ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: True Story of Mom : ความรักของแม่ คือปาฏิหาริย์ที่แท้จริง  (อ่าน 579 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



True Story of Mom : ความรักของแม่ คือปาฏิหาริย์ที่แท้จริง

เพราะ ความรักของแม่ ปาฏิหาริย์จึงเกิด เรื่องราวของคุณสุนทร งามบุญชื่น เจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เธอไม่คาดคิดเลยว่าสภาพของผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุขั้นโคม่าที่เธอเห็นจนชินตานั้น จะมาเกิดกับลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ ในวันนั้นปาฏิหาริย์กลายเป็นสิ่งที่ไกลตัวเธอเหลือเกิน

” เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 ตอนประมาณตี 2-3 ลูกชายประสบอุบัติเหตุที่แยกพระราม 5 มอเตอร์ไซค์ชนกับรถแท็กซี่หลังจากขับไปส่งเพื่อน อาการโคม่ามาก คุณหมอไม่ให้ความหวังอะไรเลย คุณหมอบอกว่าคนไข้อาจจะไม่รอด เพราะอาการหนักมาก กระดูกเชิงกรากแตก ลำไส้ทะลุ ขาข้างซ้ายเละเทะมาก คุณหมอก็ระดมแพทย์ทุกแผนกมาช่วย คุณหมอไม่ได้ให้ความหวังอะไรกับพ่อแม่ว่าคนไข้จะรอดนะ หมอพยายามช่วยกันเต็มที่ ผ่าตัดตั้งแต่เช้าจนถึงสองทุ่ม คุณหมอไม่ให้ความหวังเลย เราเห็นอาการของลูกแล้วน่าจะไม่รอด ตอนนั้นทำใจไม่ได้เพราะเรามีลูกเพียงคนเดียว มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดอย่างกระทันหัน ตอนนั้นก็เตือนเขาแล้วว่าขับรถระวังนะลูกนะ


@@@@@@

” เราเคยเห็นสภาพคนไข้ที่มาหาหมอแล้ว แต่เราก็ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะมาเกิดกับเรา ตอนแรกยอมรับไม่ได้เลย ร้องไห้ทุกวัน เพื่อนร่วมงานก็คอยปลอบให้ใจเย็น ๆ ทุกครั้งที่เข้าไปเยี่ยมลูก คุณหมอก็บอกทุกครั้งว่าให้เราทำใจ

” ภาพที่เห็นคือลูกของเรามีเหล็กดามเสียบตามตัวเขาเต็มไปหมด และนอนนิ่ง ไร้การตอบสนอง คุณหมอต้องประเมินอาการทุกวัน คือไม่สามารถคาดเดาอาการล่วงหน้าได้เลย ลูกผ่านการผ่าตัดตั้ง 20 กว่าครั้ง ผ่าวันเว้นวัน ไม่หวังอะไรมากแล้ว ขอแค่ให้ลูกลืมตัวขึ้นมาเราก็พอใจแล้ว เป็นระยะเวลาเกือบเดือนเลยที่ลูกชายไม่ลืมตา นอนอยู่ในห้องไอ.ซี.ยูนานเป็น 2 – 3 เดือน
 
” อาจารย์แพทย์บางท่านที่แวะเวียนมาดูอาการก็ให้กำลังใจเรา ‘สู้เพื่อลูกนะ ทุกอย่างมันมีทุกข์เดี๋ยวก็ต้องมีสุข ให้ใจเย็น ๆ ต่อสู้เคียงข้างลูกต่อไป’ จึงเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง ในขณะที่เรากำลังหมดหวัง ก็ยังมีสามีที่คอยให้กำลังใจ ญาติพี่น้องคอยบอกเราสู้ให้เต็มที่ และเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจและปลอบใจเรามาตลอดเวลา เมื่อไม่มีความหวังให้เราสบายใจก็เลยสวดมนต์ อุทิศผลบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรของลูก

@@@@@@

” ช่วงที่ลูกอยู่ที่โรงพยาบาล เราเครียดมาก ทำใจไม่ได้ ไม่อยากให้ลูกจากไปเลย เรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นกับเราเลย เราเคยเห็นแต่ของคนอื่น ไม่คิดเลยว่าจะมาเกิดกับเรา ทำให้ไม่อยากกินข้าวจนซูบผอม เพื่อนร่วมงานต้องคอยเตือนเราเสมอ กินข้าวบ้างนะ เมื่อเรากลับมามองที่ลูก สิ่งที่คิดได้คือเราต้องสู้เพื่อลูกนะ จึงอยากบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพ่อแม่ที่สู้เพื่อลูกคือ ใจต้องเข้มแข็ง และที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือต้องให้กำลังใจลูก ไม่มีการซ้ำเติมลูก เราต้องเดินหน้าต่อไป

” วันที่ 3 อาการของลูกหนักมาก เกือบจะจากพวกเราไปแล้ว แต่ทีมหมอช่วยกันกู้เขาขึ้นมา ไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับเราเลยในวันนั้น เพราะกลัวเราจะแย่ไปอีกคน แต่พอมารู้ทีหลังก็คิดว่าเขายังอยู่กับเรา เราต้องสู้เพื่อลูกให้เต็มที่ พอมีเวลาก็แวะไปดูลูก วันนี้เขาลืมตาหรือยัง ปากขยับได้หรือยัง ขยับตัวได้หรือยัง

” เวลาไปยืนที่ข้างเตียงลูกเราจะบอกเขาเสมอว่า ‘ให้กลับมาหาพ่อหาแม่นะลูก ไม่ว่าหนูจะกลับมาสภาพไหน พ่อแม่รับได้หมด หนูต้องหาย หนูต้องสู้นะลูก’ หลังจากนั้นเดือนกว่าลูกเริ่มตอบสนองด้วยการกระดิกมือ สามารถจับมือเราได้ เราจะถามเขาว่าถ้าเจ็บให้บีบมือแม่นะ เขาก็จะบีบแสดงว่าเขายังเจ็บแผลอยู่ เราก็จะบอกลูกว่า ‘ต้องสู้นะลูก พ่อกับแม่ยืนอยู่ข้างหนูนะ หนูต้องสู้นะ’


@@@@@@

” พออาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังเดินไม่ได้ แค่ยืนก็จะล้ม เราก็พาเขากลับมาบ้าน เขายังนอนติดเตียงอยู่ เราพยายามประคองช่วยลูกเดิน แล้วพามาทำกายภาพที่โรงพยาบาล คุณหมอนัดให้มาผ่าตัดใส่เส้นเอ็น เพราะเอ็นขาดหมดทั้งสองข้าง หลังจากนั้นจึงเริ่มเดินได้ แต่ก้าวได้ไม่มาก เลยต้องนั่งรถเข็นไปก่อน

” ตอนที่ลูกเป็นแบบนี้เราก็คิดนะว่าถ้าลูกต้องนอนติดเตียงต่อไป ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จะทำอย่างไร เราต้องออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่มืด เลิกงานกลับมาบ้านก็เย็น เลยตัดสินใจซื้อเตียงคนไข้ รถเข็น และอุปกรณ์สำหรับผู้พิการทั้งหมดไว้ที่บ้าน เพราะคิดว่าอย่างไรลูกคงกลับมาเดินไม่ได้อีกแล้ว เพราะขาเขาเละมาก และขาข้างนั้นก็เต็มไปด้วยเหล็กที่ดามไว้ ไม่ต่างจากไก่ที่ถูกไม้เสียบ เราช่วยกันกับสามี คอยจัดเตรียมอาหารไว้ให้ลูกเลย เพราะเขาสามารถลุกนั่งได้บ้าง ตอนนั้นเขายังใส่ถุงขับถ่ายไว้ที่หน้าท้อง พอเที่ยงเราก็จะรีบกลับมาดูลูกที่บ้าน แล้วรีบกลับไปทำงาน เลิกงานก็รีบกลับมาบ้าน และทุกครั้งก่อนออกจากบ้านหรือกลับมาบ้าน สิ่งที่ทำเป็นประจำคือกอดเขา มันเหมือนเป็นการมอบพลังและกำลังใจให้กับเรา เราเติมสิ่งนี้ทุกวัน

@@@@@@

” เราให้เขามองดูคนที่แย่กว่าเรา ดูสิ เขายังสู้เลย จากคนที่เดินไม่ได้ กลับมาเดินได้อีกครั้ง ลูกเลยมีแรงบันดาลใจ เขาจึงมีอาการดีขึ้นแล้วเริ่มฝึกเดินอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังเลิกงานเราจะพาลูกเดินจากหน้าบ้านมาในบ้านวันละ 15 นาทีทุกวัน เป็นระยะเวลาปีกว่า ตอนนี้กลับมาเดินได้ ถึงจะไม่เต็มร้อย แต่ก็เป็นปาฏิหาริย์สำหรับเราแล้ว เพราะเกินความคาดหวังของเราแล้ว คุณหมอบอกว่าถ้าลูกเดินไม่ได้ภายใน 2 ปี จะเดินไม่ได้เลยตลอดชีวิต

” การที่ลูกกลับมาเดินได้อีกครั้ง เชื่อว่ามาจากกำลังใจที่เรามอบให้ และกลุ่มเพื่อนที่ไม่ทอดทิ้งกัน แต่สิ่งที่สำคัญมาก ๆ คือตัวเขาเอง มาจากใจที่เขาอยากสู้ อยากกลับมาช่วยเหลือตัวเองได้อีกครั้ง ไม่อยากเป็นภาระของพ่อแม่อีกแล้ว

” แม้จะกลับมาช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว แต่ก็ยังมีอาการอยู่บ้าง เช่น เดินมากแล้วเท้าข้างที่ประสบอุบัติเหตุจะบวม เราก็ถามว่าจะหยุดงานไหมลูก ลูกบอกว่าไหวครับแม่ เราก็ปลื้มใจแล้วว่าลูกเรายังสู้อยู่ ”


 
เรื่อง : สุนทร งามบุญชื่น
เรียบเรียง : ชนินทร์ ผ่องสวัสดิ์
ภาพ : สรยุทธ พุ่มภักดี
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/164567.html
By nintara1991 ,9 August 2019
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: True Story of Mom : ความรักของแม่ คือปาฏิหาริย์ที่แท้จริง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2019, 08:24:13 am »
0
 st11 st12
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ