สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัมมะวังโส ที่ สิงหาคม 31, 2015, 04:25:37 pm



หัวข้อ: ท้ายที่สุด ก็ไม่มีอะไร เพราะมันไม่มีอะไร ตั้งแต่ต้น เมื่อจะไปสู่อมตะ (อนาลโย)
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ สิงหาคม 31, 2015, 04:25:37 pm
 ask1
  การมีหรือ ไม่มี นั้น สำหรับ พระอริยะบุคคล เห็นว่าการมี เป็นอย่างไร และไม่มีเป็นอย่างไร

  ผู้ถาม sinjai , sriya , nopporn , kobyamkala , hero , rainmain ,ครูนภา , อาริสา , ประสิทธฺ์ , paisalee , translate , ISSARAPAP , kittisak

   ans1

    การมี  ก็คือ การปรากฏ ของ รูป และ นาม
    การไม่มี  ก็คือ การหายไป ของ รูป และ นาม

    สำหรับ พระอริยะ การมี ก็เป็นเหตุ ไปสู่ การไม่มี และ การไม่มี ก็เป็นเหตุ ไปสู่ การมี เป็น วัฏจักร์ ที่สลับหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป เหมือนกลางวัน เหมือนกลางคือ เหมือน สว่าง เหมือน มืด มันสลับกันไปตามเหตุปัจจัย ของธรรมชาติ บ้าง ตามเหตุปัจจัย ของ การกระทำ ( กรรม ) บ้าง ตามเหตุปัจจัย ของ ผล ( วิบาก ) บ้าง แต่สิ่งหนึ่ง ที่อันใคร ๆ ไม่ค่อยเห็น ก็คือ เหตุปัจจัย จาก กิเลส ( อวิชชา ) อันนี้มองไม่เห็นกัน

    ดังนั้น การมี ก็คือ ปรากฏการณ์ ของ อัตตา อีกลักษณะ หนึ่ง
           การไม่มี ก็คือ ปรากฏการร์ ของ อัตตา อีกลักษณะ เช่นเดียวกัน
     ดังนั้น ในระหว่าง มี หรือ ไม่มี จะมี ปรากฏการณ์อีกอันหนึ่ง คือ รอให้มี หรือ รอให้ไม่มี

   ที่นี้ มี และ ไม่มี อาศัยอะไร ?
   มี และ ไม่มี อาศัยเวลา ( กาล ) เป็นเครื่องปรากฏอยู่ ตามนั้น ดังนั้น เราก็จะรู้ว่า เวลานี้ มี เวลา นี้ ไม่มี ขณะนี้ มี ขณะนี้ ไม่มี อย่างนี้เป็นต้น

     สำหรับพระอริยะ แล้ว มี และ ไม่มี เป็นเพียงปรากฏการณ์ ของ วัฏจักร เท่านั้น
     
     มี สอนให้รู้ว่า อะไร ?
       มี นั้น สอนให้รู้ว่า ถ้ามี ปรากฏการณ์ ของ มี เกิดขึ้น สิ่งที่ตามมา ก็คือ ความพอใจ และ ความไม่พอใจ เพราะมี เป็นได้สองสถานะ ของ ปุถุชน คือ บางอย่าง มี ก็นำมาซึ่งความทุกข์ บางอย่าง มี ก็นำมาซึ่งความสุข

      ส่วน ไม่มี นั้น มีอยู่สองสถานะ เช่นเดียวกัน คือ สถานะ ทุกข์ เพราะว่า ไม่มี กับ สถานะ เป็นกลาง คือ วางเฉย ไม่มี ไม่ทำให้เกิดสุข เพราะ ไม่มี มีค่าเท่ากับ ศูนย์ ( 0 ) ดังนั้นไม่มี จึงไม่มี สุข อยู่ มีเพียง ทุกข์ กับ ความเป็นกลาง

      ดังนั้น ถ้าจะบอกว่า มี แตกต่าง จากคำว่า ไม่มี ก็จำแนก ได้ง่าย คือ เวทนา ที่เกิด นั้น ร่วมกันที่ ทุกข์ แตกต่างกัน ที่ สุข กับ ความเป็นกลาง

     บัณฑิต หรือ สัตตบุรุษ ย่อมชี้นำความเป็นจริง ของ มี และ ไม่มี ฐานเดียว คือ ทุกข์ เพราะว่า ทุกข์ นั้นมองเห็นได้ง่าย ปรากฏได้ทั้งสอง ปรากฏการณ์

      ( ยังไม่จบ ในเรื่องลักษณะ แต่เหนื่อย ที่จะพิมพ์ พอจะสรุป ได้สั้น อย่างนี้ก่อนนะ )
      เจริญธรรม / เจริญพร

 ;)
     

 
 (http://www.madchima.net/kittisak2you/images/table-01.jpg)


หัวข้อ: Re: ท้ายที่สุด ก็ไม่มีอะไร เพราะมันไม่มีอะไร ตั้งแต่ต้น เมื่อจะไปสู่อมตะ (อนาลโย)
เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ กันยายน 01, 2015, 01:27:57 am

    ขออนุโมทนาสาธุ


หัวข้อ: Re: ท้ายที่สุด ก็ไม่มีอะไร เพราะมันไม่มีอะไร ตั้งแต่ต้น เมื่อจะไปสู่อมตะ (อนาลโย)
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ กันยายน 01, 2015, 05:09:17 am
รอข้อความเพิ่ม
  รู้สึกว่า พระอาจารย์ พูดแสดงเรื่องลึกซึ้ง ค่อนข้างจะมาก เลย

   :49: :58: :25:


หัวข้อ: Re: ท้ายที่สุด ก็ไม่มีอะไร เพราะมันไม่มีอะไร ตั้งแต่ต้น เมื่อจะไปสู่อมตะ (อนาลโย)
เริ่มหัวข้อโดย: Mario ที่ กันยายน 01, 2015, 07:57:41 am
ที่จริง อ่าน และ ดูจากภาพประกอบ ก็พอจะเข้าใจ แล้วนะคะ ยายกบ
ให้พระอาจารย์ท่านได้พักเถอะ

  :49: :25: :25: :25: thk56


หัวข้อ: Re: ท้ายที่สุด ก็ไม่มีอะไร เพราะมันไม่มีอะไร ตั้งแต่ต้น เมื่อจะไปสู่อมตะ (อนาลโย)
เริ่มหัวข้อโดย: นิรตา ป้อมนาวิน ที่ กันยายน 01, 2015, 09:28:52 am
  st11 st12 


หัวข้อ: Re: ท้ายที่สุด ก็ไม่มีอะไร เพราะมันไม่มีอะไร ตั้งแต่ต้น เมื่อจะไปสู่อมตะ (อนาลโย)
เริ่มหัวข้อโดย: nopporn ที่ กันยายน 01, 2015, 12:31:03 pm
นึกแล้วไม่ผิด ถ้าเป็นพระอาจารย์ อธิบาย อึ้งกันแน่ ๆ
 สมหวังดั่งคิด

    แค่คำว่า มี และ ไม่มี ยังมองเห็น ธรรม ตามที่พระอาจารย์ นำไว้เลย
   อันนี้ในใจ นับถือมาก อธิบายเป็นขั้น ตอน ตามจุด แบบคิดไม่ถึงจริง ๆ

  สาธุ สาธุ สาธุ

   st11 st12 st12