ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "ตะเคียน" ที่สิงสถิตของ "นางไม้"  (อ่าน 3221 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
"ตะเคียน" ที่สิงสถิตของ "นางไม้"
« เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2010, 12:17:15 pm »
0
"ตะเคียน" ที่สิงสถิตของ "นางไม้"


เมื่อได้ยินได้ฟังเรื่องราวของต้นตะเคียนในที่ใด ก็มักจะมีเรื่องผีสางนางไม้ประกอบมาด้วยเสมอ ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเชื่อที่สืบต่อกันมาว่า ต้นไม้ขนาดใหญ่ๆ นั้น มักจะมีเทพเทวดาอารักขา หากใครคิดไปตัดหรือทำลายก็ย่อมประสบเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังเช่นต้นตะเคียนที่มีการเล่าขานกันว่า มีนางตะเคียนสิงสถิตอยู่และมีฤทธิ์มาก ดังนั้น การจะตัดต้นตะเคียนมาทำสิ่งใดก็จะต้องทำพิธีขอเสียก่อน หากไม่ทำพิธีขอจากนางตะเคียนแล้ว ก็มักจะถูกลงโทษให้เจ็บไข้ หรือมีอาการคลุ้มคลั่ง เป็นต้น

ส่วนในทางพฤกษศาสตร์นั้น ตะเคียน เป็นพันธุ์ไม้ดั้งเดิมของเอเชียเขตร้อน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hopea odorata Roxb. อยู่ในวงศ์ Dipterocarpaceae มีชื่อเรียกอื่นๆ ว่า ตะเคียนทอง, ตะเคียนใหญ่, แคน, โกกี้ เป็นต้น

เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูงราว 20-40 เมตร ไม่ผลัดใบ ลำต้นเปลาตรง เปลือกสีน้ำตาลดำและจะแตกเป็นสะเก็ด เมื่อต้นมีขนาดใหญ่ มีชันสีเหลืองตามรอยแตกของเปลือก เรือนยอดเป็นพุ่มกลม แน่นทึบ ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่แกมรูปหอก เรียงสลับ ปลายใบแหลม โคน ใบมน เนื้อใบค่อนข้างหนาเป็นมัน ท้องใบมีตุ่มอยู่ตามง่ามเส้นใบ


ดอกมีขนาดเล็ก สีขาวแกมเหลือง ออกรวมกันเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง มีกลิ่นหอม ออกดอกระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ผลเป็นรูปทรงกลม หรือรูปไข่ มีปีกยาวรูปใบพาย 2 ปีก และยังมีปีกสั้นอีก 3 ปีก ซึ่งปีกเหล่านี้มีหน้าที่ห่อหุ้มผล และนำพาผลปลิวไปตกได้ในที่ไกลๆ

ประโยชน์ของตะเคียนมีมากมาย ทั้งในด้านการทำเครื่องเรือนและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ อาทิ ใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน สมัยโบราณนิยมนำต้นตะเคียนมาทำเป็นเสาเอก ขุดเป็นเรือ ทำสะพาน ทำวงกบ ประตูหน้าต่าง หูกทอผ้า กังหันน้ำ กระโดงเรือ เพราะเนื้อไม้แข็ง เหนียว มีความสวยงาม ทนทาน ทนปลวกได้ดี ส่วนชันหรือยางไม้ใช้ผสมน้ำมันทาไม้ ทำน้ำมันชักเงา ใช้ยาแนวเรือ

สำหรับประโยชน์ในด้านสรรพคุณพืชสมุนไพรก็มีมากมาย ได้แก่ เปลือกใช้แก้ปวดฟัน, แก่นใช้แก้โลหิตและกำเดา รักษาคุดทะราด ขับเสมหะ, เนื้อไม้ใช้แก้ท้องร่วง สมานแผล และยางใช้รักษาแผล แก้ท้องเสีย


ในอรรถกถาคาถาธรรมบท เรื่องครหทินน์ ได้กล่าวถึงไม้ตะเคียนไว้ว่า สิริคุตต์ซึ่งเป็นอุบาสกในพระพุทธศาสนา และเป็นเพื่อนกับครหทินน์ ซึ่งเป็นสาวกของพวกนิครนถ์ เคยหลอกให้พวกนิครนห์ตกลงในหลุมคูถ (อุจจาระ) ทำให้ครหทินน์เจ็บใจมาก จึงคิดแก้แค้นพระพุทธเจ้าบ้าง โดยวางแผนนิมนต์ให้พระพุทธเจ้าพร้อมเหล่าภิกษุมาฉันภัตตาหารที่บ้านตน

ในขณะเดียวกันก็ให้คนในบ้านขุดหลุมใหญ่ไว้ในระหว่างเรือน 2 หลัง แล้วนำไม้ตะเคียนมาประมาณ 80 เล่มเกวียน ให้จุดไฟสุมตลอดคืนยันรุ่ง แล้วให้ทำกองถ่านเพลิงไม้ตะเคียนไว้ วางไม้เรียบบนปากหลุม ให้ปิดด้วยเสื่อ ลำแพน ลาดท่อนไม้ผุไว้ข้างหนึ่ง แล้วให้ทำทางเป็นที่เดินไป เพื่อที่ว่าในเวลาที่พระพุทธเจ้าและเหล่าภิกษุเหยียบท่อนไม้หักแล้ว ก็จะกลิ้งตกลงไปในหลุมถ่านเพลิง แต่พระพุทธเจ้าทรงล่วงรู้ถึงแผนการนี้

แต่ทรงเล็งเห็นด้วยพระญาณว่าหากพระองค์เสด็จไปก็จะเกิดประโยชน์มากกว่า เพราะในที่นั้นจะมีผู้คนมาฟังธรรม และจะมีผู้บรรลุธรรมเป็นจำนวนมาก รวมทั้งสิริคุตต์และครหทินน์ ก็จะบรรลุโสดาบันด้วย จึงได้เสด็จไป เมื่อไปถึงพระศาสดาทรงเหยียดพระบาทลงเหนือหลุมถ่านเพลิง เสื่อลำแพนหายไปแล้ว ดอกบัวประมาณเท่าล้อผุดขึ้นทำลายหลุมถ่านเพลิง พระศาสดาทรงเหยียบกลีบบัว และเสด็จไปประทับนั่งลงบนอาสน์ที่ปูลาดไว้ รวมทั้งภิกษุทั้งหลายก็กระทำเช่นเดียวกัน

ปัจจุบัน ต้นตะเคียนทองเป็นพันธุ์ไม้พระราชทานประจำจังหวัดปัตตานี


จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 77 เม.ย. 50 โดย เรณุกา
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 เมษายน 2550 14:13 น.
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12461

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ