ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การปล่อยปลา ปล่อยชีวิตสัตว์ เป็นบุญจริง หรือ การเลิกทำนั้นเป็น โลกาภิวัฒน์  (อ่าน 6425 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
วันก่อน ดิฉัน ได้ไปทำบุญที่วัด ด้วยการปล่อย ปลา มีปลาดุก และ ปลาช่อน

เท่าที่ซื้อมาได้ในวันนั้น รวมเป็นเงิน 3000 กว่าบาท เหมา มาทั้งร้านเลย ทั้งปลา และ เต่า

อีกวันต่อมา เพื่อนรักของดิฉัน ได้ส่งเมล์มาให้อ่าน
ข้อความจากเมล์ เพื่อน ที่ FF กันมาเป็นลูกโซ่ ส่งมาให้อ่าน


1 ชีวิตก็มีค่า ทุกชีวิตมีความสำคัญ
 เรามาร่วมกันเผยแพร่และช่วยทำความเข้าใจ
 ในการทำบุญที่เราไม่เข้าใจถึงผลที่เราจะได้
 รับ เพราะบุญที่เรากำลังจะทำนั้นมันเป็น 
 ชีวิตของผู้อื่นที่จะได้รับความทุกขเวทนา 
 เพื่อแลกกับความสุขใจของเราเอง   
   
    Top 5 ของสัตว์ที่นิยมปล่อย 
   อันดับที่ 1 ปลาไหล 
   อันดับที่ 2 หอยขม
   อันดับที่ 3 นก 
   อันดับที่ 4 เต่า 
   อันดับที่ 5 ปลาหมอ 
             
    บางเสี้ยวส่วนของความจริงที่ รายการทีวี
    "จุดเปลี่ยน" พบและเป็นความจริง 
    - ปลาไหลขนาดเล็กตัวเป็นๆ นับพันกิโลกรัมต่อวัน ถูก 
  เบียดอัดมาในกระสอบปุ๋ยเดินทางจากเขมรสู่ประเทศไทย
  หลายต่อหลายทอด โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องมีชีวิตไปจน
  ถึงมือคนใจบุญ 
    - ปลาไหลที่ปล่อยลงในแม่น้ำ ลึก ไหลเชี่ยว ไม่สามารถรอด
  ชีวิตอยู่ได้ เพราะธรรมชาติของปลาไหลต้องอยู่ในน้ำแฉะ
  มีดินโคลนให้มุดเพื่อหลบพัก
    - หอยขมที่อยู่ในดินโคลนตามธรรมชาติ เมื่อถูกเทลง
  สู่ก้นแม่น้ำลึกอย่างแม่น้ำเจ้าพระยา หอยก็จมน้ำตายได้
  เหมือนกัน 
    - นกกระติ๊ดจะสูญพันธุ์ในไม่ช้า เพราะคนจับมาเบียด
  เสียดในกรงแคบ บางตัวแข้งขาหักตายคากรง ส่วนที่
  เหลือซึ่งบินจากไปก็บอบช้ำเกินกว่าจะรอดชีวิต และบ้าง
  ก็ไม่มีแหล่งหากินในเมืองต้องตายในที่สุด 
    - เต่าเป็นสัตว์เลื้อยคลาน แต่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า
  เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และเมื่อถูกปล่อยลงแม่น้ำที่ไม่มีสิ่ง
  ใดให้ยึดเกาะ  เต่าก็จะต้องว่ายน้ำต่อไปจนกว่าจะขาด
  ใจตาย เพราะเหนื่อยและหมดแรง 
    - เต่าเป็นสัตว์ที่อายุยืนที่สุดในโลก แต่ถ้าเต่าถูกปล่อย
  ในที่ที่แออัดน้ำเน่าเสียไม่มีที่เกาะ  เต่าจะ ตายอย่างทรมาน
  เพราะ อาการเจ็บป่วยที่กระดองเน่าเปื่อย และจมน้ำตาย 
  กลายเป็นสัตว์ที่น่าสงสารที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง 
                   
    ทำไมการปล่อยสัตว์ในยุคสมัยนี้จึงมีบาปมากกว่าบุญ
 1. เพราะปล่อยไม่ถูกที่ถูกทาง ทั้งสภาพความเป็นอยู่และ
      ศัตรูธรรมชาติ ทำให้สัตว์ที่ปล่อยไปไม่มีโอกาสรอดชีวิต
 2. เพราะส่งเสริมให้มีการจับสัตว์ที่อยู่ในธรรมชาติอย่าง
      ปกติสุขมากักขังหน่วงเหนี่ยว ทรมาน
 3. ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจับ กักขัง ขนส่ง และ 
      รอจำหน่าย  มีสัตว์จำนวนมากต้องตายอย่างทรมาน
      ก่อนที่จะได้รับอิสรภาพ 
 
   สิ่งมีชีวิตแม้จะเล็กเท่าฝุ่นละออง แต่นั่น 
   มันก็เท่ากับ 1 ชีวิต...
                 
    ช่วยกัน FW เมล์นี้ต่อด้วย เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าคุณทำ
  บาปกันอยู่ ไม่ได้ทำบุญ ผลบาปที่ทำกับ
  สัตว์เหล่านี้จะย้อนมาสนอง  ถ้าดูรายการทีวี
  "กรรมลิขิต" จะรู้ว่าคนที่ทำบาปกับสัตว์รับ
  ผลกรรมแบบไหน  คิดได้แล้วหยุดส่ง
  เสริมการทำบาปกันเถอะ  วิธีทำบุญมีหลายแบบ
  เยอะแยะไป 
 
        ต่อไปเราควรจะเริ่มสร้างกระแสปลูกต้นไม้
  ทำบุญกันดีกว่า เพราะสร้างที่อยู่ให้สัตว์
  ได้อาศัย สร้างอากาศบริสุทธิ์ให้คนได้หายใจ 
  เป็นการทำบุญแบบต่อชีวิต  แถมสิ่งแวด
  ล้อมดี ลดภาวะโลกร้อนได้อีกต่างหาก....


เพื่อน ๆ สมาชิก มีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ คะ
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น

ISSARAPAP

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 129
  • โดดเดี่ยว แต่ไม่เดียวดาย สัจจะธรรมแท้ ไม่มีสูตร
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
มองต่างมุมสักนิด นะครับ คุณ fasai

ผมว่าลองมองลูกโซ่ ความจำเป็น ด้วยเหตุปัจจัย ได้หรือป่าวครับ

เพราะผมเคยถามพระจีนที่ทานเจ ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ มาแล้ว

ด้วยคำถามว่า

สมมุติ ว่าเราเลิกซื้อ เนื้อสัตว์ทั่วโลก คนที่จะต้องตกงาน การจากการขายเนื้อสัตว์ น่าจะมีมากโข

ธุรกิจเรื่อง เนื้อสัตว์ ไม่ว่า ปศุสัตว์ ฟาร์มวัว ควาย ไก่ เป็ด ห่าน นก ปลา หมู เป็นต้น

คนเหล่านี้มีจำนวนมาก จะไปทำอะไรกิน ถ้าไม่มีที่นา ที่ไร่ บ่วงแห่งชีวิต จะต้องกระเทือน

ถ้าพิจารณา ให้ดี

วัว ควาย กิน หญ้าได้

เสือ สิงห์โต จะกินได้ไหม

งู กิน กบ กิน เขียด

ทั้งหมดนี้เรียกว่า บ่วงโซ่แห่งชีวิต ถ้าเปลี่ยนมีผลกระทบกับความเป็นอยู่

ผมยังยกอีกยาวครับ


   พระ ท่านตอบว่า บ่วง ที่คุณกล่าวนั้นกว้างไป  เพราะการหยุด อยู่ที่ตัวคุณ

 ผมเอง อึ้งกิ่มกี่ เลยครับเพราะ ผมฟังเข้าใจว่า

  ที่จริง ผมกล่าวอ้างเหตุผล วุ่นวายไปหมด ซึ่งผมจะเกี่ยว หรือ ไม่เกี่ยว กับบ่วงนั้น

 แต่ถ้าวันนี้ผมทานเจ ในวัด ผมก็จะหยุด ได้ 1 มื้อ ครับ


ดังนั้น การปล่อยปลา ปล่อยนก ปล่อยเต่า ปล่อยสารพัดปล่อย

ผมว่า ถ้า ศรัทธา ที่จะทำก็ทำครับ เพราะถ้าไม่ทำก็ไม่มีใครทำ

บ่วงที่กล่าวมา บางทีก็เป็นเหตุ และ ผล

เหมือนหมอ ที่คนไข้ ที่ปางตาย หรือ รู้ว่าตายแน่ ๆ คุณหมอ พยาบาล จะหยุด ช่วยชีวิตคนพวกนั้นก็หามิได้

กับพยายามช่วย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าช่วยไม่ได้



ในเมื่อคุณ fasai นั้นมีศรัทธา ด้วยกำลังทรัพย์ ขนาดนั้น ต้องการช่วยชีวิตสัตว์

ถ้ามัวแต่ ไปนึกถึงเหตุ ตรงนั้นมาก ก็สะดุดครับ

ทุกสิ่ง ทุกอย่าง มีเหตุ ปัจจัย ในตัว เป็นสิ่งที่ต้องปรากฏรู้ได้ด้วยใจ ครับ


บันทึกการเข้า
ความสันโดษ เป็นบรมสุข

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

พระพุทธเจ้า ตรัสว่า "ธรรมทั้งหลายล้วนเกิดแต่เหตุ"

การดับเหตุได้ สิ่งทั้งหลายก็จะไม่เกิด


อกุศลกรรมต่างๆที่เราได้ทำมาหลายภพหลายชาติ

เราไม่สามารถจะรู้ได้เลย

ยกเว้นผู้มีญาณทัสสนะอันยิ่งเท่านั้น จึงจะทราบได้



การปล่อยนกปล่อยปลา มีเจตนาที่จะหนีกรรมเท่านั้น

ไม่สามารถทำให้เป็นอโหสิกรรมได้


การจะทำให้เกิดอโหสิกรรมได้นั้น

จำเป็นต้องรู้ต้นเหตุของกรรมเสียก่อน

ต้นเหตุของกรรมก็คือ เจ้ากรรมนายเวรนั่นเอง

การที่เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรมให้เรา


จะทำให้กรรมสลายตัวไป


แต่ไม่ได้เป็นเช่นนี้ในทุกกรณี

(กรรมเป็นเรื่องอจินไตย ละเอียดและเข้าใจยากเกินที่จะคิดได้)

ดังเช่น อนันตริยกรรม ถึงแม้จะได้รับการอโหสิกรรม

แต่นรกอเวจี ไม่อโหสิด้วย



ขอให้ธรรมคุ้มครอง
 :25:

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุ กับความเห็น ของเพื่อน สมาชิก ทุกท่านคะ

 :25:
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น