ศ. ๒๕๕๓ วัดราชสิทธาราม เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2010, 03:39:14 pm
อยากได้เสื้อ ครับต้องทำอย่างไรคะ :25:
113  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เรื่องของ เมืองนิพพาน ครับมีบรรยายสถานที่นี้หรือป่าวครับ เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 05:03:37 pm
เท่าที่พอจะเข้าใจ คือผู้ภาวนาในพระพุทธศาสนา ปรารถนา สูงสุดคือ นิพพาน

ผมเลยอยากรู้ว่า เรื่องของแดนนิพพาน เป็นอย่างไร มีบรรยายลักษณะที่ตั้ง เหมือนทวีป หรือป่าวครับ

ผมดูในหนัง เรื่อง ไซอิ๋ว เห็นแบ่งแดนของพระอมิตาพุทธ ไว้อีกที


ในพระสูตร หรือ พระไตรปิฏก มีการกล่าวถึงลักษณะ ที่ตั้ง ภูมิศาสตร์ ของ แดนนิพพาน หรือป่าวครับ

 :25: :17: :17:
114  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: RDN ( Radio net online ) ทดสอบสถานีวิทยุ มัชฌิมา อาร์ดีเอ็น เมื่อ: มิถุนายน 15, 2010, 07:47:15 pm
ชอบฟังนำกรรมฐาน คะ

เพราะว่าถ้าทำโดยไม่มีใครนำ

ทำไม่ค่อยได้ คะ

อยากให้ เปิดเสียง อย่างนี้ เวลานี้ทุกวันคะ

 :25:
115  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มีประวัติ ของ สามเณร เก่ง ๆ ให้อ่านบ้างไหมครับ เมื่อ: มิถุนายน 02, 2010, 10:15:41 am
 :c017:
ขอบคุณ คะ
116  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: แนะนำเครื่องมือที่ดี ๆ ในบอร์ด นี้ คะ เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2010, 08:31:16 am
ขอบคุณ คะ
หน้า: 1 2 [3]