ที่มี ก็มีกันมีกัน ล้น จนต้องหาที่เก็บ ที่ไม่มี ก็ไม่มีเลย
กรรมหนอกรรม ผู้ที่มี ทำให้ผู้ไม่มี ยิ่งเดือดร้อน มากขึ้น
ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่พระสงฆ์ ไม่มีปัจจัย เช่นเวลาท่านเดินทาง ก็ต้องจ่าค่าพาหนะ ไม่เต็มก็ครึ่งราคา ไม่ใช่ฟรี ทุกกระบวนการ บางท่านปากดี บอกถ้าไม่มี ก็ให้เดิน คนที่พูดระวัง นรกจะกินหัวนะจ๊ะ ชีวิตเราลำบากกันอยู่แล้ว อย่าหาเรื่อง แกว่งตีนไปหาเสี้ยนเลย
มันเป็นไปไม่ได้ เพราะนโยบาย สงฆ์ ขณะนี้ บังคับการศึกษาของพระด้วย ถ้าอยู่วัดมีพรรษามาก ก็ถูกบังคับให้เรียน วิชาพระสังฆาธิการ ปริญญาตรี หลวงพี่เราท่านบวชหลายพรรษา โดนเจ้าอาวาสบังคับ ( บังคับ เพราะไม่สมัครใจ ) ให้ไปเรียน สังฆาธิการ และ ปริญญาตรี กิจนิมนต์ท่าน ยังไม่พอจ่ายค่าเรียน เลย ต้องมาขอกับ โยมพ่อ โยมแม่ โยมน้อง ขอไปลงทะเบียนค่าหน่วยกิตก์ ค่ารถพาหนะ ซึ่งทางวัดไม่ได้จ่ายให้ ไม่ต่ำกว่า 30000 บาท นะคะ ท่านไปเรียน ก็ไม่สามารถรับกิจนิมนต์ ด้วย ต้องไปนอนที่ มจร. 3 วันกลับวัด เพื่อประหยัดค่าพาหนะ การไปเรียนไปกลับ กิจนิมนต์น้อยนะจ๊ะ ที่วัดไม่ค่อยมีอยู่แล้ว ก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ ต้องเดินทางออกจากวัด 6.30 น. เพื่อไป มจร. วันจันทร์ไป วันศุกร์ก็กลับ ไม่ใช่เรียนกันแค่วันสองวัน หลายปี นะคะ และที่สำคัญ ยังมีค่าอุปกรณ์จัดทำรายงาน วิทยานิพนธ์ อีก และ ยังมีค่าพาหนะ เวลาออกฝึกสอน ตามโรงเรียนอีก นึกไปแล้ว ก็รู้สึกสงสารหลวงพี่จัง อยากให้ไปอยู่กับพระอาจารย์ จะได้ไม่ต้องมาเรียนแบบนี้ ยังไม่รู้ว่าเรียนมาเสร็จ เจ้าอาวาสจะใช้ให้ทำอะไรอีก ในวัด
ท่านที่ออกมาพูด ว่าพระมีเงิน มันก็จริงในระดับหนึ่ง แต่ ก็ไม่จริง ในอีกระดับ หนึ่ง ที่ทำแย่เพราะหากินบนผ้าเหลือง มันก็มี ที่ทำดี อยู่อย่างสง่างาม ท่านก็มี
เราชาวพุทธ ต้อง วิจารณญาณ นะคะ ไม่ใช่ ฟังแต่ข่าว ก็ตื่นตัว ตื่นตูม ไม่งั้น จะทำให้พระสงฆ์ที่ดีงาม ท่านเดือดร้อนไปด้วย ต้องระมัดระวัง เพราะยุคนี้สื่อไวมาก