ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - ศรีสุพรรณ
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การตรวจกรรม สามารถทำได้ใน ๓ ระดับด้วยกัน เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2011, 09:45:36 am
การตรวจกรรม สามารถทำได้ใน ๓ ระดับด้วยกัน คือ

ระดับ พื้นๆ เป็นการใช้ความสามารถในระดับของซิกส์เซ้น(คือทิพย์จักขุญาณ) ไปจนถึงระดับของ วิชชาสาม(มโนภาพ)ผู้ใช้ความสามารถในระดับนี้จะสามารถทำได้แค่ การดู และการรู้สึกว่าเห็น แต่ไม่สามารถสื่อสารได้

ระดับกลาง เป็นการใช้ความสามารถในระดับของใจที่ใสบริสุทธิ์ในช่วงเวลาหนึ่ง(แค่ช่วง เวลาหนึ่ง) ไปจนถึงระดับของพลังจิตเข้มข้น(จนบางครั้งวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้)
ผู้ใช้ความสามารถในระดับนี้ นอกจากจะสามารถดูหรือรู้สึกว่าเห็น แล้ว ยังสามารถฟัง หรือรู้สึกว่าได้ยิน ดมหรือรู้สึกว่าได้กลิ่น

และที่สำคัญคือ สามารถเจรจาถามไถ่หรือต่อรองกับสิ่งที่ไม่มีร่างกาย(สังขาร)ได้ เมื่อสามารถถามไถ่หรือเจรจาตต่อรองกันได้จึงเกิดการแก้ไขกรรมกันต่อมา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องสามารถแก้ไขได้หมดทุกๆกรรม รายละเอียดจะอธิบายต่อไป

ระดับ สูง เป็นการใช้ความสามารถในระดับพลังจิตที่เข้มข้น บวกกับ นิสัยส่วนตัวที่จะเป็นผู้ให้โดยไม่ขอเป็นผู้รับสิ่งตอบแทนชนิดที่เรียกว่า ปิดทองหลังพระกันเลยทีเดียว
ผู้ใช้ความสามารถระดับนี้ นอกจากจะสามารถเจรจาถามไถ่หรือต่อรองกับสิ่งที่ไม่มีร่างกายได้แล้ว ยังเจารจากับสิ่งที่มีร่างกายได้ จนบางครั้งเหมือนคนบ้าซะด้วยซ้ำไป
ส่วนรายละเอียดของระดับนี้ไม่สามารถอธิบายได้เพราะไม่เคยสัมผัสประสบการณ์ระดับนี้มาก่อน

ในทางภาษาพระ แบ่งกรรมออกเป็นหลายอย่าง อะไรบ้างก็คงไม่ต้องกล่าวถึงเพราะชวนให้ปวดหัว แต่โดยประสบการณ์แล้ว แบ่งกรรมออกเป็น ๓ อย่าง คือ กรรมที่แก้ไขได้ กรรมที่แก้ไขไม่ได้ และ กรรมที่ไม่จำเป็นต้องแก้ไข

กรรมที่แก้ไขได้ คือ กรรมที่เจ้ากรรมนายเวรยอมยกโทษให้(ยอมอโหสิกรรมให้) หรือการใช้หนี้ในกรณีที่ติดหนี้อยู่กรรมที่เจ้ากรรมนายเวรยอมยกโทษให้ ก็ยกตัวอย่างเช่น คุณเคยติหนิ นินทา หรือทำไม่ดูกับพ่อแม่หรือผู้ที่เลี้ยงดูคุณมา ลองกราบขอโทษท่านซะสิ
หรือ หากในกรณีที่เจ้ากรรมนายเวรไม่ได้มีร่างกาย(เป็นผีหรือเทวดาหรืออะไรก็ตาม แต่) ที่สามารถเจรจาขอโทษ หรือต่อรองการชดใช้หนี้ได้ก็ทำตามวิธีที่ตกลงกันไว้ แต่ผู้ที่จะสามารถเจรจาต่อลองได้ก็ต้องเป็นผู้ที่ใช้ความสามารถระดับกลางถึง ระดับสูงเท่านั้น ส่วนกรรมที่ใช้หนี้ได้แต่ไม่มีเจ้ากรรมนายเวร สมัยนี้จะคุ้นเคยกันดีกับคำว่า ชำระหนี้สงฆ์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องต่อรองกับเจ้ากรรมนายเวร(เพราะไม่มี)เพียงแค่ทำการชำระ หนี้สงฆ์ ก็เป็นอันพ้นกรรมตรงนี้ไป(สร้างใหม่ก็ชดใช้ใหม่)

กรรมที่แก้ไขไม่ได้ คือ กรรมที่เจ้ากรรมนายเวรไม่ยอมลดลาวาศอกให้ และที่ยุ่งที่สุดคือ เป็นกรรมที่ไม่มีเจ้ากรรมนายเวรที่ไม่มีเจ้ากรรมนายเวร เพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเรา เขาก็ไม่ได้ใส่ใจหรือติดใจเอาความอะไร แต่ระบบของกรรมมันดำเนินของมันไปแล้ว

กรรมที่ไม่จำเป็นต้องแก้ไข กรณีนี้มักไม่เกิดกับสามัญชน ส่วนใหญ่จะเกิดกับคนจำพวกหนึ่ง ที่ภาษาพระเรียกกันว่า พระอริยเจ้า สาเหตุที่ไม่จำเป็นต้องแก้ไข เพราะผู้ที่รับกรรมโดยส่วนใหญ่หรือแทบจะทั้งหมด ยินยอมรับชดใช้กรรมแต่โดยดีโดยถือว่า หมดแล้วก็หมดไป ตายก็ไม่เป็นไร ไม่แค้นเคืองเอาความใดๆต่อกันให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีก
หรืออีก อย่างหนึ่งก็คือ ผลบุญกุศลที่สะสมไว้ มากพอที่จะบรรเทาผลของบาปกรรม ให้ผู้ที่รับกรรมได้รับความทรมานน้อยลงตามลำดับดังนั้นแล้ว ถ้าถามว่าการแก้กรรม เป็นไปได้หรือไม่ ก็ขอให้พิจารณาจากเหตุผลข้างต้นก็แล้วกันเพราะการแก้กรรม แท้ที่จริงแล้ว ก็คือการชดใช้หนี้สินนี่เอง แต่ต้องตั้งใจอธิษฐานด้วย

การอธิษฐานสำคัญอย่างไร ลองเปรียบเทียบง่ายๆกับกรณีสมมตินี้

หาก คุณรู้สึกปวดท้องคล้ายจะเป็นโรคกระเพราะ(กรรมกำลังส่งผล) คุณจึงหาเงินจำนวนหนึ่ง(บุญกุศล)ที่เพียงพอจะซื้อยารักษาโรคกระเพาะ แต่คุณไม่พูดไม่จาอะไร(ไม่อธิษฐาน) เอาแต่ยื่นเงินให้กับญาติผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้โดยหวังว่าเขาจะเป็นธุระซื้อยา มาให้คุณ เขาคงจะคิดว่าคุณฝากให้เขาช่วยนำเงินไปหยอดกระปุกให้คุณหน่อย และนำเงินไปหยอดกระปุกให้คุณแทนทั้งที่เงินในกระปุกเยอะจนสามารถซื้อยาแจกคน ได้ทั้งหมู่บ้านเลย
แต่คุณก็ไม่ได้ยาและปวดท้องต่อไป

แต่เชื่อหรือไม่ว่า ตราบใดที่กรรมเลวยังไม่อ่อนกำลังลงจนกรรมดีสามารถส่งผลได้ ยังไงก็ไม่สามารถแก้ไขกรรมได้ในเวลานั้นแต่เมื่อไหร่ก็ตาม กรรมเลวได้อ่อนกำลังลง และกรรมดีเข้ามาแทรก ก็ทำให้สามารถหาทางแก้ไขจนทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ ต่างหาก
หน้า: [1]