ในกระบวนเทศน์มหาชาติซึ่งมีมาช้านานแล้ว ตั้งแต่สมัยกรุง
ศรีอยุธยาเป็นต้นมา และตกทอดมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ นั้น
พระมงคลเทพมุนี (เอี่ยม) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม
บางกอกใหญ่ ตั้งแต่เมื่อครั้งยังดำรงสมณศักดิ์ พระครูพจนโกศล (เอี่ยม) นั้น
ถือว่า ท่านเป็นสุดยอดนักเทศน์มหาชาติฝีปากเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ก่อนอื่น ควรมาทำความรู้จักกับประวัติการเทศน์มหาชาติ และ
ประวัติและผลงานของท่าน พอสังเขป ดังนี้
ประวัติการเทศน์มหาชาติ
ในเรื่องพระมาลัยคำหลวงซึ่งเป็นพระ นิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์
ได้กล่าวถึงพระมาลัย ซึ่งเป็นพระเถระองค์หนึ่งแห่งโรหนคาม ลังกาทวีป เป็น
พระอรหันต์ที่มีอิทธิฤทธิ์มาก มักจะไปโปรดสัตว์ในเมืองนรกเนือง ๆ ครั้งหนึ่ง
พระมาลัยเถระได้รับดอกบัวจากชายผู้หนึ่ง จะนำไปบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์
ชั้นดาวดึงส์ ระหว่างที่พระมาลัยนั่งคอยเพื่อจะเฝ้าพระศรีอาริยเมตไตรยนั้น ก็มี
เทพยดาทยอยกัน มานมัสการพระเจดีย์จุฬามณี ทรงทราบว่าพระมาลัย มาจาก
ชมพูทวีป จึงตรัสถามว่าชาวชมพูทวีปทำกุศลอย่างไรบ้าง พระมาลัยทูลตอบ
ว่า
“บางคนครองศีลไซร้ บางคนให้ทำทาน ทำอุโบสถสถานสถูป บ้าง
ทำพระวิหารพระชินราช บ้างทำอาวาสในเมือง” และยังทูลต่อไปว่า “ชาวชมพู
ทวีปทำบุญกุศลก็เพื่อหวังพบพระศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตรยทั้งสิ้น”
พระศรีอาริยเมตไตรยได้ทรงฟังดังนั้นจึงให้ พระมาลัยมาบอกแก่
ชาวโลกว่า “ให้ทำมหาชาติเนืองนันต์ เครื่องสิ่งละพันจงบูชาให้จบ
ทิวาวันนั้น ตั้งประทีปพันบูชา ดอกปทุมาถ้วนพัน.........”
อาจเป็นด้วยคำพูดของพระศรีอาริย์ตอนนี้เอง จึงเกิดความเชื่อ
กันมาตลอดว่า “การฟังเทศน์มหาชาติ ให้จบในวันเดียวกันจะได้บุญมาก และ
จะได้พบกับพระศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตรยในที่สุด” พระศรี
อาริย-เมตไตรยตรัสว่า พระองค์จะเสด็จมาอุบัติเมื่อสิ้นพุทธกาล คือ พ.ศ
๕๐๐๐
มหาเวสสันดรชาดกฉบับภาษาบาลีประกอบด้วยพระคาถา
(ฉันท์ชนิดหนึ่งชื่อปัฐยาวัตตฉันท์) จำนวน ๑,๐๐๐ พระคาถา จึงเรียกเป็น
สำนวนชาวบ้านว่า “เทศน์คาถาพัน”
ประเพณีการเทศน์มหาชาติของราษฎรนั้นปรกติมีระหว่างเดือน
๑๒ กับเดือนอ้าย (ตามปฏิทินจันทรคติ) อุบาสกอุบาสิกามักรับเป็นเจ้าของ
กัณฑ์เทศน์คนละ ๑ กัณฑ์ ผู้ใดรับเป็นเจ้าของกัณฑ์ใด ก็จัดเครื่องบูชาและ
เมื่อถึงเวลาเทศน์กัณฑ์นั้นก็ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพ เจ้าของกัณฑ์มักจะประกวด
กันในการจัดเครื่องบูชาดอกไม้ธูปเทียนสำหรับถวายพระนั้น จัดเป็นชุดตาม
จำนวนพระคาถาในกัณฑ์ที่เป็นเจ้าของ เทศน์มหาชาติเป็นการบำเพ็ญกุศลที่
ครึกครื้นในรอบปี
ที่มา :
http://poobpab.com/content/vessandon/wess3.htm-ขอขอบคุณ