สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะสาระ => สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน => ข้อความที่เริ่มโดย: ดนัย ที่ สิงหาคม 02, 2015, 05:44:36 pm



หัวข้อ: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: ดนัย ที่ สิงหาคม 02, 2015, 05:44:36 pm
                                             (http://www.madchima.net/forum/gallery/70_02_08_15_5_48_47.jpeg)

          ผมเคยได้ยิน ได้ฟัง ได้ศึกษามาว่า การเจริญพระกรรมฐานนั้น จุดสำคัญคือเราต้องไปเห็น ไปแจ้ง ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เป็นเราคืออะไร อะไรที่เป็นเรา สิ่งไหนที่ไปเกิด ในภพชาติต่าง ๆ

          การเข้าไปเห็น ไปแจ้ง เกี่ยวกับตัวเรา นอกจากจะทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิสูงขึ้นแล้ว ยังสามารถทำให้เรารู้แจ้งพระธรรมของพระพุทธเจ้าด้วย

          ตามความเข้าใจของผม ผมว่าเรื่องจิตกับใจ น่าจะเกี่ยวข้องกับการเป็นตัวเรา
         
         อย่างที่หลวงปู่ดุลย์ อตุโล สอนไว้ว่า

          “จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
                    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
          จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
                    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ”

          ท่านใดมีความเห็น หรือธรรมะของครูอาจารย์องค์ไหน ที่พูดถึงจิตกับใจ ก็นำมาลงรวมกันไว้ได้นะครับ เพื่อเป็นธรรมทานกับนักปฏิบัติท่านอื่น ให้ศึกษาไว้ก่อนจะได้ทราบเป้าหมายของการภาวนา หรือการเจริญพระกรรมฐาน
         
          ในด้านสมาธิ ที่ผมศึกษามาครูอาจารย์ส่วนใหญ่ก็พูดตรงกันในส่วนขององค์ฌาน เช่น ฌาน ๑ มี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา เป็นต้น

          ในด้านคุณธรรม การเป็นพระอริยเจ้า ครูอาจารย์ก็พูดตรงกันเรื่องการละสังโยชน์ ๑๐

          ดังนั้นถ้าท่านใดเจริญสมาธิแล้วยังเข้าอัปปนาสมาธิไม่ได้ ก็ควรทำความเข้าในเรื่อง จิตกับใจ

         ท่านใดเจริญพระกรรมฐานเพื่อละสังโยชน์ ๑๐ ก็ยิ่งควรทำความเข้าใจว่าอะไรที่เป็นตัวเรา อะไรที่ไปเกิดในภพ ชาติ ต่าง ๆ อะไรที่ต้องทำให้บริสุทธิ์ปราศจากสังโยชน์ ๑๐



ขอบคุณภาพประกอบจาก : http://www.dhammada.net/2011/12/06/12467/ (http://www.dhammada.net/2011/12/06/12467/)


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: ดนัย ที่ สิงหาคม 02, 2015, 05:48:42 pm
                                        (http://www.madchima.net/forum/gallery/70_02_08_15_5_56_51.jpeg)



เรื่องจิตกับใจ


๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๐

จากหนังสือ อนุสรณ์ งานฉลองพิพิธภัณฑ์ หลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลย       

          ในโอกาสต่อไปนี้ อาตมาจะได้แสดงพระธรรมเทศนา ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า สำหรับตัวอาตมาเองนั้น ก็ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนทางปริยัติเท่าใด แต่ก็คงจะพูดให้พวกพระเณรตลอดจนผู้ปฏิบัติเข้าใจได้ เพื่อนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป

          วันนี้จะขอพูดเกี่ยวกับเรื่องจิตกับใจ ซึ่งก็เป็นเรื่องเก่า ๆ ที่พูดมามากแล้ว แต่เป็นสิ่งสำคัญมากเกี่ยวกับจิตและใจนี้ ก็ขอให้พวกท่านจงสำรวมและตั้งใจฟัง

          มีปัญหาถามกันว่า คำว่า จิตกับใจนั้นต่างกันอย่างใด?

          ถ้าเราจะตอบว่าเป็นคนละอย่างก็ได้ หรือเราจะตอบว่าเป็นอันเดียวกันก็ได้เช่นกัน เพราะจิตและใจนี้เป็นของเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน

          คำว่า ใจ มาจากมะนะ แปลว่ารู้ คือเมื่อร้อนก็รู้ว่าร้อน หนาวก็รู้ว่าหนาว สุขหรือทุกข์ก็รู้ว่าสุขหรือทุกข์ ใจนี้แหละเป็นผู้ที่รับรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง

          คำว่า จิต แปลว่า นึกคิด คือนึกคิดไปตามสภาพต่าง ๆ เป็นอาการของใจ

          อะไรที่เป็นสิ่งที่นึกคิด?

          ถ้าไม่มีความ รู้ แล้วเราจะนึกคิดได้อย่างไร เช่น ตุ๊กตา เป็นต้น ถ้าไม่มีใจก็หมายความว่าไม่มีความ รู้ เมื่อไม่มีความ รู้ แล้วก็จะไม่มีอาการนึกคิด


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: ดนัย ที่ สิงหาคม 02, 2015, 05:56:37 pm
                         (http://www.madchima.net/forum/gallery/70_02_08_15_4_58_44.jpeg)


     คำว่าจิตนี้แยกได้เป็น ๒ ประเภท

          ๑.   จิตแท้ใจเดิม เป็นจิตใจที่เป็นประธาน

          ๒.   จรณะจิต คือจิตที่เกิดจากจิตใจเดิม


     ๑.   จิตแท้ใจเดิม หรือจิตที่เป็นประธานนี้ ท่านเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “อมตธรรม” อมตธรรมนี้ เป็นธรรมที่ไม่ตาย จะต้องไปสร้างภพสร้างชาติอีกต่อไป

     ๒.   จรณะจิต คือ จิตที่เกิดจากจิตแท้ใจเดิม พระพุทธเจ้าท่านยกขึ้นสู่ไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

          บางคนพูดว่า “ตายแล้วสูญ” เราลองมาพิจารณาดูว่าจะจริงเท็จอย่างไร?

          กล่าวคือพระพุทธเจ้าของเราท่านตรัสไว้ว่า “เราตถาคตใช้เวลาในการสร้างบารมีที่จะสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่ชาติแรกที่ปรารถนาพุทธภูมิ (ปรารถนาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า) จนกระทั้งชาติสุดท้ายที่เกิดเป็นสิทธัตถะกุมาร และในที่สุดก็ออกบวชจนสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมตามความปรารถนานั้น รวมเวลาที่ต้องเสวยชาติเป็นทั้งมนุษย์และสัตว์ทั้งสิ้นสี่อสงไขยแสนมหากัปป์”

          เราท่านทั้งหมายจงพิจารณาดูว่า ในเวลาที่พระพุทธเจ้าสร้างบารมีถึงสี่อสงไขยแสนมหากัปป์นั้ ก็เป็นเวลาของจิตที่ไม่ตายหรือจิตแท้ใจเดิม หมุนเวียนไปเกิดตามสภาพต่าง ๆ กันนั่นเอง และในชาติที่พระองค์ตรัสรู้นั้น ก็เพราะจิตเดิมที่ปรารถนาพุทธภูมิในชาติแรกนั่นแหละที่มาตรัสรู้

          นี่ก็เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า จิตแท้ใจเดิมนั้นไม่สามารถตายไปได้ จะต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่ จนกว่าเราท่านทั้งหลายจะสิ้นจากอาสวะกิเลส หรือเราจะพูดอีกย่างหนึ่งก็เรียกว่า “ตายแล้วไม่สูญ”


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: ดนัย ที่ สิงหาคม 02, 2015, 06:31:01 pm
                         (http://www.madchima.net/forum/gallery/70_02_08_15_4_59_25.jpeg)


          คนเราจะดีได้นั้นก็เพราะจิตใจเราพาดี หรือคนเราจะชั่วก็เพราะจิตใจพาชั่ว

          ถ้าจิตใจเป็นบุญเป็นกุศลแล้ว บุคคลนั้นก็จะเป็นบุญกุศล

          ถ้าจิตใจเป็นบาปอกุศลแล้ว บุคคลนั้นก็จะเป็นบาปอกุศล

           เมื่อชายหรือหญิงที่เกิดมาแล้ว จะมีรูปลักษณะหรือความเป็นอยู่อย่างไร จิตก็จะต้องมีลักษณะอย่างนั้นมาก่อน เช่นคนที่มั่งมีทรัพย์สมบัติในชาติปัจจุบัน ก็แสดงว่าจิตนั้นมั่งมีมาก่อน

          คำว่า “จิตมั่งมี” หมายความว่า จิตมีบุญมีกุศล มีสติปัญญาดี อันเป็นคุณสมบัติของจิตใจ

          ท่านเจ้าคุณอุบาลีแสดงว่า “เมื่อผู้ปฏิบัติเห็นจิตที่เป็นประธาน จิตที่ไม่ตายนี้แล้ว จะไปยึดถือว่าเป็นตนเป็นตัวก็ไม่ชอบ แต่จะถือว่าจิตดวงนั้นเป็นเพียงสังขารธรรมชาติ”


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: ดนัย ที่ สิงหาคม 02, 2015, 06:35:05 pm
                    (http://www.madchima.net/forum/gallery/70_02_08_15_4_59_44.jpeg)

          ธรรมดาแล้วจิตของคนเรา จะชอบยึดถือในสมบัติวัตถุต่าง ๆ ดังนั้นจึงจะให้ข้อคิดกับบรรดาผู้ที่ชอบยึดถือในสมบัติ เพื่อให้เป็นคดีไปพิจารณาดู

          คำว่า อุปาทาน ที่แปลว่ายึดถือ

          เมื่อเราถือว่าเป็นเราแล้ว ก็จะต้องถือว่าเป็นเขาด้วย อันนี้ท่านเรียกว่า สักกายทิฏฐิ

          ที่เรายึดในสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเราเป็นเขาทรัย์สมบัติ สามีภรรยา ฯลฯ นั้น เราลองพิจารณาดูว่าเราจะได้เป็นเจ้าของในสิ่งเหล่านั้นจริงหรือไม่?

          แต่สำหรับพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านปฏิเสธ ท่านว่า “โลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีสมบัติอะไรเป็นของ ๆ ตน”

          หรืออย่างที่ท่านอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ท่านกล่าวว่า “สมบัติของโลก ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของเขา มีแต่ความตายหนีจาก” คือไม่มีใครที่สามารถจะเอาสมบัติต่าง ๆ ไปได้ เมื่อเราตายไปแล้ว

          นี่แหละบรรดาสิ่งสมมุติที่เราไปยึดถือว่าเป็นสิทธิ์ของเรานั้น ก็จะได้เพียงชีวิตหนึ่ง ๆ เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสามี ภรรยา หรือสมบัติต่าง ๆ เมื่อเราตายไปแล้ว เราจะยึดถือเป็นกรรมสิทธิ์ของเราอีกไม่ได้ เราจะเอาสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นติดตามไปสวรรค์ นรกหรือที่ไหน ๆ ก็ไม่ได้ ตรงกับคำที่ว่า “สมบัติของโลก ก็ต้องอยู่ในโลก”


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: ดนัย ที่ สิงหาคม 02, 2015, 06:37:06 pm
                    (http://www.madchima.net/forum/gallery/70_02_08_15_5_00_09.jpeg)


          พระพุทธเจ้าท่านแสดงว่า

         “บุญ กุศลกรรม และบาป อกุศลกรรม ของสองอย่างนี้ แม้เราอยากได้หรือไม่อยากได้ก็ตาม เมื่อเราได้กระทำอะไรลงไปแล้ว ผลของการกระทำก็จะติดตามเราไป ไม่ว่าจะเป็นในนรกหรือบนสวรรค์ก็ตาม หรือภพไหนโลกไหนก็ตาม"

          คำว่า “เรา” ในที่นี้หมายถึงจิตแท้ใจเดิม ท่านจึงว่า “จิตใจ” นี้สำคัญมากทีเดียว

          แต่คนเราทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนสุขหรือคนทุกข์โดยส่วนมากแล้ว ก็จะมัวเมาอยู่กับผลกรรมเก่าที่ตนได้รับอยู่ในปัจจุบัน คือบรรดาลาภยศ ทรัพย์สมบัติ เป็นต้น พวกเราไม่ยอมคิดถึงเหตุที่มาของสิ่งเหล่านี้ ว่าสิ่งเหล่านี้มาได้อย่างไร?

          คำว่าผลกรรมนี้ เปรียบเทียบได้กับผลไม้ บรรดาผลไม้เหล่านั้นถ้าไม่มีต้นเสียแล้ว ก็จะไม่สามารถมีผลออกมาได้ ฉันใดก็ฉันนั้น ผลกรรมต่าง ๆ ก็จะต้องมีสาเหตุถึงได้มีผลกรรมออกมาให้เราท่านได้เสวยกันอยู่

          ถ้าเรามัวแต่ยึดถือในสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น ไม่ยอมใช้ปัญญาพิจารณาในเหตุผลแล้ว ต่อไปเมื่อผลกรรมเก่าที่เรามัวแต่กินหมดไปแล้วเราจะเอาอะไรเหลืออยู่อีก? จุดนี้ก็ให้เป็นคติอีกอย่างหนึ่ง

          ธรรมที่นำมาแสดงนี้ ก็มีเจตนาจะพูดเรื่องจิตกับใจเป็นหลักเพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้นำไปคิด และเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป เอวัง.


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ สิงหาคม 02, 2015, 09:15:20 pm

     ขออนุโมทนาสาธุ


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ สิงหาคม 02, 2015, 09:20:01 pm
 thk56 like1 like1


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ สิงหาคม 02, 2015, 10:17:03 pm
เป็นสาระธรรม ที่มีประโยชน์ มากในช่วงนี้

    thk56 thk56 thk56 st11 st12


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: บุญเอก ที่ สิงหาคม 03, 2015, 12:44:51 am
 st11 st12 st12 thk56


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: komol ที่ สิงหาคม 03, 2015, 05:46:25 am
 st12 st12 st12
เป็นบทความแนะนำ การภาวนา ที่ดีมากครับ

  :49:


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: นักเดินทาง ที่ สิงหาคม 03, 2015, 07:11:16 am
 st11 st12 st12


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: บุญเอก ที่ สิงหาคม 05, 2015, 12:57:40 am
 st11 st12 st12 st12


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: nirvanar55 ที่ สิงหาคม 05, 2015, 02:54:22 pm
 gd1 st11 st12


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: นิรตา ป้อมนาวิน ที่ สิงหาคม 05, 2015, 03:46:04 pm
 st11 st12


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: Admax ที่ สิงหาคม 12, 2015, 01:05:58 am
 st12 st12 st12


หัวข้อ: Re: ความรู้ ความเข้าใจเรื่องจิตกับใจ สนับสนุนการเจริญพระกรรมฐาน
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ สิงหาคม 13, 2015, 11:47:30 am
 st11 st12 st12