ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: MOM ยานสำรวจดาวอังคารของอินเดีย..ทะยานฟ้าแล้ว (ชมภาพ)  (อ่าน 1427 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28436
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

จรวด PSLV-C25 นำยาน MOM ทะยานฟ้า (เอเอฟพี)

MOM ยานสำรวจดาวอังคารของอินเดีย..ทะยานฟ้าแล้ว

       ยานสำรวจดาวอังคารลำแรกของอินเดีย ทะยานฟ้าแล้ว โดยจากนี้จะใช้เวลาอีกราว 300 วันเพื่อเข้าสู่วงโคจรของดาวอังคาร และเริ่มปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญๆ เช่น ค้นหามีเทนบนดาวอังคาร เป็นต้น
       
       ยานสำรวจดาวอังคารในวงโคจรมาร์สออร์บิเตอร์มิสชัน (Mars Orbiter Mission) ขององค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (Indian Space Research Organisation: ISRO) ทะยานฟ้าจากศูนย์อวกาศตีศธวัน (Satish Dhawan Space Centre SHAR) บนเกาะศรีหริโกฏา เมื่อเวลา 16.08 น. วันที่ 5 พ.ย.2013 ตามเวลาประเทศไทย โดยการนำส่งของจรวดนำส่งดาวเทียมขั้วโลก (Polar Sattellite Launch Vehicle: PSLV-C25) ซึ่งจากการติดตามพบว่าชิ้นส่วนจรวดแยกท่อนตามปกติ
       
       เค ราธากฤษนัน (K Radhakrishnan) ประธานองค์การวิจัยอวกาศอินเดีย ให้สัมภาษณ์ในรายงานของบีบีซีว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ต้องการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอินเดียในการเข้าสู่วงโคจรของดาวอังคาร และทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงการการตรวจหามีเทน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการมีชีวิตบนดาวอังคารด้วย

       

เค ราธากฤษนัน (ขวา) ขณะเฝ้าดูการปล่อยจรวดนำส่งยานสำรวจดาวอังคาร (เอเอฟพี)

       ทั้งนี้ ยานจะใช้เวลากว่า 300 วันเพื่อเข้าสู่วงโคจรของดาวอังคารโดยการควบคุมของอินเดียในวันที่ 21 ก.ย.2014 เมื่อยานเข้าสู่วงโคจรของดาวอังคาร ทางอินเดียก็จะเริ่มการทดลองทางวิทยาศาสตร์ แต่ระหว่างที่ยานมุ่งหน้าจากโลกไปดาวอังคารนั้น พวกเขาก็จะสอบเทียบเครื่องมือไปด้วย โดยข้อมูลจากยานในวงโคจรดาวอังคารจะใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาทีมาถึงโลก
       
       ทางด้านเอเอฟพีรายงานว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์หลายสิบคนในห้องควบคุมได้เฝ้าจับตาดูจรวดหนัก 350 ตันที่นำยานสำรวจไร้มนุษย์มุ่งหน้าสู่ดาวอังคาร ซึ่งเป็นเผชิญความกดดันมากสุดนับแต่อินเดียเริ่มโครงการอวกาศเมื่อปี 1963 และไม่เคยส่งยานข้ามดาวเคราะห์มาก่อน ซึ่งมีปฏิบัติการสู่ดาวอังคารมากกว่าครึ่งที่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยรวมถึงปฏิบัติการของจีนเมื่อปี 2011 และของจีนเมื่อปี 2003
       
       โครงการยานมาร์ออร์บิเตอร์หรือที่เรียกกันในอินเดียว่า “มงคลยาน” (Mangalyaan) ได้รับการประกาศโครงการโดยรัฐมนตรีของ นายมันโมหัน สิงห์ (Manmohan Singh) นายกรัฐมนตรีอินเดีย เมื่อ 15 เดือนก่อน ไม่นานหลังจากจีนล้มเหลวในการส่งยานสำรวจดาวคาร ซึ่งไม่สามารถหลุดจากชั้นบรรยากาศโลกได้

       

ภาพขณะจรวดเริ่มทะยานฟ้า

       ยานสำรวจสีทองขนาดเท่ารถยนต์ขนาดเล็กที่มีเป้าหมายสำรวจมีเทนในบรรยากาศดาวอังคาร ถูกนำส่งโดยจรวดที่เอเอฟพีระบุว่า เล็กกว่าจรวดนำส่งของสหรัฐฯ หรือรัฐเซีย และเนื่องจากยานไม่มีพลังงานสำหรับบินตรงสู่ดาวอังคาร จรวดนำส่งจึงจะโคจรไปรอบเกือบๆ เดือน เพื่อให้เกิดความเร็วมากพอที่จะหนีจากแรงดึงดูดโลก จากนั้นจะเป็นการเริ่มต้นสู่ระยะที่สองของการเดินทางยาว 9 เดือน ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ความสามารถของนักวิทยาศาสตร์อินเดียอีกครั้ง หลังจากประสบความสพเร็จในการส่งจันทรายาน (Chandrayaan) ไปสำรวจดวงจันทร์เมื่อ 5 ปีก่อน
       
       สำหรับมูลค่าของมงคลยานนั้นอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท ถูกกว่ามูลค่ายานสำรวจดาวอังคารขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) ที่จะส่งตามขึ้นไปในเดือนนี้ถึงกว่า 6 เท่า ซึ่ง โจ เกรโบว์สกี (Joe Grebowsky) นักวิทยาศาสตร์ยานสำรวจดาวอังคารของนาซาให้สัมภาษณ์เอเอฟพีว่า แทบไม่เชื่อที่อินเดียจะส่งยานได้เร็วขนาดนี้ หากโครงการสำเร็จก็นับเป็นเรื่องยอดเยี่ยมมาก
       
       เกรโบว์สกีเน้นด้วยว่าดาวอังคารนั้นมีวงโคจรที่ซับซ้อนและอยู่ไกลจากโลก 50-400 ล้านกิโลเมตร เมื่อยิงจรวดไปดาวอังคารจึงต้องคำนวณด้วยว่าดาวเคราะห์เพื่อนบ้านอยู่ในตำแหน่งเหมาะสมให้เราไปถึงที่นั่นได้ เมื่อเปรียบกับปฏิบัติการสำรวจดวงจันทร์แล้วปฏิบัติการสู่ดาวอังคารจึงซับซ้อนกว่ามาก

       

บรรยากาศขณะจรวดทะยานฟ้า (เอเอฟพี)

       เอเอฟพีระบุว่าอินเดียก็เคยเผชิญความล้มเหลวในโครงการอวกาศเช่นกัน อย่างกรณีการสูญเสียการติดต่อกับจันทรายานเมื่อปี 2009 หรือจรวดนำส่งระเบิดระหว่างทะยานตัวขึ้นเมื่อปี 2010 นอกจากนี้อินเดียยังต้องโต้เถียงกับคนที่กล่าวว่า อินเดียที่เผชิญกับความขัดสนในการเลี้ยงดูประชากรอย่างเพียงพอและกว่าครึ่งประเทศไม่มีส้วมใช้นั้น ไม่ควรใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไปกับการท่องอวกาศ
       
       ทว่า องค์การอวกาศอินเดียโต้แย้งว่า เทคโนโลยีของพวกเขาได้ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจผ่านการใช้ดาวเทียมตรวจตราสภาพอากาศและทรัพยากรน้ำ หรือช่วยเรื่องการสื่อสารในพื้นที่ห่างไกลได้ อีกทั้งยังสนับสนุนเทคโนโลยีจรวดแก่หน่วยงานป้องกันประเทศเพื่อโครงการขีปนาวุธของอินเดีย โดย ราธากฤษนัน ได้ให้สัมภาษณ์ในรายงานของบีบีซีว่า อินเดียทุ่มงบประมาณสำหรับโครงการอวกาศเพียง 0.34% ของรายได้ประชาชาติ และในจำนวนนั้นเป็นงบประมาณสำหรับปฏิบัติการสู่ดาวอังคารเพียง 8%



ภาพกราฟิกจากการติดตามจรวด พบว่าการแยกชิ้นส่วนเป็นไปตามแผน



เค ราธากฤษนัน กับแบบจำลองยาน MOM


เส้นทางติดตามการโคจรของจรวด


ภาพขณะติดตั้งยานสำรวจ MOM บนชิ้นส่วนจรวดนำส่ง


หลังติดตั้งยาน MOM บนชิ้นส่วนจรวดนำส่งเรียบร้อยแล้ว



ภาพก่อนจรวดทะยานฟ้า


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000138037
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: MOM ยานสำรวจดาวอังคารของอินเดีย..ทะยานฟ้าแล้ว (ชมภาพ)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2013, 01:55:36 am »
0
ผมได้ยินเพื่อน ๆ วิจารณ์ คนอินเดียกันแล้ว
แต่อยากจะบอกว่า ประเทศอินเดีย ถึงจะอย่างนั้น ยังเป็นนำด้าน IT ด้วยนะครับ
 
  อีกอย่างประเทศไทย ตอนนี้ยังไม่มีปัญญาส่ง จรวดแบบเขาเลยครับ

  อย่าไปดูถูกเขาเลย
 
  ขนาดพระพุทธศาสนา ก็ยังมาจากอินเดีย เรายังต้องเดินทางไปอินเดีย เพื่อกราบไหว้ สังเวชนียสถาน ที่อินเดียกันอยู่เลย


 :49: :34: thk56
บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา