ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระธรรมทูตวอน ศน.จัดอีกสืบทอดพุทธที่อินเดีย  (อ่าน 600 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28444
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


พระธรรมทูตวอน ศน.จัดอีกสืบทอดพุทธที่อินเดีย

หัวหน้าพระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาล ปลื้ม ศน.นำคณะสงฆ์-หน่วยงาน สืบทอดพุทธศาสนาที่อินเดีย ขอให้จัดต่อเนื่อง-เน้นเรียนรู้สังเวชนียสถาน ดูงานพัฒนาวัดไทย ใช้ชีวิตในแดนพุทธภูมิ เพื่อฝึกความอดทน
       
พระเทพโพธิวิเทศ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล กล่าวในพิธีทำบุญทอดผ้าป่าถวายวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย ของคณะผู้ประกอบศาสนากิจนมัสการสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ที่อินเดีย-เนปาล รุ่นที่ 2 จำนวน 135 รูป/คน กรมการศาสนา (ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ชาวพุทธเราจะไปประเทศใดไม่มีเกียรติเท่ากับไปแดนพุทธภูมิ

การไปอินเดียสำหรับชาวพุทธไม่การหยุดแค่การเดินทาง แต่มีเป้าหมายสูงสุด คือ ไปสักการะพระศาสดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างท่านทั้งหลายอยู่ประเทศไทยอาศัยประโยชน์จากพระพุทธศาสนา ตั้งแต่เกิดมาอาศัยช่องหนึ่งในใบเกิดเขียนว่านับถือศาสนาพุทธ อาศัยธรรมะของพระศาสดาจนสร้างวัดสร้างวามากมายมหาศาล ดังนั้น เมื่อพระสงฆ์ ชาวพุทธได้รับเกียรติจากกรมการศาสนา มาศึกษาเรื่องราวของพระศาสดา ผู้ตั้งศาสนาให้เรานับถือถึงอินเดีย จึงเป็นเรื่องที่น่าชมเชยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ นายปรีชา กันธิยะ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ที่สนับสนุนให้เกิดโครงการนี้ตั้งแต่สมัยเป็นอธิบดี ศน.


 :25: :25: :25:

นอกจากทาง ศน.ได้นำทั้งปัจจัยจากกองผ้าป่ามาถวายตามวัดไทยในอินเดียแล้ว สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ ได้นำบุคลากรผู้ดูแลพระศาสนาจากหน่วยงานต่างๆ มาศึกษาสังเวชนียสถาน จึงขออนุโมทนาให้โครงการนี้จัดต่อเนื่องตลอดไป เพราะถ้าหน่วยงานต่างๆ ผู้นับถือศาสนาไม่เสียสละให้ศาสดาเช่นนี้ ก็อย่าหวังว่าศาสนาจะอยู่ได้

แต่ที่ผ่านมาเรานับถือพุทธศาสนาอย่างสูงส่ง เรียนพระไตรปิฎก เรียนมงคล 38 เรียนเรื่องราวของศาสดา แต่พอจะเดินทางมาหาศาสดาผู้ก่อตั้งศาสนามีสภาพความคล่องตัวทางศรัทธาน้อย ผิดกับเวลาไปหากองตัณหาไปเที่ยวยุโรป อเมริกา แต่ละปีไปกันเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม อาตมาขอขอบคุณกรมการศาสนา มองเห็นความสำคัญตรงนี้ และอาตมาขอฝากว่านอกจากไปศึกษาสักการะสังเวชนียสถานทั้ง 4 แล้ว ควรพาพระสงฆ์มาศึกษาดูงานการพัฒนาวัดไทยในอินเดียด้วย มาใช้ชีวิต กินนอนที่วัด เพื่อฝึกความอดทน อดกลั้น จึงจะได้ชื่อว่าเป็นการเดินทางมาหาศาสดาอย่างแท้จริง เพื่อจะได้รู้ถึงความทุกข์และความเป็นอยู่ของพระศาสดา หากพระรูปใดไม่อดทนในเรื่องนี้ก็แสดงว่าไม่มีขันติธรรม


ขอบคุณข่าวจาก
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000038737
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ