ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ฝากเงินเพื่อนไปทำบุญ เพื่อ สร้างพระพุทธรูป แต่เพื่อนทำเงินหาย  (อ่าน 6391 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sinjai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 144
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ฝากเงินเพื่อนไปทำบุญ เพื่อ สร้างพระพุทธรูป แต่เพื่อนทำเงินหาย ในระหว่างที่เดินทางไป
อยากทราบว่า เรายังได้อานิสงค์สร้างพระพุทธรูป อยู่หรือไม่ หรือได้เพียงบุญกุศลเพียงจิตคิดจะให้เป็นทาน

  คือไม่ต้องการอ่านคำตอบว่า ได้บุญ แน่ ๆ แต่อยากทราบว่า ยังได้อานิสงค์การสร้างพระพุทธรูปอยู่หรือไม่คะ ถ้าได้เพราะเหตุใด ถ้าไม่ได้เพราะเหตุใด คะ

 ขอบคุณมาก ๆ คะ

   :25:  :c017:
บันทึกการเข้า

นักเดินทาง

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 695
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าพิจารณา เจตนา เป็น ตัวกรรม

   ก็ต้องได้บุญอยู่ครับ แต่ ถึงแม้ว่า เจตนา จะสร้างก็ยังเป็นแค่ความคิด กายกรรม ถึงแม้สละทรัยพ์ให้แล้ว แต่ทรัพย์กับถูกแปลงเป็นอย่างอื่น อานิสงค์การสร้าง ตามที่เราต้องการนั้นยังไม่ได้ครับ......

  เช่นนำเงินไปถวายพระ ให้ท่านสร้างกุฏิ แต่ ท่านกับนำเงินไปซื้ออาหารให้สุนัข เป็นกระสอบ ๆ เลยครับพอเจอถามท่าน ๆ ก็บ่นว่า กุฏิยังไม่ได้สร้าง แต่สงสารสุนัขหลายสิบตัว แล ปลาท่านั้ำ ท่านก็เลยนำเงิน 30000 บาทไปซื้ออาหารสัตว์แทน ซึ่งผมเองก็อึ้งมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นรู้สึกว่า ท่านขอ กับไปทำไม่ตรงกับสิ่งที่บอกหรือขอไว้

  ดังนั้น อานิสงค์ ถูกเปลี่ยนแปลงเป็นอีกแบบ แน่ ละ เรายังได้บุญ อยู่เพราะยังได้ร่วมทำบุญ อยู่ แต่อานิสงค์ของการสร้างอาคาร พระพุทธรูป สถูปนั้น ไม่ได้ครับ

   วินิจฉัย ของผม ถือว่ายังไม่สิ้นสุดนะครับ รอเจ้าของห้องมาตอบต่อ น่าจะดีกว่านะครับ

    :49:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ฝากเงินเพื่อนไปทำบุญ เพื่อ สร้างพระพุทธรูป แต่เพื่อนทำเงินหาย อยากทราบว่า ยังได้อานิสงค์การสร้างพระพุทธรูปอยู่หรือไม่คะ

     ผมใคร่อยากให้คุณน้อง "สินใจ" พิจารณาดูเรื่องราวของนาย "สุมนมาลาการ" ผู้นำดอกไม้อันไม่ใช่ส่วนแห่งทรัพย์

ตนโปรยบูชาพระพุทธเจ้า อยากถามว่าอานิสงส์บุญนั้น จักเป็นของใครกล่าวคือ นายสุมนมาลาการ หรือ พระเจ้า

พิมพิสาร แม้การกระทำโดยพลการเยื่องนั้นเสี่ยงต่ออาญาโทษ ในเบื้องต้นวิบัตินั้นได้เกิดแล้วแก่นาย สุมนมาลาการ

เหตุด้วยภรรยาเกรงกลัวภัยจึงผละทิ้งขอเลิกร้างหย่าขาด หากแต่ภายหลังพระเจ้าพิมพิสารทรงทราบกับร่วม

อนุโมทนาและมอบเครื่องแพรพรรณข้าทาสช้างม้าไปเลี้ยงชีวิต

     ที่สุดภายหลังพระอานนท์ได้กราบทูลถามเรื่องนาย "สุมนะ" พระพุทธองค์ทรงกล่าวถึงการสละดอกไม้อันอาจเป็น

ภัยแก่ตัวเพื่อบูชาพระองค์ของนาย "สุมนะ" นั้น หยั่งว่าอานิสงส์นั้นถึงที่สุดจักเป็นถึง พระปัจเจกพุทธเจ้า ที่เดียว ครับ.!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 24, 2012, 02:12:52 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

นักเดินทาง

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 695
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อยากให้พิจารณา องค์ แห่ง ทาน ด้วยครับ

   1.ทานนั้น บริสุทธิ์ เป็นเจ้าของโดยชอบธรรม
    2.ทานนั้นมีผู้รับ ที่บริสุทธิ์ ประกอบด่้วยศีล เป็นต้น
     3.ทานนั้นมีเจตนา ที่ให้ด้วยความเคารพในทาน

   การที่ฝากเงินไป 1 2 ไม่ได้ครับ 3 ได้ครับ องค์แห่งทานยังไม่สมบูรณ์ ครับ
  การทำทานแบบนี้ เหมือนการโปรยอาหาร ไก่ ลงแม่น้ำ ครับ

   :s_hi:
บันทึกการเข้า

นิรนาม_พุทโธ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 48
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ปัจจุบันนี้ ผมว่า ถึงแม้ว่าเรานำไปถวายถึงมือเลย ก็ใช่ว่าเขาจะนำไปสร้างอย่างนั้นจริง ๆ นะครับ ผมเคยเจอเหตุการณ์มาแล้วครับ ค่าจัดสร้างจัดทำดำเนินงานสร้างพระ เขากำหนดราคาค่าแรงค่าของ ค่าพิธิไว้แล้ว แต่ผมไปทำเขาก็นำก้อนทอง มาให้เขียนแปะชื่อ พอสักพัก ก็มีคนมาทำต่ออีก ผมเห็นเขาแกะชื่อผมออกจากก้อนทอง แล้วให้คนเขียนปิดทับเช่นเดียวกับผมอีก สรุปก็คือ ก้อนทองเวียนครับ สรุปแล้วยอดบริจาควันนั้น 2 ล้านกว่าบาทครับ ค่าพิธี ค่าอะไรต่าง ๆ หักเบ็ดเสร็จแล้ว เงินเหลือ 1.3 ล้านครับ เอแล้วเงินที่เราทำบุญอยู่ในส่วน .7 ล้าน หรือ 1.3 ล้านกันแน่ครับ ผมนั่งนึกอยู่ แต่อย่างไรผมก็อิ่มใจ ถือไว้ในใจว่าได้ร่วมสร้างพระพุทธรูปกับเขาในชีวิตก็สักองค์แล้วครับ สละกันอย่างหนัก กันเป็น ระดับ ครึ่งแสน เชียวนะครับไม่ใช่น้อยนะครับ

   ที่เขียนให้ท่านอ่านก็เพราะอยากให้พิจารณา กุศลในตอนต้นครับ ว่าได้บุญแล้ว และควรยึดมั่นในบุญขั้นต้นไว้ครับไม่ต้องไปคิดต่อแล้วว่า เขาจะนำเงินเราไปทำหรือไม่ มิฉะนั้น จะปวดหัวครับ กุศลตก และ จิตตก นี่สิครับ

    :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
เมื่อ......แสงธรรม เจิดจรัส สว่างจ้าในใจ เมื่อนั้น ก็จะเห็นพระพุทธองค์
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคต

poepun

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 134
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เห็นใน FB กล่าวถึงเรื่อง ทานูปฏินิสสัคคา 8 นะครับ ไม่ทราบว่าเกี่ยวอะไรกันหรือไม่ ?

 ;) :) :s_good: :67:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต


อจินติตสูตร
        [๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ ประการนี้ อันบุคคลไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า เดือดร้อน
       
        อจินไตย ๔ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย             
             พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ๑
             ฌานวิสัยของผู้ได้ฌาน ๑
             วิบากแห่งกรรม ๑
             ความคิดเรื่องโลก ๑


        ดูกรภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ ประการนี้แล ไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า เดือดร้อน

        จบสูตรที่ ๗


อรรถกถาอจินติตสูตรที่ ๗
               บทว่า อจินฺเตยฺยานิ ได้แก่ ไม่ควรคิด.
               บทว่า น จินฺเตตพฺพานิ ความว่า บุคคลไม่ควรคิด เพราะเป็นอจินไตยนั่นเอง.
               บทว่า ยานิ จินฺเตนฺโต คือ คิดสิ่งที่ไม่มีเหตุเหล่าใด.
               บทว่า อุมฺมาทสฺส ได้แก่ ความเป็นคนบ้า.
               บทว่า วิฆาตสฺส คือ เป็นทุกข์.
               บทว่า พุทฺธวิสโย แปลว่า วิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย คือความเป็นไปและอานุภาพของพระพุทธคุณมีพระสัพพัญญุตญาณ เป็นต้น.
               บทว่า ฌานวิสโย ได้แก่ ฌานนิสัยในอภิญญา.
               บทว่า กมฺปวิปาโก ได้แก่ วิบากของกรรมมีกรรมที่จะพึงเสวยผลในปัจจุบัน เป็นต้น.
               บทว่า โลกจินฺตา ความว่า โลกจินดา ความคิดเรื่องโลกเช่นว่า ใครหนอสร้างดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ใครสร้างแผ่นดินใหญ่ ใครสร้างมหาสมุทร ใครสร้างสัตว์ให้เกิด ใครสร้างภูเขา ใครสร้างต้นมะม่วงต้นตาลและต้นมะพร้าว เป็นต้น ดังนี้


อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑  บรรทัดที่ ๒๑๖๖ - ๒๑๗๓.  หน้าที่  ๙๓.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=21&A=2166&Z=2173&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=21&i=77
ขอบคุณภาพจาก http://igetweb.com/


  คุณสินจัยครับทุกครั้งที่มีสมาชิกมาถามเรื่องกรรมผมจะบอกเสมอว่า เป็นเรื่องอจินไตย อย่าคิดมาก
   แต่เมื่อมาคุยห้องนี้ ผมก็ต้องคุยเป็นเพื่อน แค่คุยเป็นเพื่อนนะครับ คำตอบของผมไม่ใช่บรรทัดฐาน


      ผมเคยได้ยินมาเรื่องหนึ่ง จากสื่ออะไรผมจำไม่ได้ เล่ากันว่า ครั้งที่มีพระปัจเจกพุทฤธเจ้าอุบัติขึ้น
      มีชายผู้หนึ่งเกิดเลื่อมใสในพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์นั้น ได้ฝากสิ่งของอย่างหนึ่งให้เพื่อน เพื่อนำไปถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้า แต่ด้วยเหตุใดก็จำไม่ได้ เพื่อนคนนั้นไม่ได้นำสิ่งของนั้นไปถวาย


      สุดท้ายเมื่อชายคนที่ฝากของไปถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าตายไป ด้วยจิตที่เป็นกุศลของชายคนนั้นที่คิดว่าตัวเองได้ทำทานสำเร็จบริบูรณ์ไปแล้ว ทำให้ได้เป็นเกิดเป็นเทวดาชั้นดาวดึงษ์

      เรื่องนี้ผมเคยถามพระรูปหนึ่ง(พระรูปนี้กำลังเรียนบาลีอยู่ด้วย)ว่า อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มไหน
      พระท่านตอบว่า อยู่ในคาถาธรรมบท แต่ไม่รู้เล่มไหน จนบัดนี้ผมก็ยังหาไม่เจอครับ
      เพื่อนท่านใด ทราบเรื่องนี้ช่วยบอกด้วยครับ

       :25:
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 25, 2012, 09:30:01 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา


๙. ปีตวิมาน
ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในปีตวิมาน

             สมเด็จอัมรินทราธิราชตรัสถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า
             [๔๗] ดูกรนางเทพธิดาผู้เจริญ ผู้นุ่งห่มผ้าล้วนแล้วด้วยสีเหลือง มีธงก็เหลืองตกแต่งด้วยเครื่องอลังการเหลือง มีกายอันลูบไล้ด้วยจุณจันทน์เหลืองทัดทรงดอกบัวหลวง มีปราสาทอันแล้วด้วยทองคำ มีที่นอนและที่นั่งสีเหลือง ทั้งภาชนะที่รองรับขาทนียะและโภชนียะสีเหลือง มีฉัตรสีเหลืองรถสีเหลือง มีม้าและพัดล้วนแล้วสีเหลือง เมื่อชาติก่อนท่านเป็นมนุษย์ได้กระทำบุญอะไรไว้ ฉันถามท่านแล้วขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร


            นางเทพธิดาตอบว่า
             ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้น้อมนำเอาดอกบวบขมซึ่งมีรสขมไม่มีใครชอบ จำนวน ๔ ดอก ไปบูชาพระสถูป ตั้งจิตอุทิศต่อพระบรมธาตุของพระบรมศาสดา ด้วยจิตอันเลื่อมใสกำลังส่งใจไปในพระบรมธาตุของพระศาสดานั้น ไม่ทันได้พิจารณาถึงหนทางที่มาแห่งแม่โค ทันใดนั้น แม่โคได้ขวิดหม่อมฉันผู้มีความปรารถนาแห่งใจยังไม่ถึงพระสถูป


             ถ้าหม่อมฉันได้สั่งสมบุญนั้นไซร้ หม่อมฉันพึงได้ทิพยสมบัติยิ่งกว่านี้เป็นแน่ ข้าแต่ท้าวมัฆวานจอมเทพผู้เทพกุญชร เพราะบุญกรรมนั้นหม่อมฉันละอัตภาพมนุษย์แล้ว จึงได้มาอภิรมย์อยู่กับพระองค์

             ท้าวมัฆวานผู้เป็นอธิบดีแห่งทศเทพผู้ทรงเทพกุญชร ได้ทรงสดับเนื้อความนี้แล้ว เมื่อจะทรงยังทวยเทพเจ้าชาวดาวดึงส์สวรรค์ให้เลื่อมใส ได้ตรัสกะมาตลีเทพบุตรว่า
             ดูกรมาตลี จงดูผลแห่งกรรมอันวิจิตรน่าอัศจรรย์นี้ ทานวัตถุแม้มีประมาณน้อยอันนางเทพธิดานี้ทำแล้ว ย่อมเป็นบุญมีผลมาก เมื่อจิตเลื่อมใสในพระตถาคตสัมพุทธเจ้า ในพระปัจเจกพุทธเจ้าหรือในสาวกของพระตถาคต ทักษิณา ย่อมไม่ชื่อว่ามีผลน้อยเลย มาเถิดมาตลี


             แม้เราทั้งหลายพึงรีบเร่งบูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระตถาคตให้ยิ่งๆ ขึ้นเถิด เพราะการสั่งสมบุญย่อมนำสุขมาให้ เมื่อพระตถาคตจะยังทรงพระชนม์อยู่ หรือเสด็จปรินิพพานไปแล้วก็ตาม

             เมื่อจิตสม่ำเสมอผลก็ย่อมสม่ำเสมอ เพราะเหตุที่ตั้งจิตไว้ชอบธรรม สัตว์ทั้งหลายย่อมไปสู่สุคติ ทายกทั้งหลายได้กระทำสักการะบูชาในพระตถาคตเหล่าใดไว้แล้ว ย่อมไปสู่สวรรค์ พระตถาคตเหล่านั้นย่อมเสด็จอุบัติขึ้น เพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมากหนอ.

             จบ ปีตวิมานที่ ๙.



อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ บรรทัดที่ ๑๖๔๓ - ๑๖๗๕. หน้าที่ ๖๗ - ๖๘.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=26&A=1643&Z=1675&pagebreak=0             
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=47
ขอบคุณภาพจาก http://multiply.com/,hhttp://sites.google.com/,http://1.bp.blogspot.com/


ภาพดอบบวบขม

        เรื่องนางฟ้าองค์นี้ เป็นตัวอย่างที่ดี อธิบายได้ว่า
       นี่ขนาดการกระทำยังไม่สำเร็จสมบูรณ์เลย(ยังไม่ทันที่จะนำดอกบวกขม ไปวางที่สถูป ก็ตายเสียกอ่น)
       เพียงแต่มีจิตที่มุ่งมั่น และเต็มไปด้วยกุศล ยังได้บุญถึงขนาดนี้
       หากการกระทำครบขั้นตอน อานิสงส์จะขนาดไหน
       บุญสำเร็จที่ใจครับ เพียงแค่คิดดีก็ได้บุญแล้วครับ


       แถมให้อีกเรื่องครับ มีชายคนหนึ่งฝากผ้าจีวรไปถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า
       โดยฝากเพื่อนไป แต่ปรากฎว่าเพื่อนคนนั้นไม่ได้นำไปถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า
       แต่ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยกุศลของชายผู้นั้น ซี่งเข้าใจว่าเพื่อนได้นำไปถวายแล้ว
       ก่อนสิ้นชีวิตได้นึกถึงกุศลอันนั้น ทำให้ชายผู้นั้นได้ไปจุติบนสวรรค์
       เห็นไหมว่า จิตที่เป็นกุศล ส่งผลเช่นไร


       กรณีของคุณสินจัย น่าจะใกล้เคียงกับเรื่องนี้
       จิตที่เปี่ยมด้วยกุศลและมุ่งมั่นที่สร้างพระพุทธรูปของคุณสินจัย
       ควรแก่การได้อานิสงสตามที่จิตปรารถนา

        :welcome: :49: :25: ;)


     กระทู้ที่เกี่ยวข้อง ขอแนะนำ
     "อยากทราบว่า เวลาเราทำบุญใส่ตู้ บริจาค ตามวัดจะได้อานิสงค์อะไรคะ"
     http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2243.msg8297#msg8297
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2012, 10:48:06 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Jiraiya

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 115
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
มีเคส คล้าย ๆ กันเลย อ่ะ มาอ่านแล้วรู้สึกสบายใจขึ้นมากเลยคะ

 แนะนำนะคะ ถ้าใครยังไม่ได้อ่าน

 :13: :13: :13: :c017:
บันทึกการเข้า
ซาบซึ้ง ถึงใจ ภาวนาเข้มข้น ไม่หวลคืนกลับ ดับแล้ว ดับจริง

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



คำว่า ทาน ที่แปลว่า การให้นั้น จัดเป็นบุญเป็นกุศล เป็นความดีอย่างหนึ่ง หมายถึง เจตนาที่เป็นเหตุให้เกิดการให้ก็ได้  หมายถึงวัตถุ คือ สิ่งของที่ให้ก็ได้ ทานจึงมีความหมายที่เป็นทั้งนามธรรมและรูปธรรม ถ้าหมายถึงเจตนาที่ให้ก็เป็นนามธรรม ถ้าหมายถึงวัตถุที่ให้ก็เป็นรูปธรรม ในที่นี้จะขอกล่าวถึงทานในความหมายทั้งสองอย่างนี้รวมๆกันไป

     เจตนาที่เป็นเหตุให้เกิดการให้ทานนั้น แบ่งตามกาลเวลาได้ ๓ กาล  คือ 
     ๑. ปุพเจตนา เจตนาที่เกิดขึ้นก่อน คือเมื่อนึกจะให้ ก็แสวงหาตระเตรียมสิ่งที่จะให้นั้นให้พร้อม 
     ๒. มุญจเจตนา เจตนาที่เกิดขึ้นในขณะกำลังให้ของเหล่านั้น 
     ๓. อปรเจตนา เจตนาที่เกิดขึ้นหลังจากได้ให้เรียบร้อยแล้ว แล้วเกิดความปีติยินดีในการให้ของตน

บุคคลใดที่ทำบุญหรือให้ทานด้วยจิตใจที่โสมนัสยินดี ทั้งประกอบด้วยปัญญา เชื่อกรรมและผลของกรรมครบทั้ง  ๓  กาลแล้ว บุญของผู้นั้นย่อมมีผลมาก



ที่มา : ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก โดยประณีต ก้องสมุทร
http://www.84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 ฝากเงินเพื่อนไปทำบุญ เพื่อ สร้างพระพุทธรูป แต่เพื่อนทำเงินหาย

  ๑ ฝากเพื่อนไปทำบุญ คือ การไม่ได้ไปทำเอง
   เมือไม่ได้ไปทำเอง ผลของการรับบุญ ก็ต้องแล้วแต่ คนที่ไปทำแทน ดังนั้นคนที่ไปทำแทน จะเอาไปทำอะไร ก็ต้องไว้ใจเขา ส่วนเรารับผลบุญตรงที่ฝากแล้วเท่านั้น จบแค่ตรงนี้

  ๒ เพื่อนนไปทำบุญ ก็ได้บุญเพิ่ม นำไปทำบาปเราก็ได้บาปเพิ่มเป็นได้ทั้งสองอย่าง ไม่ได้มองที่เจตนา เพราะเท่ากับเราสนับสนุนให้เขาไปทำ ( ขออภัยต้องพูดตรง ๆ ) สรุปก็คือ มีผลในส่วนที่ทำนั้นด้วยทั้งดีและชั่วแต่ ผลไม่มาก

  ทำหรือไม่ทำ มันมีคำว่า หนี้กรรม เกิดขึ้น พูดให้ไพเราะ หน่อย ร่วมบุญ( บาป )กัน

   ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่ควรฝากกันไปทำ เพราะสมัยครั้งพุทธกาลก็เคยมีเรื่องนี้ เรื่องนางกำนัล ยักยอกเงินถวายดอกไม้ แต่กว่าจะรู้ธรรม ก็สร้างกรรมไปไม่่รู้กี่ครั้ง ถ้าไม่เป็นอริยะ ซวยแน่ ๆ เพราะยักยอกเงินค่าดอกไม้ ถวายพระพุทธเจ้าด้วย กรรมหนักเหมือนกัน

  ;)
   
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กลับเป็นอย่างนั้นไปได้

เพราะเจตนาฝากนี่เอง
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา