ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - เพียงเ็พ็ญ ก่ำสุข
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / ความตั้งใจของผู้ศรัทธา กับครูอาจารย์ที่มีแก่นสาร (ชีวประวัติหลวงปู่ชอบ) เมื่อ: เมษายน 19, 2012, 08:11:43 am



     มีตอนหนึ่งที่หลวงปู่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปกราบขอตัวเป็นศิษย์กับหลวงปู่มั่น  ท่านต้องเดินเท้าจาก อ.หนองวัวซอ อุดร ไป อ.ศรีสงคราม นครพนม ระยะทางประมาณ 200 กิโล ด้วยเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน ผ่านป่า ผ่านเขา เจอหมู่บ้านก็อาศัยบิณฑบาต  แล้วก็จัดบริขารเดินทางต่อไป ไม่ลดละ ( อ่านไปก็เหมือนเห็นภาพท่านลำบากมาก   มานึกเทียบตัวเอง จะไปไหนสบายมีรถ มีแอร์ นั่งกันสบาย )

           พอถึงเขตเสนาสนะป่าบ้านสามผง  ท่านเล่าว่ามันช่างเงียบเหลือเกิน ท่านประหม่าขนลุก เกิดวังเวงชอบกล ( หลวงปู่มั่นท่านขึ้นชื่อลือชาว่าดุมาก) จากนี้คือตอนที่ท่านเล่าต่อด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ว่า

  " ผมยังไม่ทันจะห่มผ้าเฉวียงบ่าเสร็จเรียบร้อยดีเลย   องค์หลวงปู่มั่นก็ดุใส่เข้าก่อนทันที  แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย  ถ้าเป็นฝนตกก็ไม่มีเค้าเมฆมาตั้งให้ครึ้มก่อน "

        หลวงปู่บอกว่า  ท่านทั้งงุนงง ทั้งตกใจ  ที่โดนหลวงปู่มั่นดุด่า ขับไล่เสียงดัง บอกให้หนีออกไปจากสำนัก  ไม่ยอมให้อยู่ด้วย

   "หนีไปเดี๋ยวนี้เลย  พราะผีบ้า ! มาทำอะไรที่นี่  ครูบาอาจารย์บ่มีบ่ ? ถึงได้ดั้นด้นมาถึงนี่  พระเคาขาดแบบนี้เราบ่เอาไว้ดอก  หนีเดี๋ยวนี้ ! ไปเดี๋ยวนี้!
อย่ามาอยู่กับเรา  จะไปไหนก็ไปเลย ! มาทางไหนก็ให้กลับไปทางนั้นเดี๋ยวนี้  ไม่ต้องมากราบเรา !  ไป! ไปเดี๋ยวนี้ ! "


   จขกท  อ่านถึงตรงนี้เสร็จ  ยังกะเห็นภาพอยู่ตรงหน้า  ไม่รู้ก้อนอะไรมาจุกที่คอ  น้ำตาก็ไหลออกมาซะงั้น  พลันก็คิดไปว่า  เออหนอ......กว่าครูบาอาจารย์จะได้สำเร็จในธรรม  ท่านต้องลำบากมาก....มากจริง ๆ  บางครั้งอาจจะเกินที่เรา ๆ จะคิด  จะนึกถึงก็เป็นได้     กว่าจะได้ธรรมมาสอนพวกเรา ๆ ฆราวาส   ที่ดูเหมือนจะได้ฟังกันง่ายดาย  ทั้งออนไลน์  ทั้งหนังสือ ฯลฯ   แทบไม่ต้องลงทุนลำบากอะไรเลย     ก็เลยนึกเวทนาในความโง่ของตัวเองไปเลย


       ก่อนนี้ กราบพระสวดมนต์ บทท่องสวดสุปฏิปัณโณ...  ตัวเองก็พอรู้ความหมายอยู่  แต่ก็ยังไม่ใช่รู้ซึ้งแก่ใจ  จนได้อ่านปฏิปทาครูบาอาจารย์ก็เลยได้กราบแบบที่เรียกว่า ถึงจิตถึงใจ ซึ้งจนสาแก่ใจเลย 

        เพียงเล่าสู่กันฟังกับเพื่อนนักปฏิบัติค่ะ....ขอทุกท่านเจริญในธรรมนะคะ
2  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฝึกคิดบวก ไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 12:18:05 pm
ฝึกคิดบวก ไม่ใช่เรื่องยาก

วิธีการฝึกคิดบวกนั้นไม่ยาก ลองดู 12 ขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้

 

1. ให้มองไปข้างหน้า อย่ามองย้อนหลัง ทุกคนเคยทำผิดมาแล้วทั้งนั้น แต่ต้องไม่จมอยู่กับอดีตที่ผิดพลาด เพราะชีวิตต้องดำเนินต่อไป จงวางเป้าหมายเล็กๆที่เป็นไปได้ และพยายามทำให้สำเร็จ

 

2. รู้จักให้อภัยตัวเองและผู้อื่น สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต เป็นผลพวงมาจากการกระทำของตนเองทั้งสิ้น ในบางครั้งบางคราว เราต่างตัดสินใจผิดพลาด แต่เมื่อรู้สำนึกแล้ว ก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไป เรียกว่าเป็นการให้อภัย และต้องให้อภัยตัวเองเมื่อทำผิดพลาด เพื่อที่จะเดินหน้าต่อไป รวมทั้งใช้ความผิดพลาดจากอดีตเป็นบทเรียน เพื่อก้าวย่างที่ดีกว่าในอนาคต

 

3. ถ้าแก้วมีน้ำแค่ครึ่งเดียว จงเติมให้เต็มแก้ว การมองว่า มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้ว หรือน้ำหายไปครึ่งแก้วนั้น ถูกทั้ง 2 อย่าง อยู่ที่ว่าผู้มองเป็นคนมองโลกในแง่ดีหรือร้าย และไม่ผิดอะไรที่คุณจะเติมน้ำให้เต็มแก้ว

 

4. มองหาบุคคลต้นแบบ ทุกคนควรมีบุคคลต้นแบบที่เป็นแรงบันดาลใจ คนคนนั้นอาจเป็นผู้ที่เอาชนะอุปสรรคใหญ่ๆได้สำเร็จ และประสบความสำเร็จอย่างงดงามในที่สุด หรือเป็นผู้ที่ทำงานหนักและสัมฤทธิ์ผล จงเอาคนนั้นเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต

 

5. พาตัวเองเข้าไปอยู่ในแวดวงของคนที่ประสบความสำเร็จและมองโลกในแง่ดี มันเป็นเรื่องมหัศจรรยู์ที่พลังอำนาจของคนอื่น สามารถส่งผลกระทบต่อพลังในตัวเราได้ คนที่คิดในด้านบวกจะช่วยกระตุ้นและเป็นแรงบันดาลใจให้เราเชื่อมั่นในตัวเอง ว่า เราสามารถทำสิ่งที่มุ่งมั่นไว้ให้สำเร็จได้ จำไว้ว่า..จงอยู่ให้ห่างคนที่คิดแต่แง่ร้าย ซึ่งจะขัดขวางการเดินหน้าของคุณ ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล”

 

6. เห็นคุณค่าสิ่งดีๆในชีวิต เมื่อเราพอใจกับทุกเรื่องดีๆที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม มันจะช่วยให้เราขจัดความคิดในด้านลบออกไป การโฟกัสแต่สิ่งดีๆเหล่านี้ จะทำให้อุปสรรคที่เราเผชิญอยู่ กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เราจัดการได้ง่ายขึ้น

 

7. รู้จักบริหารเวลาอย่างชาญฉลาด อย่าเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณตั้งเป้าไว้ในชีวิต ข้อสำคัญคือ มุ่งทำในเรื่องที่ทำให้ชีวิตของคุณเป็นไปดังที่หวังไว้ ซึ่งจะส่งผลให้คุณมีทัศนคติที่ดี

 

8. จินตนาการว่ามีสิ่งดีๆเกิดขึ้น แปลกแต่จริงที่ว่า คนส่วนมากมักชอบวาดภาพเรื่องเลวร้ายกำลังเกิดขึ้น โดยมักจะพูดว่า “ถ้ามันเกิดขึ้น...” จงฝึกนึกถึงเรื่องดีๆกำลังเกิดขึ้น มองเห็นภาพงานที่กำลังทำเดินไปด้วยดี (ไม่ว่าจะเป็นงานที่บ้านหรือที่ทำงาน) และได้รับคำชมจากคนรอบข้างว่า“เยี่ยมมาก” เพราะนั่นจะเป็นกำลังใจให้คุณคิดบวกต่อไป

 

9. ความผิดพลาดมีไว้ให้เรียนรู้ มิใช่แส้ที่เอาไว้เฆี่ยนตี ทุกคนล้วนเคยทำผิดทั้งนั้น และถึงแม้ว่าได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังทำพลาด ขอให้จำไว้ว่า ยังมีโอกาสให้เริ่มต้นใหม่ ความผิดพลาดต่างๆที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียน เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข สิ่งที่จะทำต่อไปในอนาคต

 

10. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ถ้ารอบๆตัวเต็มไปด้วยข้าวของวางระเกะระกะ กระจัดกระจายไปทั่วห้อง ลองหาเวลาจัดเก็บ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งจะช่วยให้คุณเปลี่ยนมุมมอง ความคิดได้มาก ใครจะมองโลกในแง่ดีได้ ถ้าต้องอยู่ท่าม กลางสภาพสกปรกรกรุงรังตลอดเวลา จริงมั้ย เพราะสภาพแวดล้อมที่ดี จะช่วยสร้างและเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดทัศนคติด้านบวก

 

11. รับข้อมูลข่าวสารที่ดี หมั่นอ่านบทความที่สร้างแรงจูงใจ หรือฟังธรรมะที่กระตุ้นให้รู้สึกตื่นตัว และเกิดปัญญา ซึ่งจะช่วยให้มองโลกและชีวิตได้อย่างเข้าใจ มีความหวัง และความสุข

 

12. ให้คำมั่นสัญญากับตัวเอง และบอกตัวเอง ซ้ำๆ เพราะคำมั่นสัญญาดีๆมีผลต่อกระบวนการคิดของตัวเอง เช่น ถ้าคุณมีอาการซึมเศร้าเป็นประจำ คำมั่นสัญญาของคุณก็คือ “ฉันมีความสุข ฉันควบคุมตัวเองได้” บอกตัวเองเช่นนี้หลายๆครั้งในแต่ละวัน แล้วคุณจะรู้สึกถึงพลังความคิดด้านบวกที่เกิดขึ้น

.....

 

มนุษย์ เราสามารถสร้างนิสัยคิดบวกได้พอๆ กับนิสัยคิดลบ แต่นิสัยคิดลบเกิดได้ง่ายกว่า เพราะต่างทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว ฉะนั้น ลองทำตามวิธีข้างต้น เพื่อสร้างนิสัยคิดในด้านดี และขจัดความคิดด้านร้ายให้หมดไป

 (จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 113 เมษายน 2553 โดย ประกายรุ้ง)

 

Read More:  http://www.portfolios.net/profiles/blogs/2988839:BlogPost:2051193#ixzz1XM3m76Ek
3  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / กิจกรรมพบกลุ่มภาวนากรรมฐาน ประจำเืดือน ก.ย.2554 ไม่มีแล้วหรือคะ เมื่อ: สิงหาคม 21, 2011, 01:46:55 pm
กิจกรรมพบกลุ่มภาวนากรรมฐาน ประจำเืดือน ก.ย.2554 ไม่มีแล้วหรือคะ

สอบถาม คะ ปกติจะเห็น ข่าวกิจกรรมส่วนนี้มาทุกเดือน คะ แล้วก็ติดตามมาทุกเดือน

ก็ยังคิดอยู่ว่า ถ้ามีโอกาสจะไปร่วมด้วยสักครั้ง คะ

กิจกรรม ส่วนนี้ เลิกราไปแล้วหรือ คะ

  :25: :25: :25:
4  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เมื่อได้อ่าน มา เรื่อง นิพพาน เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2011, 09:43:44 am
คืนหนึ่ง ได้ขึ้นไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยที่มีคำถามค้างคาใจจะไปถามด้วย ยังไม่ทันเอ่ยปากถาม องค์ตถาคตก็เอ่ยขึ้นก่อน

ตถาคต - เอ้า ว่าอย่างไร มีอะไรจะถามเรา

ดิฉัน - เจ้าค่ะ ตถาคต คือมีเรื่องสงสัยน่ะค่ะ จากที่ศึกษาหนังสือที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำกล่าวไว้ว่า คนที่ใกล้จะตาย ถ้าหากว่าจิตตอนนั้นนึกถึงนิพพาน ก็ไปนิพพานเลย จริงเหรอเจ้าคะ

ตถาคต - จริง

ดิฉัน - เพราะบางเรื่อง เห็นมีคนก็ทำชั่วไว้เหมือนกัน แต่พอจะตาย ก็เห็นพระอริยะ แล้วก็เลยได้ปิติ กลายเป็นได้ไปนิพพานเลย ไม่ลงนรก

ตถาคต - ถูกต้องแล้ว

ดิฉัน - งั้น ถ้าเป็นอย่างนี้ เราก็ไม่จำเป็นต้องทำดีก็ได้นี่คะ ในเมื่อพอจะตาย ก็นึกถึงพระ นึกถึงนิพพาน เราก็ไปสวรรค์ ไปนิพพานได้เลย อย่างนี้คนก็ต้องคิดว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องทำดี ทำชั่วซะก็ยังได้ไปสวรรค์นิพพาน แล้วจะทำดีไปทำไมละเจ้าคะ

ตถาคต - ดูก่อน...(ชื่อดิฉัน)....เธอคิดหรือว่า คนที่ไม่เคยฝึกจิตให้นึกถึงแต่นิพพาน ไม่เคยคิดเรื่องทำดี ทำแต่กรรมชั่ว พอท้ายที่สุด จิตจะนึกถึงพระหรือนิพพานได้

ดิฉัน - ก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้เจ้าค่ะ

ตถาคต - ถูกต้องแล้ว คนที่ทั้งชีวิตทำแต่กรรมชั่ว ไม่เคยทำกรรมดี พอตอนจะตาย จิตก็คิดแต่เรื่องที่ตัวเองทำไม่ดีไว้ อีกทั้งกฎแห่งกรรมก็จะคอยจ้องอยู่ ทำอย่างไร เขาก็ไม่มีทางที่จะเห็นพระหรือนิพพานได้หรอก ดังนั้นหนทางที่จะได้ไปสวรรค์หรือนิพพานจึงไม่มี สำหรับบางคนที่ทำดีบ้าง ทำชั่วบ้าง พอตอนใกล้จะตาย จิตเป็นกุศล ก็ได้ไปสวรรค์หรือนิพพานได้ แต่ถ้าหากจิตเป็นอกุศลก็ต้องลงนรก ตถาคตถึงสอนว่าให้ทำดี ฝึกจิตให้นึกถึงแต่นิพพานเข้าไว้ บุคคลผู้ฝึกจิตให้นึกเห็นแต่นิพพาน ย่อมต้องเป็นผู้อยู่ในศีลในธรรมอยู่แล้ว ดังนั้นการที่จะไปทำกรรมชั่ว ย่อมไม่อาจทำได้ง่าย ดังนั้นเมื่อจิตเป็นกุศล คิดแต่เรื่องดีๆ พอใกล้จะตาย ย่อมได้ขึ้นสวรรค์หรือนิพพานแน่นอน จงจำเอาไว้

ดิฉัน - สาธุ ลูกได้ความกระจ่างแล้วค่ะ
หน้า: [1]