ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - GodSider
หน้า: 1 2 [3]
81  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: หัวอกพ่อ เมื่อลูกอายุ 14 ปี ติดเกม เมื่อ: มิถุนายน 26, 2011, 12:31:45 pm
ดูแล้ว รุนแรง เกินเหตุ นะครับ

ไม่อยากให้ใครได้เลียนแบบคุณพ่อท่านนี้เลย

   น่าจะมีวิธีการที่ดีกว่า นี้

    :035: :'(
82  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ข้อ คิด ดี ๆ ที่ ไม่ อยาก ให้ คุณ พลาด... เมื่อ: มิถุนายน 26, 2011, 12:30:44 pm


ช่อดอกไม้ ดอกนี้ แทนคำว่า ขอบคุณ และ ขอบใจ
ที่คุณ ธรรมธวัช ได้บรรจงลงแต่งเป็นกลอน ให้อ่าน ติดตามมาตั้งแต่ เช้าแล้วครับ


 :25: :25: :25:
83  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: อันตราย ๕ ประการ เทียบกับอันตรายของดอกบัว เมื่อ: มิถุนายน 24, 2011, 10:16:52 am
สาธุ สาธุ สาธุ เจริญธรรม วันพระ มากเลยครับ
 :25:
84  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การฝึก สมาธิ เนื่อง ด้วย ลม ( ภาษาอังกฤษ ) เมื่อ: มิถุนายน 24, 2011, 10:15:06 am
มีประโยชน์มากเลยครับ

ขอบคุณครับ  :c017:
85  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / Re: http://www.phasornkaew.org/ วัดผาซ่อนแก้ว เมื่อ: มิถุนายน 17, 2011, 12:34:37 pm
วีดีโอ พาชม ธรรมสถานผาซ่อนแก้ว ครับ

86  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.phasornkaew.org/ วัดผาซ่อนแก้ว เมื่อ: มิถุนายน 17, 2011, 12:31:17 pm


http://www.phasornkaew.org/
 วัดผาซ่อนแก้ว


ชมภาพบรรยากาศ ได้ที่ลิงก์นี้ ครับ
http://www.phasornkaew.org/gallery


พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส

ดาวน์โหลดหนังสือ ได้ที่ลิงก์นี้
http://www.phasornkaew.org/

87  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การบวชมีหลายอย่าง ดังคำโบราณว่า เมื่อ: มิถุนายน 17, 2011, 12:19:23 pm
การบวชมีหลายอย่าง  ดังคำโบราณว่า

บวชเล่น  บวชลอง  บวชครองประเพณี  บวชหนีทหาร  บวชผลาญข้าวสุก  บวชสนุกตามเพื่อน  บวชเปื้อนศาสนา  บวชฆ่ากิเลส  บวชเพื่อเป็นเปรตในอบายภูมิ  บวชรอไปขุมนรก

พระเณรก็คือลูกชาวบ้าน  ผัวชาวบ้าน  และอาจเป็นเมียของผัวชาวบ้าน
ลูกขี้เกียจสันหลังยาว  เอาไปบวช
ลูกติดยา  เอาไปบวช
ลูกตายเสีย  เมียตายจาก  ไปบวช
อกหัก  รักคุด  ตุ๊ดเมิน  ไปบวช
ไม่มีงานทำ  ไปบวช
อยากรวยบ้าง  ไปบวช
อยากดัง  ไปบวช
เมียทิ้ง  ไปบวช
ไม่มีคนเลี้ยงดู  ไปบวช
พ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสียให้เรียน  ไปบวช
สังคมรังเกียจ  ไปบวช
รังเกียจสังคม  ไปบวช
ลูกกำพร้าพ่อแม่  ไปบวช
ทะเลาะกัน  ไปบวช
หนีหนี้  ไปบวช
หนีตำรวจ  ไปบวช
อยากบวช  ไปบวช
เห็นทุกข์  ไปบวช
เบื่อหน่าย  ไปบวช

จะเห็นว่า  เกือบครอบคลุมเหตุผลของการบวชเป็นพระเป็นเณร  แทบทุกประเด็นแล้ว

และ ส่วนมากถึงมากที่สุด  คนมักเห็นวัด  เห็นการบวชเป็น  ที่บำบัดของเสีย  ที่รีไซเคิลของทิ้งแล้ว  เป็นถังขยะ  เป็นกระโถน  เป็นห้องส้วม  เป็นที่ระบายถ่ายเทของเสีย  ของกากเดน

พระเณรที่ได้มาจึงมักเป็น  พระเณรกากเดน  พระเณรเหลือเดน  พระเณรสังคมรังเกียจ  พระเณรไม่เอาถ่านและไม่เอาขี้เถ้าด้วย
เพราะมาจากคนกากเดน  คนเหลือเดน  คนสังคมรังเกียจ  คนไม่เอาถ่าน(เอาแต่ขี้เถ้า)

คนมักคิดกันว่า  บวชแล้วคนชั่วจะกลายเป็นคนดี  ทันที
บวชแล้วคนติดยาจะเลิกยาได้  ทันที
บวชแล้วคนกินเหล้าจะเลิกเหล้าได้  ทันที
บวชแล้วคนขี้เกียจจะขยันขันแข็งได้  ทันที
บวชแล้วมหาโจรจะกลายเป็นพระอรหันต์  ทันที
บวชแล้วงูเขียวจะกลายเป็นพระยานาค  ทันที
บวชแล้วหมาขี้เรื้อนจะกลายเป็นเสือโคร่ง  ทันที
บวชแล้วหินลูกรังจะกลายเป็นทองคำ  ทันที

คนมักคิดกันว่า  พระเณรมักจะบอกหวยแม่น
พระเณรมักจะดูดวงเก่ง
พระเณรมักจะสะเดาะห์ต่อชะตาให้ได้
พระเณรมักจะตัดกรรมตัดเวรให้ได้
พระเณรเป็นบุรุษไปรษณีย์  ส่งของให้ผีได้
พระเณรมักจะขลัง  มีของดี  มีของวิเศษต่าง ๆ
พระเณรมักจะเก่งทุกเรื่อง  รู้ทุกเรื่อง

ที่สาธยายมานี้  ไม่รู้เกี่ยวกับคำถามของคุณ จขกท รึเปล่าครับ

แต่ เดิมมา  เมื่อผมเริ่มศึกษาปฏิบัติธรรมกับครูบาอาจารย์สายวัดป่าใหม่ ๆ (สมัยอายุ ๑๔ ปี)  ก็มีความเห็นว่า  การที่พระเณรไปเรียนวิชาการทางโลก  ไม่ดี  ไม่ถูกต้อง  วิชาการทางโลกเป็นเดรฉานวิชา  ไม่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์  นอกแนวทางนอกพระธรรมวินัย  นอกจุดมุ่งหมายของการบวช

ผมเกิดความคิดต่อต้านมาก ๆ เลยครับ
จน อยู่ปฏิบัติธรรมมานาน  ไปศึกษาปฏิบัติกับครูบาอาจารย์ตามวัดใหญ่ ๆ ที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ  ทำให้มองโลกในหลายแง่หลายมุมมากขึ้น  มากกว่าการมองแบบเถรตรง  หรือมองแบบเหรียญสองด้าน (ผมมองเหรียญสามด้าน)

จน ในวันหนึ่ง  ได้เจอกับสามเณรที่จบ ป.๖ มาแล้วอ่านหนังสือไม่ออก  เขียนไม่ได้  หรือเขียนได้แต่ไม่ถูก  ท่อง กอไก่  ได้ไม่ถึง ฮอ นกฮูก

บอกให้เขียน ทอ ทหาร  เณรเขียน ดอ เด็ก มาให้ดู
สะกดตัวหนังสือให้ฟัง  ยังเขียนตามไม่ได้
จนผมแทบจะต้องสอนภาษาไทยให้ใหม่
ต่อ มาได้จับส่งเณรรูปนั้นและรูปอื่น ๆ ไปฝากให้เรียนหนังสือตามวัดสำนักเรียน  ทั้งในเขตหนองคาย  อุดร  ขอนแก่น  เมืองเลย  ด้วยความเมตตาสงสารเด็ก
และ ยังกลายเป็นอาชีพเสริมในปัจจุบัน  พอถึงเดือนมีนา  เมษา  ต้องคอยติดตามดูเด็ก ๆ ที่เรียนดีแต่ยากจน  หรือพออ่านออกเขียนได้  และเด็กอยากเรียนแต่พ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสีย

เอาเด็กเหล่านั้นมาบวชแล้วพาไปฝากหลวงพี่  หลวงน้า  หลวงลุง  หลวงพ่อที่เคยรู้จักกันให้ช่วยสงเคราะห์  ส่งเสียให้เล่าเรียน
และยังหาพี่ ๆ ที่คุ้นเคยกัน  ช่วยอุปถัมภ์บำรุงเณรเหล่านั้นไว้  ตลอดเวลาที่บวชอยู่
แต่ถ้าลาสิกขาเมื่อไหร่  ก็ทางใครทางมัน  นะจ๊ะ

ที่จบปริญญาตรี  ไปแล้วก็หลายรูป
จบปริญญาโท  สึกไปเป็นอาจารย์สอนอยู่ตามมหาวิทยาลัยก็หลายคน
จบแค่ ม.๖ ก็หลายสิบ

ผม เห็นว่า  การที่ศาสนาพุทธได้สงเคราะห์  คนด้อยโอกาสในสังคม  เป็นสิ่งหนึ่งที่ศาสนาสามารถจะทำได้  และศาสนาพุทธก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย
และเป็นการสงเคราะห์โลก  อีกแบบหนึ่ง
นอกเหนือไปจากการสงเคราะห์โลกด้วย ธรรม

จากคุณ : คอแก้ง
88  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เที่ยวอินเดีย อย่าลืมใช้บริการ !! 'มหาราชาเอกซ์เพรส' เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 06:45:22 pm
เที่ยวอินเดีย อย่าลืมใช้บริการ !! 'มหาราชาเอกซ์เพรส'
เคยไปอินเดียหลายครั้ง แต่มีเพียงสองครั้งเท่านั้นที่ได้ใช้บริการรถไฟของที่นี่ โดยเฉพาะรถไฟสายมหาปรินิพพานเอกซ์เพรส

     ซึ่งจัดเป็นการเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปนมัสการสังเวชนียสถาน 4 แห่งในอินเดียและเนปาล นับเป็นบริการที่เอาใจลูกค้าจริงๆ เพราะในระหว่างที่นั่งบนรถไฟหรูขบวนนี้ จะมีการเสิร์ฟอาหาร เสิร์ฟกาแฟ นอนบนที่นอนสะอาด



     ใครจะอาบน้ำอุ่นน้ำเย็นก็มีให้เลือกด้วยบริการเช่นนี้ ทำให้มีลูกค้าต่างชาติมาก จนต้องจองกันไว้ล่วงหน้า เพราะปีหนึ่งๆ ทางการรถไฟเปิดบริการเพียงไม่กี่เดือนนับตั้งแต่เดือนต.ค. ของทุกปี ดร.นาลิน ชินฮาล ผู้อำนวยการด้านการท่องเที่ยวและการตลาด การรถไฟอินเดีย พูดให้ฟังว่า



     การรถไฟอินเดีย มีกิจกรรมหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการจัดอาหารเสิร์ฟผู้โดยสารทุกขบวนทุกสถานีทั่วอินเดีย ในแต่ละวันต้องจัดอาหารไม่ต่ำกว่า 1 ล้านชุด และในแต่ละเดือนขายตั๋วรถไฟไม่ต่ำกว่า 6 ล้านใบต่อเดือนทั่วอินเดีย จะมีคอลเซ็นเตอร์ อยู่ที่กรุงเดลี มีโทรศัพท์เข้ามาในแต่ละวัน ประมาณ 2 ล้านสาย มีผู้โดยสารต่อเดือนเฉลี่ย 11 ล้านคน



     ด้านการท่องเที่ยวมีขบวนสำหรับ นักท่องเที่ยว มีแพ็กเกจราคาต่ำสุดคือ 10 เหรียญสหรัฐ สำหรับไซต์ซีอิ้งสูงที่สุดคือ ขบวนมหาปรินิพพานเอกซ์เพรส
 


     ซึ่งได้รับรางวัลการท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจากการท่องเที่ยวอินเดีย ช่วง 3 ปีที่เปิดมา “คนไทย” เป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่มาใช้บริการ รองลงมาก็เป็นชาวไต้หวันและเกาหลี โดยอีกไม่นานนี้จะมีขบวนใหม่ชื่อ “มหาราชาเอกซ์เพรส” ในราคา 800 เหรียญสหรัฐ ต่อคืน เป็นชาร์เตอร์แพ็กเกจ บริการการจองรถ จองโรงแรม รถเช่า ลูกค้าสามารถจองผ่านการรถไฟอินเดียได้ทั้งหมด เป็น วันสต็อปเซอร์วิส

     รถไฟอีกขบวนที่มีชื่อเสียงคือ ดาร์จีลิง ฮิลเรลเวย์ ไปสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง ดาร์จีลิง ซึ่งเป็นมรดกโลก เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ เพราะยูเนสโกคัดเลือกให้เป็นมรดกโลก




     รถไฟการท่องเที่ยวเพื่อการขึ้นเขามี 5 ขบวน แล้วแต่ความต้องการของตลาดที่จะเลือกใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็น พักผ่อนหย่อนใจชายทะเล และการเยี่ยมชมโบราณสถาน โบราณวัตถุ ซึ่งขบวน ดาร์จีลิงได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่คนยุโรปและอเมริกัน

     ขบวนรถ “มหาราชาเอกซ์เพรส” จะเริ่มเปิดให้บริการต้นปีหน้า ขณะนี้อยู่ระหว่างสร้างและตกแต่ง โดยดีไซเนอร์ชั้นแนวหน้าของอินเดีย ซึ่งออกแบบตกแต่งโรงแรม 5 ดาวของอินเดียมาแล้ว

      รถไฟขบวนนี้มีการให้บริการที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุด เช่นเดียวกับขบวนรถไฟที่ดีที่สุดในประเทศต่างๆ มีห้องน้ำอย่างดี พร้อมทั้งเครื่องอำนวยความสะดวกที่ครบครัน มีทีวีทุกห้อง ขนาดห้องพักจะใหญ่กว่าปกติ ห้องอาหารในขบวนรถนี้จะมี 2 ห้อง


     ขบวนรถนี้ดีกว่ามหาปรินิพพานเอกซ์ เพรส เส้นนี้จะเริ่มที่เดลี เข้าอักกราผ่านเมืองต่างๆ แล้วไปสุดที่กัลกัตตา 1 สาย ส่วนอีกสายหนึ่งจากเดลี ไปสุดทางที่มุมไบ

     เป็นขบวนรถระดับ 5 ดาว เริ่มต้นที่ 800 เหรียญสหรัฐต่อคืน ไม่รวมค่าทริป และมีห้องเพรซิเดนท์เชียลสวีต มี 2 ห้องใน 1 ขบวน มีห้องน้ำ 2 ห้อง มีอ่าง อาบน้ำ มีห้องนั่งเล่นและห้องอาหาร ส่วนตัว ราคาห้องละ 2,500 เหรียญสหรัฐต่อคืน (8 หมื่นบาท)

     เวลาลงรถไฟ ลูกค้าที่พักห้อง เพรซิเดนท์เชียลสวีต จะมีรถโค้ชส่วนตัว ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตอนนี้มีคนจองแล้ว ทั้งขบวนทั้งเดือนก.พ. และมี.ค. โดยลูกค้าจากอังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย รัสเซีย


     ขบวนพาเลซ ออนวีลส์ ก็ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งสำหรับตลาดบน แต่ต้องจองล่วงหน้านานถึง 2 ปี ถึงจะได้ใช้บริการ นอกจากนี้ขบวนรถสายอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมมีหลายขบวน อย่างเช่นไป อัครา ไปพาราณสี ฯลฯ แต่ไม่ใช่ขบวนที่จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยว เหมือนมหาปรินิพพานเอกซ์เพรส เพราะสายอื่นๆ ผู้โดยสารทั่วไปสามารถใช้บริการได้ตลอดเวลา

     สายในประเทศที่ได้รับความนิยม เช่น เดลี เชนไน กัลกัตตา มุมไบ ซึ่งเป็นสายหลักที่คนใช้มากที่สุดในขณะนี้ เพราะเป็นเมืองการค้าการพาณิชย์

     ทุกชนชั้นของอินเดียก็ใช้บริการการรถไฟเหมือนกัน คือถ้าเดินทางมากกว่า 18 ชั่วโมงขึ้นไป ตลาดบนจะใช้บินมากกว่า ในระยะใกล้จะไม่นิยมบินเพราะจะเสียเวลาในการเดินทางมากกว่าการเดินทางด้วย รถไฟ ถ้าใช้รถไฟจะสะดวกกว่าเพราะถ้าใช้บริการของรถไฟจะอยู่ในใจกลางของเมือง รถไฟระดับกลางๆ ที่แล่นเเร็ว จะมีผู้โดยสาร 8 ล้านคนต่อวันในทุกขบวน

     รถไฟมีหลายระดับ มีรถไฟนั่ง ตู้นอน มีแอร์กับไม่มีแอร์ มีสองชั้นสามชั้น ถ้าเป็นรถไฟทั่วไปก็ไม่ต้องจอง คนนั่งคนนอนกันเต็มไปหมด ไม่มีแอร์ เช่น คนเดินทางไปทำงาน กลับบ้าน ราคาต่ำสุดประมาณจากเดลีไปมุมไบ 100-150 รูปี หรือ 2-3 เหรียญสหรัฐ ถ้าเป็นตู้นอนราคา 3,000-4,000 รูปี หรือประมาณ 80 เหรียญสหรัฐ

     ขบวนรถไฟทุกขบวนที่ใช้ในอินเดีย ต่อโดยโรงงานในอินเดียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหัวรถ เครื่องจักร หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีโรงงานผลิตหัวจักรรถไฟใหญ่ๆ 2 แห่งในอินเดีย พวกเทคโนโลยีต่างๆ ก็นำเข้า ระบบที่ทันสมัยทางการรถไฟอินเดียพยายามศึกษาจากประเทศอื่นๆ แล้วนำมาพัฒนาเอง

     การรถไฟอินเดียมีแผนที่จะสร้างขบวนรถเร็วที่สุดในอินเดีย เทียบเท่ากับต่างประเทศ อย่างที่ญี่ปุ่นและจีน อีกสองสามปีข้างหน้าจะมีแผนกใหม่อีก 1 แผนกเรียกว่า แผนกรถไฟที่เร็วที่สุด ตอนนี้ขบวนเร็วที่สุดชื่อ “สตัฟดาร์จีเอกซ์เพรส” แล่นระหว่างเดลีถึงอัครา วิ่งประมาณ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
89  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 8 ข้อควรหลีกเลี่ยง สำหรับงานแรกในชีวิตคุณ เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 06:38:18 pm



งานแรก คือจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ทำงาน เพื่อจุดเริ่มต้นที่ดี นี่คือสิ่งที่คุณไม่ควรทำ....

           1. ขาดความอดทน เมื่อเริ่มงานแล้ว อย่าเพิ่งรีบถามถึงผลตอบรับของงาน เมื่อคุณเริ่มสร้างผลงานได้เป็นรูปเป็นร่าง ค่อยถามฟีดแบ็กจากเจ้านาย
       
           2. อดทนเกินไป อย่ามัวแต่อดทนรอให้เพื่อนร่วมงานต้องเป็นฝ่ายเข้ามาแนะนำตัวกับคุณก่อนเลย
       
           3. ใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด เหลือบดูเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ด้วยว่าเขาเล่นเฟซบุ๊กหรือแอบแชตบีบีในระหว่างประชุมหรือเปล่า แต่ละบริษัทย่อมไม่เหมือนกัน เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตามหน่อยก็ดี เพราะบางที่เขาซีเรียสกับเรื่องนี้นะ
       
           4. ทำลายความประทับใจครั้งแรก การวางตัวให้เจ้านายและเพื่อนร่วมงานประทับใจก็มีความสำคัญ การงานคุณอาจสะดุด หากคุณทำให้พวกเขาไม่ปลื้มตั้งแต่แรกพบ
       
           5. ไม่ปรึกษาเจ้านายเรื่องเป้าหมาย คุณ ควรหาคำตอบไว้ว่าเจ้านายต้องการให้คุณทำอะไรได้สำเร็จบ้างในช่วง 90 วันแรกของการทำงาน เพื่อให้รู้ว่าคุณต้องทำอย่างไรจึงผ่านช่วงโปรฯ ไปได้
       
           6. ไม่เข้าใจเจ้านาย เจ้านายคุณอาจมีแนวทางการสื่อสารที่ต่างไปจากคุณก็ได้ สิ่งสำคัญคือเลือกปฏิบัติในสิ่งที่จะทำให้เจ้านายของคุณพอใจ
       
           7. ฉายเดี่ยว นอกจากเจ้านายของคุณแล้ว เพื่อให้ผลงานออกมาดี คุณควรมองหาผู้ให้คำแนะนำคนอื่นๆ ด้วย
       
           8. ไม่ปลื้มกับงาน คิดซะว่าคุณทำเพื่อหาประสบการณ์ ไม่ใช่ว่าคุณจะต้องทำงานนี้ไปตลอดชีวิตนี่
90  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เมื่อดูลมหายใจแล้ว.. เมื่อ: มิถุนายน 09, 2011, 06:36:43 pm
ระหว่างการสังเกตุแก่ลมหายใจที่เข้า-ออกกระทบปลายจมูก
กับการตามรู้ลมหายใจที่ผ่านกระทบปลายจมูก
และตามดูลมที่เคลื่อนเข้าสู่ภายในกายจนลมสุดที่ท้องน้อย
และผ่อนลมหายใจออก เข้าออกอยู่อย่างนี้
โดยไม่มีการบังคับลมหายใจคือปล่อยไปตามธรรมชาติ
เพียงแต่เฝ้ามอง/ตามรู้ตามดูอยู่อย่างนั้น
ซึ่งผมถนัดแบบตามรู้ลมหายใจ
มากกว่าที่จะจดจ่ออยู่ที่ปลายจมูก

เคยลองพยายามจะจดจ่ออยู่กับลมที่สัมผัสเข้าออกที่ช่องปลายจมูก
แต่เหมือนว่ามันเครียดมาก... เหมือนว่ามันได้แต่เพ่งอยู่อย่างนั้น
เลยฝึกแต่การตามรู้ลมเข้าออก แต่ก็เหมือนว่าสมาธิมันไม่นิ่งอย่างที่ต้องการระหว่างการสังเกตุแก่ลมหายใจที่เข้า-ออกกระทบปลายจมูก
กับการตามรู้ลมหายใจที่ผ่านกระทบปลายจมูก
และตามดูลมที่เคลื่อนเข้าสู่ภายในกายจนลมสุดที่ท้องน้อย
และผ่อนลมหายใจออก เข้าออกอยู่อย่างนี้
โดยไม่มีการบังคับลมหายใจคือปล่อยไปตามธรรมชาติ
เพียงแต่เฝ้ามอง/ตามรู้ตามดูอยู่อย่างนั้น
ซึ่งผมถนัดแบบตามรู้ลมหายใจ
มากกว่าที่จะจดจ่ออยู่ที่ปลายจมูก

เคยลองพยายามจะจดจ่ออยู่กับลมที่สัมผัสเข้าออกที่ช่องปลายจมูก
แต่เหมือนว่ามันเครียดมาก... เหมือนว่ามันได้แต่เพ่งอยู่อย่างนั้น
เลยฝึกแต่การตามรู้ลมเข้าออก แต่ก็เหมือนว่าสมาธิมันไม่นิ่งอย่างที่ต้องการ

 :smiley_confused1:
91  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เส้าหลิน ซอคเกอร์ เมื่อ: มิถุนายน 06, 2011, 10:13:43 am











เส้าหลินซอคเก้อร์

จีนสร้างตำนาน เส้าหลินซอคเก้อร์ของแท้

รายงาน ข่าวจากสำันักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่วัดเส้าหลิน ในประเทศจีน เกาะกระแสบอลโลกฟีเวอร์ ด้วยการเปิดหลักสูตรประยุกต์การฝึกวิชาในวัดด้วยการเล่นฟุตบอล

ทั้ง นี้ ที่วัดได้มีการให้หลวงจีนออกมาเตะฟุตบอล โดยนำท่าทางของศิลปะการป้องกันตัวอันโด่งดังมาเล่นกับลูกฟุตบอล ซึ่งหลวงจีนทั้งหลายต่างโชว์ลีลาการเตะฟุตบอลในแบบหนังจีนกำลังภายใน สร้างความฮือฮาให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก

ข้อมูล mthai
92  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สติของพระซน ( ไม่ใช่พระเซ็น ) เรื่องที่ดีอยากให้อ่านครับ เมื่อ: มิถุนายน 06, 2011, 10:09:13 am
ขอบคุณเจ้าของเรื่องด้วยนะครับ

สติของพระซน

เมื่อ 20 ปีก่อน มีพระรูปนึง ขอเรียกว่าพระซนก็แล้วกันนะครับ ไม่ใช่พระเซ็น
คือบวชพรรษาแรกก็ธุดงค์ตามหลวงพ่อไปอยู่บนเขาซะแล้ว
อยู่เขานี้ กว่าจะเดินขึ้นเขาบุกป่าไปถึงกุฎิที่พักก็ร่วมๆ ชั่วโมง
หอบกันแฮ่ก กุฏิที่พักก็เป็นเพิงง่ายๆ ต้องกางกลดข้างในกุฎิ
กลางคืนวังเวงมาก เงียบ... เสียงใบไม้แห้งตกกรอบแกรบ
เสียงเหมือนคนเดินเหยียบใบไม้เลย ถ้าขวัญอ่อนละเสร็จ

พระซนรูปนี้ท่านฝึกสติฝึกสมาธิมา ก็ไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพายเท่าไหร่ครับ
พึ่งพรรษาแรกนี่ แต่สมชื่อล่ะครับ ท่านก็ซนของท่านไปเรื่อย
แต่กลางคืนท่านก็มีสติ มีสมาธิพอข่มความกลัวได้นะ
ตอนเช้าออกบิณฑบาตร ท่านก็ไปรูปเดียว
หลวงพ่อที่มาด้วยท่านอายุมากแล้ว ขึ้นลงเขาบ่อยๆ ไม่ไหว
ทีนี้เวลาลงเขา ไม่ลงธรรมดาครับ ท่านใช้วิธี "โผ"
คือมัดจีวร บาตร ติดกับตัวให้แน่น เสร็จแล้วก็เกาะต้นไม้ไว้
จากนั้นก็ "โผ" ไปเกาะอีกต้นหนึ่ง(คือพุ่งลงเขามาอย่างเร็ว)
แล้วก็ โผไปเกาะต้นโน้นต้นนี้ แป้ปเดียวถึงตีนเขาเลยครับ
ไปบิณฑบาตรที่หมู่บ้านข้างล่าง ชาวบ้านดีใจนะครับ มีพระมาอยู่เขา
ขาขึ้นโผไม่ได้นะครับ ก็ต้องค่อยๆ เดินขึ้นไป
ตอนขึ้นชั่วโมงนึง ตอนลงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

วันนึงหลวงพ่อได้คนพาเที่ยวรอบเขา พระซนก็เลยเดินทางไปด้วย
อ้อ...ลืมบอกไป บนเขาใช้น้ำที่มาจากแอ่งน้ำฝนสูงขึ้นไป
ชาวบ้านต่อท่อลงมาที่ใกล้ๆ กฏิ ใช้อาบและก็ดื่มด้วยนะครับ

กลุ่มเดินทางรอบเขามาถึงป่าไผ่ พื้นแถวนั้นเต็มไปด้วยใบไผ่ที่ร่วงอยู่
ใครเคยเหยียบใบไผ่จะรู้ว่ามันลื่นมาก และพระซนเองก็กำลังลื่น
ช่วงนั้นเป็นพื้นเท (Slope) พระซนจึงไถลไปตามแนวเขาที่ลาดเท
ลื่นไม่หยุดครับ มือก็พยายามเกาะพื้นก็ไม่อยู่ ใบไผ่มันหนามาก
พระซนหันไปดูเบื้องล่าง อีกไม่กี่เมตร ทางจะขาด นั่นหมายถึง เหว!
ท่านยังลื่นไม่หยุด เหวก็ใกล้เข้ามา จนเริ่มเห็นแล้วว่า ลึกมองไม่เห็นพื้นล่าง
มือก็พยายามยึดดิน แต่ไม่สำเร็จ จับพื้นไม่ติดเลย
ที่กลุ่มก็ไม่มีใครเห็นนะครับ ท่านลื่นลงไปอยู่รูปเดียว
ทำไงดี ทำอะไรไม่ได้แล้ว ยังไงก็ไม่หยุด
...แต่... จิตท่านนิ่งมากครับ
ขณะนั้นจิตของพระซนนิ่งมาก ไม่มีความกลัวในจิต แม้แต่นิดเดียว
ด้วยอานิสงค์การฝึกสติแบบไม่เป็นโล้เป็นพายนั่นแหละครับ
เวลาสถานการณ์คับขันจริงๆ จิตนิ่งสุดๆ ไม่มีอะไรในจิตเลย
สติมาช่วยในเวลาคับขัน ตื่นขึ้นเต็มที่ ความกลัวแทรกไม่ได้เลย
ตอนนี้พระซนพร้อมที่จะตกเหวแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวินาทีต่อไป
ท่านพร้อมแล้ว ตกก็คือตก ตายก็คือตาย

เดชะบุญพอมีอยู่ พอลื่นไปถึงขอบเหว พลันเท้าไปติดกับท่อน้ำที่ชาวบ้านทำไว้
ที่ลำเลียงน้ำไปให้ใช้ที่กุฏิน่ะครับ ติดแล้วหยุดได้พอดี
ขอบเหวพอดีเลยครับ รอดตาย มองลงไปดูที่เหว ลึกมาก ลงไปคงไม่รอด
แต่จิตใจก็ยังคงเหมือนเดิม รอดตายกับจะตกเหว ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
ไม่มีการถอนใจ โล่งอก อะไรเลย... ปกติ... เหตุการณ์ในจิตปกติมาก
ท่านก็ปืนเขากลับขึ้นไปรวมกลุ่มเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"หลวงพ่อครับ เมื่อกี้พอดีลื่นใบไผ่นิดนึงน่ะครับ" พระซนบอกหลวงพ่อ

ทุกวันนี้ พระซนก็สึกไปแล้ว แต่เค้าฝากมาบอกว่า
ให้ฝึกสติกันไว้นะครับ ฝึกให้มากๆ สติจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่มีอยู่
ในเวลาที่คุณอยู่ในเหตุการณ์คับขัน ในขณะที่ไม่มีอะไรมาช่วยคุณได้แล้ว
นอกจากสติแล้วไม่มีอย่างอื่นจริงๆ
ถ้าคุณจะคบเพื่อนซักคน คบกับคุณสติเถิดครับ
คุณจะมีเพื่อนแท้ และเพื่อนตาย เค้าจะมาหาคุณในยามเดือดร้อนครับ
เค้าฝากมาบอกอย่างนี้นะครับ

จากคุณ : ทางนี้
93  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ทำไมหลายคน เวลาชวนปฏิบัติสมาธิ จะบอกว่าอย่าทำเลยเดี๋ยวเป็นบ้า เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2011, 10:42:06 am
ทำไมหลายคน เวลาชวนปฏิบัติสมาธิ จะบอกว่าอย่าทำเลยเดี๋ยวเป็นบ้า

่คือสงสัยอยู่เหมือนกัน ที่หลายคนชอบตอบอย่างนั้น พอถามเหตุผลทุกคนก็ตอบไม่ได้ว่า

บ้าอย่างไร ?

  มีใคร มีประสพการณ์ เจอคนปฏิบัติสมาธิ แล้วเป็นบ้า จริง ๆ บ้างครับ

  ใครรู้ ช่วยแชร์ประสพการณ์กันหน่อยนะครับ

 :c017:
94  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ความเป็นผู้มีลาภ กึ่งหนึ่ง และ ถึงภาวนากึ่งหนึ่ง เทียบไม่ได้กับการทำสัมมาสมาธิ เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2011, 08:35:40 am
อ่านเรื่องนี้มา 1 ชั่วโมงแล้วครับยังไม่จบ ก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ ยากให้พระอาจารย์ หรือ เพื่อนสมาชิกสรุปใจความเนื้อหาให้อ่านง่ายกว่าเดิมได้หรือไม่ครับ เพราะผมยังไม่ชินสำนวนตามพระไตรปิฏกครับ

สาธุ
 :25:
95  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / กรณีเจริญธรรมอย่างนี้ มีข้อผิดพลาดประการใดแนะนำหรือไม่ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2011, 08:55:26 pm
กรรมฐานใช้แนวทางอานาปานสติ ครับ

เมื่อจิตสงบดีแล้ว หรือถึงที่สุดแห่งกำลังสมาธิจะได้แล้ว ก็กลับมาพิจารณาใหม่
ถ้าทำอานาปานสติ ก็พิจารณาลมหายใจเข้าออก โดยผมยึดแนวทาง วิปัสสนาญาณ ๙ นะครับ
1. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณอันตามเห็นความเกิดและความดับ คือ พิจารณาความเกิดขึ้น และความดับไปแห่งเบญจขันธ์จนเห็นชัดว่า สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้น ครั้นแล้วก็ดับไปในที่สุด (เกิด-ดับ)

2. ภังคานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณอันตามเห็นความสลาย คือ เมื่อเห็นความเกิด-ดับ เช่นนั้นแล้ว เข้าใจความดับอันเป็นจุดจบสิ้นก็เห็นว่าสังขารทั้งปวงล้วนจะต้องสลายไปในที่ สุด

3. ภยตูปัฏฐานญาณ หมายถึง ญาณอันมองเห็นสังขารปรากฏเป็นของน่ากลัว คือ เมื่อพิจารณาเห็นความแตกสลายของสังขารแล้วก็ปรากฏเป็นของน่ากลัว เพราะล้วนต้องสลายไป ไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น

4. อาทีนวานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณอันคำนึงเห็นโทษ คือ เมื่อพิจารณาเห็นสังขารทั้งปวงซึ่งล้วนต้องแตกสลายไป เป็นของน่ากลัวแล้วย่อมคำนึงเห็นสังขารทั้งปวงนั้นว่าเป็นโทษ เป็นสิ่งที่มีความบกพร่อง จะต้องประกอบไปด้วยความทุกข์

5. นิพพิทานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณอันคำนึงเห็นความหน่าย คือ เมื่อพิจารณาเห็นว่าสังขารทั้งปวงเป็นโทษแล้ว ย่อมเกิดความหน่ายไม่เพลิดเพลินติดใจในสังขารนั้น

6. มุญจิตุกัมยตาญาณ หมายถึง ญาณอันคำนึงด้วยใคร่จะพ้นไปเสีย คือ เมื่อหน่วยสังขารทั้งหลายแล้วย่อมปรารถนาที่จะพ้นไปเสียจากสังขารเหล่านั้น

7. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ หมายถึง ญาณอันคำนึงพิจารณาหาทางหลุดพ้น คือ เมื่อต้องการจะพ้นไปเสียจากสังขารจึงกลับหันไปยกเอาสังขารทั้งหลายขึ้นมา พิจารณากำหนดด้วยไตรลักษณ์เพื่อมองหาอุบายที่จะปลดเปลื้องหรือหาทางหลุดพ้น

8. สังขารุเปกขาญาณ หมายถึง ญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางต่อสังขาร คือ เมื่อพิจารณาสังขารต่อไปย่อมเกิดความรู้เห็นสภาวะของสังขารตามความเป็นจริง ว่ามีความเป็นอยู่เป็นไปของมันอย่างนั้นเป็นธรรมดา จึงวางใจเป็นกลางได้ไม่ยินดียินร้ายในสังขารทั้งหลาย ญาณจึงมุ่งสู่นิพพาน โดยเลิกละความเกี่ยวพันกับสังขารอีก

9. สัจจานุโลมิกญาณ หรือ อนุโลมญาณ หมายถึง ญาณอันเป็นไปโดยอนุโลมแก่การหยั่งรู้อริยสัจ คือ เมื่อวางใจเป็นกลางต่อสังขารทั้งหลายและญาณมุ่งสู่นิพพานแล้ว ญาณก็จะส่งผลต่อการตรัสรู้อริยสัจ ย่อมเกิดขึ้นในลำดับต่อไป เป็นขั้นสุดท้ายของวิปัสสนาญาณต่อจากนั้นก็จะทำให้สำเร็จเป็นอริยบุคคลต่อไป

*ลอกมาจาก http://mediacenter.mcu.ac.th/data/caipyo/m6/web/l_toom/p19.php
96  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / กรณีอย่างนี้มีวิธีช่วย ทางกรรมฐานหรือไม่ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2011, 08:47:49 pm
ลูกศิษย์ของแฟนผมเป็นเด็กหญิงอยู่ชั้นอนุบาล เป็นเด็กน่ารัก เรียนเก่ง กิีฬาเก่ง ว่านอนสอนง่าย ผมเคยเอาของขวัญไปให้เด็กและทำกิจกรรมกับเด็กเหล่านี้ในวันปีใหม่มาสองหนเลย ทำให้ได้รู้จักกับน้องคนนี้ ปัญหาคือว่า เมื่อก่อนสงกราน น้องเขาไปอยู่กับญาติ ที่ชลบุรี แล้วน้องได้พลัดตกสระน้ำ นานหลายนาที จนน้องจมไปอยู่ใต้ท้องสระแล้ว จึงมีคนไปพบ และได้นำน้องส่งโรงบาล อาการของน้องนะตอนนั้นจะไม่รอดแล้วนิ่ง ไม่รู้สึกตัวเลย พอผมรู้ ตอนกลางคืนผมไหว้พระสวดมนต์แล้วนั่งสมาธิ แล้วก็แผ่ส่วนกุศลไปให้น้อง และเจ้ากรรมนายเวรของน้อง ทำแบบนี้อยู่หลายวัน ก็ได้ข่าวดีมาว่า อาการของน้องดีขึ้นแล้ว คือฟื้นแล้ว  ผมจึงไปเยี่ยมกับแฟนพบว่า น้องฟื้นแล้วแต่เหมือนจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ตาของน้องจะลืมอยู่ตลอดเวลา ร่างกายน้องจะกระตุกตลอด เหมือนจำความรู้สึกขณะที่จมน้ำได้ แล้วไม่มีอาการตอบสนองอะไรอีกเลย ตอนนี้ก็มีปัญหาอีกว่า ปอดติดเชื้อ ผมจึงอยากถามพี่ๆว่า พอมีสิ่งไหน ช่วยบรรเทาน้องได้ไหมครับ ถึงจะไม่หายดี แต่อาการดีขึ้นกว่านี้ก็ได้ครับ เห็นแล้วสงสารน้องเขามากครับ

จากคุณ : deseme

ไปอ่านเจอมาจาก

http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10467403/Y10467403.html
97  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ล้างกรรมที่ไม่หนักมากด้วย เมตตาเจโตวิมุติ เมื่อ: พฤษภาคม 22, 2011, 08:44:23 pm
อุปมานิวรณ์ ๕
            ดูกรวาเสฏฐะ เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงกู้หนี้ไปประกอบการงาน การงานของเขาจะพึง
สำเร็จผล เขาจะพึงใช้หนี้ที่เป็นต้นทุนเดิมให้หมดสิ้น และทรัพย์ที่เป็นกำไรของเขา จะพึงมี
เหลืออยู่ สำหรับเลี้ยงภริยา เขาจะพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเรากู้หนี้ไปประกอบ
การงาน บัดนี้ การงานของเราสำเร็จผลแล้ว เราได้ใช้หนี้ที่เป็นต้นทุนเดิมให้หมดสิ้นแล้ว และ
ทรัพย์ที่เป็นกำไรของเรายังมีเหลืออยู่สำหรับเลี้ยงภริยา ดังนี้ เขาจะพึงได้ความปราโมทย์ถึงความ
โสมนัส มีความไม่มีหนี้นั้นเป็นเหตุ ฉันใด.
            ดูกรวาเสฏฐะ เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงเป็นผู้มีอาพาธถึงความลำบากเจ็บหนัก บริโภค
อาหารไม่ได้ และไม่มีกำลังกาย สมัยต่อมา เขาพึงหายจากอาพาธนั้น บริโภคอาหารได้และมี
กำลังกาย เขาจะพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเราเป็นผู้มีอาพาธ ถึงความลำบาก เจ็บหนัก
บริโภคอาหารไม่ได้ และไม่มีกำลังกาย บัดนี้ เราหายจากอาพาธนั้นแล้ว บริโภคอาหารได้และ
มีกำลังกายเป็นปกติ ดังนี้ เขาจะพึงได้ความปราโมทย์ ถึงความโสมนัส มีความไม่มีโรคนั้น
เป็นเหตุ ฉันใด.
            ดูกรวาเสฏฐะ เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงถูกจำอยู่ในเรือนจำ สมัยต่อมา เขาจะพึงพ้น
จากเรือนจำนั้นโดยสวัสดีไม่มีภัย ไม่ต้องเสียทรัพย์อะไรๆ เลย เขาจะพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า
เมื่อก่อนเราถูกจองจำอยู่ในเรือนจำ บัดนี้ เราพ้นจากเรือนจำนั้นโดยสวัสดีไม่มีภัยแล้ว และเรา
ไม่ต้องเสียทรัพย์อะไรๆ เลยดังนี้ เขาจะพึงได้ความปราโมทย์ ถึงความโสมนัส มีการพ้นจาก
เรือนจำนั้นเป็นเหตุ ฉันใด.
            ดูกรวาเสฏฐะ เปรียบเหมือนบุรุษพึงเป็นทาส ไม่ได้พึ่งตัวเอง พึ่งผู้อื่น ไปไหนตาม
ความพอใจไม่ได้ สมัยต่อมา เขาพึงพ้นจากความเป็นทาสนั้น พึ่งตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งผู้อื่น
เป็นไทแก่ตัว ไปไหนได้ตามความพอใจ เขาจะพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเราเป็นทาส
------------------------------------------------------------------------
หน้าที่  ๓๘๑.
พึ่งตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งผู้อื่น ไปไหนตามความพอใจไม่ได้ บัดนี้ เราพ้นจากความเป็นทาสนั้น
แล้ว พึ่งตัวเอง ไม่ต้องพึ่งผู้อื่น เป็นไทแก่ตัว ไปไหนได้ตามความพอใจ ดังนี้ เขาจะพึงได้
ความปราโมทย์ ถึงความโสมนัส มีความเป็นไทแก่ตัวนั้นเป็นเหตุ ฉันใด.
            ดูกรวาเสฏฐะ เปรียบเหมือนบุรุษมีทรัพย์ มีโภคสมบัติ จะพึงเดินทางไกลกันดาร
หาอาหารได้ยาก มีภัยเฉพาะหน้า สมัยต่อมา เขาพึงข้ามพ้นทางกันดารนั้นได้ บรรลุถึงหมู่บ้าน
อันเกษมปลอดภัยโดยสวัสดี เขาจะพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเรามีทรัพย์ มีโภค
สมบัติ เดินทางไกลกันดาร หาอาหารได้ยาก มีภัยเฉพาะหน้า บัดนี้ เราข้ามพ้นทางกันดารนั้น
บรรลุถึงหมู่บ้านอันเกษม ปลอดภัยโดยสวัสดีแล้ว ดังนี้ เขาจะพึงได้ความปราโมทย์ถึงความ
โสมนัส มีภูมิสถานอันเกษมนั้นเป็นเหตุ ฉันใด.
            ดูกรวาเสฏฐะ ภิกษุพิจารณาเห็นนิวรณ์ ๕ ประการเหล่านี้ที่ยังละไม่ได้ในตน เหมือนหนี้
เหมือนโรค เหมือนเรือนจำ เหมือนความเป็นทาส เหมือนทางไกลกันดาร และเธอพิจารณา
เห็นนิวรณ์ ๕ ประการที่ละได้แล้วในตน เหมือนความไม่มีหนี้ เหมือนความไม่มีโรค เหมือน
การพ้นจากเรือนจำ เหมือนความเป็นไทแก่ตน เหมือนภูมิสถานอันเกษม ฉันนั้นแล.
            เมื่อเธอพิจารณาเห็นนิวรณ์ ๕ เหล่านี้ ที่ละได้แล้วในตน ย่อมเกิดปราโมทย์ เมื่อ
ปราโมทย์แล้ว ย่อมเกิดปิติ เมื่อมีปิติในใจ กายย่อมสงบ เธอมีกายสงบแล้วย่อมได้เสวยสุข
เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น เธอมีใจประกอบด้วยเมตตา แผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่สอง ที่สาม
ที่สี่ ก็เหมือนกัน ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์
ทุกเหล่าในทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วยเมตตาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้
ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่ คนเป่าสังข์ผู้มีกำลัง พึงยังบุคคลให้รู้แจ้งทั้งสี่ทิศ โดยไม่
ยากเลย ฉันใด กรรมที่ทำพอประมาณอันใดในเมตตาเจโตวิมุตติ ที่บุคคลอบรมแล้วอย่างนี้
กรรมนั้นจะไม่เหลือ ไม่ตั้งอยู่ในรูปาพจรและอรูปาพจรนั้นฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรวาเสฏฐะ
แม้นี้แล ก็เป็นทางเพื่อความเป็นสหายแห่งพรหม.
            เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๙  บรรทัดที่ ๘๘๓๔ - ๙๑๐๗.  หน้าที่  ๓๗๐ - ๓๘๑.





ขอบคุณภาพจาก http://www.our-teacher.com
98  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.paipibut.org มูลนิธิเตือนภัยพิบัติ เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2011, 10:46:19 am




http://www.paipibut.org

99  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชั่วโมงเตือนภัย 14พ.ค.54 เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2011, 10:43:01 am






ติดตามได้จากรายการต่อไปนะครับ อย่างน้อยจะได้ลดความวิตกกังวลใจกันบ้างครับ

http://www.paipibut.org/webboard/forum.php
100  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อนาถ! พระ-ญาติโยมจับกลุ่มเล่นพนันบั้งไฟที่บ้านทุ่งมั่ง ศรีสะเกษ เมื่อ: พฤษภาคม 21, 2011, 10:38:51 am
ศรีสะเกษ- พระ-โยมจับกลุ่มเล่นพนันบั้งไฟที่บ้านทุ่งมั่ง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ชาวพุทธสลดใจทำให้ศาสนามัวหมอง
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดศรีสะเกษ ว่า จากการที่สื่อมวลชนได้มีการตีแผ่การลักลอบเล่นพนันบั้งไฟในเขตพื้นที่ จังหวัดศรีสะเกษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขต อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ที่มีการลักลอบเล่นพนันบั้งไฟกันอย่างเย้ยกฎหมายบ้านเมือง และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เข้าไปทำการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายแต่อย่างใด ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
       
       ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่บ้านทุ่งมั่ง ต.อิปาด อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่า มีการลักลอบเล่นพนันบั้งไฟที่กลางทุ่งนาใกล้บ้านทุ่งมั่ง โดยปรากฏว่า ได้มีบรรดาเซียนพนันจำนวนมากพากันมารวมกลุ่มกันเล่นพนันบั้งไฟกันอย่างเปิด เผย ทั้งที่การเล่นพนันบั้งไฟเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกันทรารมย์ ซึ่งเป็นท้องที่ที่รับผิดชอบรวมทั้งตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ เข้าไปทำการตรวจสอบและจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายแต่อย่างใด
       
       ในการเล่นพนันบั้งไฟที่หมู่บ้านแห่งนี้ ปรากฏว่า ได้มีพระจำนวนประมาณ 15 รูปพากันมาชมการจุดบั้งไฟและเล่นพนันบั้งไฟกันอย่างไม่ละอายต่อสายตาของพุทธ ศาสนิกชนทั่วไปที่อยู่ในบริเวณนี้
       
       พระสงฆ์จะพากันนำเอาเงินสดมาแทงพนันบั้งไฟกับเซียนยั้งที่มารับแทง กันอย่างไม่อั้น และหลังจากที่พระสงฆ์แทงพนันบั้งไฟแล้วก็จะพากันมานั่งรอลุ้นผลการจับเวลา บั้งไฟ พร้อมทั้งส่งเสริมเชียร์อย่างสนุกสนานเมื่อเห็นบั้งไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และหลังจากที่ผลการจับเวลาบั้งไฟประกาศออกมา ปรากฏว่า เวลาที่แทงพนันเอาไว้พระสงฆ์เป็นผู้ชนะก็จะไปรับเงินจากเซียนพนันที่มารับ แทงหน้าตาเฉย โดยไม่ได้คำนึงถึงว่าจะผิดพระธรรมวินัยของสงฆ์และกฎหมายบ้านเมืองแต่อย่างใด
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การที่พระสงฆ์พากันเล่นพนันกับบรรดาเซียนบั้งไฟในครั้งนี้ ได้ทำให้ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์พากันวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากว่าเห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ผิดทั้งกฎหมายและผิดทั้งวินัยของสงฆ์ และมีการเรียกร้องให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาโดย ด่วน ก่อนที่ศาสนาพุทธจะมัวหมองไปมากกว่านี้






http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000061914
101  พระไตรปิฏก / พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ / Re: เตมิยชาดก เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2011, 08:59:03 pm
อนุโมทนาครับ แต่ตัวหนังสือเล็กไปหน่อยครับ

ปรับโครงสร้างตัวหนังสืออีกนิดหนึ่งได้หรือไม่ครับ

ผมจะคอยติดตามอ่านตามทุกวันครับ

 :25:


รับทราบนะจ๊ะ และ ดำเนินการแก้ไขแล้วนะจ๊ะ
102  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: วันนี้ 14/5/54 ตั้งแต่ เวลา 11.30 น. - 17.30 น.ไม่มีสัญญาณ RDN ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2011, 11:40:43 am
ได้รับข้อความทางเมล์ ว่า เมื่อวานไฟฟ้าดับ เครื่องเลยปิดอัตตโนมัติ ไม่มีใครเปิดเครื่องครับ
 :67:
103  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: กระพี้ เปลือก แก่น ธรรม ควรจะส่งเสริมอันไหนดีครับ ? เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2011, 07:12:52 pm
ผมว่าต้อง นิยาม คำว่า กระพี้ธรรม
                        เปลือกธรรม
                        แก่นธรรม

            ก่อนดีหรือไม่ครับ จะได้วิจารณ์ได้ถูกต้อง ครับ

 :014: :014: :014:
104  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระอริยะในโลงแก้ว ไม่ใหม้ไม่เน่าเปื่อย ใช้กรรมฐานอะไร. เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2011, 07:11:21 pm
ขอบคุณครับ ผมก็ชอบไปกราบไหว้ พระเถราจารย์ เหล่านี้ด้วยครับ

แต่ส่วนกายท่านเป็นอย่างไร นั้นส่วนตัวนะครับ นับถือครับ....

 :c017:
105  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: การโพสรูปในบอรด์นะครับ เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2011, 07:09:11 pm
รับทราบครับ

 :c017:
106  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ถ้า 2019 เป็นอย่างนี้จริง ๆ อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2011, 07:08:14 pm
เท่าที่ทราบมา คือ ไมโครซอฟ ทุ่มทุนซื้อ ระบบปฏบัติการ ที่ชื่อว่า Skye ที่ใช้ในมือถือแล้ว
ถ้าจะมี idea ประยุกต์ระบบ windows เข้ากับ skye แน่ ๆ

 :85:
107  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: นั่งเฉยๆ สำรวมใจ ไม่กำหนดภาวนาอะไรเป็นสมาธิ หรือไม่ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2011, 12:24:16 pm
อันนี้เพียงนั่งเฉย ๆ โดยไม่กำหนดอะไร ไม่มีนิวรณ์ ก็คือ สมาธิ ใช่หรือไม่ครับ

คำตอบอย่างนี้ ก็น่าจะใช่ ๆ หรือ ไม่ครับ แล้ว ระดับของสมาธิ มีส่วนด้วยหรือไม่ครับ

 คือทุกระดับ ก็ว่างจากนิวรณ์ ใช่หรือไม่ครับ

   1.ขณิกะสมาธิ ก็ว่างจากนิวรณ์

   2.อุปจาระสมาธิ ก็ว่างจากนิวรณ์

   3.อัปปนาสมาธิ ก็ว่างจากนิวรณ์

 แล้วจะวัดได้อย่างไรว่า เราได้ สมาธิ ระดับไหนด้วยครับ ถ้าพิจารณา ที่ผล ของสมาธิ เท่านั้น

 :smiley_confused1:
108  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระโสดาบัน นั้นถ้าสิ้นชีวิตแล้ว เกิดมาใหม่ จะมีอะไรมาด้วยในตอนเกิด เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2011, 12:17:44 pm
ผมว่าดู ประวัติ หลวงพ่อโชติ วัดวชิรา ดีหรือไม่ครับ

เรื่องระลึกชาตินั้น จะเกี่ยวกับการพ้นทุกข์หรือไม่ ก็สุดแต่ละท่าน เพราะบางท่านเพียงอยากทราบไว้เท่านั้น
บางท่านหวังว่าทราบแล้ว ถ้ามีจริงจะได้ทำความดีเพื่อให้ไปเกิดแต่ในที่ดีๆ เพราะยังอยากสนุกนานๆอยู่ ส่วนท่านที่เห็นว่า
ยังเกิดในที่ไม่ดี ก็อยากเกิดในที่ดีๆกับเขาบ้าง ขณะที่บางท่านอยากทราบ เพราะเกรงเรื่องทุกข์โทษของวัฎฎะสงสาร ถ้ามีจริง
ก็ไม่อยากเกิดและไม่อยากรอไปจนถึงศาสนาพระศรีอารย์
ผมสงสัยในเรื่องระลึกชาติแบบตายแล้วเกิดอีกหรือไม่มาแต่เป็นเด็ก เพราะได้ยินผู้ใหญ่ที่นับถือเล่าให้ฟังและ
ก็ได้ทันเห็นตัวผู้ที่ระลึกชาติท่านนั้น ซึ่งท่านก็เป็นพระเถระผู้ใหญ่ และยังเป็นเรื่องที่นักวิชาการตะวันตกที่สนใจเรื่องระลึกชาติ
มาศึกษาและยอมรับ มีการบันทึกเป็นหลักฐานไว้
พระเถระที่ผมกล่าวถึงคือ ท่านเจ้าคุณพระเทพสุทธาจารย์ (โชติ คุณสัมปันโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดวชิราลงกรณ์
อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยท่านจำได้ว่า ท่านเป็นพี่ชายของแม่ท่าน ซึ่งตายขณะที่แม่ท่านคลอดลูก คือ เมื่อท่านตายนั้นญาติ
็มาแจ้งข่าวว่าน้องท่านคลอดแล้ว ท่านก็เลยอยากไปดูน้องสาวและหลาน คิดปุ๊บก็ไปถึงห้องน้องสาวเลย และน้องสาวก็เห็นตัวท่านด้วย
และร้องบอกให้ท่านไปที่ชอบที่ชอบเพราะรู้ว่าท่านตายแล้ว พอท่านจะกลับออกมา ก็รู้สึกเวียนหัว รู้สึกตัวอีกครั้งก็ไปอยู่ในตัวหลานคือตัว
ท่านในปัจจุบัน พอจำความได้ก็เรียกแม่อย่างที่เคยเรียกสมัยเมื่อเป็นน้องสาวท่าน ญาติพี่น้องก็จะพากันลงโทษ หนักเข้าท่านก็แกล้งทำเป็นลืม
แต่ยังจำเรื่องราวสมัยเมื่อท่านเป็นพี่ชายแม่ได้แม่นยำ จนต่อมาท่านได้มาบวชอยู่กับหลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ และ
เป็นพระเถระท่านมีจริยาวัตรงดงามมากรูปหนึ่ง
เรื่องนี้ ทำให้ผมสงสัย เพราะแม้จะโน้มเอียงไปทางเชื่อ เพราะท่านผู้ถูกกล่าวถึงก็ยังมีตัวอยู่ ผู้เล่าก็มีวัตถุประสงค์เพียงอยากให้ผม
ขณะเป็นเด็กเกรงกลัวต่อบาปกรรม ทั้งในพระไตรปิฏกก็มีเรื่องทำนองนี้ แต่ถ้ายังไม่มีประสบการณ์กับตนเอง ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าเชื่อ 100 %
อย่างไรก็ดี สมัยยังเป็นเด็ก คืนหนึ่งเคยตื่นขึ้นกลางดึก ลืมตาในสภาพที่ห้องมืดมิด และรู้สึกคุ้นเคย พยายามนึกว่าเคยพบสภาพนี้ที่ไหน
ก็จำได้ว่าเป็นสภาพในขณะที่อยู่ในท้องแม่ก่อนเกิด จำได้ว่า เมื่อรู้สึกตัวในท้องแม่นั้น ก็เหมือนเราหลับแล้วรู้สึกตัวตื่นขึ้นในห้องที่มืดสนิท
มองไม่เห็นอะไรเช่นนี้เหมือนกัน แต่ขณะนั้นไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน และมานะอัตตาตัวตนหดตัว เพราะความกลัวอย่างจับจิตจับใจ ไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต
และหายซ่าอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ความยึดมั่นเป็นตัวตนนั้นยังมีอยู่ แต่พอคลอดพ้นจากท้องแม่ออกมาเห็นแสงสว่าง ก็เกิดความรู้สึกปลอดภัย
ความซ่า ความยึดมั่นในตัวตน มานะอัตตาต่างๆก็กลับมาเพียบเหมือนเดิม
ต่อมา จำเหตุการณ์ตอนเป็นเด็กทารก และเข้าใจภาษาที่ผู้ใหญ่พูดกันได้เป็นครั้งแรก ตอนนั้น ผู้ใหญ่อุ้มไปด้วย เขาก็นั่งคุยกัน แรกๆฟังไม่เข้าใจ
ก็นิ่งๆไม่ได้สนใจอะไร อยู่ดีๆ เกิดเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดกันผลุดขึ้นมาในใจ ก็ดีใจพยายามจะบอกและร่วมพูดคุยกับผู้ใหญ่ แต่ก็เป็นเสียงอ้อแอ้ของเด็ก
ผู้ใหญ่ก็หัวเราะกันใหญ่ว่าเราอยากคุยด้วย ใจเราก็เถียงและพยายามจะพูดว่าเราเข้าใจสิ่งที่เขาพูดกันนะและอยากจะแสดงความเห็นด้วย
พอดี ป้าอุ้มลูกสาวออกมาจากห้อง เลยเอามาว่างไว้ใกล้ๆให้เล่นกัน พอดีพี่สาวลูกป้าถือตุ๊กตามาตัวหนึ่ง ก็เกิดสนใจว่าตัวอะไร อยากรู้ ก็เลยไปดึงเพื่อขอดูว่าเป็นตัวอะไร
พี่สาวคิดว่าจะแย่งก็ร้องและเกิดยื้อแย่งกันขึ้น ขณะนั้นในใจเราก็คิดว่า ไม่ได้ต้องการแย่งของซักหน่อย แค่จะขอดูให้หายสงสัยว่าตัวอะไรเท่านั้น ขี้หวงดีนัก จะลองแย่งดู
ปรากฎว่า ผู้ใหญ่หันมาเห็น เพราะเสียงร้องของพี่สาว ก็เข้ามาห้ามและป้าก็ว่าให้น้องไปนะ แล้วอุ้มพี่สาวที่ร้องไห้กลับเข้าห้องไป ที่จริงตอนนั้นถ้าผูู้้ใหญ่ไม่เข้ามาห้าม
ก็เกือบยอมแพ้พี่สาวอยู่แล้ว เพราะตัวเราเล็กกว่าและพี่สาวกำลังโกรธและหวง เลยมีกำลังมากดึงตุ๊กตากลับไปเกือบจะได้และเรากำลังจะหล่นตกเก้าอี้อยู่แล้ว
พอได้ของมาและรู้ว่าเป็นตัวสัตว์อะไร หายสงสัยแล้ว เราก็ไม่สนใจตุ๊กตาตัวนั้นแล้ว แต่ผู้ใหญ่เกิดเห็นว่าน่ารักเลยถ่ายรูปเราขณะถือตุ๊กตาตัวนั้นไว้
พอโตขึ้น ไปพบภาพนั้น ก็เลยเป็นพยานว่า ไม่ใช่เราคิดไปเอง เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง แต่ถามพี่สาวเขาจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้เสียแล้ว
และประสบการณ์สุดท้าย เกิดหลังจากภาวนาจนเห็นผลแล้ว ขณะเดินดูของในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง ก็ดูจิตทำสมาธิไปด้วย ดูมาถึงกระดึงไม้ที่ไว้ห้อยคอวัว
ก็เกิดภาพขึ้นในใจ เป็นรูปโคเทียมเกวียนกำลังเดินอยู่ และเหมือนเรากำลังดูตัวเองคือวัวเดินอยู่ พยายามดูไปที่เจ้าของเกวียน ก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่ไม่รู้สึกว่าเป็นตัวเอง
จากประสบการณ์ดังกล่าว ทำให้กลัวการเกิดมาก เพราะแค่ภาวะในท้องแม่ก่อนเกิดนั้นก็น่ากลัวมาก หนังผีที่ว่าน่ากลัวอย่างไร ก็ไม่เคยทำให้เรากลัวจนจ๋อยได้ขนาดนั้น
และเห็นด้วยว่า ทำไมเมื่อพบสภาพนั้นแล้ว พอคลอดมาจึงกลับมาซ่า มีมานะอัตตาตัวตนกันอีก แต่ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับสภาวะการตาย เลยขอละไว้
ส่วนการเกิดตายในชิีวิตประจำวันนั้น มาเข้าใจก็เมื่อมาภาวนาจนเห็นผลแล้ว ทำให้เห็นการเกิดดับของจิตอยู่เสมอๆ ก็็ไม่สงสัยอะไร

 :s_hi:

อ่านจะไม่ได้ตอบตรงประเด็น แต่ก็น่าสนใจที่รู้นะครับ
 :13:
109  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ลําดับแห่ง 7 ชาติ สลับ "อนุโลมญาณ" ย่อมเข้าถึงขั้นตอน ของสติดังนี้ เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2011, 12:14:28 pm
จริงด้วยครับ ผมอ่านแล้วก็มึน ตึ๊บเลยครับ
สรุปแล้ว จำไว้ก่อน หรือว่ารู้ไว้ก่อนดีกว่านะครับ

 :13:
110  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: กรรมฐาน แก้ทุกข์ ได้หรือไม่ เมื่อ: เมษายน 26, 2011, 08:09:43 am
อยากได้ไว้เป็นที่ระลึกบ้างครับ ต้องทำอย่างไรครับ คุณธรรมธวัช

111  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ทำไมผมรู้สึกว่า คนมีประเภทมีธรรมะ ไม่ประสพความสำเร็จ เมื่อ: เมษายน 24, 2011, 09:49:20 am
เอ..สงสัยว่าจะจริงแฮะ... เราก็ฝักใฝ่ในพุทธศาสนามากๆเลย และก็ดูว่าจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จในชีวิต และก็ดูว่าจะเพี้ยนๆ ต๊องๆ..เสียด้วยซิ..

เขาสุขกัน เราก็เฉยๆ  เขาทุกข์กัน เราก็เฉยๆ 
เขาอยากนั่นโน่นนี่กัน  แต่เรามันไม่อยากได้ ไม่อยากเป็น ไม่อยากมีซะอย่างงั้น อะไรยังไงก็ได้ ก็ใจมันอิ่มซะแล้ว..

ไอ้ ที่เคยโกรธ เคยแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ตะเกียกตะกายเอาชนะกัน  พอปฏิบัติธรรมไป คู่แข่งหายหมด วันๆ ได้แต่แข่งกับกิเลส ว่าวันนี้ใครจะชนะ..  สวนกันกับคู่แข่งที่เป็นคน ก็หลีกทางให้เขาอย่างไม่มีเชิงเอาเสียเลย.. เขาก็ทำหน้างงๆ

คนที่เคยเหม็นหน้ากัน เราก็ดันเห็นใจเขา  เจอกันก็ยิ้มให้เขา เขาก็คงงงๆ ว่าเรามาไม้ไหน..

เขา ก็คงคิดว่าเราคงจะผิดหวังหรือผิดพลาดอะไรสักอย่างในชีวิต เลยเข้าวัด พอเข้าวัดแล้วก็เลยหลงวัด คงจะปฏิบัติธรรมจนเพี้ยนไปเลย.. ช่างน่าสงสารจริงจริ๊ง..

แต่เราโคตรมีความสุขเลย ทำงานก็มีความสุข ก้าวหน้าก็ดี ไม่ก้าวหน้าก็ไม่เป็นไร (อย่าให้ก้าวหลังก็แล้วกัน) สุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตก็ดี ครอบครัวก็ดี งานก็มีมาเรื่อยๆ เงินก็มีใช้สบายๆ แล้วจะเอาอะไรอีกล่ะ 

เห็นเขาทำหน้าท่าทีสงสารเรา เราก็อดขำไม่ได้ ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า.. "กรูก็สงสารเมิงเหมือนกันแหละพวก.."


พระ อาจารย์บอกว่า กระแสธรรมน่ะมันสวนกระแสโลก..  คนที่ต่างจากโลก โลกเขาก็คงมองดูว่าเพี้ยนๆ หรือผิดปกติอะไรสักอย่างน่ะ..  เป็นธรรมดา..

ถ้า เป็นคนปกติเขาคงไม่มาอดข้าวเย็น อดนอน นั่งสามสี่ชั่วโมงให้ปวดขากันอย่างผู้ปฏิบัติธรรมหรอก..แสดงว่าพวกเรานี่มัน ต้องบ้าแหละ.. 5555



ที่คุณเห็นคนอื่นเป็นอย่างนั้นน่ะจริง  แต่สิ่งที่คุณเห็นอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้ ถ้าห้ามคิดไม่ได้ก็อย่าพูดออกมา มันจะครบองค์กรรม 

โดยทั่วไปความคิดอย่างนี้น่ะ จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีปู่ชื่ออวิชา มีย่าชื่อกิเลส มีแม่ชื่อตัณหามีพ่อชื่ออุปาทาน

ลองไปพิจารณาดูละกัน..

จากคุณ    : chaosy
112  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ในโลกนี้ มีใครไม่มีุทุกข์ บ้างครับ เมื่อ: เมษายน 22, 2011, 03:19:28 pm
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไร เกิด

 นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ


 :smiley_confused1:
113  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: หลวงพ่อชื่น วัดในปราบ แจกสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบภัยนำท่วมครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อ: เมษายน 15, 2011, 08:02:32 pm
เพราะยังมีพระสงฆ์ เป็นที่พึ่งกันอยู่ จึงเห็นว่าชาวบ้านมีกำลังใจเพิ่มขึ้นครับ

อนุโมทนากับกุศลครั้งนี้ด้วยครับ

 :25:
114  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: กาละเทศะ ในการภาวนา กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เมื่อ: เมษายน 15, 2011, 08:01:10 pm
ผมคนหนึ่งได้เข้ามาศึกษากรรมฐาน มัชฌิมา ในแนวทางแล้ว หู ตา สว่าง เมื่อรู้ประวัติที่มา แม้แต่พระปฐมเจดีย์ก็เกิดจากศิษย์ กรรมฐานด้วย มีประวัติมาช้านาน มีแบบแผนที่ไม่ผิดเพี้ยนด้วยแล้ว ใจผมยอมรับในกรรมฐานมาก ๆ แต่ผมก็มีปัญหากับเพื่อนๆ อยู่บ้างเพราะเพื่อน ๆ ผมก็ยังชอบแบบฝึกสติ กันอยู่ และจะมองว่ามัวแต่ไปนั่งหลับตากันอยู่ทำไม ไม่ใช่มรรค ไม่ใช่ผล ผมว่ายุคนี้คนพยายามหาทางปฏิบัติภาวนาแบบง่าย ๆ เป็นเข้าว่าครับ

ผมเชื่อว่าพระอาจารย์ จะยังคงเผยแผ่พระกรรมฐานต่อไปครับ
ผมติดตามเว็บนี้มานานแล้ว มีสาระความรู้  และแนวกรรมฐานที่ชัดเจนครับ

และก็สนับสนุนว่า ไม่ต้องมุ่งสอนไปที่พระก็ได้ครับ มุ่งไปที่อุบาสก อุบาสิกา ก่อนดีกว่าครับ

 :58: :13: :25:
115  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: อยากถามว่า เมื่อ: เมษายน 13, 2011, 07:47:58 pm
คนไม่รู้ธรรมะ มีโอกาสทำบาปมากกว่า เพราะความไม่รู้ จึงไม่มีความระวัง

ส่วนคนรู้ธรรมะ มีโอกาสทำบาปน้อยกว่า เพราะความรู้ ย่อม มีสติ สัมปชัญญะ มี หิริ โอตตัปปะ

แต่จะบอกว่า คนรู้ธรรมะ กับ คนไม่รู้ธรรมะ เวลาทำบาปนั้นใครบาปกว่า ก็ตอบว่า เท่ากัน

เพราะบาปอยู่ที่เจตนา ถ้า คนไม่รู้ธรรมะ มีเจตนา ในการทำบาป ก็บาปมาก

  คนรู้ธรรมะ มีเจตนาในการทำบาป ก็บาปเหมือนกัน ครับ

  เพราะบาป ไม่ยกเว้น ว่ารู้ หรือ ไม่รู้ ครับ

  :97:
116  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: อย่างนี้บาปหรือไม่คะ เมื่อ: เมษายน 09, 2011, 07:34:28 am
ทำใจให้สบาย เถิดครับเพราะว่า ไม่มีความผิดแต่ประการใด ถ้้าเพียงเท่านั้นนะครับ
 :34:
117  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: รายการ RDN ช่วงนี้ไม่ได้ยินเสียงครับ เมื่อ: เมษายน 05, 2011, 04:56:39 pm
เสียงพระธรรม ยังมีอยู่ คิดว่าพระอาจารย์คงยังสู้ต่อนะครับ
ฟังเสียงชัดเจนครับ ปกติผมจะเป็นนักฟัง กับนักอ่านครับ
ปีนี้ไม่เห็นพระอาจารย์ ที่วัดเลยครับ...เมื่อไรจะกลับครับ...

 :17:
118  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: พระยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ได้ไหม ? เมื่อ: เมษายน 05, 2011, 04:52:13 pm
ผมว่าไม่ยุ่งเรื่องการเมือง จะดีกว่า เพราะถ้ายุ่ง แล้ว มันจะยุ่งเหยิง

 :08:
หน้า: 1 2 [3]