ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เข้าถึงธรรม...อย่างนี้ถูกหรือป่าวครับ ?  (อ่าน 8838 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ISSARAPAP

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 129
  • โดดเดี่ยว แต่ไม่เดียวดาย สัจจะธรรมแท้ ไม่มีสูตร
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผม เป็นผู้ปฏิบัติภาวนา ก็ยังไม่นานไม่กี่ปี

แต่ทุกครั้งที่ปฏิบัติ ก็จะเข้าถึงความจริง นั่นคือธรรมะ สำหรับ ผมคือธรรมชาติ.....

หลักปฏิบัติของผมง่าย ๆ ครับ

ง่วงก็นอน หิวก็กิน ปวดถ่าย ก็ถ่าย จน พ่อ แม่ ผมเริ่มมองผมกลายเป็นคนขี้เกียจไปแ้ล้ว
เพราะอะไร หรือครับ เพราะผมมองเห็นแต่ทุกเรื่องเป็นเรื่องสมมุติ ทำไมจะต้องไปร่ำไปรวย
ทำไมเราต้องไปแข่งกับคนโน้น คนนี้ พระก็อยู่ที่ใจ ไม่เห็นจะต้องไปแขวน หรือไปกราบ ไปไหว้ เลย

มันมีแต่สมมุติ ใจมันรู้อย่างนี้ ยึดมั่น ถือมั่นไม่ได้ มีแต่บัญญัติ แล้วก็ บัญญัติ

ผมถูกใจคำว่า ไหว้พระพุทธระวังสะดุดทองคำ ไหว้พระธรรมระวังสะดุดใบลาน ไหว้พระสงฆ์ระวังจะสะดุดลูกชาวบ้าน อ่านแล้วผมชอบใจมาก ๆ เพราะคนสมมุติขึ้นมาต้องกราบต้องไหว้ ต้องไหว้ ต้องปฏิบัติ ต้องอย่างโน้น ต้องอย่างนี้ พ่อ แม่ ผมอยากให้ผมบวช จนป่านนี้ ผมอายุไป 35 ปีแล้ว ยังไม่บวชเลยครับ ผมบอกกับพ่อ แม่ผม ว่าทำไมต้องไปบวช การเป็นพระนั้นอยู่ที่ใจ พ่อ แม่ ผมก็ส่ายหน้าทุกครั้่ง

แท้ที่จริงแล้วมีแต่สมมุติ บัญญัติ กันขึ้นมาว่าเป็น พระ เป็น ธรรม แท้ที่จริงไม่มีอะไรเลย

ผมนั่งนึกอยู่เมื่อตอนผมเริ่มจับหนังสือธรรมะ ของหลวงพ่อพุทธทาส อ่านครั้งแรก

แท้ที่จริงแล้ว ความเป็นพระอยู่ที่ใจ คนเรามัวแต่หลงรูปภายนอก
มัวแต่บ้าสวรรค์ มัวแต่นิพพาน แท้ที่จริง อยู่ที่การเข้าถึงธรรมชาติ คือความไม่มี อะไรยึดมั่น ถือมั่น ไม่ต้องหลงบัญญัิต มีแต่สมมุติ ขึ้นมาอย่างนั้น อย่างนี้

ดังนั้นผมจึงไม่ได้ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน นั่ง นอน กิน อยู่ ที่บ้าน บนกองสมบัติ ที่พ่อ แม่ผมมีเหลือใช้
ผมอยากกิน ก็กิน ผมอยากเที่ยวก็เที่ยว อยากนอนก็นอน ประมาณนี้ครับ

คำถามครับ
==========================
1.ทำไม พ่อ แม่ จึงไม่เข้าใจ อะไรกับผมเลยครับ
2.การเข้าถึงธรรม บรรลุธรรม คือการกลมกลืินกับธรรมชาติ ข้ามพ้นบัญญัติ สมมุติ ใช่หรือป่าวครับ
3.การที่ผมมองเรื่องการยบวช นั้นไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา อะไร ?เพราะ พ่อ แม่นั้น อยากให้ผมบวชให้เขาครับ
  แต่ผมก็บอกว่า พ่อ แม่ ว่าไม่ต้องบวชหรอก ตอนนี้ผมบวชใจ
4.ผมถือ การปฏิบัติ ตามสติปัฏฐาน ครับ ในส่วนของ อิริยาปถปัพพะ ผมไม่ชอบการนั่งสมาธิ ผมไม่ชอบถือศีล
  เพราะมันหนัก ผมทานข้าววันละมื้อ สองมื้อบ้างครับ ตามอารมณ์ครับ บางครั้งก็ตอน เที่ยง บางครั้งก็ตอนทุ่ม   บางครั้งก็ดึก ๆ ครับ อย่างนี้ชื่อว่ามีศีลแล้วใช่ไหมครับ
5.การพิจารณาเรื่องสมมุติ บัญญัติ ต่าง ๆ การทำตัวให้กลมกลืน กับธรรมชาติ นั้นเป็น วิปัสสนา ใ่ช่หรือป่าวครับ
บันทึกการเข้า
ความสันโดษ เป็นบรมสุข

axe

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 187
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เข้าถึงธรรม...อย่างนี้ถูกหรือป่าวครับ ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 12, 2010, 11:54:20 am »
0
การบรรลุธรรม อย่าพึ่งสรุปว่าเข้าถึงธรรมชาติ พระพุทธองค์ทรงตรัสแสดงไว้ว่า ผู้ที่บรรลุธรรมนั้น สังโยชน์ได้ เป็นระดับครับ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=384.0
อ่านเรื่องสังโยชน์ ตามนี้นะครับ

การไม่ยึดมั่น ถือมั่นนั้น มีอยู่ 4 ประการครับ
( ให้คุณ ปุ้ม โพสต์เรื่อง อุปาทาน 4 ด้วยนะครับ )

เหตุผล ของการเจริญสมาธิภาวนาครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=268.0
อ้างถึง
1.ทำไม พ่อ แม่ จึงไม่เข้าใจ อะไรกับผมเลยครับ

ถ้าเราข้ามสมมุติ บัญญัติ แล้ว ไม่ต้องให้ใครเข้าใจ ละครับ ให้เราเข้าใจตัวเราเองก่อนครับ 55555
อ้างถึง
2.การเข้าถึงธรรม บรรลุธรรม คือการกลมกลืินกับธรรมชาติ ข้ามพ้นบัญญัติ สมมุติ ใช่หรือป่าวครับ
การบรรลุธรรม นั้นละสังโยชน์ได้ครับ  3 ข้อ เป็นพระโสดาบัน เป็นต้น อ่านในข้อสังโยชน์ นะครับ

อ้างถึง
3.การที่ผมมองเรื่องการบวช นั้นไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา อะไร ?เพราะ พ่อ แม่นั้น อยากให้ผมบวชให้เขาครับ แต่ผมก็บอกว่า พ่อ แม่ ว่าไม่ต้องบวชหรอก ตอนนี้ผมบวชใจ

ตรงนี้ผมมองเรื่องความกตัญญู ก่อนเป็นเรื่องแรก การบวชเป็นการแก้ปัญหา สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ คุณคนไทยถือการบวชทดแทนคุณ ถ้าคุณบรรลุธรรมจริง ย่อมยินดีในการบวช พระอรหันต์สมัยก่อน พอบรรลุเป็นพระอรหันต์ไม่มีใครอยู่ในเพศฆราวาสเกิน 7 วันครับ บวชทดแทนคุณก่อนเถอะครับ 3 7 15 30 60 วัน หรือตลอดชีวิต เป็นสิ่งที่คุณทำได้ ก็ในเมื่อคุณไม่ได้ทำงาน บวชแล้วลองใช้ชีิวิตพระแท้ดูครับ จะได้พิสูจน์ได้ว่าคุณบรรลุธรรมจริง อย่าลืมส่งการ์ด มาให้ผมด้วยนะครับ ผมจะอนุโมทนาด้วยครับ  :25:
อ้างถึง
4.ผมถือ การปฏิบัติ ตามสติปัฏฐาน ครับ ในส่วนของ อิริยาปถปัพพะ ผมไม่ชอบการนั่งสมาธิ ผมไม่ชอบถือศีล  เพราะมันหนัก ผมทานข้าววันละมื้อ สองมื้อบ้างครับ ตามอารมณ์ครับ บางครั้งก็ตอน เที่ยง บางครั้งก็ตอนทุ่ม   บางครั้งก็ดึก ๆ ครับ อย่างนี้ชื่อว่ามีศีลแล้วใช่ไหมครับ
การทำตามใจตน ไม่ใช่การปฏิบัติธรรมครับ อีกอย่างพระพุทธเจ้า ทรงตรัส
ขันธ์ทั้ง 5 เป็นของหนักเน้อ ไม่ได้ตรัสว่า ศีล เป็นของหนัก ครับ ;)
อ้างถึง
5.การพิจารณาเรื่องสมมุติ บัญญัติ ต่าง ๆ การทำตัวให้กลมกลืน กับธรรมชาติ นั้นเป็น วิปัสสนา ใ่ช่หรือป่าวครับ
อ่านเรื่อง สังโยชน์ ให้เข้าใจครับ
=======================================
 :25: ขอโทษก่อนนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาตอบให้คุณไม่สบายใจ
แต่ผมว่า ควรตอบในฐานะ กัลยาณมิตรครับ เราเป็นกัลยาณมิตร ซึ่งกันและกัน
อย่าลืมนะครับ ว่าถ้าบวชเมื่อไร บอกผมด้วยนะครับ อนุโมทนา ด้วยใจจริง ๆ :25:


บันทึกการเข้า
หนุ่มหล่อ ใจดี AXE

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: เข้าถึงธรรม...อย่างนี้ถูกหรือป่าวครับ ?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 12, 2010, 01:53:10 pm »
0

อุปาทาน ๔ (ความยึดมั่น, ความถือมั่นด้วยอำนาจกิเลส, ความยึดติดอันเนื่องมาแต่ตัณหา ผูกพันเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง - attachment; clinging; assuming)

๑. กามุปาทาน (ความยึนมั่นใน กาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่น่าใคร่ น่าพอใจ - clinging to sensuality)


๒. ทิฏฐุปาทาน
(ความยึดมั่นในทิฏฐิหรือทฤษฎี คือความเห็น ลัทธิ หรือหลักคำสอนต่างๆ - clinging to views)


๓. สีลัพพตุปาทาน
(ความยึดมั่นในศีลและพรต คือ หลักความประพฤติ ข้อปฏิบัติ แบบแผน

 ระเบียบ วิธี ขนบธรรมเนียมประเพณี ลัทธิพิธีต่างๆ ถือว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นๆ โดยสักว่ากระทำสืบๆ

กันมา หรือปฏิบัติตามๆ กันไปอย่างงมงาย หรือโดยนิยมว่าขลัง ว่าศักดิ์สิทธิ์ มิได้เป็นไปด้วยความรู้

ความเข้าใจตามหลักความสัมพันธ์แห่งเหตุและผล - clinging to mere rule and ritual)


๔. อัตตวาทุปาทาน
(ความยึดมั่นในวาทะว่าตัวตน คือ ความถือหรือสำคัญหมายอยู่ในภายใน

ว่า มีตัวตน ที่จะได้ จะเป็น จะมี จะสูญสลาย ถูกบีบคั้นทำลายหรือเป็นเจ้าของ เป็นนายบังคับบัญชาสิ่ง

ต่างๆ ได้ ไม่มองเห็นสภาวะของสิ่งทั้งปวงอันรวมทั้งตัวตนว่าเป็นแต่เพียงสิ่งที่ประชุม ประกอบกันเข้า

เป็นไปตรมเหตุปัจจัยทั้งหลายที่มาสัมพันธ์กันล้วนๆ - clinging to the ego-belief)


D.III.230; M.I.66; Vbh.375.   ที.ปา.๑๑/๒๖๒/๒๔๒; ม.มู.๑๒/๑๕๖/๑๓๒; อภิ.วิ.๓๕/๙๖๓/๕๐๖.

ที่มา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม (ป.อ.ปยุตโต)
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: เข้าถึงธรรม...อย่างนี้ถูกหรือป่าวครับ ?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 12, 2010, 07:30:38 pm »
0

1.ทำไม พ่อ แม่ จึงไม่เข้าใจ อะไรกับผมเลยครับ

ตอบ  หน้าที่ของลูกคือ กตัญญู  หลีกเลี่ยง การเบียดเบียนกายใจของพ่อแม่ ให้มากที่สุด
------------------------------------------------------------------

2.การเข้าถึงธรรม บรรลุธรรม คือการกลมกลืินกับธรรมชาติ ข้ามพ้นบัญญัติ สมมุติ ใช่หรือป่าวครับ

ตอบ
  การบรรลุธรรม คือ การตัดกิเลสได้เป็นขั้นๆ  เรียกว่าตัดสังโยชน์ สังโยชน์มี ๑๐ ข้อ
โสดาบันและสกิทาคามีตัดได้ ๓ ข้อแรก อนาคามีตัดได้ ๕ ข้อแรก อรหันต์ตัดได้ทั้งหมด ราลละเอียดอยู่ในลิงค์ที่คุณ AXE ได้บอกไว้

------------------------------------------------------------------

3.การ ที่ผมมองเรื่องการยบวช นั้นไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา อะไร ?เพราะ พ่อ แม่นั้น อยากให้ผมบวชให้เขาครับ แต่ผมก็บอกว่า พ่อ แม่ ว่าไม่ต้องบวชหรอก ตอนนี้ผมบวชใจ

ตอบ
  จริงอยู่การบวชไม่ใช่การแก้ปัญหา  ฆราวาสก็ปฏิบัติธรรมได้  แต่สำหรับคนไทยแล้วมันเป็นประเพณีครับ และการบวชก็อานิสงส์ของมันอยู่ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดังนี้


อานิสงส์บวช

...บวชนี้ย่อมมีผลานิสงส์อย่างมากมาย องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ตรัสเทศนาอานิสงส์แห่งการบรรพชาอุปสมบทไว้โดยอเนกประการว่า ทาสสฺส อานนฺท

ดูกรอานนท์ บุคคลใดมีศรัทธาบรรพชาทาสกรรมกรให้เป็นสามเณร หรือสามเณร มีอานิสงส์ ๔ กัล์ป
บวชเป็นภิกษุหรือภิกษุณี มีอานิสงส์๘ กัล์ป และถ้าอุปสมบทจะได้รับอานิสงส์ ๑๖ กัล์ป

หากอุปสมบทได้อานิสงส์ ๓๒ กัล์ป ถ้าอุปสมบทตนเองในพระพุทธศาสนา ด้วยศรัทธาเลื่อมใสจะได้อานิสงส์ถึง ๖๔ กัล์ป บุคคลใดได้บรรพชาบุตรตนก็ดี บุตรของผู้อื่นก็ดี ก็จะไม่ไปสู่อบายภูมิ

แล้วพระองค์ตรัสอีกว่าดูกรอานนท์ดังจะเห็นได้จากหญิงผู้หนึ่ง เขามีบุตรอยู่คนเดียว บุตรชายเขาขอไปบวชมารดาก็ไม่ให้บวชบุตรชายจึงหนีไปบวช อยู่มาวันหนึ่งมารดาของสามเณรนั้นออกจากบ้านไปแต่เช้า เพื่อจักแสวงหาฟืน มารดาสามเณรครั้นหาฟืนได้พอสมควรแล้วก็กลับบ้าน พอมาถึงระหว่างทางได้พักอยู่โคนต้นไม้ใหญ่ แล้วลงนอนพักผ่อนก็หลับไป ได้นิมิตรฝันไปว่ามีพระยายมราชมาถามว่า

ดูกรผู้หญิง เธอได้กระทำบุญหรือว่าไม่ได้กระทำเลย มารดาของสามเณรนั้นตอบว่าข้าแต่เจ้า ดิฉันไม่ได้กระทำบุญอย่างไรเลย พระยายมราชทราบแล้ว ก็จับเอาผู้หญิงนั้นไปใส่นรกทันที ได้และเห็นไฟนรกลุกโพรงก็ถามพระยายมราชว่า อันไฟแดงนั้นเป็นอย่างไร พระยายมราชว่า อันไฟแดงนั้นเป็นไฟนรก ผู้หญิงจึงบอกว่าเหมือนกับผ้าจีวรของลูกชายของข้าพเจ้าอันได้บวชเป็นสามเณรนั้นแล

พระยายมราชจึงกล่าวว่าดูกรผู้หญิง ลูกชายของเธอยังได้บวชหรือนางก็ตอบว่าลูกชายยังได้บวชเป็นสามเณรอยู่พระยายมราชได้ยินคำของ นางดังนั้นแล้ว จึงนำนางมาคืนไว้เดิมเสีย เหตุอันนี้ก็เพราะบุญของลูกชายตนได้บวชเป็นสามเณร ในพุทธศาสนาไปกั้นไว้ในนรกได้ ครั้นนางตื่นขึ้นมาก็ตกใจกลัวรีบกลับบ้าน ตั้งแต่นั้นนางก็เลื่อมใสในพุทธศาสนา เฝ้าปฏิบัติสามเณรลูกชายของตน มิได้ขาดจนนางได้ตายไปตามอายุขัยก็ไปบังเกิดในสวรรค์ดั้งนี้ เป็นต้น


ที่มา http://www.84000.org/anisong/08.html
------------------------------------------------------------------

4.ผมถือ การปฏิบัติ ตามสติปัฏฐาน ครับ ในส่วนของ อิริยาปถปัพพะ ผมไม่ชอบการนั่งสมาธิ ผมไม่ชอบถือศีลเพราะมันหนัก ผมทานข้าววันละมื้อ สองมื้อบ้างครับ ตามอารมณ์ครับ บางครั้งก็ตอน เที่ยง บางครั้งก็ตอนทุ่ม   บางครั้งก็ดึก ๆ ครับ อย่างนี้ชื่อว่ามีศีลแล้วใช่ไหมครับ

ตอบ  หากคุณเจริญสติได้ถูกต้อง ศีลจะตามมาเองครับ การพิจารณาว่าถือศีลหรือไม่เป็นเรื่องง่ายครับ ให้คุณดูข้อห้ามในศีล ๕ ทำได้ ๑ ข้อ ก็ถือว่ามีศีลแล้ว

หากไม่ชอบนั่งสมาธิ  อิริยาบถอื่นๆก็ทำสมาธิได้เช่นกัน  สมาธิเป็นบาทของวิปัสสนาไม่มีไม่ได้ หรือว่า คุณไม่ชอบทำสมาธิในทุกกรณี  ไม่ต้องทำก็ได้ครับ ให้เดินปัญญาไปเลย ถึงจุดหนึ่งสมาธิก็จะเกิดเอง พระอานนท์ได้กล่าวถึงวิธีปฏิบัติให้เห็นมรรคผล ไว้ ๔ วิธี จะเลือกวิธีไหนก็ได้ เห็นมรรคผลเหมือนกัน มีดังนี้ครับ


๑. เจริญวิปัสสนา มีสมถะเป็นเบื้องต้น(เจริญปัญญาโดยเจริญสมาธิก่อน )
๒. เจริญสมถะ มีวิปัสสนาเป็นเบื้องต้น ( เจริญสมาธิโดยเจริญปัญญาก่อน )
๓. เจริญทั้งสมถะและวิปัสสนาคู่กัน
๔. มีจิตแยกจากความฟุ้งซ่านในธรรม


   ของคุณอยู่ที่ข้อ ๒ คุณเจริญสติไปเรื่อยๆ หากปัญญาแก่รอบแล้ว ถึงจุดหนึ่ง จิตจะรวมเข้าอัปปนาสมาธิเอง ตอนนี้แหละจะตัดสินมรรคผล เป็นอรหันต์ วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด
------------------------------------------------------------------

5.การพิจารณาเรื่องสมมุติ บัญญัติ ต่าง ๆ การทำตัวให้กลมกลืน กับธรรมชาติ นั้นเป็น วิปัสสนา ใ่ช่หรือป่าวครับ

ตอบ  วิปัสสนา ต้อง เจริญสติปัฏฐาน ๔ เท่านั้น คุณควรทำความเข้าใจเรื่องสติปัฏฐานให้มากๆ และที่สำคัญขณะภาวนา ต้องเห็นไตรลักษณ์ จึงจะพูดได้ว่า  เจริญวิปัสสนาอยู่

------------------------------------------------- 

 การแสดงความเห็นของผม อาจขัดใจคุณอิสรภาพไปบ้างต้องขออภัย

 ขอให้ถือว่า เป็นการคุยเป็นเพื่อนเท่านั้น ไม่ใช่คำตัดสินใดๆ

 สงสัยอะไรถามได้ครับ ยินดีตอบทุกเรื่อง


 ขอให้ธรรมคุ้มครอง

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: เข้าถึงธรรม...อย่างนี้ถูกหรือป่าวครับ ?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มีนาคม 13, 2010, 11:06:59 am »
0
:s_hi:
สวัสดี....คุณอิสรภาพ
         คุณนี่อิสรภาพสมชื่อจริงๆ วันนี้คุณกำลังเสวยบุญกรรมเก่าอยู่อย่างสุขสบายคิดเองเออเองสร้างโลกสมมติบัญญัติขึ้นเองเป็นตัวของตัวเองอย่างคับแคบ โลกมีมากมายหลายเรื่องราวที่บางครั้งเราย่างก้าวเดินอย่างสับสนแยกแยะอะไรผิดบ้างถูกบ้างและสิ่งที่ถูกที่สุดมันคืออะไรกันแน่คำตอบหาได้ที่ไหน .... โลกเนื้อแท้ติดสมมติบัญญัติทั้งนั้นนับแต่ชื่อที่เรียกขานกัน,สถานะทางสังคม,ข้อบัญญัติทางกฏหมาย,อัตราส่วนหน่วยวัดต่างๆ...ฯลฯ แต่การจะกล่าวว่าอะไรเป็นสมมติบัญญัตินั้นเป็นการใช้ปัญญาพิจารณาในชั้นเชิงของผู้ปฏิบัติภาวนา(มีจิตระงับนิ่งในอารมณ์เดียวเป็นอุปจารสมาธิแล้ว) แต่การนึกคิดเอาว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นสมมติบัญญัติในเชิงอรรถมันเป็นเพียงแต่รับรู้เข้าใจแต่ไม่เข้าถึง คุณอิสรภาพจะใช้ปัญญาในเชิงอรรถแบบวิถีโลกนั้นคงไม่ถูกต้องนักถือได้ว่าเป็นการแสดงทิฏฐิตัวตนอย่างหนึ่งเป็นการปิดกั้นการรับรู้วิถีที่เป็นอยู่(ปัจจุบัน)เป็นจริง(เข้าใจ)อย่างดื้อรั้นย่อมอยู่ร่วมกับสังคมได้ยากเพราะความคิดขัดกับคนอื่นแม้กับพ่อแม่ที่คิดจะให้คุณบวช...การคิดเองเข้าใจเองถือว่ายังไม่เข้าถึงถ้าจะเข้าถึงต้องเข้าสู่วิถีการกระทำเป็นรูปธรรมมีการรับรู้อนุโมทนากันอย่าไปละสมมติบัญญัติแบบมองไม่เห็นสัมผัสคนเดียวคนอื่น(พ่อ,แม่คุณ)มองไม่เห็นด้วยคงไม่ดี...คุณต้องสร้างสื่อสร้างนิมิตให้ปรากฏน้อมนำชักชวนด้วยการกระทำให้ผู้อื่นเห็นคุณค่าอย่างที่คุณเห็นจะได้กุศลคือความฉลาดอย่างผู้เข้าถึง......อย่าถือว่านี่เป็นการสอนแต่เราทักทายแสดงความคุ้นเคยกันอย่างกัลยาณมิตรนะครับ........สวัสดี

บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

vijitchai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 100
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เข้าถึงธรรม...อย่างนี้ถูกหรือป่าวครับ ?
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มีนาคม 27, 2010, 02:16:12 pm »
0
 :25:  อนุโมทนาด้วยนะครับ ถ้าคุณ อิสรภาพ อุปสมบทให้ คุณพ่อ คุณแม่
 :smiley_confused1: และน่าเสียดาย ถ้าคุณ อิสรภาพ ไม่อุปสมบท ให้คุณพ่อ คุณแม่
บันทึกการเข้า
ขอนอบน้อม ครูบาอาจารย์ ผู้สอนกรรมฐาน ทุก ๆ รูป ครับ ข้าพเจ้าขอกล่าวถึง พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ตลอดชีวิต พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ