อริยสัจสี่ คือ ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรง ตรัสรู้
อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าชายสิทธัตถะเปลี่ยนสถานะจากนักบวชผู้หนึ่ง
เป็น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคืนเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เมื่อ ๒๖๐๐ ปีก่อน
อริยสัจสี่ เป็นธรรมะที่เป็นแก่นเป็นแกนของคำสอนทั้งมวญในพระพุทธศาสนา
อริยสัจสี่ คือที่มาของคำสอนทั้งหมดทั้งมวญในพระพุทธศาสนา
หากปราศจากซึ่งคำสอนใน อริยสัจสี่ แล้วศาสนาพุทธก็ไม่มีในโลก
อริยสัจสี่ คือธรรมที่พุทธศาสนิกชนควรเรียนรู้ให้เกิดความเข้าใจ
และถือปฏิบัติตามควรแต่ละบุคคล ที่มีสถานะต่าง ๆ กันไป จึงควรแก่การเรียกตนว่า
พุทธศานิกชนอย่างถูกตรง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1.) เวลาปฐมยาม ทรงได้ปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ ความรู้เป็นเหตุให้ระลึกชาติได้
2.) เวลามัชฌิมยาม ทรงได้จุตูปปาตญาณ (ทิพยจักษุญาณ) คือรู้เรื่องเกิด-ตายของสัตว์ทั้งหลายว่า เป็นไปตามกรรมที่ตนกระทำไว้
3.) เวลาปัจฉิมยาม ทรงได้ อาสวักขยญาณ คือ ความรู้ที่ทำให้สิ้นอาสวะหรือกิเลส หมายถึง ตรัสรู้อริยสัจ4
- อาสวักขยญาณที่ทรงได้ ทำให้ทรงพิจารณาถึงขันธ์ 5 และใช่แห่งความเป็นเหตุที่ เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท
อันเป็นต้นทางให้เขาถึงอริยสัจ 4
- เมื่อพระองค์ทรงรู้เห็นแล้ว จึงละ อุปาทาน และ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตรัสรู้ซึ่ง ความจริงอันประเสริฐ สี่อย่าง..
ความจริงอันประเสริฐคือ ทุกข์
ความจริงอันประเสริฐคือ เหตุให้เกิดทุกข์
ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือของทุกข์
ความจริงอันประเสริฐคือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์
มรรค มีองค์แปด (องค์ประกอบของมรรคมีแปดข้อ)
1. สัมมาทิฏฐิ-ความเห็นถูกตรง
2. สัมมาสังกัปปะ-ความดำริถูกตรง
3. สัมมาวาจา-มีวาจาถูกตรง
4. สัมมากัมมันตะ-ทำการงานชอบ
5. สัมมาอาชีวะ-เลี้ยงชีพชอบ
6. สัมมาวายามะ-พยายามชอบ
7. สัมมาสติ-มีสติระลึกชอบ และ
8. สัมมาสมาธิ-มีสมาธิชอบ
มรรคมีองค์แปด
ย่อลงเหลือสาม คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
ย่อลงอีกเหลือสอง คือ สมถ วิปัสนา
ย่อลงอีกเหลือหนึ่ง คือ อาณาปานสติ