ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ควรเชื่อฤกษ์ยามหรือไม่  (อ่าน 4685 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ควรเชื่อฤกษ์ยามหรือไม่
« เมื่อ: เมษายน 20, 2010, 08:42:56 pm »
0



ควรเชื่อฤกษ์ยามหรือไม่
          ถาม
          ๑. เรื่องการเริ่มกิจการงานต่างๆ ต้องดูฤกษ์ยาม วันเวลา อาจารย์คิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระมีประโยชน์หรือไม่ อย่างไร
          ๒. อาจารย์มีความเชื่อเรื่องนี้หรือไม่ และอาจารย์เคยทำหรือไม่ หมายความว่า อาจารย์เคยหรือไม่ ที่ว่าการเริ่มกิจการงานของอาจารย์เคยเลือกวันเวลา ตามหลักทำนายของโหราศาสตร์


          ความจริงผมไม่เชื่อเรื่องนี้เท่าไร ผมเชื่อหลักกรรมเหตุผลตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่มันก็ยังรู้สึกติดใจตัดไม่ออก เพราะผมปฏิบัติกันมาแต่เด็กๆ และแม้แต่พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่บางท่านก็ยังดูฤกษ์ ดูดวงให้ศรัทธาประชาชน ผมขอคำแนะนำของอาจารย์และผมจะปฏิบัติตาม ถ้าอาจารย์เห็นว่าควรทำ

          ตอบ  เรื่องของการดูฤกษ์ยามเวลาจะเริ่มทำกิจการงานต่างๆ นั้น ถ้าดูแล้วทำให้สบายใจ และไม่ทำให้เดือดร้อนก็ทำเถิด แม้บางครั้งจะไร้สาระ แต่มีประโยชน์แก่จิตใจก็ทำตามสบาย ขอเพียงอย่าถึงกับเชื่อมั่นคงว่า ถ้าทำไม่ได้ตามฤกษ์ตามยามนั้นแล้วทุกอย่างจะล้มเหลว เพราะจริงๆ แล้วการดูฤกษ์ยามเป็นเพียงการช่วยให้เกิดความมั่นใจส่วนหนึ่งเท่านั้น

          แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าลืมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ว่า เวลาที่สัตว์ประพฤติชอบชื่อฤกษ์ดี มงคลดี สว่างดี รุ่งดีเป็นต้น ซึ่งหมายความว่า เมื่อบุคคลประพฤติดีประพฤติชอบเวลาใด เวลานั้นแหละเป็นฤกษ์ดี มงคลดีสำหรับบุคคลนั้นแล้ว เพราะฉะนั้นการทำความดีจึงไม่ควรรอเวลา เพราะทำเมื่อไรก็เป็นความดีเมื่อนั้น


          แม้ในนักขัตตชาดก เอกนิบาตชาดกข้อ ๔๙

          พระพุทธเจ้าของเรา สมัยที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ ก็ได้กล่าวคาถาสอนชาวเมืองผู้มัวแต่ถือฤกษ์ยามอยู่ จึงพลาดจากประโยชน์ที่ตนจะได้รับไป

          ท่านกล่าวสอนว่า “ประโยชน์ได้ล่วงเลยคนโง่เขลา ผู้มัวคอยฤกษ์อยู่ ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง ดาวดวงจักทำอะไรได้”


          แล้วท่านก็อธิบายให้ฟังว่า “คนโง่มัวแต่รอฤกษ์อยู่ว่า ฤกษ์จะมีในบัดนี้ จักมีในเวลานี้ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปด้วยการอคอย ประโยชน์ที่เขาความจะได้รับ ก็ได้ผ่านเลยไปเสีย ในช่วงเวลาที่เขารอคอยอยู่นั่นแหละ ดวงดาวในอากาศจักยังประโยชน์ให้สำเร็จได้อย่างไร การกระทำของตนต่างหากที่ยังประโยชน์ให้สำเร็จ”

          และถ้าเราคิดถึงเรื่องนี้ให้ลึกซึ้ง บางครั้งในขณะที่เรามัวรอฤกษ์งามยามดีอยู่นั่นแหละ เราก็สิ้นชีวิตไปเสียก่อน โดยที่ยังมิได้ทำตามที่ตั้งใจเลย เพราะฉะนั้น ถ้าจะทำความดีแล้ว ไม่จะเป็นต้องรอฤกษ์รอยามเลย จงทำทันทีจะดีกว่า ทั้งชื่อว่าได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างถูกต้องด้วย

          ในส่วนตัวนั้น ก็อาจจะเคยเชื่อฤกษ์ยามมาบ้าง เพราะเชื่อตามผู้ใหญ่ แต่เมื่อศึกษาพระธรรมจนพอเข้าใจแล้ว ก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องฤกษ์ยามแต่ถือฤกษ์สะดวก คือความพร้อมของตนเป็นสำคัญ หรือถ้างานนั้นต้องทำหลายคน ก็ถือเอาความสะดวกของทุกคนเป็นสำคัญ สะดวกและพร้อมเมื่อใดก็ทำเมื่อนั้น ไม่ต้องไปดูฤกษ์ดูยามให้ยุ่งยากใจ

________________________________________
ที่มา  หนังสือ นานาปัญหา โดย คณะสหายธรรม
อ้างอิง และแนะนำ :-
          พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
          อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
          สุปุพพัณหสูตร
http://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=20&A=7802&Z=7826
          พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙
          ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
          นักขัตตชาดก ว่าด้วยประโยชน์คือฤกษ์
http://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=27&A=323&Z=327
          อรรถกถา นักขัตตชาดก
          ว่าด้วย ประโยชน์คือฤกษ์
http://84000.org/tipitaka/atita100/jataka.php?i=270049

     
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ