ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: โคธิกะภิกษุบรรลุอรหันต์..ขณะฆ่าตัวตาย  (อ่าน 5654 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28413
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
โคธิกะภิกษุบรรลุอรหันต์..ขณะฆ่าตัวตาย
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2014, 09:26:35 am »
0


โคธิกะภิกษุได้ญาณโลกีย์แล้วเสื่อม ที่สุดก็ฆ่าตัวตาย
โคธิกสูตรที่ ๓

      [๔๘๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้-
      สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตกรุงราชคฤห์ ฯ ก็สมัยนั้นแล ท่านโคธิกะ อยู่ที่กาลศิลาข้างภูเขาอิสิคิลิ ฯ

      [๔๘๙] ครั้งนั้นแล ท่านโคธิกะเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีจิตมั่นคงอยู่ ได้บรรลุเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์ ภายหลังท่านโคธิกะได้เสื่อมจากเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์นั้น
     แม้ครั้งที่ ๒ ท่านโคธิกะเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรมีจิตมั่นคงอยู่ ได้บรรลุเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์ แม้ในครั้งที่ ๒ ก็ได้เสื่อมจากเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์นั้น
     แม้ครั้งที่ ๓ ท่านโคธิกะเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีจิตมั่นคงอยู่ ได้บรรลุเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์ แม้ในครั้งที่ ๓ ก็ได้เสื่อมจากเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์นั้น
     แม้ครั้งที่ ๔ ท่านโคธิกะเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีจิตมั่นคงอยู่ ได้บรรลุเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์ แม้ในครั้งที่ ๔ ก็ได้เสื่อมจากเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์นั้น
     แม้ครั้งที่ ๕ ท่านโคธิกะเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีจิตมั่นคงอยู่ ได้บรรลุเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์ แม้ในครั้งที่ ๕ ก็ได้เสื่อมจากเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์นั้น
     แม้ครั้งที่ ๖ ท่านโคธิกะเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีจิตมั่นคงอยู่ ได้บรรลุเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์ แม้ในครั้งที่ ๖ ก็ได้เสื่อมจากเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์นั้น
     แม้ครั้งที่ ๗ ท่านโคธิกะเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีจิตมั่นคงอยู่ ก็ได้บรรลุเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์อีก ฯ

     ครั้งนั้นแล ท่านโคธิกะได้เกิดความคิดอย่างนี้ว่า
    เราได้เสื่อมจากเจโตวิมุติอันเป็นโลกีย์ถึง ๖ ครั้งแล้ว ถ้ากระไรเราพึงนำศัสตรามา ฯ





     [๔๙๐] ลำดับนั้นแล มารผู้มีบาปทราบความปริวิตกแห่งจิตของท่านโคธิกะด้วยจิตแล้ว จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
     ข้าแต่พระองค์ผู้มีจักษุ มีเพียรใหญ่ มีปัญญามาก รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์และยศ ก้าวล่วงเวรและภัยทั้งปวง ข้าพระองค์ขอถวายบังคมพระบาททั้งคู่ ข้าแต่พระองค์ผู้มีเพียรใหญ่ สาวกของพระองค์อันมรณะครอบงำแล้ว ย่อมคิดจำนงหวังความตาย ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งความรุ่งเรือง ขอพระองค์จงห้ามสาวกของพระองค์นั้นเสียเถิด ฯ

     ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้ปรากฏในหมู่ชน สาวกของพระองค์ยินดีในพระศาสนา ยังไม่ได้บรรลุพระอรหันต์อันตัดเสียซึ่งมานะ ยังเป็นพระเสขะอยู่ ไฉนจะพึงกระทำกาลเสียเล่า ฯ
     ก็เวลานั้น ท่านโคธิกะได้นำศัสตรามาแล้ว ฯ


      :25: :25: :25:

    [๔๙๑] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า ผู้นี้เป็นมารผู้มีบาป จึงได้ตรัสกะมารผู้มีบาปด้วยพระคาถาว่า
    ปราชญ์ทั้งหลายย่อมทำอย่างนี้แล ย่อมไม่ห่วงใยชีวิต โคธิกะภิกษุ ถอนตัณหาพร้อมด้วยราก นิพพานแล้ว ฯ

    [๔๙๒] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย เรามาไปสู่กาลศิลา ข้างภูเขาอิสิคิลิ อันเป็นที่โคธิกกุลบุตรนำศัสตรามาแล้ว ฯ
    ภิกษุเหล่านั้น กราบทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว ฯ
    ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุหลายรูปได้เข้าไปยังกาลศิลา ข้างภูเขาอิสิคิลิ ฯ
    พระผู้มีพระภาคได้ทอดพระเนตรเห็นโคธิกะมีคออันพลิกแล้ว นอนอยู่บนเตียงที่ไกลเทียว ก็เวลานั้นแล ควันหรือหมอกพลุ่งไปสู่ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศเบื้องบน ทิศเบื้องต่ำ และอนุทิศ ฯ





    [๔๙๓] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเห็นไหม ควันหรือหมอกนั้นพลุ่งไปสู่ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศเบื้องบน ทิศเบื้องต่ำ และอนุทิศ
    เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลรับพระดำรัสแล้วจึงตรัสว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นั่นมารผู้มีบาปเที่ยวแสวงหาวิญญาณของโคธิกกุลบุตร ด้วยคิดว่า วิญญาณของโคธิกกุลบุตรตั้งอยู่ ณ ที่ไหน
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย โคธิกกุลบุตร มีวิญญาณอันไม่ตั้งอยู่แล้วปรินิพพานแล้ว ฯ

    [๔๙๔] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปถือพิณมีสีเหลืองเหมือนมะตูมสุก เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
    ข้าพระองค์ได้ค้นหาวิญญาณของโคธิกกุลบุตร ทั้งในทิศเบื้องบน ทั้งทิศเบื้องต่ำ ทั้งทางขวาง ทั้งทิศใหญ่ ทิศน้อยทั่วแล้ว มิได้ประสบ โคธิกะนั้นไป ณ ที่ไหน ฯ


     st11 st11 st11

    [๔๙๕] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า นักปราชญ์ผู้ใดสมบูรณ์ด้วยธิติ มีปรกติเพ่งพินิจ ยินดีแล้วในฌานทุกเมื่อ พากเพียรอยู่ตลอดวันและคืน ไม่มีความอาลัยในชีวิต ชนะเสนาของมัจจุราชแล้ว ไม่กลับมาสู่ภพใหม่ นักปราชญ์นั้นคือ โคธิกกุลบุตร ได้ถอนตัณหาพร้อมด้วยราก ปรินิพพานแล้ว ฯ
    พิณได้พลัดตกจากรักแร้ของมารผู้มีความเศร้าโศก ในลำดับนั้น ยักษ์นั้นมีความโทมนัส หายไปในที่นั้นนั่นเอง ฯ


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ บรรทัดที่ ๓๘๘๕ - ๓๙๕๑. หน้าที่ ๑๖๙ - ๑๗๒.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=3885&Z=3951&pagebreak=0             
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=488
ขอบคุณภาพจาก
http://blogs.telegraph.co.uk/ , http://www2.astvmanager.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28413
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: โคธิกะภิกษุบรรลุอรหันต์..ขณะฆ่าตัวตาย
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2014, 09:46:05 am »
0



กำหนดเวทนาเป็นอารมณ์ตั้งสติมั่น พิจารณามูลกัมมัฏฐานบรรลุพระอรหัต
อรรถกถาโคธิกสูตรที่ ๓
(ยกมาแสดงบางส่วน)

    ได้ยินว่า พระเถระคิดว่า เราจะมีประโยชน์อะไรด้วยชีวิตนี้ จึงนอนหงายเอามีดตัดหลอดคอ.
    ทุกขเวทนาทั้งหลายก็เกิดขึ้น. พระเถระข่มเวทนาแล้วกำหนดเวทนานั้นนั่นแหละเป็นอารมณ์ตั้งสติมั่น พิจารณามูลกัมมัฏฐานก็บรรลุพระอรหัต เป็นสมสีสี ปรินิพพานแล้ว.

     ก็ชื่อว่าสมสีสีมี ๓ ประเภท คือ อิริยาปถสมสีสี โรคสมสีสี ชีวิตสมสีสี.
     บรรดาพระอรหันต์ ๓ ประเภทนั้น พระอริยะรูปใดอธิษฐานอิริยาบถทั้งหลายมียืนเป็นต้น อิริยาบถอย่างใดอย่างหนึ่ง ตั้งวิปัสสนาไว้มั่นด้วยหมายจะไม่เปลี่ยนอิริยาบถนี้แล้ว บรรลุพระอรหัต เมื่อเป็นดังนั้น พระอริยะรูปนั้นบรรลุพระอรหัตและไม่เปลี่ยนอิริยาบถพร้อมคราวเดียวกัน พระอริยะรูปนี้ชื่อว่าอิริยาปถสมสีสี.

     อนึ่ง พระอริยะรูปใดเมื่อบรรดาโรคทั้งหลายมีโรคตาเป็นต้น อย่างใดอย่างหนึ่งมีอยู่ ตั้งวิปัสสนาไว้มั่นว่า ถึงไม่หายจากโรคนี้ ก็จักบรรลุพระอรหัต เมื่อเป็นดังนั้น พระอริยะรูปนั้นบรรลุพระหัตและหายโรคพร้อมคราวเดียวกัน พระอริยะรูปนี้ชื่อว่า โรคสมสีสี.
    แต่อาจารย์บางพวกบัญญัติพระอรหันต์นั้นเป็นสมสีสีในข้อนี้ โดยปรินิพพาน ในเพราะอิริยาบถนั้นนั่นแหละ และในเพราะโรคนั้นนั่นแหละ.

    อนึ่ง พระอริยะรูปใดสิ้นอาสวะและสิ้นชีพ พร้อมคราวเดียวกัน พระอริยะรูปนี้ ชื่อว่าชีวิตสมสีสี
    สมจริงดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า บุคคลใดสิ้นอาสวะและสิ้นชีพไม่ก่อนไม่หลัง บุคคลนี้เรียกว่า สมสีสี.


     :25: :25: :25:

    ก็ในคำว่า สมสีสี นี้ สีสะมี ๒ คือ ปวัตตสีสะและกิเลสสีสะ.
    บรรดาสีสะทั้ง ๒ นั้น ชีวิตินทรีย์ชื่อว่าปวัตตสีสะ อวิชชาชื่อว่ากิเลสสีสะ.
    บรรดาชีวิตินทรีย์และอวิชชานั้น จุติจิตย่อมทำชีวิตินทรีย์ให้สิ้นไป มรรคจิตทำอวิชชาทั้งหลายให้สิ้นไป.


    จิตสองดวงย่อมไม่เกิดพร้อมคราวเดียวกัน.
    แต่ผลจิตเกิดในลำดับมรรคจิต ภวังคจิตเกิดในลำดับผลจิต ออกจากภวังคจิต ปัจจเวกขณจิตก็เกิด.
    ปัจจเวกขณจิตนั้นบริบูรณ์บ้างไม่บริบูรณ์บ้าง.

    จริงอยู่ แม้เอาดาบอันคมกริบตัดศีรษะ ปัจจเวกขณจิตย่อมเกิดขึ้น ๑ วาระหรือ ๒ วาระโดยแท้
    แต่เพราะจิตทั้งหลายเป็นไปเร็ว การสิ้นอาสวะและการสิ้นชีพจึงปรากฏเหมือนมีในขณะเดียวกันนั่นเทียว.


อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค มารสังยุต ตติยวรรคที่ ๓ โคธิกสูตรที่ ๓
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=488
ขอบคุณภาพจาก http://www2.astvmanager.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

samapol

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 304
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: โคธิกะภิกษุบรรลุอรหันต์..ขณะฆ่าตัวตาย
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2014, 09:47:08 pm »
0
ก็มีความเสีี่่ยง อยู่ มากในกรณี นี้ แต่ท่านโคธิกะ นั้น ท่านเป็นเข้าฌาน ได้ หลายครั้งและก็เสื่อมหลายครั้ง ดังนั้นท่านจึงมั่นใจ ในการปลงชีวิต ในขณะที่ดำรงฌาน ก่อนเสื่อม เพราะท่านตั้งใจไว้ว่า จะฆ่าตัวตายก่อน ฌานเสื่อม นั่นเอง ความตั้งใจแลกชีวิต คือปลงสังขาร ในระหว่างที่เข้าฌาน จึง เป็น สมสีสี ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่าย ๆ ในการเข้าฌาน ทรงฌาน และ ออกจากฌาน หรือ สมาบัติ

   ดังนั้นเดิมพัน ครั้งนี้เป็น เดิมพัน ของผู้ที่เข้าฌานเป็น จึงไม่ใช่เรื่องที่ ใคร ๆ จะทำได้ นะครับ

  พิจารณาให้ดี

  การเป็นพระอรหันต์ อย่างนี้ นับว่า หายาก เพราะต้องแลกด้วยชีวิต หากปลงชีวิตขณะฌานเสื่อม และ ขาดวิปัสสนา ก็ มีนิริยะ รออยู่

    :bedtime2: :bedtime2: :bedtime2: สำหรับผมคงไม่เลือกวิธีนี้ เพราะมีครูอาจารย์ คอยแนะนำพร่ำสอนให้ปฏิบัติ มีสัมมาทิฏฐิ ในการภาวนา จึงเห็นควรว่า วิธีนี้ไม่เหมาะสม และพระพุทธเจ้า คงไม่ยินดีที่เราจะใช้วิธีอย่างนี้ มิฉะนั้น พระองค์ จะทรงสนับสนุนให้ภิกษุทั้งหลาย ฆ่าตัวเอง เพื่อมรรคผล เป็นแน่แท้ ถ้าดีจริง

  :49:
บันทึกการเข้า