หลายคนยังสับสนกับคำว่า “อธิษฐาน” และ “ปรารถนา”“อธิษฐาน” คือความตั้งมั่น, ความตั้งใจมั่นเพื่อผลอันยิ่งใหญ่ หากเข้าถึงความเป็นบารมี (อธิษฐานบารมี) จะเป็นอธิการเพื่อให้คุณธรรมอื่น ๆ เจริญขึ้นได้ง่าย…
“อธิษฐาน” ไม่ใช่การขอ, หรืออ้อนวอนขอร้อง แต่เป็นความตั้งใจมั่นของตนเองที่จะกระกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้
“อธิษฐาน” กระทำก่อนที่จะทำบุญกรรมต่าง ๆ
ส่วน “ปตฺถนํ” (ความปรารถนา) หรือการตั้งความปรารถนานั้น กระทำภายหลังจากกระทำบุญกรรมนั้นๆ สำเร็จลงแล้ว
อย่างเช่นการตั้งความปรารถนาของท่านอัญญาโกณฑัญญะ (ในอดีตชาติ) หลังจากทำบุญกรรมในแต่ละครั้งแล้ว ท่านก็ตั้งความปรารถนาว่า “ขอให้ได้บรรลุธรรมเป็นคนแรกในศาสนาของพระพุทธเจ้า พระองค์ใดองค์หนึ่ง(แล้วความปรารถนานั้น ก็สำเร็จจริงๆ คือได้บรรลุเป็นพระโสดาบันองค์แรกในพระศาสนานี้)
หรือการตั้งความปรารถนาเป็นอัครสาวกของพระสารีบุตร,และพระมหาโมคคัลลานะ (ในอดีตชาติ) หลังจากได้กระทำบุญกรรมคือการบูชาอย่างยิ่งใหญ่ต่อพระพุทธเจ้าพระนามว่าอโนมทัสสี และถวายทานแก่พระภิกษุทั้งหลายแล้ว ก็ตั้งความปรารถนาเป็นพระอัครสาวก เป็นต้นฯ
“อธิษฐานธรรม ๔ ประการ”
๑. ปัญญา มาเป็นอันดับแรก…เพื่อให้ไม่หลง ไม่งมงายในกิจที่กระทำ คือต้องถูกต้อง, ชอบธรรม, นำไปสู่โมกขธรรม หรือธรรมเป็นเครื่องสลัดดอจากทุกข์เท่านั้น
๒. สัจจะ ความจริงใจที่จะกระทำบุญกรรม ตามที่ตั้งใจไว้แล้ว ไม่เหลาะแหละ…
๓. จาคะ คือการสละมลทิน เครื่องเศร้าหมองของจิตไม่ให้เข้ามาทำลายความตั้งใจของตน…
๔. อุปสมะ คือ ความสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่หวั่นไหว อาการที่จิตตั้งมั่น ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน…
-นิติเมธี-ขอบคุณ :
dhamma.serichon.us/2021/12/24/หลายคนยังสับสนกับคำว่า/ 24 ธันวาคม 2021, By admin.