ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผลวิจัยเผย พระไทยส่วนใหญ่มีทรัพย์สินส่วนตัว มีบัตรเครดิต ส่งผลทำผิดพระธรรมวินัย  (อ่าน 2808 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ผลวิจัยชี้ 'เงินมีส่วนทำให้ พระทำผิดวินัย'

ผลวิจัยเผยพระไทยส่วนใหญ่มีทรัพย์สินส่วนตัว มีบัตรเครดิต ส่งผลทำผิดพระธรรมวินัย อาชญากรรม ฉ้อโกงเงินวัด เรี่ยไรเงินทอง ปลอมบวช  แนะรัฐร่วมมือมหาเถรสมาคม สำนักพุทธฯ วางระบบตรวจสอบพระ-วัด มีการลงโทษจริงจัง พร้อมคัดกรองการบวช ขณะที่พศ.เผยเรื่องพระทำไม่เหมาะสมร้องผ่านศูนย์ดำรงธรรมอื้อ

วันนี้( 14พ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เปิดเผยรายงานวิจัยเรื่องพระสงฆ์กับทรัพย์สินส่วนตัว จัดทำโดยนายดนัย ปรีชาเพิ่มประสิทธิ์ ผ่านเว็บไซต์ศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา ซึ่งพบว่ารายได้และรายจ่ายของพระภิกษุสงฆ์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการเช่น สภาพพื้นที่ กิจกรรมต่างๆศรัทธาของฆราวาส ส่วนการบริหารจัดการก็มีหลายรูปแบบทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยและกฏหมายของสงฆ์

ซึ่งจากการสัมภาษณ์ทำให้ทราบว่าพระภิกษุสงฆ์ในปัจจุบันมีทรรศนะเรื่องเงินทองแตกต่างกันไป เช่น เงินทองเป็นเพียงสิ่งสมมติ เงินทองเป็นของส่วนตัวเคร่งครัดตามพระธรรมวินัยและจะปรับเปลี่ยนพระธรรมวินัย แต่โดยรวมไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าพระภิกษุสงฆ์ในปัจจุบันล้วนมีเงินทองเป็นของส่วนตัวแทบทั้งสิ้น


 :96: :96: :96: :96: :96:

งานวิจัยยังระบุอีกว่า การมีเงินทองเป็นทรัพย์สินส่วนตัวยังทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น ปัญหาการฉ้อโกงทรัพย์สินวัด ปัญหาการเรี่ยไรเงินทอง ปัญหาการล่อลวงและขโมยทรัพย์สินพระภิกษุสงฆ์ ปัญหาด้านอาชญากรรม และปัญหาการปลอมบวช ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้าง ทั้งในระดับบุคคลและในระดับสังคม โดยเฉพาะผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นเรื่องศรัทธา คุณภาพของพระภิกษุสงฆ์ รวมถึงความมั่นคงของพระพุทธศาสนาในสังคมไทย

นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังได้วิเคราะห์เรื่องทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์ โดยเฉพาะเรื่องเงินและทองไว้ว่าขัดกับหลักพระธรรมวินัยด้วยเหตุผลหลายประการ นอกจากในพระวินัยปิฎกที่แสดงไว้ชัดเจนแล้วว่าการรับเงินและทองเป็นความผิด การที่พระภิกษุสงฆ์มีการใช้บัตรเดบิตหรือเครดิต ซึ่งไม่มีบัญญัติในพระวินัย หรือแม้พระพุทธเจ้ามิได้ทรงห้ามเรื่องบัตรเครดิต ฯลฯ แต่ก็ไม่ควร

 :41: :41: :41: :41: :41:

หากพิจารณาในมุมของกฎหมายการที่พระภิกษุสงฆ์มีเงินทองเป็นของส่วนตัวก็ถือว่าไม่เหมาะสมแม้ว่ากฏหมายบางมาตราอาจจะมีช่องที่เปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์อาจมีเงินทองเป็นของส่วนตัวได้แต่กฏหมายเหล่านั้นก็มิได้มีเจตนารมณ์ที่จะให้พระภิกษุสงฆ์สะสมทรัพย์สินเป็นของส่วนตัว เพราะถือว่าทรัพย์สินที่พระภิกษุสงฆ์ได้มานั้นล้วนเป็นทรัพย์สินของศาสนาทั้งสิ้นจึงไม่ควรที่จะยึดถือมาเป็นสมบัติส่วนตัว หากจะมีช่องทางให้พระภิกษุสงฆ์นั้นมีทรัพย์สินได้ก็เพื่อที่จะได้ทำกุศลช่วยมวลมนุษย์ด้วยการให้ทาน

ดังนั้นในมุมมองของกฎหมายทางโลกก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการที่พระภิกษุสงฆ์จะมีทรัพย์สินส่วนตัว การมีทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์จึงขัดกับพระธรรมวินัยและกฎหมายทางโลก


 :91: :91: :91: :91: :91:

ผู้วิจัยยังได้สัมภาษณ์ ข้อมูลรายได้ส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์ เช่น เงินนิตยภัต เงินค่าสอน เงินจากกิจนิมนต์ทั่วไป เงินจากกิจกรรมพิเศษทางศาสนา ทำให้ทราบว่าเมื่อพระภิกษุสงฆ์มีเงินทองแล้วก็สามารถนำไปเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินต่างๆได้อย่างมากมาย ซึ่งอาจจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยก็ได้ ส่วนเรื่องรายจ่ายส่วนตัวของพระภิกษุสงฆ์ เช่น รายจ่ายส่วนตัว รายจ่ายการกุศล รายจ่ายด้านการศึกษา หากการใช้เงินทองในเรื่องเหล่านี้ไม่มีไวยาวัจกรจัดการให้แล้วก็ย่อมเป็นอาบัติ

ส่วนเรื่องการจัดการกับทรัพย์สินส่วนตัวนั้นเนื่องจากไม่มีกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจน วิธีการปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์จึงมีความแตกต่างกันไปเช่น เปิดบัญชีรวมเงินส่วนตัวเข้ากับบัญชีวัด เปิดบัญชีเฉพาะส่วนตัว และไม่เปิดบัญชีแต่เก็บไว้ในตู้บริจาคหรือกุฏิเจ้าอาวาส เป็นต้น

 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

ผู้วิจัยยังได้เสนอวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องทรัพย์สินส่วนตัวกับพระสงฆ์ไว้ด้วยโดยต้องอาศัยวิธีส่งเสริมคุณภาพพระภิกษุสงฆ์ตามพระธรรมวินัย เช่น การปลูกฝังอุดมการณ์การบวช การศึกษาพระธรรมวินัยและการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ผสมผสานกับการแก้ไขเชิงระบบโดยอาศัยรัฐ เช่น การสร้างระบบกลั่นกรองพระภิกษุสงฆ์ให้มีคุณภาพมากขึ้นโดยมีบทลงโทษที่เข้มงวดหากมีการปลอมบวชเพื่อป้องกันการปลอมบวชต่อไป และควรทำฐานข้อมูลพระภิกษุสงฆ์เพื่อจะได้ทราบประวัติเพื่อป้องกันผู้เคยมีพฤติกรรมเสื่อมเสียบวชซ้ำและนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อคณะสงฆ์ ทั้งยังเป็นการป้องกันการปลอมบวชได้อีกด้วย

ส่วนการจัดการทรัพย์สินและการอุปถัมภ์ปัจจัย 4 โดยรัฐนั้น สามารถทำได้ โดยตั้งกองทุนของวัด เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ใช้เป็นกองกลาง โดยบริหารจัดการภายในวัดโดยให้รัฐเป็นผู้สนับสนุนอุปถัมภ์งบประมาณทั้งหมด โดยอาศัยข้อกฎหมายในการดูแลจัดการทรัพย์สินแทนวัด และทรัพย์สินส่วนตัว หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของคณะสงฆ์ให้มีการตรวจสอบระบบบัญชีได้อย่างโปร่งใสในทุกระดับ โดยมีการแบ่งแยกบัญชีส่วนตัวกับของวัดให้ชัดเจน


 :25: :25: :25: :25: :25:

นอกจากนี้ การจัดตั้งองค์กรของภาคสังคมและสภาชาวพุทธแห่งชาติที่ประกอบด้วย รัฐ คณะสงฆ์ และประชาชน เพื่อพัฒนาการพระศาสนาและอุปถัมภ์คณะสงฆ์ก็ดี การจัดตั้งธนาคารพระพุทธศาสนา เพื่อทำหน้าที่ดุจไวยาวัจกรในการจัดการด้านการเงินให้แก่คณะสงฆ์ก็ดี และการกลับเข้าไปหาพระธรรมวินัยดั้งเดิม เช่น อาศัยระบบไวยาวัจกรที่ซื่อสัตย์ทำหน้าที่ดูแลการเงินประจำวัดก็อาจเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาได้ ที่สำคัญต้องได้รับการสนับสนุนและตรวจสอบจากภายในวัดและชุมชนรอบวัดเพื่อความโปร่งใสและมีการตรวจสอบได้จากส่วนกลาง ซึ่งอาจเป็นมหาเถรสมาคม(มส.)หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็เป็นได้

ขณะที่ปัญหาการจัดการทรัพย์สินส่วนรวมหรือของคณะสงฆ์นั้น ต้องมีการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยให้มีงบประมาณเพียงพอแก่การใช้สอยผ่านมหาเถรสมาคม (มส.)หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ. )ซึ่งอาจจะใช้งบประมาณจากเงินที่ได้โดยการบริจาคหรือจากธนาคารพุทธศาสนาก็เป็นได้
    โดยให้ธนาคารพุทธศาสนาทำหน้าที่ดุจไวยาวัจกรในการดูแลทรัพย์สินของพระสงฆ์ไม่ให้ผิดพระธรรมวินัยและต้องมีระบบตรวจสอบที่โปร่งใสชัดเจน ทั้งจากฝ่ายพระสงฆ์และจากรัฐ
    อย่างไรก็ดีปัญหาเรื่องทรัพย์สินเงินทองของพระสงฆ์นี้มีมานานตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ซึ่งสิ่งที่จะทำให้ปัญหาแก้ไขได้ดีที่สุด คือ พระภิกษุสงฆ์ต้องยึดปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด


 st12 st12 st12 st12 st12

ด้านนายบุญเลิศ โสภา ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา พศ. กล่าวว่า ปัจจุบันภาคสังคมจับตาดูพฤติกรรมของพระสงฆ์มากขึ้นโดยเฉพาะการเผยแพร่ผ่านสังคมออนไลน์เมื่อพระสงฆ์มีการทำพฤติกรรมอะไรที่ประชาชน เห็นว่าไม่เหมาะสมก็จะมีการถ่ายรูปและส่งต่อภาพนั้นทันที ทั้งที่บางเรื่องอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงหรือเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด ส่งผลให้มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมพระสงฆ์ไปยังตู้ปณ.ศูนย์ดำรงธรรมและสำนักนายกรัฐมนตรีมีเป็นจำนวนมาก

ขณะที่อนุกรรมาธิการงบประมาณก็มีการท้วงติงมายังพศ.ให้ติดตามเฝ้าระวังพฤติกรรมของพระสงฆ์เพราะจะส่งผลกระทบต่อการเสนอของบประมาณ ดังนั้นพระสงฆ์ควรระมัดระวังการแสดงพฤติกรรมต่างๆด้วย


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.dailynews.co.th/Content/education/280819/ผลวิจัยชี้เงินมีส่วนทำให้พระทำผิดวินัย
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ที่มี ก็มีกันมีกัน ล้น จนต้องหาที่เก็บ ที่ไม่มี ก็ไม่มีเลย

  กรรมหนอกรรม ผู้ที่มี ทำให้ผู้ไม่มี ยิ่งเดือดร้อน มากขึ้น
 
  ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่พระสงฆ์ ไม่มีปัจจัย เช่นเวลาท่านเดินทาง ก็ต้องจ่าค่าพาหนะ ไม่เต็มก็ครึ่งราคา ไม่ใช่ฟรี ทุกกระบวนการ บางท่านปากดี บอกถ้าไม่มี ก็ให้เดิน คนที่พูดระวัง นรกจะกินหัวนะจ๊ะ ชีวิตเราลำบากกันอยู่แล้ว อย่าหาเรื่อง แกว่งตีนไปหาเสี้ยนเลย

   มันเป็นไปไม่ได้ เพราะนโยบาย สงฆ์ ขณะนี้ บังคับการศึกษาของพระด้วย ถ้าอยู่วัดมีพรรษามาก ก็ถูกบังคับให้เรียน วิชาพระสังฆาธิการ ปริญญาตรี หลวงพี่เราท่านบวชหลายพรรษา โดนเจ้าอาวาสบังคับ ( บังคับ เพราะไม่สมัครใจ ) ให้ไปเรียน สังฆาธิการ และ ปริญญาตรี กิจนิมนต์ท่าน ยังไม่พอจ่ายค่าเรียน เลย ต้องมาขอกับ โยมพ่อ โยมแม่ โยมน้อง ขอไปลงทะเบียนค่าหน่วยกิตก์ ค่ารถพาหนะ ซึ่งทางวัดไม่ได้จ่ายให้ ไม่ต่ำกว่า 30000 บาท นะคะ  ท่านไปเรียน ก็ไม่สามารถรับกิจนิมนต์ ด้วย ต้องไปนอนที่ มจร. 3 วันกลับวัด เพื่อประหยัดค่าพาหนะ การไปเรียนไปกลับ กิจนิมนต์น้อยนะจ๊ะ ที่วัดไม่ค่อยมีอยู่แล้ว ก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ ต้องเดินทางออกจากวัด 6.30 น. เพื่อไป มจร. วันจันทร์ไป วันศุกร์ก็กลับ ไม่ใช่เรียนกันแค่วันสองวัน หลายปี นะคะ และที่สำคัญ ยังมีค่าอุปกรณ์จัดทำรายงาน วิทยานิพนธ์ อีก และ ยังมีค่าพาหนะ เวลาออกฝึกสอน ตามโรงเรียนอีก นึกไปแล้ว ก็รู้สึกสงสารหลวงพี่จัง อยากให้ไปอยู่กับพระอาจารย์ จะได้ไม่ต้องมาเรียนแบบนี้ ยังไม่รู้ว่าเรียนมาเสร็จ เจ้าอาวาสจะใช้ให้ทำอะไรอีก ในวัด


    ท่านที่ออกมาพูด ว่าพระมีเงิน มันก็จริงในระดับหนึ่ง แต่ ก็ไม่จริง ในอีกระดับ หนึ่ง ที่ทำแย่เพราะหากินบนผ้าเหลือง มันก็มี ที่ทำดี อยู่อย่างสง่างาม ท่านก็มี 

    เราชาวพุทธ ต้อง วิจารณญาณ นะคะ ไม่ใช่ ฟังแต่ข่าว ก็ตื่นตัว ตื่นตูม ไม่งั้น จะทำให้พระสงฆ์ที่ดีงาม ท่านเดือดร้อนไปด้วย ต้องระมัดระวัง เพราะยุคนี้สื่อไวมาก

    :58: :bedtime2: thk56
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ผมไม่อยากบวช ก็งี้! ถ้าไม่เจอะเจอพระอาจารย์ผมกะว่าจะใช้ชีวิตชมนกตกเบ็ดที่ไหนสัักแห่ง พอเพียงไปวันวันดีกว่า ไม่อยากยุ่งกับพระศาสนาใดใดทั้งนั้น สันติภาพมีแต่หลักการไม่มีรูปธรรมโลกวุ่นวายแบบเน้นๆ เร้นอยู่ถูกต้องที่สุด ครับ!


 :96:           :73:           :91:           :a102:           :s_laugh:           :c017:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 15, 2014, 05:24:23 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พระพุทธเจ้าถามพระอานนท์ ว่าอานนท์ เธอเห็นงูพิษใหม

 พระอานนท์ ตอบว่าไม่พระเจ้าค่ะ

ก็ห่อผ้าที่เธอถือมา ทรัพย์คืองูพิษ อานนท์ห่อทรัพย์ที่ท่านเศรษฐีถวายให้หลังฉันเพลนั้น

อานนท์จงมอบให้ชาวนานั้นไปเถิด  ทรัพย์นั้นจะเป็นประโยชน์มากกว่าอยู่กับเรา

 พระอานนท์จึงมอบทรัพย์นั้น ให้แก่ชาวนาตามที่พระตถาคตตรัสนั้น
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

SRIYA

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 199
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สงสาร แต่ พระดี  ๆ ก็พลอยจะโดน หางไปด้วย ทำให้การเผยแผ่ ปฏิบัติ อาจจะอัตคัต ลงได้

 เพราะพระที่ดี มีการเผยแผ่ ธรรม ก็ต้องใช้ปัจจัย เช่นกัน คะ

  :49:
บันทึกการเข้า
อยากให้ทุกชีวิต มีความอบอุ่น

VongoleX

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
โดยส่วนตัว เชื่อว่าชาวพุทธ ระดับ สูง จะแยกแยะได้ แต่เท่าที่ปรากฏอย่างในที่ทำงาน มันเหมารวมทั้งหมด คุณกันเป็นที่สนุกขบขัน
 
    จะใช้พระงานเดียว งานศพ เท่านั้น แหละ

  :49:
บันทึกการเข้า
ผู้พิทักษ์รุ่นที่ 10 แห่ง Vongole จับมือกับ แก็งค์ อ๊บ อ๊บ