ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องวุ่นๆ เมื่อคนไทยเริ่มใช้นามสกุล | ร.๖ พระราชทานนามสกุลแรกของชาวสยาม  (อ่าน 615 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ต้นตระกูล “สุขุม” กับท่านผู้หญิงตลับ และคุณหญิงประจวบ รามราฆพ (สุขุม)


เรื่องวุ่นๆ เมื่อคนไทยเริ่มใช้นามสกุล | ร.๖ พระราชทานนามสกุลแรกของชาวสยาม

ตั้งแต่โบราณมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ คนไทยเราไม่มีนามสกุลใช้ มีแต่ชื่อโดดๆ ทั้งชื่อก็ยังซ้ำกันมาก อย่าง อิน จัน มั่น คง แดง ดำ ขาว เขียว ตอนจะมีไปรษณีย์ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อแก้ปัญหาไม่มีเลขที่บ้านไปล้ว ก็ยังมีปัญหาเรื่องชื่อบุคคลที่จะรับจดหมายอีก ไม่รู้ว่าแดงไหน ดำไหน ตอนไปสำรวจจัดทำบ้านเลขที่ ก็ขอให้บอกชื่อคนที่อยู่ รวมทั้งชื่อบิดามารดาด้วย จะได้ชัดเจนขึ้น โดยมีประกาศตอนหนึ่งว่า

“...ถ้าไม่จดชื่อบิดากำกับด้วย ก็ไม่ทราบว่า อิน จัน มั่น คง คนใด จึงต้องถามชื่อบิดาด้วย จะได้ลงชื่อบิดากำกับไม่ใช้ชื่อซ้ำกัน เหมือนดั่งชื่อธรรมเนียมจีนธรรมเนียมยุโรปอื่นๆนั้น เหมือนกับนายอินบุตรนายอ้น นายจันบุตรนายจร นายมั่นบุตรนายม่วง นายคงบุตรนายคำ ดั่งนี้เป็นต้น”

เมื่อลงชื่อบิดากำกับแล้ว ชื่อบิดาก็อาจซ้ำกันอีก จึงต้องขอให้บอกอาชีพด้วย

“การซึ่งถามถึงสังกัจและการทำมาค้าขายนั้นก็เหมือนกัน พอให้เปนที่มั่นคงเครื่องหมายที่จะให้ผิดชื่อกันเท่านั้น แลจะได้ทราบว่าผู้นั้นมีวิชาการสิ่งไร แลทำมาค้าขายสิ่งอันใด เพราะเพื่อราษฎรลูกค้าพานิชชาวต่างประเทศ จะมีความประสงค์ในการวิชาของผู้นั้น ฤามีธุระเกี่ยวข้องในวิชาแลการค้าขายสิ่งใดก็ดี ก็จะได้ทราบว่าผู้นั้นเป็นคนอย่างไร แลทำมาค้าขายสิ่งอันใด ราษฎรลูกค้าพานิชจะได้ซื้อส่งสินค้าได้คล่องแคล่ว โดยสะดวก ไม่ว่าต่างเมืองทางไกลแลใกล้ มิใช่จะจดชื่อเสียงไว้สำหรับเก็บภาษี ฤาคิดค่าหลังคาเรือน...”

ด้วยเหตุที่ยุ่งยากเรื่องชื่อนี้ ในรัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ประกาศพระราชบัญญัตินามสกุลขึ้นในวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๔๕๕ บังคับใช้เป็นกฎหมายตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๔๕๖ เป็นต้นไป ให้คนไทยต้องมีนามสกุล เพื่อสะดวกแก่การจดทะเบียนคนเกิด คนตาย และทำการสมรส ทรงชี้แจงถึงคุณประโยชน์ของการมีนามสกุลไว้ใน “จดหมายเหตุรายวัน” ว่า



“...การมีชื่อตระกูลเปนความสะดวกมาก อย่างต่ำๆที่ใครๆก็ย่อมจะมองเห็นได้ คือ ชื่อคนในทะเบียฬสำมโนครัวจะได้ไม่ปนกัน แต่อันที่จริงจะมีผลสำคัญกว่านั้น คือจะทำให้เรารู้จักรำฤกถึงบรรพบุรุษของตนผู้ได้อุสาหก่อสร้างตัวมา และได้ตั้งตระกูลไว้ให้มีชื่อในแผ่นดิน เราผู้เปนเผ่าพันธุ์ของท่านได้รับมรฎกมาแล้ว จำต้องประพฤติตนให้สมกับที่ท่านได้ทำดีมาไว้ และการที่จะตั้งใจเช่นนี้ ถ้ามีชื่อที่ต้องรักษามิให้เสื่อมทรามไปแล้ว ย่อมจะทำให้เปนเครื่องยึดเหนี่ยวหน่วงใจคนมิให้ตามใจตนไปฝ่ายเดียว จะถือว่า

“ตัวใครก็ตัวใคร” ไม่ได้อีกต่อไป จะต้องรักษาทั้งชื่อของตัวเองทั้งชื่อของตระกูลด้วยอีกส่วน ๑...”

การมีนามสกุล จึงไม่ใช่ “ตัวใครก็ตัวใคร” ถ้าใครทำไม่ดีก็จะเสียไปถึงโคตรเง่าบรรพบุรุษด้วย คนที่คิดจะประพฤติชั่ว ก็โปรดสำนึกในข้อนี้ด้วย

ตอนให้ตั้งนามสกุลก็เป็นเรื่องโกลาหลไม่น้อย เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าจะตั้งอย่างไร นายอำเภอและเจ้าเมืองจึงเป็นที่พึ่ง วันๆไม่ต้องทำอะไรได้แต่ตั้งนามสกุลให้คนที่ไปหากันแน่น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯก็ทรงพระราชทานนามสกุลให้แก่ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ดังที่ทรงบันทึกไว้ใน “ทะเบียฬนามสกุล” มีถึง ๖,๔๓๒ นามสกุล

นามสกุลหมายเลข ๑ ที่ทรงพระราชทาน คือ นามสกุล “สุขุม” พระราชทานเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๖ ต้นสกุลคือ เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)



ขอบคุณ : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000055051
เผยแพร่ : 27 พ.ค. 2563 11:42 ,โดย : โรม บุนนาค
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ