ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - The-ring
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หวั่นปีนี้น้ำท่วมสูง-นานกว่าเดิม ( น่าอ่าน ) เมื่อ: มิถุนายน 19, 2012, 08:37:02 am
“รอยล” เผยสถานการณ์น้ำล่าสุด ปริมาณฝนยังไม่น่าห่วง แต่กังวลคันกั้นน้ำภาคกลาง ทำท่วมนานและสูงกว่าเดิม



เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) มีการลงนามร่วมกันระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.) ในการพัฒนาเทคโนโลยีในการสำรวจ วิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลด้านการจัดการทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศ  เพื่อรับมือกับปัญหาอุทกภัย

ดร.พรชัย  รุจิประภา ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า การจัดทำข้อมูลเรื่องน้ำ ถือว่าสำคัญมากในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะจะทำให้เกิดเอกภาพในการดำเนินงานรับมือกับน้ำท่วมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน  แม้ข้อมูลที่ได้จะไม่สามารถทำนายเรื่องน้ำไม่ถูกทั้ง100% แต่จะช่วยในการบริหารจัดการได้ในระดับหนึ่ง  เนื่องจากปัจจุบันสภาพภูมิประเทศของไทยเปลี่ยนไป  พื้นที่คลอง อาจกลายเป็นถนน ทำให้พื้นที่รับน้ำ หายไปกว่าครึ่ง ดังนั้นข้อมูลจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ด้าน ดร.รอยล  จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน)หรือ  สสนก. เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำขณะนี้ฝนจะเริ่มน้อยลง  โดยเว้นช่วง 1-2 วัน (19-20 มิย.) ทำให้สามารถระบายน้ำได้  โดยเฉพาะที่เขื่อนสิริกิติ์  ที่จะเริ่มปล่อยน้ำประมาณ 17 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่เขื่อนภูมิพลมีการระบายน้ำประมาณ 8 ล้านลูกบาศก์ต่อวัน ทั้งนี้สาเหตุที่เขื่อนสิริกิติ์มีน้ำค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา เพราะอิทธิพลของลมตะวันออกเฉียงเหนือ  ทำให้ต้องปรับแผนการระบายจากเดิม 32 ล้านลูกบาศก์เมตรเป็น 17 ล้านลูกบาศก์เมตร  และใช้แม่น้ำน่านเป็นตัวช่วยระบายน้ำเพื่อลดปัญหาน้ำท่วมที่สุโขทัย

ดร.รอยล  กล่าวว่า การที่มีน้ำท่วมเอ่อล้นตลิ่งที่ภาคเหนือตอนล่าง ถือว่าค่อนข้างผิดฤดู แต่สามารถรู้ล่วงหน้าทำให้สามารถระบายได้ทัน  และหากเกิดฝนตกเต็มที่  จะใช้วิธีพร่องน้ำเป็นหลัก  โดยเฉพาะกับพื้นที่ในลุ่มน้ำยมและน่านเพื่อรองรับน้ำต่อไป และจะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งในช่วงปลายเดือน กค.นี้   ซึ่งคาดว่าฝนจะไม่ทิ้งช่วงในเดือนดังกล่าว  ทำให้ปีนี้มีปริมาณฝนค่อนข้างมาก หรือประมาณ 1,500 มิลลิเมตร  แต่ก็ยังน้อยกว่าปี 2554  ที่มีฝนมากถึง  1,800 มิลลิเมตร

ทั้งนี้มองว่า ปีนี้แม้ปริมาณฝนจะไม่มากจนน่าเป็นห่วง แต่ก็ไม่ทิ้งช่วงทำให้มีปริมาณน้ำมาก และด้วยฝนที่ปริมาณ 1,500  มิลลิเมตร ก็สามารถทำให้เกิดน้ำท่วมได้ โดยเฉพาะในบริเวณที่เสี่ยงมาก ๆ หรือบริเวณที่น้ำท่วมซ้ำซาก แต่อย่างไรก็ดี ยังมีเวลาระบายน้ำตั้งแต่ปลาย กค.- ต้นสค. ก่อนที่น้ำทะเลจะหนุน

“สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ก็คือ ฝนตกในภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่กลางน้ำ  หากตกมากน้ำก็จะมากด้วย  นอกจากนี้ยังมีเรื่องคั้นกั้นน้ำ  ที่ปัจจุบันมีการสร้างกั้นน้ำ ไม่ให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการคำนวณ ที่ระดับความสามารถเท่าเดิม เหมือนปี 2554 ที่ จ. ปทุมธานี หากปีที่แล้วน้ำท่วมสูง  2.8 - 2.9 เมตร  ถ้ามีการสร้างคันบล็อกน้ำตลอดแนวเจ้าพระยาเกิดขึ้น  จะทำให้มีปริมาณน้ำสูงขึ้นถึง  3.5 เมตรทีเดียว และน้ำจะระบายได้ช้าลง หรือทำให้น้ำท่วมนานขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะเกิดเหตุการณ์คันกั้นน้ำพังมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง” ดร.รอยล กล่าว

สำหรับความร่วมมือของกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ และ3 สถาบันการศึกษา  ในส่วนกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ  สสนก.  จะดำเนินการพัฒนาฐานข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศ ระบบวิเคราะห์และประมวลข้อมูล และพัฒนาแบบจำลองน้ำและสภาพอากาศ   ส่วนกรมวิทยาศาสตร์บริการ  จะร่วมพัฒนาอุปกรณ์ช่วยในการสำรวจข้อมูลระดับท้องน้ำ แม่น้ำ คู คลอง ด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ภาคสนาม ส่วนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะพัฒนาระบบตรวจวัดลักษณะทางอุตุนิยมวิทยา และใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมเอสเอ็มเอ็มเอส ในการสำรวจข้อมูลทางอากาศต่าง ๆ  ด้านมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จัดสร้างอากาศยานไร้นักบิน หรือเครื่องบินยูเอวี   สำหรับถ่ายภาพทางอากาศ และพัฒนาระบบหุ่นยนต์เพิ่มเติม เพื่อติดตั้งที่ประตูระบายน้ำที่ปิด-เปิดอัตโนมัติ  สำหรับเก็บข้อมูล  และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จะพัฒนาระบบสำรวจ ความลึกของคูคลองต่าง ๆ  ด้วยหุ่นยนต์ใต้น้ำ

ขอบคุณข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/technology/120332
2  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชาวนากลับไปทำนา การแข่งขันฟุตบอลยูโร ดึงความสนใจเซียนหวยไม่ควักกระเป๋า เมื่อ: มิถุนายน 19, 2012, 08:27:02 am
วันนี้ (15 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ผู้ค้าส่งสลากกินแบ่งรัฐบาล (ล็อตเตอรี่) เปิดเผยว่า บรรยากาศการซื้อ

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://hilight.kapook.com

ล็อตเตอรี่ประจำงวดวันที่ 16 มิ.ย.นี้ ค่อนข้างเป็นไปอย่างเงียบเหงา หลังจากที่ราคาขายส่งเริ่มเปิดตลาดที่ระดับ 89 บาท โดยช่วงต้นงวดสามารถปรับขึ้นไปได้เพียง 93 บาทเท่านั้น แต่จากนั้นก็ปรับลดลงมาเหลือที่ 90 บาท และส่งผลกระทบทำให้การขายหวยชุดราคาร่วงมาเหลือเพียง 80-90 บาทเท่านั้น ทำให้วันสุดท้ายของงวดนี้จะได้เห็นการขายปลีกที่ราคา 3 ใบ 100 บาทอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ เนื่องจากชาวนาได้เริ่มกลับไปทำนาแล้ว ขณะที่หลายพื้นที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่มีผู้เข้ามาซื้อหวยจากบรรดายี่ปั๊ว ซาปั๊วไปเดินขายต่อ ประกอบกับประชาชนต่างให้ความสนใจกับการแข่งขันฟุตบอลยูโรมากกว่า และอาจจะหันไปเล่นพนันฟุตบอลกันมาก จึงไม่ค่อยสนใจซื้อหวยกันในงวดนี้ และคาดว่าจะต่อเนื่องไปจนกว่าการแข่งขันจะจบลงช่วงต้นเดือนก.ค.ที่จะถึง

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/businesss/119942


อย่างไรก็ตาม สำหรับเลขดังที่บรรดาเซียนหวยนิยมซื้อกันมากในงวดนี้คือ เลขที่เกี่ยวข้องกับพุ่มพวง  ดวงจันทร์ ฟุตบอลยูโร คือ 13 20 12 รองลงมาคือเลขมงคล 89  และ 901 รวมถึง 347 ถนนที่มุ่งสู่ทุ่งมะขามหย่อง 600 พุทธชยันตี และ 45 อายุนายกรัฐมนตรี เป็นต้น
3  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / พลั้งปากปรามาสแล้วขอขมา ยังไม่พ้นกรรม เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 09:35:19 am
พลั้งปากปรามาสแล้วขอขมา ยังไม่พ้นกรรม

หลัง การดับขันธปรินิพพานของพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาวพุทธต่างพร้อมใจกันเป็นสมานฉันท์ว่า จะสร้างมหาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ เพื่อให้มนุษย์ และเทวาทั้งหลายได้มาสักการะบูชา ในสมัยนั้นพระอรหันต์เถระรูปหนึ่ง เห็นว่าหน้ามุขทางด้านทิศเหนือของพระเจดีย์ยังก่อสร้างไม่เสร็จ เพราะยังขาดทองคำอยู่เป็นจำนวนมาก ท่านจึงทำหน้าที่ผู้นำบุญไปโปรดญาติโยมตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อประกาศข่าวบุญนี้ ซึ่งมีสาธุชนร่วมบริจาคทองคำมามากบ้างน้อยบ้าง ไม่มีผู้ใดที่ไม่มีส่วนร่วมในบุญครั้งนี้ เพราะผู้คนในสมัยนั้นรักการให้ทานมาก

พระเถระได้เดินทางมาถึงบ้านของช่างทองผู้หนึ่งเพื่อบอกข่าวบุญนี้ ขณะนั้นเองช่าง ทองกำลังทะเลาะกับภรรยา จึงได้พูดกับภรรยาด้วยอารมณ์โกรธเคืองว่า “ เธอจงโยนพระศาสดาของเธอลงน้ำไปเสีย ” แม้ภรรยากำลังทะเลาะกับสามี เนื่องจากเป็นคนรู้จักบาปบุญคุณโทษ จึงให้สติสามีว่า “ พี่ทำกรรมหนักแล้ว พี่โกรธฉันก็ควรด่าฉันสิ แต่พี่ไปว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างนั้น มันเป็นบาปหนักนะ ”

ช่างทองฟังดังนั้นก็ได้สติ เกิดความสลดใจ เขาขอให้พระเถระยกโทษให้ พระเถระกล่าวว่า “ ท่านไม่ได้ล่วงเกินเราหรอก แต่ท่านล่วงเกินพระบรมศาสดา ท่านจงขอขมาต่อพระองค์เถิด ” ช่างทองถามพระเถระว่า “ พระคุณเจ้าผู้เจริญ จะ ให้กระผมทำอย่างไรดี จึงจะให้พระศาสดาอดโทษให้ ” พระเถระจึงบอกให้ช่างทองทำหม้อดอกไม้ทองคำสามหม้อ นำไปไว้ภายในที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และให้ขอขมาโทษที่ได้กล่าวล่วงเกินพระบรมศาสดาต่อหน้าพระมหาเจดีย์

  ช่างทองทำตามคำแนะนำของพระเถระ ได้ชักชวนลูกชายคนโตให้มาช่วยกันทำ แต่ได้รับการปฏิเสธว่า “ พ่อเป็นคนว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผมไม่เกี่ยว เพราะฉะนั้น พ่อทำคนเดียวเถอะ ” เขาจึงชวนลูกชายคนกลาง ก็ได้รับการปฏิเสธอีกเช่นกัน แต่เมื่อชวนลูกชายคนเล็ก ลูกคนเล็กกลับคิดว่า “ ธรรมดา กิจธุระของพ่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ย่อมเป็นภาระของลูกด้วย เพราะภารกิจของพ่อคือหน้าที่ของลูก ” ดังนั้น ลูกคนเล็กจึงช่วยพ่อทำหม้อดอกไม้ทองคำจนสำเร็จ และนำไปบูชาพระเจดีย์

  ด้วย ผลกรรมที่ช่างทองได้กล่าวร้ายต่อพระบรมศาสดาผู้บริสุทธิ์บริบูรณ์ แม้จะขอขมาและตาม เศษกรรมก็ยังตามส่งผลให้ช่างทองเมื่อเกิดมา ต้องถูกลอยนํ้าถึง ๗ ชาติ


4  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / กรรมฐาน กองนี้เป็นกรรมฐาน พิเศษเฉพาะบุคคลใช่หรือไม่ครับ เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 09:31:57 am
พระจูฬปันถกเถระ

--------------------------------------------------------

บุพกรรมในอดีต
ท่านพระจุลปันถกะ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ เกิดเป็นกุฎุมพีสองพี่น้อง ในเมืองหังสวดี เสื่อมใสในพระศาสดา ไปฟังธรรมในสำนักพระศาสดาเนืองนิตย์

ในกุฎุมพี ๒ พี่น้องนั้น วันหนึ่ง น้องชายเห็นพระศาสดา สถาปนาภิกษุรูปหนึ่ง ผู้ประกอบด้วยองค์ ๒ ไว้ ในตำแหน่งเอตทัคคะว่า ภิกษุรูปนี้ เป็นยอดของบเหล่าภิกษุ ผู้นิรมิตกายมโนมัย และเป็นผู้ฉลาดในเจโตวิวัฏ ในพระศาสนาของเรา จึงคิดว่า น่าอัศจรรย์จริงหนอ ภิกษุนี้ เป็นคนเดียวทำ ๒ องค์ ให้บริบูรณ์ แม้เรา ก็ควรเป็นผู้บำเพ็ญมีองค์ ๒ ในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ในอนาคตบ้าง

ท่านจึงนิมนต์พระศาสนา ถวายมหาทาน แล้วทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุที่พระองค์สถาปนาไว้ ในตำแหน่งเอตทัคคะว่า เป็นยอดในศาสนาของพระองค์ ด้วยองค์มโนมัย และด้วยความเป็นผู้ฉลาด ในเจโตวิวัฏ แม้ข้าพระองค์ ก็พึงเป็นผู้บำเพ็ญองค์ ๒ บริบูรณ์ เหมือนภิกษุนั้น ด้วยผลแห่งกรรม อันเป็นอธิการนั้น

พระศาสดาทรงตรวจดูอนาคต ก็ทรงเห็นว่า ความปรารถนาท่าน จะสำเร็จ โดยหาอันตรายมิได้ ทรงพยากรณ์ว่า โคตรมะ จักอุบัติขึ้น พระองค์จักสถาปนาเธอไว้ ในฐานะ ๒ นี้ ทรงอนุโมทนาแล้ว เสด็จกลับไป

ท่านกับพี่ชาย คือ ท่านมหาปันถกะ เมื่อพระศาสดา ยังทรงพระชนอยู่นั้นอยู่ กระทำกุศลกรรมแล้ว เมื่อเวลาพระศษสดาปรินิพพานแล้ว ได้บูชาด้วยทอง ที่พระเจดีย์บรรจพระสรีระ จุติจากภพนั้นแล้ว ไปบังเกิดในเทวโลก ท่านกับพี่ชาย เวียนว่ายอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก ถึงแสนกัป

ในกาลแห่งพระพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสปะ ท่านจูฬปันถกะออกบวช เจริญโอทาตกสิณ ล่วงไป ๒๐,๐๐๐ ปี ไปบังเกิดในสวรรค์

สมัยพุทธกาล
ในพุทธุปบาทกาลนี้ ท่านพระจูฬปันถก บังเกิดเป็นบุตรของธิดาแห่งเศรษฐี ในเมืองราชคฤห์ เดิมชื่อว่า ปันถก เพราะเกิดในระหว่างทาง มีพี่ชายชื่อ ปันถก เพราะเกิดในระหว่างทางเหมือนกัน ท่านเป็นน้อง มีคำว่า จูฬข้างหน้า จึงเป็น จูฬปันถก ผู้เป็นพี่ชาย เติมคำว่า มหาข้างหน้า จึงเป็น มหาปันถก

ธิดาเศรษฐีได้เสียกับคนใช้
มีเรื่องเล่าว่า ในเมืองราชคฤห์ มีธิดาของเศรษฐีคนหนึ่ง เมื่อเจริญวัยเป็นสาวแล้ว บิดามารดาป้องกันรักษาอย่างเข้มงวด ให้อยู่บนปราสาทชั้นที่เจ็ด แต่ธิดานั้น เป็นคนโลเล มีนิสัยไม่แน่นอนในผู้ชาย จึงได้เสียกับคนรับใช้ของตน

ต่อมา กลัวคนอื่นจะรู้ จึงชวนกันหนีออกจากปราสาท ไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านอื่น ที่คนไม่รู้จักตน ภายหลังภรรยาตั้งครรภ์ เมื่อครรภ์แก่ใกล้จะคลอด จึงตกลงกับสามีว่า จะไปคลอดที่บ้านเดิม ส่วนสามี กลัวบิดามารดาลงโทษ แต่ขัดภรรยาไม่ได้ จึงอาสาว่าจะพาไป แต่แกล้งทำเป็นผัดวันประกันพรุ่งว่า พรุ่งนี้ก่อนค่อยไป จนล่วงไปหลายวัน ภรรยาเห็นเช่นนั้น จึงรู้ถึงความประสงค์ของสามี

คลอดบุตรกลางทาง
อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อสามีออกไปทำงานนอกบ้าน จึงสั่งคนผู้คุ้นเคยกัน อยู่ในบ้านใกล้เคียงกัน ให้บอกเรื่องที่ตนไม่อยู่ แก่สามี หนีออกจากเรือน เดินไปตามหนทาง พอถึงระหว่างทาง ก็คลอดบุตรเป็นชาย ส่วนสามี เมื่อกลับบ้านไม่เห็น ภรรยาสืบถามทราบว่าหนีกลับไปบ้านเดิม จึงออกติดตามไปทันในระหว่างทาง แล้วพากันกลับมาอยู่ที่บ้านนั้นอีก และได้ตั้งชื่อทารกนั้นว่า ปันถก กาลต่อมาก็คลอดบุตรโดยทำนองนั้นอีก จึงตั้งชื่อว่า จูฬปันถก เพราะเกิดทีหลัง ตั้งชื่อบุตรคนแรกว่า มหาปันถก เพราะเกิดก่อน

เมื่อมหาปันถกเติบโตแล้ว ไปเล่นกับเด็กเพื่อนบ้านด้วยกัน ได้ยินเด็กพวกนั้นเรียก ปู่ ย่า ตา ยาย ส่วนตนไม่มีคนเช่นนั้นจะเรียก จึงไปถามมารดาว่า แม่ครับ เด็ก ๆ พวกอื่นเรียกคนสูงอายุว่า ตาบ้าง ยายบ้าง ก็ญาติของเรา ในที่นี้ไม่มีบ้างหรือ ?

มารดาของท่านตอบว่า ลูกเอ๋ย ญาติของเจ้าในที่นี้ ไม่มีหรอก แต่ตาของลูกชื่อว่า ธนเศรษฐี อยู่ในเมืองราชคฤห์ ในที่นั้น ญาติของเรามีมากมาย ท่านจึงถามต่อไปว่า ก็แล้วทำไม แม่ไม่ไปอยู่ในเมืองราชคฤห์นั้น

ฝ่ายมารดา ไม่บอกความจริงแก่ลูก ลูกจึงรบเร้า ถามอยู่บ่อย ๆ จนเกิดความรำคาญ ปรึกษากับสามีว่า พวกลูกของเรารบเร้าเหลือเกิน ขึ้นชื่อว่าบิดามารดา เห็นลูกแล้ว จะฆ่าจะแกงเชียวหรือ อย่ากระนั้นเลย เราจะพาลูกทั้งสองไปเมืองราชคฤห์ เมื่อถึงแล้ว พักอาศัยที่ศาลาหนังหนึ่ง ใกล้ประตูเมือง ให้คนไปบอกธนเศรษฐีผู้เป็นบิดา

พอบิดารู้ว่าลูกสาว พาหลายชายสองคนมาเยี่ยม ธนเศรษฐีมี ความแค้นยังไม่หาย จึงบอกกับคนที่มาส่งข่าวว่า สองผัวเมีย อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าเลย ถ้าต้องการอะไร ก็จงถือเอาไปเลี้ยงชีวิตเถิด แต่จงส่งหลายทั้งสองมาให้ฉัน ฉันจะเลี้ยงดูเอง

สองสามีภรรยา ก็ถือเอาทรัพย์พอแก่ความต้องการแล้ว ก็กลับไปอยู่ที่เดิม ส่วนเด็กทั้งสอง ก็อยู่ที่บ้านของธนเศรษฐีผู้เป็นตา จนเจริญวัยขึ้น

มหาปันถกออกบวช
มหาปันถก เมื่อเจริญวัย ได้ไปฟังเทศน์กับตาในสำนักของพระศาสดา ที่พระเวฬุวันมหาวิหารเป็นประจำ ครั้นได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้ว เกิดศรัทธา เลื่อมใคร่จะบวชจึงบอกตา ตาก็อนุญาตให้บวช พระศาสดา จึงตรัสรับสั่งภิกษุรูปหนึ่ง ให้จัดการบรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออาจุครบ ๒๐ ปีแล้ว ก็อุปสมบทเป็นภิกษุ เล่าเรียนพระพุทธวจนะได้มาก เป็นผู้ไม่ประมาท บำเพ็ญเพียรในวิปัสสนากรรมฐาน ไม่นานก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์

มหาปันถกผู้เป็นพี่ ชักชวนให้บวช
เมื่อพระท่านมหาปันถก ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว เสวยวิมุตติสุขอยู่ ใคร่จะให้ความสุขเช่นนั้น เกิดแก่จูฬปันถกบ้าง จึงไปขออนุญาตจากตา เพื่อขอให้จูฬปันถกบวช ตาก็อนุญาตให้ตามความประสงค์ พระมหาปันถกจึงให้จูฬปันถกบวช

เป็นคนโง่ และหัวทึบ
ครั้นจูฬปันถกบวชแล้ว เป็นคนหัวทึบมาก พระมหาปันถก สอนให้เรียนคาถา พรรณนาพระพุทธคุณ เพียงคาถาเดียว เรียนอยู่ถึงสี่เดือน ก็ยังจำไม่ได้ คาถานั้นว่า
ปทุมํ ยถา โกกนุทํ สุคนฺธํ
ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ
องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ
ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข ฯ

แปลว่า เธอจงดูพระสักยมุนีอังคีรส ผุ้มีพระรัศมีแผ่ซ่าน ออกจากพระบวรกาย มีพระบวรพักตร์อันเบิกบาน ปานหนึ่งว่า ดอกบัวชื่อ โกกนุทมีกลิ่นหอม ย่อมขยายกลีบแล้วบานในตอนเช้า มีกลิ่นเรณูไม่จางหาย ท่านย่อมรุ่งเรืองไพโรจน์ ดุจดวงอาทิตย์อันส่องสว่าง แผดแสงอยู่กลางท้องฟ้า ฉะนั้น

ถูกมหาปันถกผู้เป็นพี่ชายขับไล่
ท่านพระมหาปันถก ทราบว่าท่านจูฬปันถกโง่เขลามาก จึงประณาม ขับไล่ออกจากสำนักของท่าน ในขณะที่ท่านเป็นภัตตุเทศก์ หมอชีวกโกมารภัจจ์ มานิมนต์ภิกษุไปฉันในวันรุ่งขึ้น ท่านก็ไม่นับพระจูฬปันถกเข้าด้วย

พระจูฬปันถก เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ คิดจะไปสึกเสีย จึงออกไปแต่เช้าตรู่ ได้พบพระศาสดา เสด็จจงกรมอยู่ที่ซุ้มประตู พระองค์จึงตรัสถามว่า จูฬปันถก เธอจะไปไหนในเวลานี้ พระจูฬปันถกกราบทูลว่า ข้าพระองค์จะไปสึก เพราะพี่ชายขับไล่ข้าพระองค์

พระบรมศาสดาประทานผ้าขาว ให้ทำบริกรรม
พระศาสดาจึงตรัสเตือนสติท่านว่า จูฬปันถก เธอบวช เพื่อพี่ชายเมื่อไรเล่า เพื่อเราต่างหาก เมื่อพี่ชายขับไล่ ทำไมไม่มาหาเรา มาเถิด ประโยชน์อะไร ด้วยฆราวาสมาอยู่กับเราดีกว่า พระจูฬปันถก เข้าไปเฝ้าแล้ว พระองค์ทรงลูบศีรษะ ด้วยฝ่าพระหัตถ์ แล้วพาไป ให้นั่งที่หน้ามุขพระคันธกุฎี ประทานผ้าขาวอันบริสุทธิ์ ให้นั่งลูบคลำทำบริกรรมว่า รโชหรณํ รโชหรณํ (ผ้าเช็ดธุลี ๆ) เมื่อท่านลูบคลำ ทำบริกรรมไม่นาน ผ้านั้น ก็เศร้าหมอง เหมือนผ้าเช็ดมือ จึงคิดว่า ผ้านี้เป็นของขาวบริสุทธิ์ อย่างเหลือเกิน พอมาถูกร่างกายนี้ จึงละภาวะเดิมเสีย กลายเป็นผ้าที่เศร้าหมองไป สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงหนอ แล้วได้เจริญวิปัสสนา

บรรลุพระอรหัตตผล
พระศาสดา ทรงทราบจึงตรัสสั่งสอนด้วยพระคาถา ในเวลาจบพระคาถา พระจูฬปันถก ได้บรรลุพระอรหัตตผล ขณะลูบคลำผ้าบริกรรมอยู่นั้น

พระศาสดา พร้อมด้วยภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูป เสด็จไปยังบ้านของหมอชีวก ครั้นพอเขาเข้าไปถวายภัตตาหาร พระองค์ทรงปิดบาตรเสีย พร้อมกับตรัสว่า ภิกษุยังมาไม่หมด ยังเหลืออยู่ที่วิหารอีก ๑ รูป หมอชีวก จึงใช้ให้คนไปตาม

พระจูฬปันถกเนรมิตพระภิกษุจนเต็มวิหาร
ในเวลานั้น พระจูฬปันถกเนรมิต พระภิกษุหนึ่งพันรูป จนเต็มวิหาร เมื่อคนใช้ไปถึง เห็นมีพระมากมายถึงพันรูปจึงรีบกลับไปบอกหมอชีวกโกมารภัจจ์

ลำดับนั้นพระศาสดา ได้ตรัสกะคนไปตามนั้นว่า เจ้าจงไปแล้ว บอกว่า พระศาสดา ตรัสเรียกพระจูฬปันถก คนไปตามนั้น ก็กลับไปวิหารอีกแล้วบอกตามคำสั่ง ภิกษุทั้งหมดพูดขึ้นว่า ฉันชื่อจูฬปันถก คนไปตามนั้น ก็กลับมาอีก กราบทูลว่า ภิกษุเหล่านั้น ชื่อจูฬปันถกทั้งนั้น พระเจ้าข้า

พระศาสดาตรัสว่า ภิกษุรูปใด พูดขึ้นก่อน จงจับมือภิกษุรูปนั้นไว้ ภิกษุรูปที่เหลือจักอันตรธานหายไป คนไปตามนั้น ไปถึงวิหารแล้วทำอย่างนั้น จึงได้พาพระจูฬปันถก ไปสู่ที่นิมนต์ ในที่สุดแห่งภัตกิจ ท่านพระจูฬปันถกได้ทำภัตตานุโมทนา

เอตทัคคะในทางผู้ชำนาญในมโนมยิทธิ
ต่อมา พระศาสดา ทรงสถาปนาพระจูฬปันถกเถระ ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นยอดของเหล่าภิกษุ ผู้ชำนาญในมโนมยิทธิและในเจโตวิวัฏฏะ เพราะได้รูปาวจรฌาน ๔.




5  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ผู้ที่บรรลุธรรม ในช่วงที่พระพุทธเจ้า ทรงเผลแผ่พระธรรม นั้น เป็นพระอริยบุคคล เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 11:05:51 am
คือ ผมสงสัย ว่า ปัญจวัคคีย์ นั้นเคยเป็น พระอริยะบุคคลในกาลพระพุทธเจ้า องค์ ก่อนใช่หรือไม่ครับ
เช่นอาจจะได้เป็น พระโสดาบัน มาแล้ว 7 ชาติ เป็นต้น

  การเป็น พระโสดาบัน นั้น เป็น ที่ พระโสดาปัตติมรรค ใช่หรือไม่ครับ รอเป็นพระโสดาบันเต็ม จึงต้องตาย เกิด ตาย เกิด 3 ชาติ 7 ชาติ ครับ
 
   :s_good: :c017: :smiley_confused1:
6  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พิษณุโลก-ชาวบางระกำเครียดน้ำท่วม เสี่ยงฆ่าตัวตายกว่า100 คน เมื่อ: กันยายน 22, 2011, 02:40:03 pm

หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมในเขตอำเภอบางระกำ ยังทรงตัวไม่มีทีท่าจะลดลง ส่งผลให้ชาวบ้านจำนวนมากป่วยเป็นโรคน้ำกัดเท้า ไข้หวัด ภาวะเครียด ตาแดง อุจจาระร่วง โดยเฉพาะโรคเครียดมีผู้ประสบภัยเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูงถึง 119 คน


วันนี้ (21 ก.ย.) นายแพทย์บุญเติม ตันสุรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดพิษณุโลก จึงสั่งการให้สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็ม ที่ ไม่ว่าจะเป็นทางโรงพยาบาล สาธารณสุข สถานีอนามัย อสม. ระดมกำลังออกหน่วยสาธารณสุขเคลื่อนที่พบประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย จำนวน 172 ครั้ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นโรคน้ำกัดเท้า 1,824 คน ไข้หวัด 1,035 คน ภาวะเครียด 495 คน ตาแดง 74 คน อุจจาระร่วง 10 คน ซึ่งจากการประเมินภาวะซึมเศร้าของประชาชนที่ประสบอุทกภัยพบว่า มีอาการซึมเศร้า 819 คน เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 119 คน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

เบื้อง ต้นทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ติดตามและให้คำปรึกษาทุกราย เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด ล่าสุดวันนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอบางระกำ ได้ออกหน่วยเคลื่อนที่บริการแก่ประชาชนที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่ตำบลท่านางงาม จำนวน 4 หมู่ บ้าน คือ หมู่ 1,2,10 และ 11 ของอำเภอบางระกำ เนื่องจากชาวบ้านตำบลท่านางงามประสบปัญหาน้ำท่วมมานานกว่า 2 เดือนแล้ว และน้ำยังไม่มีทีท่าจะลดลง และพบมีผู้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ มากกว่าอำเภออื่น ๆ โดยเฉพาะผู้ตกอยู่ในภาวะเครียด และเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายจำนวนกว่า 80 คน










http://www.krobkruakao.com/ข่าว/44804/
7  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ในสมัยครั้ง พุทธกาล มีตัวอย่างพระอรหันต์ ทำผิดวินัยมีบ้างหรือไม่ครับ เมื่อ: สิงหาคม 21, 2011, 01:06:31 pm
ในสมัยครั้ง พุทธกาล มีตัวอย่างพระอรหันต์ ทำผิดวินัยมีบ้างหรือไม่ครับ

คือได้คุยกับเพื่อน ๆ กันแล้วไม่ได้ข้อยุติ เพราะเพื่อนผมได้พูดขึ้นว่า พระอรหันต์ ไม่กระทำอะไรผิดวินัยแน่นอน

แต่ผมแย้งไป ยังไม่มีหลักฐาน อ้างอิง ครับ

  วอนท่านผู้รุ้ ช่วยชี้แนะด้วยครับ

   :s_hi: :c017:
8  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้าเราฝึกเข้า เข้าวัด ออกวัด แล้ว ไม่ฝึก สะกดได้หรือป่าวครับ เมื่อ: มกราคม 01, 2011, 08:20:21 pm
ถ้าเราฝึกเข้า เข้าวัด ออกวัด แล้ว ไม่ฝึก สะกดได้หรือป่าวครับ

 คือแบบต้องการฝึกใน พระยุคล เลยได้หรือป่าวครับ ไม่ต้องฝึก เข้าคืบ สับคืบ

   :25:
9  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฟื้นฟูชีวิตหลังเซ็นใบหย่า .. เมื่อ: ธันวาคม 24, 2010, 12:51:54 pm
ฟื้นฟูชีวิตหลังเซ็นใบหย่า ..
                     
 

 

การร้างลามิใช่เรื่องที่ใครอยากให้เกิดขึ้น

แต่ถ้าชีวิตคู่ต้องเดินทางมาหยุดตรงคำว่า “หย่า” โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรต้องหันมาหาวิธีเยียวยารักษาอาการ “เจ็บ”…จริงไหมคะ

ชีวิต สมรสที่ล้มเหลว ร้อยทั้งร้อยคงไม่ได้จบแฮปปี้เอ็นดิ้งแบบการ์ตูนดิสนีย์ แต่น่าจะจบแบบโศกนาฏกรรมสุดรันทดเสียมากกว่า ไหนจะเรื่องเอกสารเซ็นใบหย่า แบ่งสมบัติ เรียกค่าเลี้ยงดู ใครจะรับผิดชอบเรื่องลูก แถมยังต้องจัดระบบการเงินใหม่ ทั้งที่ใจอยากจะนอนทอดอาลัยตายอยากสูบบุหรี่ปุ๋ยมองเพดานอยู่อย่างนั้น ไม่อยากกินข้าวกินปลาหรือลุกขึ้นมาทำอะไรต่อมิอะไรอย่างที่มนุษย์มนาเขาทำ กัน



แทนที่จะมัวจ่อมจมอยู่กับวังวนแห่งความเศร้าหรือโกรธแค้น ลุกขึ้นมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้สดใสกว่าเก่า ดีกว่าไหมคะ

ลุกขึ้นมาจากเตียง

ก่อนอื่นพยายามแข็งขืนฝืนใจลุกขึ้นมาจากเตียงให้ได้เสียก่อน อย่ามัวแต่ปล่อยตัวหัวหูกระเซอะกระเซิงเป็นผีบ้า หาความเจริญหูเจริญตามิได้ ลุกขึ้นมาเตรียมตัวรับสถานการณ์อีกหลายอย่างที่จะประดังประเดมาจากการหย่า อย่ามัวอุดอู้อยู่ในห้องขณะที่อีกฝ่ายอาจกำลังเดินเรื่องในชั้นศาล หรืออาจกำลังจัดการกับบัญชีร่วมในธนาคารอยู่ก็ได้

บาล๊านซ์ตัวเองให้ดี

อย่าเอาใจไปมุ่งจดจ่ออยู่เฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น เช่น ความเสียอกเสียใจ อาชีพการงาน ลูกๆ หรือการออกเดทกับหนุ่มรายใหม่ แทนที่จะวิ่งออกไปไขว่คว้าเรื่องนอกตัว สู้หันมาเสริมสร้างอารมณ์ความรู้สึก “ภายใน” ให้ดีขึ้นมิดีกว่าหรือ ต้องยอมรับว่านี่คือเวลาที่เราจำเป็นต้องเห็นแก่ตัว และเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เรื่องอื่นๆค่อยว่ากันทีหลัง


เพื่อนก็สำคัญ

ตอน ช่วงแต่งงานหวานแหววแต๋วจ๋ากับสามี ก็หายหัว ไม่ค่อยออกจากกรงทอง มาพบหน้าค่าตาเพื่อนฝูงบ้างเลย ครั้นถึงคราวอับจนสูญเสียผัวรัก จะหวนกลับมาเพื่อนก็เซย์กู้ดบายไปหมดแล้ว ไม่เป็นไร ยอมรับว่าตัวเองผิดซะ แล้วเดินหน้ารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเพื่อนเสียใหม่ อย่ากลัวว่าเพื่อนจะไม่ต้อนรับ เพื่อนแท้ไม่ทิ้งกันหรอกน่า อาจ จะงอนบ้างนิดๆหน่อยๆ ไปง้อเดี๋ยวก็หาย ไม้เด็ดคือชวนเพื่อนฝูงออกไปทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น เล่นกีฬาหรือเดินช้อปปิ้ง เดี๋ยวก็ซี้กันเหมือนเดิมแล้ว


ให้รางวัลตัวเองบ้าง

ใน ช่วงเวลาสุดแสนรันทดเช่นนี้ เราต้องตื่นขึ้นมาทุกเช้า แล้วสร้างพลังใจเพื่อฝ่าฟันโลกภายนอกทุกวัน เหนื่อยขนาดนี้ต้องไม่ลืมให้รางวัลตัวเองบ้าง ลองหาเวลาว่างให้ตัวเองได้ผ่อนคลาย เช่น ไปนวดหน้านวดตัว ลาพักร้อน อ่านหนังสือดีๆสักเล่ม หรือออกไปขี่จักรยานไกลๆก็สดชื่นดีเหมือนกันนะ


เขียน…เขียน…เขียน

ผู้หญิง บางคนอารมณ์หดหู่ตกต่ำถึงขีดสุด ทำใจยอมรับความเจ็บปวดไม่ไหว นอนไม่หลับตาค้างอยู่ค่อนคืน ถึงขนาดต้องอาศัยยานอนหลับเข้าช่วย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเลย ถ้านอนไม่หลับจริงๆ ลองลุกขึ้นมาเขียนระบายความรู้สึกลงกระดาษดีไหม เขียนๆๆๆเข้าไป ดีไม่ดีพิมพ์ออกมาขายเป็นเล่มได้ด้วย มีผู้หญิงหลายรายเอาความเจ็บปวดของตัวเองออกมาเขียนเป็นหนังสือรวยไม่รู้ เรื่องมาเยอะแล้ว
 
ทำใจให้อภัยเพื่อตัวเราเอง
 
ผล การวิจัยรายงานว่า การให้อภัยเป็นปัจจัยที่ช่วยลดความดันโลหิตและบรรเทาอาการเครียดวิตกกังวล ได้ชะงัดนัก การหย่าอาจทำให้เราโมโหโกรธาจนแทบอยากแล่นไปฉีกอกให้หายแค้น แต่โปรดจำไว้ว่าการใช้พลังงานทั้งหมดทุ่มเทไปกับอารมณ์รุนแรงในแง่ลบเช่นนี้ ไม่เป็นผลดีกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่เลย พยายามทำใจให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ให้ได้ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าในวันข้างหน้า


แบ่งแยกอารมณ์ให้ถูก

ตาม ปกติในช่วงสองสามเดือนหลังจากหย่า แม่ม่ายอย่างเรามักจะเหี่ยวเฉา แม้แต่เห็นการ์ดเชิญไปร่วมงานแต่งงานก็ยังรู้สึกชีช้ำ จนแทบอยากฉีกทิ้ง เพราะไม่อยากเห็นคนอื่นมีความสุขในขณะที่เราทุกข์แสนสาหัส ควรรแบ่งแยกให้ถูกระหว่าง ความเจ็บช้ำจากรักครั้งเก่ากับมุมมองที่มีต่อความรักโดยรวม อย่าพาลมองความรักหรือการรแต่งงานเป็นเรื่องเลวร้ายจนปิดใจไม่ยอมเปิดรับ สิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิต ควรแบ่งแยกให้ถูก เมื่อสบายใจแล้วเราจะสามารถมองการแต่งงานที่ผ่านมาได้ทะลุปรุโปร่ง รู้ว่าอะไรคือปัญหาอะไรคือสาเหตุ จะได้หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นอีกกับชายหนุ่มรายต่อไป


เดทด้วยความระมัดระวัง

สาว บางรายโดดเข้าร่วมวงเดทชนิดสายฟ้าแลบ เพียงเพื่อต้องการใครสักคนมาเยียวยารักษาแผลใจ ซึ่งผู้หญิงที่แต่งงานครั้งที่สองเร็วเกินไปมักหย่าร้างเร็วด้วยเช่นกัน เรียกว่าก้นหม้อข้าวไม่ทันดำว่างั้นเถอะ การรีบร้อนหาคนมาดามอกไม่เป็นผลดีอย่างยิ่ง นอกจากไม่ทันได้เรียนรู้กันและกันอย่างถ่องแท้แล้ว ยังอาจสูญเสียความมั่นใจยิ่งกว่าครั้งแรก ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลยนี่นา ค่อยดูค่อยๆเดทก็ได้ ใช้เวลาสนุกสนานเอนจอยกับชีวิตไปเรื่อยๆดีกว่า ไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะตกพุ่มม่ายไปตลอดชีวิต ถึงเวลาพร้อมเมื่อไรความรู้สึกในใจจะบอกเราเองนั่นแหละ
10  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / งานปริวาสกรรม อบรมวิปัสนากรรมฐาม ณ วัดป่าชลประทานศรัทธ ๕-๑๕ มกราคม ของทุกปี เมื่อ: ธันวาคม 22, 2010, 10:16:49 am
งานปริวาสกรรม  อบรมวิปัสนากรรมฐาม
ณ  วัดป่าชลประทานศรัทธา  ม.๔  ต.น้ำพอง  อ.น้ำพอง  จ.ขอนแก่น  ๔๐๓๑๐
วันที่  ๕-๑๕ มกราคม  ของทุกปี
11  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การ์ตูนสุดยอด ตำรวจไทย อ่านแล้วขำกลิ้ง เมื่อ: ธันวาคม 11, 2010, 09:13:52 pm






อ่านแล้ว ขำกันหรือป่าวครับ พักหมองนิดนะครับ พี่น้องมัชฌิมา
12  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หม้อหุงข้าวทำขนมปังได้รุ่นแรกของโลก ที่สามารถเปลี่ยนเม็ดข้าวสารให้กลายเป็นขนมปัง เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2010, 03:24:10 pm
หม้อหุงข้าวทำขนมปังได้รุ่นแรกของโลก ที่สามารถเปลี่ยนเม็ดข้าวสารให้กลายเป็นขนมปัง
หม้อหุงข้าวทำขนมปังได้รุ่นแรกของโลก ที่สาม

เอเอฟพี - ซันโย บริษัทอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของญี่ปุ่น แถลงจากกรุงโตเกียวในวันพฤหัสบดี(25)ว่า เนื่องจากมีความต้องการมากมายเหลือเกินในหม้อหุงข้าว รุ่นใหม่ของบริษัท ที่สามารถปรุงข้าวสารให้กลายเป็นขนมปังแถวได้ จนกระทั่งบริษัทสนองให้ไม่ทัน จึงจำเป็นต้องขอระงับการจำหน่ายเอาไว้ชั่วคราว

ซันโยบอกว่า จะหยุดรับใบสั่งซื้อหม้อรุ่น โกแพน (Gopan) ที่สามารถปรุงข้าวสารให้เป็นขนมปังได้ และตั้งราคาเอาไว้เครื่องละ 50,000 เยน (ราว 18,300 บาท) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป ขณะที่บริษัทจะพยายามแก้ปัญหา ด้วยการหาทางเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศจีนของตน ทั้งนี้บริษัทมีจุดมุ่งหมายจะเปิดรับใบสั่งซื้ออีกครั้งในเดือนเมษายนปีหน้า

บริษัทอิเล็กทรอนิกส์แห่งนี้กล่าวว่า นับแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน ที่เริ่มเปิดจำหน่ายหม้อหุ้งข้าวที่ซันโยคุยว่าเป็นหม้อชนิดแรกในโลกที่ สามารถบดข้าวสารให้กลายเป็นแป้ง และจากนั้นก็อบให้กลายเป็นขนมปัง ปรากฏว่ายอดสั่งซื้อหลั่งไหลเข้ามาจนห่างไกลเกินกว่า จำนวน 58,000 ใบที่บริษัทวางแผนเอาไว้ว่าจะผลิตและขายไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคมปีหน้า

ซันโยบอกว่า วางแผนที่จะส่งหม้อ โกแพน ให้ลูกค้าซึ่งสั่งซื้อไว้แล้วภายในสิ้นเดือนนี้ แต่ก็เตือนว่าการส่งสินค้าอาจเกิดความล่าช้าไปจนกระทั่งถึงปลายเดือนมีนาคม

ตั้งแต่ที่บริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เอี่ยมตัวนี้ใน เดือนกรกฎาคม ปรากฏว่าได้รับใบสั่งซื้อล่วงหน้าเข้ามาอย่างทะลักทลาย จนกระทั่งต้องเลื่อนการเปิดจำหน่ายในเดือนตุลาคมตามที่วางแผนเอาไว้ในตอนแรก โดยไปเริ่มในวันที่ 11 พฤศจิกายนดังกล่าว ด้วยหวังว่าจะได้มีสินค้าเอาไว้ในสต็อกให้พอเพียง แต่แล้วก็ปรากฏว่ายังคงไม่พอกับความต้องการอยู่นั่นเอง
13  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หายไปไหน 100 นึง ฝึกสมองกันหน่อย เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2010, 03:04:40 pm
หายไปไหน 100 นึง
ก็เรื่องมันมีอยู่ว่า...

มันมีผู้ชาย 3 คน A B C มันไปเช่าโรงแรมกัน

แล้วทีนี้โรงแรมมันห้องละ 1,000 บาท มันก็อยู่กันคนละห้อง

ชายทั้ง 3 ก็เอาเงินไปจ่าย รวมทั้งหมดเป็นจำนวน 3,000 บาท

แล้วเจ้าของโรงแรมมันก็ลดให้ 500 บาท โดยฝากให้บ๋อยเอาไปคืนชาย 3 คนนั้น

ด้วยความที่บ๋อยเป็นคนฉลาดและเห็นว่า 500 บาท กับผู้ชาย 3 คนมันแบ่งกันไม่ค่อยพอดี

ไอ้คุณบ๋อยมันเลยหุบไป 200 มันก็จะเหลืออยู่ 300 ร้อยบาทพอดี จึงคืนชาย 3 คนไปคนละ 100 บาท

ก็เท่ากับว่าชาย 3 คนนั้นจ่ายค่าห้องไปคนละ 900 บาท

คำถามมีอยู่ว่า : พอเอาเงินของชาย 3 คนมารวมกัน แล้วบวกที่ บ๋อยเอาไป ทำไมมันได้ไม่เ่่ท่าเดิม ฟร่ะ

อะแฮ่มๆๆ อาทิเช่น เงินชาย 3 คน 900 x 3 = 2,700 เงินของไอ้คุณบ๋อย 200 รวมกันแล้วมันจะได้ 2,900

นั่นงัยมันหายไป 100 นึง

นั่งคิดตาม แล้ว ก็มึนนึกไม่ออกว่า อีก 100 อยู่กับใคร
14  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ดอกบัวเป็นชื่อ กลยุทธในกองทัพไทยด้วยนะครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2010, 02:45:46 pm

ดอกบัว นับเป็นดอกไม้ที่คนไทยเราคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะใช้ในการบูชาและพิธีมงคลต่าง ๆ
และก็ยังมีตำนานอีกมากมายเกี่ยวกับบัว

บัวในตำราพิชัยสงคราม แม่ทัพจะเป็นผู้บัญชาการรบ ในการออกศึกแต่ละครั้ง
จะมีการจัดตามกระบวนทัพ ก็จะใช้ทัพรุปทรงดอกบัวที่ชื่อว่า "ปทุมพยุหะ"
กล่าวคือเป็นการจัดผังเป็นรูปดอกบัวตูม กำหนดการวางทัพโดยจะมีกองร้อยอยู่ส่วนยอด
และก็ลดหลั่นลงมาเป็นพลทวน กองม้า กองช้าง กองไล่ ส่วนทัพใหญ่ และทัพรอง
เป็นทัพที่ตั้งมั่นอยู่ตรงส่วนฐาน
15  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างหนังสือสวดมนต์ กับ ศูนย์พุทธศรัทธา เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2010, 10:23:29 am

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างหนังสือสวดมนต์
เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราช
ในศุภวาระวันเฉลิมพระชนมพรรษา
และงานทำบุญฉลองครบรอบ ๒๕ ปีการก่อตั้งศูนย์พุทธศรัทธา

แจกเป็นธรรมทานสำหรับท่านที่ไปร่วมงานบวช
และงานทำบุญครบรอบ ๒๕ ปีศูนย์พุทธศรัทธา
ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๔-๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ นี้

และใช้สำหรับทำวัตรสวดมนต์เป็นประจำ
ในการปฏิบัติธรรมทุกวันศุกร์ ณ ศูนย์พุทธศรัทธา
ในงานบวชเนกขัมมะบารมีซึ่งจัดปีละ ๔ ครั้ง
และงานธรรมทัศนาจร นำผู้มีจิตศรัทธาไปบำเพ็ญกุศลฯ



    เนื่อง จากในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมงานบวชเนกขัมมะบารมี ณ ศูนย์พุทธศรัทธา เพิ่มขึ้นมาก และคาดว่าผู้เข้าร่วมบวชจะเพิ่มมากขึ้นๆ ซึ่งในปีหนึ่งๆ ทางศูนย์ฯ จัดให้มีงานบวชเนกขัมมะบารมี ๔ ครั้ง คือ ในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันแม่แห่งชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ทำให้หนังสือสวดมนต์ที่พิมพ์ไว้ในคราวฉลองครบรอบ ๒๐ ปีของการก่อตั้งศูนย์พุทธศรัทธาใกล้จะหมดลง

    ทางศูนย์พุทธศรัทธาจึง ได้ดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือสวดมนต์รอบใหม่ ในวาระครบรอบ ๒๕ ปีของการก่อตั้งศูนย์พุทธศรัทธา จึงขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธา ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างหนังสือสวดมนต์ จำนวน ๒,๐๐๐ เล่ม (เล่มละ ๗๕ บาท) ท่านจะร่วมทำบุญเท่าไหร่ก็ได้ตามกำลังศรัทธา

    สำหรับท่านที่สนใจร่วมบุญ สามารถโอนปัจจัยร่วมบุญได้ดังนี้ :

    โอนเงินผ่านธนาคาร :
    ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)
    ชื่อบัญชี : นายชนะ สิริไพโรจน์ (MR.CHANA SIRIPAIROJN)
    เลขบัญชี : 211-2-328796

    หรือส่งเป็นธนาณัติ สั่งจ่าย :
    ปณ.บ้านหมอในนามศูนย์พุทธศรัทธา
    ๗๗ หมู่ ๗ ต.บ้านหมอ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ๑๘๑๓๐

    สำหรับท่านที่จะมาบวชเนกขัมฯ หรือมาร่วมงาน จะยังไม่โอนเงินก็ได้
    เงินทำบุญนำมามอบให้ในวันงาน ๔-๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ ก็ได้ค่ะ

    กรุณาแจ้งรายชื่อและยอดเงินทำบุญ ก่อนวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เพื่อจะได้นำรายชื่อส่งให้โรงพิมพ์ต่อไป โดย :

    โพสแจ้งที่ : เว็บศูนย์พุทธศรัทธา BuddhaSattha.com
    หรืออีเมล์ : info@buddhasattha.com
    หรือโทรศัพท์ : 084-1076106
    หรือที่นี่ก็ได้ค่ะ (ปิดรับยอดร่วมบุญ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓)





    สารบัญหนังสือสวดมนต์ ศูนย์พุทธศรัทธา

    คำนำและอานิสงส์การสวดมนต์
    ประวัติการสร้างศูนย์พุทธศรัทธา
    สรุปผลการดำเนินงาน
    ธรรมโอวาทเพื่อพระนิพพาน(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
    บทสวดมนต์แปล
    บูชาพระรัตนตรัย
    ทำวัตรเช้า
    ทำวัตรเย็น
    พระพุทธชัยมงคลคาถา
    คำนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ
    บทระลึกคุณพระรัตนตรัย-บิดามารดา-ครูบาอาจารย์
    พระคาถาชินบัญชร
    บทแผ่เมตตา-พิจารณาสังขาร
    โอวาทปาฏิโมกคาถา
    อภิณหะปัจจะเวกขณะ
    ติลักขณาทิคาถา
    อาการสามสิบสอง
    บทสวดบารมี ๓๐ ทัศน์
    พระคาถาป้องกันภัย ๑๐ ทิศ
    พระคาถามงคลจักรวาลทั้งแปดทิศ
    นโมพรหมรังสี
    คำไหว้พระเกษแก้วจุฬามณี
    บทปลงสังขาร
    บทสวดธรรมจักร
    มงคลสูตร
    นโมนมัสการ
    พระคาถาเงินล้าน
    บทกรวดน้ำอุทิศกุศล
    กราบ ๕ ครั้ง
    พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์แปล
    พระอาการะวัตตะสูตร
    ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก
    กำหนดการบำเพ็ญกุศลประจำปี
    รายนามเจ้าภาพสร้างหนังสือ
    แผนที่เดินทางไปศูนย์พุทธศรัทธา
16  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 80 เรื่องของพ่อหลวงไทย ที่คนไทย(อาจ)ยังไม่เคยรู้เลย เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2010, 01:41:56 pm
80 เรื่องของพ่อหลวงไทย ที่คนไทย(อาจ)ยังไม่เคยรู้เลย

เมื่อทรงพระเยาว์

1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
2นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ มีน้ำหนักแรก
ประสูติ 6 ปอนด์
3พระนาม"ภูมิพล"ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระ
ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
4พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพล
อดุลยเดช
5ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
6ทรงเคยเป็ นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระ
ชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี
มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า "H.H Bhummibol Mahidol"
หมายเลขประจำตัว 449
7ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดา
ว่า"แม่"
8สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
9แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้
ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
10สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่
นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพ
อย่างใหญ่โต
11สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้ง
ชื่อให้ว่า"บ๊อบบี้"
12ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่
    เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำจะต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
13สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจา
กันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรอง 3 ที มากเกิน
ไป 2 ทีพอแล้ว ระหว่างประทับอยู่ ส วิตเซอร์แลนด์ โดยระหว่าง
พี่น้องจะทรงใช้ภาษษฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ
14ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก"การให้"โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า"กระป๋องคนจน"หากทรงนำเงินไปทำ
กิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก"เก็บภาษี"หยอดใส่กระปุกนี้ 10%
ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินใน
กระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า
หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
15ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน
เพราะเพื่อนคนอื่นๆเขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า"ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ
ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน"
16กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget
ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
17ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทน
รถพระที่นั่ง


พระอัจฉริยภาพ

18พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก"การเล่น"สมัย
พระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไร ต้องทรงเก็บสตางค์
ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับ พระชษฐาน
ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ
แล้วแบ่งกันฟัง
19สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิ
ประเทศ
ของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่
ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้
ทรงเล่นเป็น จิ๊กซอว์
20ทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน
แต่รู้หรือไม่ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง
(แอกคอร์เดียน)
21ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา
ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดย
ใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
22ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
23ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนม์พรรษา
18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ"แสงเทียน" จนถึงปัจจุบัน
พระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
24ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้อง
ใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย
ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้น
เดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง"เราสู้"
25รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร :
เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5
26นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่าย
ภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออก ฉายแล้ว
นำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ
โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
27ทรง พระราชนิพนธ์เรื่อง"นายอินทร์"และ"ติโต" ทรงเขียน
ด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์แต่พระมหาชนก ทรงพิมพ์
ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
28ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และเรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการ
แข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยน
ชื่อเป็น"กีฬาซีเกมส์")ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
29ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับ
ฝั่งตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่น
ไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่
ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
30ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับ
สิทธิบัตรผลงานประดิษฐ ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่
ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ "กังหันชัยพัฒนา" เมื่อปี 2536
31ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการ
เกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,
ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลา
กว่า 20ปีแล้ว
32องค์การสหประชาชาติ ได้ถวาย รางวัลความสำเร็จสูงสุด
ด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม
2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้าน
การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดย
มี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมา
ถวายรางวัลด้วยตนเอง


เรื่องส่วนพระองค์

33พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา
มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
34รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิส
เซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ
ทรงให้สัมภาษณ์ว่า"น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ
เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จ
มาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง
35ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม
2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรส
เหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไป
ทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
36หลังอภิเษกสมรส ทรง"ฮันนีมูน"ที่หัวหิน
37ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ใน
พระบรมมหาราชวัง เมืองวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับ
จำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
38ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
39ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพง ต้องแบรนด์เนม
ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง
อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
40เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ
เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา
41พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพล
เพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบ
แก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
41หลอดยาสีพระทน ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ
โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจน
ถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทน
ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
42วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรณคต
มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้าแม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่
หลับจึงเสด็จฯกลับ ถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า
สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล
เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบ
ที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมา
น้ำพระเนตรไหลนอง


งานของในหลวง

43โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมี
จำนวนกว่า 3,000 โครงการ ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานที่ต่างๆ
จะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่งคือ แผนที่ซึ่งทรง
ทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอ
ที่มียางลบ
44ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่ง
การโรเนียว กระดาษที่จะนำมาให้ข้อราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน
เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่
เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก
ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อ
ทรงเห็นดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการ
และราษฎรทั้งกลางสายฝน
45ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยม
วิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง
เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
46โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วน
พระองค์จำนวน 32, 866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือ
ดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็น
โครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้
47เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวน
จิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง
เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
48ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรง
เหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า "ความจริงมันน่า
ท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้
เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือ
บ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
49ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรง
กำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง
(20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้ง
คอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้า
ประเทศ พระองค์จะได้ดูจอมอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้
ช่วยเหลือทัน


ของทรงโปรด

50อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า
ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
51ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังช่าย
52ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
53ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกใน
ประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดา
เป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
54เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวย
วันหนึ่งหลายครั้ง
55ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี
เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
56ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์
ต่างๆใน กทม.ไปที ่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง
57หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวง
จะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ
และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก
เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
58ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูดลย เจ้าของชื่อ
ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้ง
แต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย
นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้
ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
59ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บน
ชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร
ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร
คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์
แผนที่ ฯลฯ
60สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด
สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว
ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว


รู้หรือไม่ ?

61ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ว่า "นายหลวง" ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
62ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ
เยอรมัน และ สเปน
63อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสาร
สำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า
"ทำราชการ"
64ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุ
ทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิสเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชน
กับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา
ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้าง
ซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน
ชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
65ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า
แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำ
ด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า"อันนี้
ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก"
66ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง
จนกระทั่งกุด
67หัวใจทรงเต้นไม่ปกติด ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจ
เต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยม
ราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
68รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษา
ในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา
ฟอนต์ภูพิงค์
69ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค
มีประชาชนเข้าชมรวม 6 ล้านคน
70ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493
จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระ ราชทานปริญญาบัตร
490ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน
470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนัก
ทั้งหมด 141 ตัน
71ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
72สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
73นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถ
คนละคันเป็นการสิ้นเปลือง ให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถ
ยาวเหยียด
80พระราชประวัติในหลวง ฉบับการ์ตูน

doohoon.com
17  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บร็อกโคลี มีสารคล้ายยารักษาโรคอัลไซเมอร์ เมื่อ: ตุลาคม 27, 2010, 07:09:07 pm

บร็อกโคลี มีสารคล้ายยารักษาโรคอัลไซเมอร์

 

คนที่เป็นโรคความจำอักเสบ ชอบลืมโน่นลืมนี่ประจำ ควรหันมารับประทานบร็อกโคลีทุกวัน เพราะงานวิจัยของมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ ลอนดอน ระบุว่ามีผักและผลไม้ 5 ชนิด มีสารประกอบที่ทำหน้าที่เหมือนกับยาที่ใช้รักษาโรคอัลไซเมอร์ได้คือ บร็อกโคลี มันฝรั่ง ส้ม แอปเปิ้ล และหัวไชเท้า โดยเฉพาะบร็อกโคลีมีสารดังกล่าวเยอะที่สุด
ดังนั้นควรหันมารับประทานบร็อกโคลีแก้โรคความจำอักเสบกันเถอะ
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก : สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
18  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ย้อนรอยประวัติศาสตร์ไปชมภาพ เก่า รัตนโกสินทร์ ครับ เมื่อ: ตุลาคม 15, 2010, 08:42:02 pm


 :88: :58:
19  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 10 อันดับ คำถามยอดฮิตเวลาสัมภาษณ์งาน เมื่อ: ตุลาคม 05, 2010, 02:41:27 pm
10 อันดับ คำถามยอดฮิตเวลาสัมภาษณ์งาน

Code นำรูปนี้ไปใช้
10 อันดับคำถาม ที่เค้านิยมจะถามกันโดยมากเวลาสัมภาษณ์งาน คุณควรจะเตรียมพร้อม เพราะอย่างน้อย ถ้าไม่ได้คำถามอื่น ก็ยังพอมีคำถามที่เราตอบแล้ว ฟังดูเข้าท่าเข้าทางบ้าง ฉะนั้นคำถามที่คุณควรจะรู้ มีดังต่อไปนี้

1. ทำไมคุณจึงอยากทำงานที่นี่

การที่จะทำงานทีไหนก็ตาม ผู้สัมภาษณ์จะต้องถามความเป็นมา ว่าทำไมคุณต้องการที่จะทำงานในบริษัทของเค้า และคำถามนี้ก็เป็นสิ่งที่คุณควรทราบ และคุณก็ควรจะรู้ถึงเหตุผลของคุณอย่างแท้จริง ไม่ไช่ตอบไปสุ่มสี่สุ่มห้า เช่นคุณอาจจะตอบว่า

" ดิฉันมีความสนใจในระบบการทำงานของที่นี่มาก และก็ทราบมาว่า ทางบริษัทได้เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคน ได้แสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่ค่ะ และดิฉันยังทราบมาอีกว่า ที่บริษัทรับฟังข้อเสนอของพนักงานทุกคน และพร้อมจะแก้ไข ถ้าข้อเสนอนั้น จะสามารถพัฒนาให้บริษัทให้มีความมั่นคง และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นค่ะ"
2. ทำไมคุณถึงออกจากงานที่เคยทำอยู่

คำถามนี้จะง่ายมาก สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่เคยทำงานมาก่อน แต่จะเป็นคำถามที่ยากมาก สำหรับคนที่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานมาแล้ว และเป็นคำถามที่ตรงประเด็นมากเลยทีเดียว เพราะหากคุณพอใจต่องานที่ทำอยู่ คุณคงไม่ต้องหางานใหม่ทำหรอกจริงไหมล่ะ คำถามนี้จึงเป็นคำถามที่คุณ ต้องเตรียมตัวอย่างมาก เลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น

" ผมอยากจะเรียนรู้ถึงงานสายใหม่ ที่น่าจะเหมาะสมกับตัวผมมากกว่าที่ผมเคยทำอยู่ครับ และผมคิดว่างานที่นี้เหมาะสมกับผม และผมพร้อมที่จะทำงานตรงนี้มากที่สุด"

และที่สำคัญ คุณห้ามนำข้อเสียที่คุณได้รู้จากบริษัทเก่ามาพูดเด็ดขาด เพราะสิ่งนั้นอาจทำให้คะแนนแห่งความเชื่อถือของคุณลดลงก็ได้
3. ลองเล่าประวัติของคุณแบบย่อๆ

การที่จะทำงานร่วมกันได้นั้น สิ่งที่สำคัญก็จะเป็นเรี่อง ข้อมูลส่วนตัว ประวัติความเป็นมาเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถบ่งบอกถึง นิสัยใจคอของคุณได้ และสามารถบอกถึง ความเหมาะสมกับงานด้านนี้ของคุณ ในการตอบคำถาม จึงควรอยู่ในแง่ของการทำงาน บุคลิกภาพส่วนตัว และแง่คิดของชีวิตบ้างนิดหน่อย คุณไม่ควรจะเล่าประวัติชีวิตของคุณให้มากเกินไป เพราะการพูดมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดผลเสียแก่ตัวคุณเอง เช่น

" ผมเป็นคนเคารพเวลา ไม่ชอบให้ใครรอ เพราะฉะนั้นเวลาในการ ทำงานของผม จะตรงต่อเวลาเสมอ แต่ผมก็มีข้อเสียนะครับ คือเวลา ที่ผมรอใคร แล้วคนคนนั้น ไม่มาสักที ผมก็มักจะควบคุมอารมณ์ ของตัวเอง ไม่ค่อยได้ทั้ง ๆ ที่เหตุผลของเค้า เป็นเหตุผลที่น่าฟังมาก ก็ตาม และตอนนี้ผมกำลังหาวิธี เพื่อแก้ไข ข้อบกพร่องของผมอยู่ครับ"
4. คุณคิดจะทำอะไรให้กับบริษัทมากที่สุด

คำถามนี้จะทำให้คุณบอกถึงความสามารถของคุณ ที่จะทำให้กับบริษัทได้มากน้อยแค่ไหน ในการบอกถึงคุณสมบัติที่คุณสามารถทำได้นั้น ไม่ถือว่าเป็นการโอ้อวดว่า คุณเก่งแต่อย่างไร แต่สิ่งที่คุณพูดนั้นจะสามารถสร้างน้ำหนัก ในการตอบคำถามให้แก่คุณได้
5. จะมีปัญหาอะไรไหมหากต้องทำงานล่วงเวลา

เจอคำถามนี้เข้า ก็ทำให้อึ้งเอาการอยู่ทีเดียว ก็แหมใครอยากจะไปทำงานล่วงเวลา หากไม่ได้อะไรตอบแทนบ้างเลย ฉะนั้นในการตอบคำถามนี้ คุณควรจะกล่าวถึงความพร้อมเสมอ ในการทำงานล่วงเวลา ถึงแม้ว่า ค่าตอบแทนอาจจะน้อยมาก หรือในการทำงานล่วงเวลา จะไปตรงกับตารางนัดสำคัญกับคนพิเศษของคุณก็ตาม

"เพื่อให้งานประสบความสำเร็จ ผมก็พร้อมจะทำงาน ล่วงเวลาเสมอ"
6. เรื่องทั่วๆ ไป

ในการสัมภาษณ์คุณอาจจะต้องพูดถึงเรื่องปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และค่านิยม ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น เป็นข่าวหนังสือพิมพ์ คำถามนี้จะแสดงให้ เห็นว่า คุณให้ความสนใจกับข่าวสาร บ้านเมือง ไม่เป็นคนที่ตกข่าว สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบัน การทราบข้อมูลเหล่านี้ อาจทำให้คะแนนการสัมภาษณ์ของคุณ เพิ่มขึ้นมาก็ได้
7. ความใฝ่ฝันและโครงการในอนาคต

เป็น การพิจารณาถึงความเอาจริงเอาจังของคุณ เพราะหากคุณสามารถบอกถึงทิศทางในอนาคตได้ นั่นก็แสดงว่าคุณสามารถรับผิดชอบ ในงานที่ได้รับมอบหมายอย่างดีทีเดียว ก็ขนาดอนาคตที่ไม่มีใครสามารถรู้ได้ คุณยังวางแผนสู่อนาคตได้อย่างเป็นระบบ นั่นก็หมายถึงว่า คุณไม่ได้มีความคิดย่ำอยู่กับที่จริงไหม
8. คุณมีงานอดิเรกอะไรไหม

คำถามในข้อนี้จะเจาะประเด็นว่า คุณรู้จักแบ่งเวลาของคุณให้เกิดประโยชน์ มากน้อยแค่ไหน และแสดงให้เห็นถึงบุคลิกของคุณว่า คุณเป็นคนอย่างไร ร่าเริง เปิดเผย หรือเก็บตัว เช่น ถ้าคุณตอบว่า คุณชอบอ่านหนังสือ คุณอาจจะถูกถามต่อว่า หนังสือเล่มล่าสุดที่คุณอ่านคือเรื่องอะไร และอาจให้คุณวิจารณ์ ถึงหนังสือเล่มนั้น ในการถามคำถามนี้ ยังสามารถได้รู้ถึงความละเอียดอ่อนของคุณ การรู้จักสังเกต การมีปฏิภาณไหวพริบ กระทั่ง การใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นๆ อีกด้วย
9. คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่

เป็นเรื่องที่ยากมากในการตอบคำถามนี้ ถ้าหากว่างานที่คุณไปสมัคร ระบุเงินเดือนไว้แล้ว ก็เกิดความสบายใจหน่อย แต่ถ้าไม่ได้ระบุถึงอัตราค่าจ้างเลย ก็แย่หน่อย ทางที่ดีคุณควรตอบตามอัตราเงินเดือน ที่คนทั่วไปได้รับกัน เช่น อาจจะถามเพื่อนที่ทำงานเหมือนกับตำแหน่งที่คุณสมัคร หรือตอบตามเงินเดือนราชการ ที่คุณทราบก็ได้ แต่ถ้าหากผู้สัมภาษณ์เสนอเงินเดือนมาสูงหรือต่ำกว่าอัตราที่คุณรู้ คุณก็อย่าเพิ่งตอบตกลง คุณอาจจะขอเวลาในการพิจารณาสัก 3 วัน แล้วค่อยให้คำตอบ เพราะถ้าเกิดคุณตอบตกลงไปแล้ว และคุณมาขอขึ้นทีหลังก็เหมือนกับว่า คุณเป็นคนโลเล ไม่น่าเชื่อถือก็ได้
10. คุณมีข้อสงสัยอะไรอีกไหม

เจอคำถามนี้ก็บ่งบอกว่า การสัมภาษณ์ได้สิ้นสุดลง แต่ในการตอบคำถามข้อสุดท้ายนี้ จะตอบอย่างไรดี ที่จะแสดงว่า เราไม่เป็นคนไม่ฉลาดออกมา เช่น คุณอาจถามย้ำเรื่องเวลาการทำงานก็ได้

"ผมอยากทราบเวลา ที่แน่นอน ในการทำงานของผมครับ"

หรือ คุณอาจจะไม่ต้องการถามอะไรก็ได้ เพราะการไม่ได้ถามก็เท่ากับว่า คุณได้ทราบข้อมูลของบริษัทมากพอแล้ว แต่ถ้าเกิดสงสัยจริงๆ ก็ควรตั้งคำถามที่ฟังแล้วดูดี และถูกใจนายจ้างของคุณให้มากที่สุด
20  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ข้อมูลและ รูปภาพ เมืองเพชร ที่พวกเราช่วยกันหา เมื่อ: มิถุนายน 07, 2010, 01:36:53 pm
นำมา เพิ่มให้เป็นข้อมูลที่น่าสนใจ จากหัวข้อ ไปเมืองเพชรทำไม


เดิมชื่อวัดพริบพรี  ตั้งอยู่ ถนนเพชรพลี ต.ท่าราบ อ.เมือง เพชรบุรี ไม่ปรากฤหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขี้นเมือใด ส ันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยอยุธยา       
          สิ่งที่สำคัญในวัดนี้ ได้แก่ เสาชิงช้า และเทวสถานโบสถ์พราหมณ์  นอกจากนั้นในวัดยังมีสิ่งมหามงคล ได้แก่ พระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 5 องค์ ได้แก่ พระบรมสารีริกธาตุฉัทพัณรังสี พระบรมธาตุทันตธาตุ (พร ะเขี้ยวแก้ว) พระเสนธาตุ พระบรมสารีริกธาตุขนาดต่างๆ และพระธาตุของพระอรหันต์ โดยทั้งหมดประดิษฐานในบุษบก ซึ่งสามารถยกตัวขึ้นไปเก็บซ่อนบนเพดานได้อย่างมิดชิดภายใต้แผ่นไม้จำหลักที่ งดงาม
          นักท่องเที่ยวสามารถเข้านมัสการพระบรมสารีริกธาตุได้ภานในอาคารวชิรปราสาท โดยเจ้าหน้าที่จะกดปุ่ม เพื่อนำบุษบกค่อยๆ เลื่อนลงมาจากเพดานจนประดิษฐานอย่างสมบูรณ์ ในบริเวณแท่นบูชาให้นักท่องเที่ยวได้นมัสกา ร  การนมัสการพระบรมสารีริกธาตุถือเป็นมหามงคลที่ชาวพุทธทุกคนควรจะมีโอกาสได้ นมัสการอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิต













21  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / หาหน้า สถานีไม่เจอ เมื่อ: มิถุนายน 05, 2010, 12:38:09 pm
พอปิดหน้าแรกแล้วเสียงดับ หน้าสถานีอยู่ตรงไหน ครับ



 :s_good: :c017:
หน้า: [1]