ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไม "พุทธประวัติ" จึงเต็มไปด้วย เรื่องเหลือเชื่อ ที่เป็นไปไม่ได้.?  (อ่าน 487 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ทำไม "พุทธประวัติ" จึงเต็มไปด้วย เรื่องเหลือเชื่อ ที่เป็นไปไม่ได้.?
บางแง่มุมเกี่ยวกับพระพุทธองค์ : ภาษาสัญลักษณ์ในพุทธประวัติ


ลืมพูดถึงประเด็นหนึ่ง ที่เป็นที่กังขากันมากในวงการชาวพุทธ หลายคนเมื่ออ่านพุทธประวัติแล้วก็มักจะถามว่า ทำไมพุทธประวัติ จึงเต็มไปด้วยเรื่องเหลือเชื่อที่เป็นไปไม่ได้ ตั้งแต่บรรทัดแรกเลยทีเดียว ผู้พูดรู้ได้อย่างไร เรื่องเหลือเชื่อที่ว่านี้เป็นไปไม่ได้

ก็น่าแปลกนะครับ เวลาอ่านวรรณคดี ท่านเหล่านั้นจะเชื่อทันทีโดยไม่ตั้งคำถามเลย เวลาเขาพูดถึงความงามของนางในวรรณคดี อาทิ นางบุษบา หรือนางทมยันตี (ที่มิใช่นักประพันธ์) เขาจะพรรณนาว่าแม่นางคนนั้น งามง้ามงาม นิ้วเป็นลำเทียน คิ้วโก่งเป็นคันศร คอระหงเป็นคอหงส์ ตาเป็นตาเนื้อทราย แขนเป็นงวงช้าง

เชื่อแฮะ ว่าลักษณะดังว่านี้ งามง้ามงามจริงๆ ลองวานศิลปินวาดภาพนางงามตามที่พรรณนามาดูสิครับ รับรองว่าไม่งามแม้แต่นิดเดียว ทีอย่างนี้ไม่ยักสงสัย พออ่านพุทธประวัติละก็ เต็มไปด้วยความสงสัย สงสัยว่าโม้ไปหรือเปล่า เป็นไปได้อย่างไร เจ้าชายสิทธัตถะ ทันทีที่ประสูติก็เดินได้ พูดได้

@@@@@@@

ก่อนอื่น เรามาลองดูหลักฐานชั้นต้น คือ พระไตรปิฎกก่อนว่า เหตุการณ์มหัศจรรย์ที่ว่านี้มีในพระไตรปิฎก หรือว่าอาจารย์ภายหลังแต่งขึ้น ปรากฏว่ามีเล่าไว้ในพระสูตรในรูปเป็นพระดำรัสตรัสเล่าโดยตรงทีเดียว ว่า ปรากฏการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับพระโพธิสัตว์นั้นเป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์ ที่ไม่ทั่วไปแก่ชนเหล่าอื่น ดังนี้ครับ

    1. พระโพธิสัตว์มีสติสัมปชัญญะ เข้าถึงหมู่เทพชั้นดุสิต
    2. มีสติสัมปชัญญะ เสด็จอยู่ในหมู่เทพชั้นดุสิต จนตลอดอายุขัย
    3. มีสติสัมปชัญญะ จุติจากหมู่เทพชั้นดุสิต ลงสู่พระครรภ์ของพระมารดา
    4. เมื่อลงสู่พระครรภ์ แสงสว่างหาประมาณมิได้ ปรากฏขึ้นในโลกทั้งปวง หมื่นโลกธาตุหวั่นไหว
    5. เมื่อพระโพธิสัตว์เสด็จลงสู่พระครรภ์แล้ว เทวดา 4 องค์ทำหน้าที่อารักขาใน 4 ทิศ ไม่มีใครสามารถเบียดเบียนได้

    6. พระโพธิสัตว์อยู่ในครรภ์พระมารดา พระมารดาเป็นผู้มีศีล 5 สมบูรณ์
    7. ในขณะพระโพธิสัตว์อยู่ในครรภ์ พระมารดาพระโพธิสัตว์มิได้ฝักใฝ่ในกามคุณในบุรุษ ชายใดมีใจกำหนัด จะไม่สามารถล่วงเกินพระมารดาพระโพธิสัตว์ได้
    8. ในขณะพระโพธิสัตว์อยู่ในครรภ์ พระมารดาพระโพธิสัตว์จะทรงสมบูรณ์ด้วยรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่พิเศษ ได้รับการบำรุงอย่างดีเลิศ
    9. หลังจากพระโพธิสัตว์ลงสู่พระครรภ์แล้ว พระมารดาพระโพธิสัตว์ไม่มีโรคเบียดเบียน ไม่ลำบากพระวรกาย สามารถมองเห็นพระโพธิสัตว์ ประทับอยู่ภายในพระอุทร มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบ
  10. พระมารดาให้กำเนิดพระโพธิสัตว์ ต่อเมื่อพระโพธิสัตว์อยู่ในพระครรภ์ล้วนทศมาศ ซึ่งผิดกับสามัญชนทั่วไปจะอยู่ในครรภ์ 8-9 เดือน

  11. เมื่อพระมารดาจะมีพระประสูติกาล จะทรงยืน ไม่นั่งหรือนอนเหมือนหญิงทั่วไป
  12. เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติจากพระครรภ์ เทวดาจะรับพระราชกุมารก่อน พวกมนุษย์จะรับภายหลัง
  13. เมื่อพระบาทไม่ทันถึงพื้น เทวดาทั้ง 4 จะรับพระโพธิสัตว์ แล้ววางไว้ต่อพระพักตร์พระราชชนนี บอกให้ทราบว่า พระเทวีจงมีพระทัยยินดีเถิด พระโอรสผู้มีศักดิ์สูงได้ประสูติแล้ว
  14. เมื่อประสูติ พระโพธิสัตว์ไม่เปรอะเปื้อนด้วยมลทินครรภ์ ทรงบริสุทธิ์หมดจด ดุจแก้วมณีที่วางอยู่บนผ้ากาสิกพัสตร์
  15. เมื่อประสูติมีธารา 2 สาย สายหนึ่งเป็นน้ำเย็น อีกสายหนึ่งเป็นน้ำอุ่น ไหลลงมาจากนภากาศ สนานพระวรกายพระโพธิสัตว์ และพระราชชนนี

  16. ในบัดดลที่ประสูติ พระโพธิสัตว์ประทับพระยุคลบาทบนแผ่นดิน แล้วบ่ายพระพักตร์ไปทางทิศอุดร เสด็จดำเนินไป 7 ก้าว มีเทวบุตรกั้นเศวตฉัตรตามเสด็จไป ทรงเหลียวดูทิศทั้งปวงแล้วทรงเปล่ง อาสภิวาจา (พระวาจาอย่างองอาจ) ว่า “เราเป็นผู้เลิศในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐสุดในโลก เราเป็นใหญ่ที่สุดในโลกชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ไม่มีการเกิดใหม่อีกต่อไป”


(ที่มา : เก็บความจากพระไตรปิฎก ฉบับภาษาบาลี เล่มที่ 10 ข้อ 24 หน้า 17)



มีความพยายามอธิบายปรากฏการณ์พิเศษครั้งนี้ 2 ทางด้วยกัน คือ

1) เป็นภาษาสัญลักษณ์

เป็นภาษาสัญลักษณ์ คือ มิได้แปลตามตัวอักษร แต่ให้ถอดความเอา ภาษาพระศาสนาเรียกว่าเป็น บุพนิมิต นั่นแหละครับ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงถอดความไว้ว่า

    - ย่างพระบาท 7 ก้าว น่าจะได้แก่ ทรงแผ่พระศาสนาแพร่หลายใน 7 ชนบท คือ กาสีกับโกศล 1 มคธกับอังคะ 1 สักกะ 1 วัชชี 1 มัลละ 1 วังสะ 1 กุรุ 1
    - อาสภิวาจา ได้แก่ ตรัสพระธรรมเทศนาที่คนได้ฟังอาจหยั่งเห็นพระคุณว่า พระองค์เป็นยอดปราชญ์เพียงไร
    - ถอยหลังไปอีก เมื่อประสูติแล้วเทวดามารับ ท่อน้ำเย็นน้ำร้อนตกจากอากาศสรงสนานพระวรกาย ได้แก่ อาฬารดาบสและอุทกดาบสรับไว้ในสำนัก ทุกรกิริยา เปรียบเสมือนท่อน้ำร้อน วิริยะทางจิตเปรียบด้วยท่อน้ำเย็น ชำระพระสันดานให้สิ้นสนเท่ห์ว่าอย่างไรเป็นทาง อย่างไรมิใช่ทาง
    - ถอยหลังไปอีก เสด็จอยู่ในพระครรภ์ ทรงบริสุทธิ์ไม่เปรอะเปื้อนด้วยมลทิน ทรงนั่งขัดสมาธิ…ได้แก่ ทรงดำรงฆราวาส ไม่หลงเพลิดเพลินในกามคุณ ได้ทำกิจที่ควรทำมีพระเกียรติปรากฏ เสด็จออกบรรพชาด้วยปรารถนาอันดี ไม่ใช่เพราะขัดข้องในฆราวาส

นัยนี้ไม่ตีความตามตัวอักษร แต่ให้ถอดความ หรือหาความหมายระหว่างบรรทัดเอา พูดอีกนัยหนึ่งคือ เหตุการณ์มหัศจรรย์ที่ว่ามานั้นไม่เกิดขึ้นจริง




2) ตีความตามตัวอักษรเลยทีเดียว

ตีความตามตัวอักษร คือ พูดได้จริง เดินได้ 7 ก้าว จริง มิใช่ภาษาสัญลักษณ์ ถ้าถามว่า มันเป็นไปได้หรือ ตอบว่าอย่าคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเรื่องมหัศจรรย์อย่างนี้ มิได้เกิดขึ้นกับคนทั่วไป และมิได้เกิดขึ้นบ่อย นานๆ จะมีสักทีหนึ่ง

พิเคราะห์ตามพุทธวจนะตรัสเล่าก็ดี คำอธิบายของพระอรรถกถาจารย์ก็ดี ท่านต้องการบอกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นได้จริงเพราะ บุคคลในเรื่องนี้คือ เจ้าชายสิทธัตถะ ผู้มิใช่มนุษย์ธรรมดาอย่างสามัญชน แต่เป็นนิยตโพธิสัตว์ (พระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีมาจนเต็มเปี่ยมแล้ว พร้อมที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า) บุคคลเช่นนี้ย่อมมี “ธรรมดา” ไม่เหมือนคนทั่วไป ปรากฏการณ์มหัศจรรย์เกิดขึ้นนั้นเป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์

เมื่อท่านพูดว่า “ธรรมดา” ก็ทำให้หายสงสัยทันที เพราะธรรมดาก็คือธรรมดา มิใช่เรื่องมหัศจรรย์ หรือปาฏิหาริย์อะไร แต่เป็นธรรมดา เหมือนธรรมดาของนกบินได้ ธรรมดาของปลาอยู่ในน้ำทั้งวันโดยไม่โผล่ขึ้นมาหายใจก็ไม่ตาย ยังไงยังงั้น เราเห็นนกบินเราอัศจรรย์ถึงกับร้องไหมว่า “อู้ฮูๆ ทำไมนกมันบินได้วะ” เปล่าเลย เพราะเรารู้ว่าธรรมดาของนกมันย่อมบินได้ เช่นเดียวกัน การที่เกิดมาแล้วเดินได้ พูดได้ทันที เป็นต้น เป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์

อย่านึกนะครับว่า เรื่องอย่างนี้มันเป็นไปไม่ได้ คนธรรมดาที่มิใช่พระโพธิสัตว์บางคน ยังมีความสามารถพิเศษในทำนองนี้เลยครับ ในหนังสือกินเนสส์บุ๊ก มีพูดถึงบุคคลพิเศษสองคน ผมจำชื่อได้คนเดียวคือ คริสเตียน ไฮเนเกน เกิดมาสองชั่วโมง พูดได้ อายุ 4 ขวบ พูดได้ 7 ภาษา และเด็กคนนี้สามารถแสดงปาฐกถาวิชาการชั้นสูงแก่นักปราชญ์ทั้งหลายจนทึ่งไปตามๆ กัน

ขนาดคนธรรมดา ยังมีความสามารถมหัศจรรย์ปานนี้ แล้วพระโพธิสัตว์ผู้เปี่ยมด้วยบารมี ทำไมจะทำไม่ได้ครับ คิดอย่างนี้แล้ว จึงไม่น่าจะมีข้อกังขาแต่ประการใดเมื่ออ่านพุทธประวัติถึงตอนนี้ หรือว่า..ยังมีอยู่





ขอขอบคุณ :-
ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 กันยายน 2560
คอลัมน์ : เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ผู้เขียน   : เสฐียรพงษ์ วรรณปก
เผยแพร่ : วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ.2560
URL : https://www.matichonweekly.com/column/article_53740
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 11, 2022, 08:21:45 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ