แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - TCnapa
|
หน้า: 1 [2] 3
|
41
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: อารมณ์ร่วม ทาง.... ใครอธิบายเพิ่มเติมได้ไหม คร้า
|
เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2010, 08:47:31 am
|
อารมณ์ร่วมทาง...... คือความสุข
อารมณ์ร่วมทาง.......คือความ ทุกข์
อารมณ์ร่วมทาง.......คือมิใช่สุข และ มิใช่ทุกข์
ยึด มั่น ถือมั่นไม่ได้ มิได้เป็นสุขจริง มิได้เป็นทุกข์จริง
( พอภาวนาเข้าจริง ก็หายสงสัย แล้ว คร้า ) ที่จริง ก็ตรง ไป ตรงมา แล้ว นี่คะ คุณหมวย จักขุอารัมมะณังวา อารมณ์ร่วมทางตา การที่เรามีอารมณ์ร่วมทางตาได้รับผลเป็น สุข ทุกข์ ไม่สุข ไม่ทุกข์ โสตารัมมะณังวา อารมณ์ร่วมทางหู เป็นต้น อยู่ในหนังสือ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ให้ อุพเพงคาปีติ
|
|
|
42
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไมพระภิกษุณี จึงไม่มีในประเทศไทย ครับ
|
เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2010, 08:19:35 am
|
พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ 499 ……ครุธรรมเหล่านี้ใด อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรีบบัญญัติเสียก่อน เพื่อ กันความ ละเมิด ในเมื่อยังไม่เกิดเรื่อง, เมื่อครุธรรมเหล่านั้น อันพระผู้มี พระภาคเจ้าแม้มิได้ทรงบัญญัติ พระสัทธรรมจะพึงตั้ง อยู่ได้ห้าร้อยปี เพราะ เหตุที่มาตุคามบวช, แต่เพราะเหตุ ที่ทรงบัญญัติครุธรรมเหล่านั้นไว้ก่อน พระสัทธรรมจักตั้งอยู่ได้อีก ห้าร้อยปี ข้อนี้ ก็ฉันนั้นแล จึงรวมความว่า พระ สัทธรรมจักตั้งอยู่ตลอดพันปีที่ตรัสทีแรกนั่นเอง ด้วยประการฉะนี้. แต่ คำว่า พันปี นั้น พระองค์ตรัสด้วยอำนาจพระขีณาสพ ผู้ถึงความ แตก ฉานในปฏิสัมภิทาเท่านั้น. แต่เมื่อจะตั้งอยู่ยิ่งกว่าพันปีนั้นบ้าง จักตั้งอยู่ สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระขีณาสพสุกขวิปัสสกะ, จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วย อำนาจ แห่งพระอนาคามี, จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระสกทาคามี, จัก ตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจพระโสดาบัน, รวมความว่า พระปฏิเวธสัทธรรม จัก ตั้งอยู่ตลอดห้าพันปี ด้วยประการฉะนี้.
|
|
|
44
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เกี่ยวกับ พระศรีอริยะเมตตรัย จากพุทธองค์
|
เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2010, 09:39:39 am
|
พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค - หน้าที่ 54
[๔๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักมีสมัยที่มนุษย์เหล่านี้มีบุตรอายุ ๑๐ ปี ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี เด็กหญิงมีอายุ ๕ ปี จักสมควรมีสามีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี รสเหล่านี้คือเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และเกลือ จักอันตรธานไปสิ้น ดูกรภิกษุทั้งหลายในเมื่อมนุษย์ มีอายุ ๑๐ ปี หญ้ากับแก้ จักเป็นอาหารอย่างดี ดูกรภิกษุ ทั้งหลายเปรียบเหมือนข้าวสุก ข้าวสาลีระคนกับเนื้อสัตว์ จักเป็นอาหารอย่างดี ในบัดนี้ ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี หญ้ากับแก้ก็จักเป็นอาหารอย่างดี ฉันนั้น เหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี กุศลกรรมบถ ๑๐ จักอันตรธานไป หมดสิ้น อกุศลกรรมบถ ๑๐ จักรุ่งเรืองเหลือเกิน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี แม้แต่ชื่อว่ากุศลก็จักไม่มี และคนทำกุศลจักมีแต่ไหน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มี อายุ ๑๐ ปี คนทั้งหลายจักไม่ปฏิบัติชอบในมารดา จักไม่ปฏิบัติชอบในบิดา จักไม่ปฏิบัติชอบใน สมณะ จักไม่ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ จักไม่ ประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล เขา เหล่านั้นก็จักได้รับการบูชา และ ได้รับการสรรเสริญ เหมือนคนปฏิบัติชอบในมารดา ปฏิบัติชอบ ในบิดา ปฏิบัติ ชอบในสมณะ ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ใน ตระกูล ในบัดนี้ ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี เขาจักไม่มีจิตคิดเคารพยำเกรงว่า นี่แม่ นี่น้า นี่พ่อ นี่อา นี่ป้า นี่ภรรยาของอาจารย์ หรือว่านี่ภรรยา ของท่านที่เคารพทั้งหลาย สัตว์โลกจักถึงความสมสู่ปะปนกันหมด เปรียบเหมือน แพะ ไก่ สุนัขบ้าน สุนัขจิ้งจอก ฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี สัตว์เหล่านั้นต่างก็จักเกิดความอาฆาต ความ พยาบาท ความคิดร้าย ความ คิดจะฆ่าอย่างแรงกล้าในกันและกัน มารดากับบุตรก็ดี บุตรกับ มารดาก็ดี บิดากับ บุตรก็ดี บุตรกับบิดาก็ดี พี่ชายกับน้องหญิงก็ดี น้องหญิงกับพี่ชายก็ดี จักเกิด ความ อาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย ความคิดจะฆ่ากันอย่างแรงกล้า นายพรานเนื้อเห็นเนื้อ เข้าเกิดความอาฆาต ความพยาบาท ความคิดร้าย ความคิดจะฆ่า อย่างแรงกล้าฉันใด ฉันนั้น เหมือนกัน ฯ
[๔๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี จักมีสัตถันตรกัปสิ้น ๗ วัน มนุษย์เหล่านั้นจักกลับได้ความสำคัญกันเองว่าเป็นเนื้อ ศัสตราทั้ง หลายอันคมจักปรากฏมีในมือของ พวกเขา พวกเขาจะฆ่ากันเองด้วยศัสตราอันคม นั้นโดยสำคัญว่า นี้เนื้อ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น สัตว์เหล่านั้น บางพวกมี ความคิดอย่างนี้ว่า พวกเราอย่าฆ่าใครๆ และใครๆ ก็อย่า ฆ่าเรา อย่ากระนั้น เลย เราควรเข้าไปตามป่าหญ้าสุมทุมป่าไม้ ระหว่างเกาะ หรือซอกเขา มีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตอยู่ เขาพากันเข้าไปตามป่าหญ้าสุมทุมป่าไม้ ระหว่าง เกาะหรือซอกเขา มีรากไม้และผลไม้ ในป่าเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตอยู่ตลอด ๗ วัน เมื่อล่วง ๗ วันไป เขาพากันออกจากป่าหญ้าสุมทุมป่าไม้ ระหว่างเกาะ ซอกเขา แล้วต่างสวมกอดกันและกัน จักขับร้องดีใจอย่างเหลือเกินในที่ประชุม ว่า สัตว์ผู้เจริญ เราพบเห็นกันแล้ว ท่านยังมีชีวิตอยู่ หรือๆ ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น สัตว์เหล่านั้น จักมีความคิดอย่างนี้ว่า เรา ถึงความ สิ้นญาติอย่างใหญ่เห็นปานนี้ เหตุเพราะสมาทานธรรมที่เป็นอกุศล อย่ากระนั้นเลยเราควร ทำกุศล ควรทำกุศลอะไร เราควรงดเว้นปาณาติบาต ควรสมาทาน กุศลธรรมนี้แล้ว ประพฤติ เขาจักงดเว้นจากปาณาติบาต จักสมาทานกุศลธรรมนี้แล้วประพฤติ เพราะเหตุที่ สมาทานกุศลธรรม เขาจักเจริญด้วยอายุบ้าง จักเจริญด้วยวรรณะบ้าง เมื่อเขาเจริญด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง บุตรของมนุษย์ทั้งหลายที่มีอายุ ๑๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๒๐ ปี ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้นสัตว์เหล่านั้นจักมีความคิดอย่างนี้ว่า เรา เจริญด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง เพราะเหตุที่สมาทานกุศลธรรม อย่า กระนั้นเลย เราควรทำกุศลยิ่งๆ ขึ้นไป ควรทำกุศลอะไร เราควรงดเว้นจาก อทินนาทาน ควรงดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร ควรงดเว้นจากปิสุณาวาจา ควรงดเว้น จากผรุสวาจา ควรงดเว้นจากสัมผัปปลาปะ ควรละอภิชฌา ควรละพยาบาท ควรละมิจฉาทิฐิ ควรละธรรม ๓ ประการ คืออธรรมราคะ วิสมโลภ มิจฉาธรรม อย่ากระนั้นเลยเราควรปฏิบัติชอบในมารดา ควรปฏิบัติชอบในบิดา ควรปฏิบัติชอบในสมณะ ควรปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ควรประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ใน ตระกูล ควรสมาทาน กุศลธรรมนี้แล้วประพฤติ เขาเหล่านั้นจักปฏิบัติชอบในมารดาปฏิบัติชอบในบิดา ปฏิบัติชอบ ในสมณะ ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ประพฤติ อ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล จักสมาทาน กุศลธรรมนี้แล้วประพฤติ เพราะ เหตุที่สมาทานกุศลธรรมเหล่านั้น เขาเหล่านั้นจักเจริญด้วย อายุบ้าง จักเจริญด้วย วรรณะบ้าง เมื่อเขาเหล่านั้นเจริญด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง บุตรของคน ผู้มีอายุ ๒๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๔๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๔๐ ปี จักมีอายุเจริญ ขึ้นถึง ๘๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๘๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๑๖๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๑๖๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๓๒๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๓๒๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๖๔๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๖๔๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๒,๐๐๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๒,๐๐๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๔,๐๐๐ ปี บุตร ของคนผู้มีอายุ ๔,๐๐๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๘,๐๐๐ ปี บุตรของคนมีอายุ ๘,๐๐๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๒๐,๐๐๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๒๐,๐๐๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๔๐,๐๐๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๔๐,๐๐๐ ปี จักมีอายุเจริญ ขึ้นถึง ๘๐,๐๐๐ ปี ฯ [๔๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี เด็กหญิงมี อายุ ๕๐๐ ปี จึงจักสมควรมีสามีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี จักเกิดมีอาพาธ ๓ อย่าง คือ ความอยากกิน ๑ ความไม่อยากกิน ๑ ความแก่ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อ มนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี ชมพูทวีปนี้จัก มั่งคั่งและรุ่งเรือง มีบ้านนิคมและราชธานีพอชั่วไก่ บินตก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี ชมพูทวีปนี้ประหนึ่งว่าอเวจีนรก จักยัดเยียดไป ด้วยผู้คนทั้งหลาย เปรียบเหมือนป่าไม้อ้อ หรือป่าสาลพฤกษ์ฉะนั้น ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี เมืองพาราณสีนี้ จัก เป็นราชธานี มีนามว่า เกตุมดี เป็นเมืองที่มั่งคั่งและรุ่งเรืองมีพลเมืองมาก มีผู้คน คับคั่ง และมีอาหาร สมบูรณ์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี ในชมพูทวีปนี้จักมีเมือง ๘๔,๐๐๐ เมือง มีเกตุมดีราชธานีเป็นประมุข ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี จักมีพระเจ้าจักรพรรดิ์ทรงพระนาม ว่า พระเจ้าสังขะ ทรงอุบัติขึ้น ณ เกตุมดีราชธานี เป็นผู้ทรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต ทรงชนะแล้ว มีราชอาณาจักรมั่นคง สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ คือจักรแก้ว ๑ ช้างแก้ว ๑ ม้าแก้ว ๑ แก้วมณี ๑ นางแก้ว ๑ คฤหบดีแก้ว ๑ ปริณายกแก้วเป็น ที่ ๗ พระราชบุตรของพระองค์มีกว่าพัน ล้วนกล้าหาญ มีรูปทรงสมเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนาของข้าศึกได้ พระองค์ทรงชำนะโดย ธรรมมิต้องใช้อาชญา มิต้อง ใช้ศัสตรา ครอบครองแผ่นดินมีสาครเป็นขอบเขต ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถี ฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่น ยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม เหมือนตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกในบัดนี้ เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชา และจรณะ ไปดีแล้ว รู้แจ้ง โลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดา และมนุษย์ ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้ แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งด้วยพระองค์เองแล้ว ทรงสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้ รู้ตาม เหมือนตถาคตในบัดนี้ ทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วย ปัญญาอันยิ่งด้วยตถาคตเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ ให้รู้ตามอยู่ พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้นจักทรงแสดงธรรม งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งาม ในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง บริบูรณ์สิ้นเชิง พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงบริหาร ภิกษุสงฆ์หลายพัน เหมือนตถาคตบริหารภิกษุสงฆ์หลายร้อย ในบัดนี้ฉะนั้น ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น พระเจ้าสังขะจักทรงให้ยกขึ้นซึ่งปราสาทที่ พระเจ้ามหาปนาทะ ทรงสร้างไว้ แล้วประทับอยู่ แล้วจักทรงสละ จักทรงบำเพ็ญ ทาน แก่สมณพราหมณ์ คนกำพร้า คนเดินทาง วณิพก และยาจกทั้งหลาย จักทรงปลงพระเกศาและพระมัสสุ ทรงครองผ้า กาสาวพัสตร์ เสด็จออกจากเรือน ทรง ผนวชเป็นบรรพชิต ในสำนักของพระผู้มีพระภาคพระ นามว่า เมตไตรย์อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ท้าวเธอทรงผนวชอย่างนี้แล้ว ทรงปลีกพระองค์อยู่ แต่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้ว ไม่ช้านักก็จักทรงทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์ อัน ยอดเยี่ยมที่กุลบุตรทั้งหลาย พากันออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบ ต้องการ อันเป็นที่สุด แห่งพรหมจรรย์ ด้วยพระปัญญาอันยิ่งด้วยพระองค์เอง ในทิฐธรรมเทียว เข้าถึงอยู่ ฯ
|
|
|
45
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป รู้อย่างไร ?
|
เมื่อ: มิถุนายน 30, 2010, 09:15:03 am
|
ตามที่คุณ หมวยจ้า กล่าวไว้โดยอ้างเป็นคำพูดของพระอาจารย์ คือ ถ้าเรา มองเห็นอนิจจสัญญา จำได้หมายรู้ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าไม่เที่ยง ย่อมมองเห็นความทุกข์ คือความทนอยู่ไม่ได้ คงไม่ได้ เป็นสภาพนับเนื่องด้วยทุกข์ เพราะสิ่งนี้มีเหตุ มีปัจจัยเช่นนี้ จึงไม่จีรังยั่งยืน คือไม่เที่ยง และ เป็นทุกข์ นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ เพราะใจมองเห็นความไม่เที่ยง จึงแจ้งชัด ความเกิดดับ ของ รูป และ นาม เพราะใจมองเห็นอย่างนี้ จึงทำให้ว่างจากอารมณ์แห่งความยึดมั่นถือมั่น ว่านี้เป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวเป็นตนของเรา ดวงตาแห่งธรรม เรียกว่า ธรรมจักษุ จึงปรากฏ เพราะเห็นความเกิดขึ้น และ ดับไปแห่งทุกข์ ---------------------------------------------------------------------- มีใจความใน อนัตตลักขณสูตร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสถาม ปัญจวัคคีย์ ซึ่งขณะนั้น เป็นพระโสดาบัน ทั้งหมดว่า พ. รูป เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง ป. ไม่เทีี่ยง พระเจ้าคะ พ. สิ่งใด ไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์ หรือ เป็น สุข เล่า ป. เป็น ทุกข์ พระเจ้าคะ พ. เมื่อสิ่งใดเป็นทุกข์ มีความแปรปรวน เป็นธรรมดา ควรหรือที่ตามสิ่งนั้นว่า นั่นเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวเป็นตนของเรา ป. ไม่ควรเลย พระเจ้าคะ =============================================== แหมเช้า นี้เริ่มด้วยธรรมะ แบบเบา ๆ สักนิด นะเจ้าคะ เพื่อน ๆ สมาชิก ทุกท่าน
|
|
|
52
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: อยู่นครนายก
|
เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2010, 09:41:47 pm
|
นึกแล้วว่าพระอาจารย์ กลับไปไม่ทัน ถึงทันก็ต้องเหนื่อย ต้องพักก่อนแน่ เพราะดิฉันพึ่งส่งท่านที่ลำปางตอนเย็นวันที่ 27 พ.ค.2553 ถ้าไปถึงพระอาจารย์ก็ไม่ได้พักแน่
|
|
|
54
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ภาวนา พุทธานุสสติ ใช้คำอื่นนอกจากคำว่า พุทโธ ได้หรือไม่ครับ
|
เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2010, 07:15:07 am
|
ตาสว่าง เลยครับ กับข้อมูลที่ คุณปุ้มนำเสนอด ในเชิง เหตุ และ ผล
และ คุณฟ้าใส ก็นำเสนอ ในเชิงศรัทธา อ่านตรงนี้แล้ว รู้สึกชื่นใจ ที่เห็นว่าน่าจะเกิดความเข้าใจ ยิ่งวิธีการฝึก ด้วยแล้วผมว่า ทำไมต้องไปกำหนด ปีติ เป็นธาตุ เป็นจุด
วิธีการฝึกแบบนี้ไม่มีในพระไตรปิฏก หรอกครับ อาจจะเป็นการเพิ่มเติมมาเองของอาจารย์ ที่มาสอน
( แสดงความเห็นะครับ ไม่ใช่ต้องการปรามาส ) แต่อ่านตรงนี้แล้ว แสดงให้เห็นแนวของคุณ chatchay เลยว่ายังไม่ได้ขึ้นกรรมฐาน แน่ ๆ ดิฉันว่าไปอ่าน กระทู้นี้เพิ่มก่อน อย่าพึ่งสรุปด่วน http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=301.0เพราะในเรื่อง ประวัติ ต่าง ๆ นั้นเราไปก็สืบกันไปตามตำรา คำเล่า หรือ คำบอก และบันทึก แต่ ดิฉัน ว่าจะเชื่อถือ ได้หรือ ไม่ไต้นั้นไม่ได้เกี่ยวกับการภาวนา ดิฉันมาเป็นศิษย์ในสายนี้ ก็ไม่ได้เคารพในประวัติของกรรมฐาน แต่เคารพในการปฏิบัติของพระอาจารย์ และเคารพในการปฏิบัติของตนเอง ที่ภาวนา ได้จริง ต่างหาก คุณ Utapati ได้ให้ความเห็นกับเรื่องประวัติ พอสมควรในกระทู้ที่แนะนำให้ไปอ่าน ดังนั้นดิฉันว่าอย่าไปด่วน สรุป ตามข้อมูลอ้างอิง นะคะ ควรจะสรุป จากการภาวนา คะ
|
|
|
62
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ที่สุดแห่ง ทุกข์ มีอยู่ 2 อย่าง
|
เมื่อ: เมษายน 29, 2010, 07:22:21 am
|
เปลวเทียน เป็นน้ำ พึ่งเห็นกัน อิ อิ คุณธรรมธวัช นี่ถ้าจะเ้ป็นคนอารมณ์จริง จัง นะคะ แต่งกลอนเก่งด้วย ====================== ช่วงนี้คงต้องห่าง เว็บสักพักนะคะ เพราะว่าโรงเรียนกำลังเปิดเทอม คะ คุณครูต้องเตรียมการสอน ส่วน อาจารย์สายทอง ตอนนี้ อยู่ อเมริกา คะ เห็นว่าจะกลับเดือน กรกฏาคม คะ
|
|
|
64
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: จะหนีร้อนไปตากอากาศ ในสถานที่ปฏิบัติธรรม ที่ไหนดีคะ ?
|
เมื่อ: เมษายน 13, 2010, 04:46:40 am
|
สวดมนต์ พึ่งเสร็จพึ่งกลับจาก.....ภาวนา นำบุญมาฝาก คะ
ขอบคุณทุกคน กับคำตอบนะคะ ขอให้ทุกท่านมีความสุขในวันสงกรานต์ นะคะ เดี๋ยวจะไปตักบาตร แล้วจ้า เอาฤกษ์ เอาชัย ด้วยการ คิดดี พูดดี ทำดี ในประเพณีสงกรานต์เรา
ธรรมยาตรา ที่อินเดียคะ เหล่าพระอาจารย์ ที่ไปก็หนาวนะคะ ฉันกันในบาตร อย่างง่าย ๆ คะ แต่มี ประสิทธิภาพคะ ภาพนี้ประทับใจมาก ๆ คะ
|
|
|
68
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: อานาปานสติ
|
เมื่อ: มีนาคม 19, 2010, 02:03:30 pm
|
ในการฝึก กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นั้นผู้ฝึกจะได้ฝึกในห้องที่ 4
มีสองส่วนในการภาวนา คือ อุคคหนิมิต และ ปฏิภาคนิมิต
ประกอบด้วย สโตริกาญาณ 16 รูปวัตถุ และ ญาณสติในพระอานาปานสติ 200 ญาณสติในส่วนวิปัสสนา
================================================== ขอบคุณท่าน Program มากคะ javascript:void(0);
|
|
|
79
|
ธรรมะสาระ / กระดานข่าวทางวัดแก่งขนุน / Re: เดินทางขึ้นเหนือ แล้วจ้า
|
เมื่อ: มีนาคม 17, 2010, 02:52:29 pm
|
9/3/53
ดิฉัน กับคุณสายทอง ไปถวายภัตตาหารเพล กับท่านที่วัดอุโมงค์ ท่านก็เดินทางกลับ สระบุรี เย็นนั้นเห็นบอกว่าไปเอาของที่วัด แล้วไปอุตรดิตถ์ ท่านเดินทางเก่งจังคะ ดิฉันเดินทางแค่ จังหวัด ลำปาง เชียงใหม่ ยังเหนื่อยเลย
คุณสายทองนิมนต์ท่านไว้ งานปฐมนิเทสก์ นักศึกษา ท่านยังไม่ได้ตอบรับเดือน พ.ค.
|
|
|
|