ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พุทธะ (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) มี ๓ ประเภท | ใช้ระยะเวลาบำเพ็ญบารมี นานแค่ไหน  (อ่าน 634 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


พุทธะ (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) มี ๓ ประเภท | ใช้ระยะเวลาบำเพ็ญบารมี นานแค่ไหน .?

“พุทธะ” แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มี ๓ ประเภท
    - พระสาวกพุทธะ / พระสาวิกาพุทธะ
    - พระปัจเจกพุทธะ
    - พระสัมมาสัมพุทธะ

@@@@@@@

๑. พระสาวกพุทธะ / พระสาวิกาพุทธะ

พระสาวกพุทธะ/พระสาวิกาพุทธะ บางทีเรียกว่า พระอนุพุทธะ หมายถึง ภิกษุ ภิกษุณี ที่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ รวมถึงอุบาสก อุบาสิกา บรรลุธรรมถึงขั้น “อรหัตตผล” เป็นอรหันตบุคคล เราเรียกว่าเป็นพระสาวกพุทธะและสาวิกาพุทธะด้วย เพราะเราเชื่อโดยทั่วไปว่า อุบาสก อุบาสิกาที่บรรลุธรรมถึงขั้นอรหัตตผล ล้วนต้องมีสถานะเป็นพระทั้งนั้น

พระสาวกพุทธะและพระสาวิกาพุทธะนี้ แบ่งเป็นผู้มีฐานะธรรมดาทั่วไปกับมีฐานะ เป็น “อัคระ” เช่น พระสารีบุตรเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา พระโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้าย พระเขมาเถรีเป็นพระอัครสาวิกาเบื้องขวา พระอุบลวรรณาเถรีเป็นพระอัครสาวิกาเบื้องซ้าย

ที่น่าสนใจคือ คนที่จะได้เป็นพระสาวก/พระสาวิกาธรรมดาต้องบำเพ็ญบารมีโดยใช้เวลา ๑ แสนกัปเป็นอย่างน้อย ส่วนคนที่จะได้ฐานะเป็นพระอัครสาวก พระอัครสาวิกานี้ ต้องบำเพ็ญบารมีโดยใช้เวลา ๑ อสงไขยแสนกัปเป็นอย่างน้อย


@@@@@@@

๒. พระปัจเจกพุทธะ

พระปัจเจกพุทธะ หมายถึง ผู้ตรัสรู้เป็นพระอรหันต์เฉพาะตน ไม่สั่งสอนผู้อื่น เราเชื่อว่า พระปัจเจกพุทธะมีฐานะเป็นพระพุทธเจ้ารักษาการในยุคที่ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสื่อมลง เรื่องพระปัจเจกพุทธะนี้น่าสนใจควรศึกษาอย่างยิ่ง

ข้อความในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเหมือนจะบอกว่า พระปัจเจกพุทธะแม้ในปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเหล่านั้นดำรงอยู่ตลอดเวลาทุกยุคทุกสมัย แต่ท่านดำเนินชีวิตเฉพาะที่เฉพาะแห่ง ไม่ปรากฏตัวให้เห็นทั่วไป เช่น ที่ภูเขาคันธมาทน์ แม้ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี สมัยพุทธกาลก็เป็นที่อยู่ของพระปัจเจกพุทธะ เพราะคำว่า “อิสิปตนะ” แปลว่า เป็นที่ตกไปของฤาษี คำว่า “ฤาษี” ท่านหมายเอาพระปัจเจกพุทธะนั่นเอง หรือภูเขาอิสิคิลิก็เป็นที่อยู่ของพระปัจเจกพุทธะเหมือนกัน

สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลิ เขตพระนครราชคฤห์ ตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่าภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเห็นภูเขาอิสิคิลินี้หรือไม่ ภูเขาอิสิคิลินี้มีชื่อก็เช่นนี้ มีบัญญัติก็เช่นนี้ เรื่องเคยมีมาแล้ว พระปัจเจกพุทธะ ๕๐๐ องค์ได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาอิสิคิลินี้มานาน ในเวลาที่พระปัจเจกพุทธะเหล่านั้นเข้าไปสู่ภูเขาอิสิคิลิ ทุกคนมองเห็นท่านเดินเข้าไป แต่พอเข้าไปถึงแล้ว ไม่มีใครมองเห็นท่านเหล่านั้น คนทั้งหลายจึงพูดกันว่า ภูเขานี้กลืนกินฤาษีเหล่านี้ จึงตั้งชื่อภูเขานี้ว่า “อิสิคิลิ” แปลว่า กลืนกินฤาษี

ต่อจากนั้น พระพุทธเจ้าตรัสระบุชื่อพระปัจเจกพุทธะ เช่น พระปัจเจกพุทธะชื่ออริฏฐะ, อุปริฏฐะ,ตครสิขี, ยสัสสี, สุทัสสนะ, ปิยทัสสี, คันธาระ, ปิณโฑละ, อุปาสภะ, นิถะ, ตถะ, สุตวา, ภาวิตัตตะ,สุมภะ, อัสสุเมฆะ คนที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธะนี้ต้องบำเพ็ญบารมีโดยใช้เวลา ๒ อสงไขยแสนกัปเป็นอย่างน้อย

เรื่องเกี่ยวกับพระปัจเจกพุทธะนี้ เป็นที่รู้จักคุ้นชินของพุทธศาสนิกชนก็จริง แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจศึกษาอย่างจริงจัง และไม่มีการตั้งข้อสังเกตให้เราเกิดความคิดสงสัยเพิ่มเติม พระปัจเจกพุทธะที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันมีหรือไม่.? พระปัจเจกพุทธะที่ปรากฏนามในคัมภีร์พระไตรปิฎกและอรรถกถาฝ่ายเถรวาทมีจำนวนมากนั้น เมื่อไม่ทำหน้าที่เทศนาสั่งสอนชาวโลกแล้วอยู่กันอย่างไร.? ทำอะไร.? หรืออยู่เฉยๆไปวันๆ.?

ถ้าเราใช้สามัญสำนึกพิจารณาดู เป็นไม่ได้เลยที่พระปัจเจกพุทธะเหล่านั้นจะอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลย ท่านต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชาวโลก พระปัจเจกพุทธ เป็นบุคคลพิเศษที่คอยสอดส่องดูแลชาวโลกเมื่อยามเกิดทุกข์ยากเข็ญใจ ถ้าพอแก้ปัญหาได้ก็ให้ชาวโลกใช้กาลังสติปัญญาของตนเองแก้ไข ถ้าปัญหาทุกข์ยากเหลือกาลัง ท่านก็จะมาช่วยบรรเทาทุกข์

@@@@@@@

๓. พระสัมมาสัมพุทธะ

พระสัมมาสัมพุทธะมี ๓ ประเภท คือ
     - พระปัญญาธิกะ
     - พระสัทธาธิกะ
     - พระวิริยาธิกะ

๓.๑ พระปัญญาธิกะ หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธะที่มีปัญญามาก ทรงใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมี ๒๐ อสงไขยแสนกัป โดยแบ่งเป็นช่วง
      (๑) มโนปณิธาน ช่วงตั้งความปรารถนาทางใจ ๗ อสงไขย
      (๒) วจีปณิธาน ช่วงตั้งความปรารถนาทางวาจา ๙ อสงไขย
      (๓) กายวจีปณิธาน ช่วงตั้งความปรารถนาทางกายและวาจา ๔ อสงไขย

๓.๒ พระสัทธาธิกะ หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธะที่มีศรัทธามาก ทรงใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมี ๔๐ อสงไขยแสนกัป โดยแบ่งเป็นช่วง
      (๑) มโนปณิธาน ช่วงตั้งความปรารถนาทางใจ ๑๔ อสงไขย
      (๒) วจีปณิธาน ช่วงตั้งความปรารถนาทางวาจา ๑๘ อสงไขย
      (๓) กายวจีปณิธาน ช่วงตั้งความปรารถนาทางกายและวาจา ๘ อสงไขย

๓.๓ พระวิริยาธิกะ หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธะที่มีความเพียรมาก ทรงใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมี ๘๐ อสงไขยแสนกัป โดยแบ่งเป็นช่วง
     (๑) มโนปณิธาน ช่วงตั้งความปรารถนาทางใจ ๒๘ อสงไขย
     (๒) วจีปณิธาน ช่วงตั้งความปรารถนาทางวาจา ๓๖ อสงไขย
     (๓) กายวจีปณิธาน ช่วงตั้งความปรารถนาทางกายและวาจา ๑๖ อสงไขย

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในคัมภีร์ฝ่ายเถรวาทโดยเฉพาะคัมภีร์ระดับอรรถกถา มุ่งพรรณนาเฉพาะช่วงที่ ๓ คือ กายวจีปณิธาน โดยเริ่มนับเฉพาะจากตอนที่ได้รับการพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนม์อยู่ เช่น กรณีของพระสัมมาสัมพุทธะพระนามว่าโคตมะของเราทั้งหลาย ตอนที่เป็นพระโพธิสัตว์สุเมธดาบส ได้รับการพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธะพระนามว่าทีปังกรว่า จะได้มาตรัสรู้เป็นพระโคตมะในอนาคต

เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธะ ประเภท :-
    - พระปัญญาธิกะ จึงบรรลุถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธะโดยใช้เวลาบำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขยแสนกัป
    - พระสัทธาธิกะ บรรลุถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธะโดยใช้เวลาบำเพ็ญบารมี ๘ อสงไขยแสนกัป
    - พระวิริยาธิกะ บรรลุถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธะโดยใช้เวลาบำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยแสนกัป




ขอขอบพระคุณ มา ณ โอกาสนี้
บางส่วนจากบทความ เรื่อง “พระสัมมาสัมพุทธะ” ในคัมภีร์ฝ่ายเถรวาท โดย พระเทพวัชรบัณฑิต, ศ.ดร. , อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
URL : https://www.mcu.ac.th/article/detail/35363
Photo : http://www.dhammajak.net/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 14, 2022, 09:02:44 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ