ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระโสดาบัน มี กี่ประเภท ครับ และ พระโสดาบัน กลับมาเกิดมาเป็นมนุษย์ มีหรือไม่ครับ  (อ่าน 23461 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1

พระโสดาบัน มี กี่ประเภท ครับ และ พระโสดาบัน กลับมาเกิดมาเป็นมนุษย์ มีหรือไม่ครับ


 thk56 thk56 thk56
บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
โสดาบัน 3 (ท่านผู้บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว, ผู้แรกถึงกระแสอันนำไปสู่พระนิพพาน แน่ต่อการตรัสรู้ข้างหน้า)
    1. เอกพีชี (ผู้มีพืชคืออัตตภาพอันเดียว คือ เกิดอีกครั้งเดียว ก็จักบรรลุอรหัต)
    2. โกลังโกละ (ผู้ไปจากสกุลสู่สกุล คือ เกิดในตระกูลสูงอีก 2-3 ครั้ง หรือเกิดในสุคติอีก 2-3 ภพ ก็จักบรรลุอรหัต)
    3. สัตตักขัตตุงปรมะ (ผู้มีเจ็ดครั้งเป็นอย่างยิ่ง คือ เวียนเกิดในสุคติภพอีกอย่างมากเพียง 7 ครั้ง ก็จักบรรลุอรหัต)

_______________________________________________________________________
อ้างอิง : องฺ.ติก. 20/528/302; องฺ.นวก. 23/216/394; องฺ.ทสก. 24/64/129/; อภิ.ปุ. 36/47-49/147.


 ans1 ans1 ans1

สอุปาทิเสสสูตร(ยกมาแสดงบางส่วน)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต

 
   อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีลกระทำพอประมาณในสมาธิ ในปัญญา
  บุคคลนั้นเป็นเอกพีชี เพราะสังโยชน์สิ้นไป บังเกิดยังภพมนุษย์นี้ครั้งเดียว จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
   ดูกรสารีบุตร นี้บุคคลจำพวกที่ ๗ ผู้เป็นสอุปาทิเสสะกระทำกาละ พ้นจากนรก พ้นจากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน พ้นจากเปรตวิสัยพ้นจากอบาย ทุคติ และวินิบาต

   อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีลกระทำพอประมาณในสมาธิ ในปัญญา
   บุคคลนั้นเป็นโกลังโกละ เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป ท่องเที่ยวอยู่ ๒-๓ ตระกูล แล้วจะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
   ดูกรสารีบุตร นี้บุคคลจำพวกที่ ๘ ... ฯ

   อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีลกระทำพอประมาณในสมาธิ ในปัญญา
   บุคคลนั้นเป็นสัตตักขัตตุปรมโสดาเพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป ท่องเที่ยวอยู่ยังเทวดาและมนุษย์ ๗ ครั้งเป็นอย่างยิ่งแล้วจะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
    ดูกรสารีบุตร นี้บุคคลจำพวกที่ ๙ ... ฯ

_____________________________________________
http://www.84000.org/tipitaka/read/?23/216/394


 ans1 ans1 ans1

เสขสูตรที่ ๓ (ยกมาแสดงบางส่วน)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล เป็นผู้ทำพอประมาณในสมาธิ เป็นผู้ทำพอประมาณในปัญญา เธอย่อมล่วงสิกขาบทเล็กน้อยบ้าง ย่อมออกจากอาบัติบ้าง
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะไม่มีใครกล่าวความเป็นคนอาภัพ เพราะเหตุล่วงสิกขาบทนี้แต่ว่าสิกขาบทเหล่าใด เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ สมควรแก่พรหมจรรย์ เธอเป็นผู้มีศีลยั่งยืน และมีศีลมั่นคงในสิกขาบทเหล่านั้น สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
    เธอเป็นพระสัตตักขัตตุปรมโสดาบัน เพราะสังโยชน์ ๓ หมดสิ้นไปท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์อย่างมากเจ็ดครั้ง แล้วจักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
    เธอเป็นพระโกลังโกละโสดาบัน เพราะสังโยชน์ ๓ หมดสิ้นไป ท่องเที่ยวไปสู่๒ หรือ ๓ ตระกูล (ภพ) แล้วจักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
    เธอเป็นพระเอกพิชีโสดาบัน เพราะสังโยชน์ ๓ หมดสิ้นไป มาเกิดยังภพนี้ภพเดียวเท่านั้นแล้ว จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้

__________________________________________________________________
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=6161&Z=6197




เอกาภิญญาสูตร ความเป็นพระอริยบุคคลระดับต่างๆ (ยกมาแสดงบางส่วน)
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑


    เป็นพระโสดาบันผู้เอกพิชี เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของพระสกทาคามี
    เป็นพระโสดาบันผู้โกลังโกละ เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของพระโสดาบันผู้เอกพิชี
    เป็นพระโสดาบันผู้สัตตักขัตตุปรมะ เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของพระโสดาบันผู้โกลังโกละ
    เป็นพระโสดาบันผู้ธัมมานุสารี เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าพระโสดาบันผู้สัตตักขัตตุปรมะ
    เป็นพระโสดาบันผู้สัทธานุสารี เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของพระโสดาบันผู้ธัมมานุสารี.

__________________________________________________________________
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=19&A=5357&Z=5374


 ans1 ans1 ans1

เอกกนิทเทส (ยกมาแสดงบางส่วน)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๖ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๓ ธาตุกถา-ปุคคลบัญญัติปกรณ์


    [๔๕] บุคคลชื่อว่าธัมมานุสารี เป็นไฉน
            ปัญญินทรีย์ของบุคคลใด ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผลมีประมาณยิ่ง บุคคลนั้นย่อมอบรมซึ่งอริยมรรคอันมีปัญญาเป็นเครื่องนำมา มีปัญญาเป็นประธานให้เกิดขึ้น บุคคลนี้เรียกว่า ธัมมานุสารี บุคคลผู้ปฏิบัติแล้ว เพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ชื่อว่าธัมมานุสารี บุคคลผู้ตั้งอยู่แล้วในผล ชื่อว่าทิฏฐิปัตตะ


    [๔๖] บุคคลชื่อว่าสัทธานุสารี เป็นไฉน
           สัทธินทรีย์ของบุคคลใดผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล มีประมาณยิ่ง อบรมอริยมรรคมีสัทธาเป็นเครื่องนำมา มีสัทธาเป็นประธานให้เกิดขึ้น บุคคลนี้เรียกว่า สัทธานุสารีบุคคล ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผลชื่อว่าสัทธานุสารี ผู้ตั้งอยู่แล้วในผล ชื่อว่าสัทธาวิมุต


    [๔๗] บุคคลชื่อว่าสัตตักขัตตุปรมะ เป็นไฉน
           บุคคลบางคนในโลกนี้ เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสัญโญชน์ทั้ง ๓ เป็นโสดาบัน มีอันไม่ไปเกิดในอบายเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง จะได้ตรัสรู้ในเบื้องหน้า บุคคลนั้นจะแล่นไปท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ ๗ ชาติ แล้วทำที่สุดทุกข์ได้ บุคคลนี้เรียกว่า สัตตักขัตตุปรมะ


    [๔๘] บุคคลชื่อว่าโกลังโกละ เป็นไฉน
           บุคคลบางคนในโลกนี้ เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสัญโญชน์ทั้ง ๓ เป็นโสดาบัน มีอันไม่ไปเกิดในอบายเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงจะได้ตรัสรู้ในเบื้องหน้า บุคคลนั้นจะแล่นไปท่องเที่ยวไปสู่ตระกูลสองหรือสาม แล้วทำที่สุดทุกข์ได้ บุคคลนี้เรียกว่า โกลังโกละ


    [๔๙] บุคคลชื่อว่าเอกพิชี เป็นไฉน
           บุคคลบางคนในโลกนี้ เพราะความสิ้นไปรอบแห่งสัญโญชน์ทั้ง ๓ มีอันไม่ไปเกิดในอบายเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง จะได้ตรัสรู้ในเบื้องหน้า บุคคลนั้นเกิดในภพมนุษย์อีกครั้งเดียว แล้วทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ บุคคลนี้เรียกว่า เอกพิชี

__________________________________________________________________
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=36&A=2734&Z=2939
ขอบคุณภาพจาก
http://www.sil5.net/
http://www.84000.org/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อรรถกถา สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค อินทริยสังยุตต์ ฉฬินทริยวรรคที่ ๓
๔. เอกาภิญญาสูตร

     อรรถกถาเอกาภิญญาสูตรที่ ๔                   
     พึงทราบความคละปนกันโดยวิปัสสนาด้วยคำว่า ตโต มุทุตเรหิ คือ อินทรีย์ทั้ง ๕ อย่างที่สมบูรณ์แล้ว ก็ย่อมชื่อว่าวิปัสสนานินทรีย์ของอรหัตมรรค. อ่อนกว่านั้นก็เป็นของอันตราปรินิพพายี ฯลฯ ชื่อว่าเป็นวิปัสสนานินทรีย์ของอุทธังโสโตอกนิฏฐคามี.

     แม้ในฐานะนี้ ก็พึงชักเอาแต่ความเจือปนกันทั้งห้าอย่างที่ตั้งอยู่ในอรหัตมรรคออกตามนัยก่อนเหมือนกัน. และในที่นี้ต้องชักเอาความเจือปนห้าอย่างออกมาเหมือนที่ตั้งอยู่ในสกทาคามิมรรค ต้องชักเอาความเจือปนสามอย่างออกมาตามนัยก่อนนั่นแหละ. ก็วิปัสสนินทรีย์แห่งโสดาปัตติมรรคอ่อนกว่าวิปัสสนินทรีย์ของสกทาคามิมรรค และวิปัสสนินทรีย์ของมรรคของเอกซีพีเป็นต้น ก็อ่อนกว่าวิปัสสนินทรีย์เหล่านั้นของโสดาปัตติมรรค.

     และก็พึงทราบวินิจฉัยในคำว่า เอกพีซี มีพืชเดียว นี้ต่อไป
     บุคคลใดได้เป็นพระโสดาบันแล้ว ละเพียงอัตภาพเดียวเท่านั้น แล้วสำเร็จเป็นพระอรหันต์ บุคคลนี้ชื่อเอกพีซี.
     สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า (๑-)
     ก็แล เอกพีซีบุคคล เป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เพราะสังโยชน์ ๓ หมดไปอย่างสิ้นเชิง จึงเป็นพระโสดาบัน ซึ่งไม่มีความตกต่ำเป็นธรรมดา เที่ยงแท้ มุ่งหน้าแต่จะตรัสรู้ ท่องเที่ยวไปสู่ภพมนุษย์อีกครั้งเดียวเท่านั้นแล้ว ก็จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ บุคคลนี้เรียกว่า เอกพีซี.

____________________________
(๑-) อภิ. ปุ. เล่ม ๓๖/ข้อ ๔๙

     ans1 ans1 ans1

     ส่วนบุคคลใดท่องเที่ยวไปสองสามภพแล้ว จึงจะทำที่สุดทุกข์ได้ บุคคลนี้ชื่อโกลังโกละ ผู้ออกจากตระกูลไปสู่ตระกูล.
     สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า (๒-)
     ก็แล โกลังโกลบุคคล เป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เพราะสังโยชน์ ๓ หมดไปอย่างสิ้นเชิง จึงเป็นพระโสดาบัน ซึ่งไม่มีความตกต่ำเป็นธรรมดา แน่นอนมุ่งหน้าแต่จะตรัสรู้ เขาเที่ยววิ่งไปอีกสองหรือสามตระกูลแล้ว จึงจะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ บุคคลนี้เรียกว่า โกลังโกละ.

____________________________
(๒-) อภิ. ปุ. เล่ม ๓๖/ข้อ ๔๘

     พึงทราบว่า ตระกูล ในพระพุทธดำรัสนั้น ได้แก่ ภพ. และคำว่า สองหรือสาม นี้สักว่าเป็นการแสดงในที่นี้เท่านั้น เพราะผู้ท่องเที่ยวไปจนถึงภพที่ ๖ ก็ยังเป็นโกลังโกละอยู่นั่นเอง.
     ผู้ที่เกิดขึ้นอีกอย่างมากก็แค่เจ็ดครั้ง ไม่ถือเอาภพที่แปด นี้ชื่อสัตตักขัตตุปรมะ มีเจ็ดครั้งเป็นอย่างยิ่ง.
     สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า (๓-)
     ก็แล สัตตักขัตตุปรมบุคคล เป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไปอย่างสิ้นเชิง จึงเป็นพระโสดาบันที่ไม่มีความตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้แน่นอน มุ่งหน้าแต่จะตรัสรู้ เขาท่องเที่ยวไปสู่เทพและมนุษย์ อีก ๗ ครั้งแล้ว จึงจะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ บุคคลนี้เรียกว่า สัตตักขัตตุปรมะ.

____________________________
(๓-) อภิ. ปุ. เล่ม ๓๖/ข้อ ๔๗

    ก็แล ฐานะของท่านเหล่านั้น ย่อมมีได้ด้วยอำนาจชื่อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงถือเอาแล้ว คือพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงถือเอาชื่อของท่านเหล่านี้ว่า ผู้ถึงฐานะเท่านี้เป็นเอกพีซี เท่านี้เป็นโกลังโกละ เท่านี้เป็นสัตตักขัตตุปรมะ. ส่วนที่กำหนดตายตัวลงไปว่า นี้เป็นเอกพีซี นี้เป็นโกลังโกละ นี้เป็นสัตตขัตตุปรมะ ไม่มี.




    ถามว่า ก็ใครกำหนดประเภทเท่านั้นเท่านี้ของท่านเหล่านั้นลงไป.
    ตอบว่า ก็พระเถระบางท่านกล่าวว่า บุรพเหตุกำหนดลงไป บ้างก็ว่าปฐมมรรค บ้างก็ว่ามรรค ๓ ข้างบน บ้างก็ว่าวิปัสสนาแห่งมรรคทั้ง ๓ กำหนดลงไป.

    ในวาทะที่ว่า บุรพเหตุกำหนดลงไปนั้น อุปนิสัยแห่งปฐมมรรคย่อมชื่อเป็นอันท่านได้กระทำไว้แล้ว ย่อมพ้องกับคำว่า มรรค ๓ ข้างบน ก็เป็นอุปนิสัยที่เกิดแล้ว.
    ในวาทะที่ว่า ปฐมมรรคกำหนดลงไป ก็จะไปติดกับข้อที่ว่ามรรค ๓ ข้างบนหาประโยชน์อะไรไม่ได้. ในวาทะที่ว่า มรรค ๓ ข้างบนกำหนดลงไป ก็จะไปพ้องกับข้อว่า เมื่อปฐมมรรคยังไม่เกิดขึ้นเลย มรรค ๔ ข้างบนก็เกิดขึ้นแล้ว.

     ส่วนวาทะที่ว่า วิปัสสนาแห่งมรรคทั้งสามย่อมกำหนดลงไป ถูก.
     เพราะว่า หากวิปัสสนาแห่งสามมรรคข้างบนมีกำลังพอ ก็ย่อมชื่อว่าเป็นเอกพีซี. ที่อ่อนกว่านั้นก็เป็นโกลังโกละ. ที่อ่อนกว่านั้นอีกก็เป็นสัตตักขัตตุปรมะ ด้วยประการฉะนี้.

      :96: :96: :96:

     จริงอยู่ พระโสดาบันบางท่านยังมีอัธยาศัยในวัฏฏะ ชอบวัฏฏะจึงท่องเที่ยวอยู่ในวัฏฏะนั่นแหละอยู่ร่ำไป.
     อนาถปิณฑิกเศรษฐี วิสาขาอุบาสิกา จุลลรถเทพบุตร มหารถเทพบุตร อเนกวรรณเทพบุตร ท้าวสักกเทวราช นาคทัตตเทพบุตร ท่านเหล่านี้เท่านี้แหละยังมีอัธยาศัยในวัฏฏะ ชอบวัฏฏะ ต้องชำระเทวโลกหกชั้นตั้งแต่ต้น แล้วดำรงอยู่ในชั้นอกนิฏฐพรหมโลก จึงจะปรินิพพาน ท่านเหล่านี้ไม่ถือเอาในกรณีนี้.

  ไม่ใช่แต่ท่านเหล่านี้เท่านั้น ผู้ที่ท่องเที่ยวอยู่ในมนุษย์เท่านั้น ครบเจ็ดครั้งแล้ว จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์ก็ดี
  ผู้ที่เกิดในเทวโลกแล้วเที่ยวไปเที่ยวมาแต่ในเทวโลกเท่านั้นจนครบเจ็ดครั้งแล้ว จึงจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ก็ดี
  แม้ท่านพวกนี้ก็ไม่ถือเอาในที่นี้ แต่ในที่นี้ถือเอาแต่ผู้ที่บางทีก็ท่องเที่ยวไปในมนุษย์ บางทีก็ในเทวดาแล้วสำเร็จเป็นพระอรหันต์เท่านั้น
  เพราะฉะนั้น คำว่า สัตตักขัตตุปรมะ นี้ พึงทราบว่า ในที่นี้ทรงแสดงชื่อของพระโสดาบันประเภทสุกขวิปัสสกที่ปะปนอยู่ในพระอริยบุคคลทั้ง ๘ หมวด.

      :25: :25: :25:

    สำหรับในบทว่า ธมฺมานุสารี ผู้ไปตามธรรม สทฺธานุสารี ผู้ไปตามความเชื่อถือ นี้หมายความว่า ในศาสนานี้ มีธุระสองอย่าง คือ ศรัทธาธุระ ปัญญาธุระ ความตั้งมั่นสองอย่างคือ ตั้งมั่นในศรัทธา ตั้งมั่นในปัญญา สำหรับผู้ที่จะให้โลกุตรธรรมเกิดขึ้น.

     ในธุระและความตั้งมั่นเหล่านั้น ภิกษุใด ถ้าอาจให้เกิดขึ้นด้วยศรัทธาได้ แล้วทำศรัทธาธุระว่า เราจะให้โลกุตรธรรมเกิดขึ้น แล้วยังโสดาปัตติมรรคให้เกิดขึ้นมาได้ ภิกษุนั้นย่อมเป็นผู้ชื่อว่าสัทธานุสารี ผู้ไปตามความเชื่อถือในขณะแห่งมรรค.
     ส่วนในขณะแห่งผลก็ชื่อว่า สัทธาวิมุต เป็นผู้หลุดพ้นด้วยความเชื่อถือ แบ่งเป็นสามพวกคือ เอกพีซี เป็นผู้มีพืช (การเกิด) ครั้งเดียว โกลังโกละ ผู้จากตระกูลสู่ตระกูล สัตตักขัตตุปรมะ ผู้อย่างมากก็เจ็ดครั้ง.

     ในบุคคลเหล่านี้ บุคคลแต่ละคนย่อมถึงสี่พวกด้วยอำนาจแห่งทุกขาปฏิปทาเป็นต้น ฉะนั้น ด้วยศรัทธาธุระจึงมีอยู่ ๑๒ พวก.
     ส่วนภิกษุใด ถ้าอาจให้เกิดด้วยปัญญาได้แล้วทำปัญญาธุระว่า เราจะให้โลกุตรธรรมเกิดขึ้น แล้วยังโสดาปัตติมรรคให้เกิดขึ้นมาได้

     ภิกษุนั้น ในขณะแห่งมรรค ย่อมเป็นผู้ชื่อว่าธัมมานุสารี ผู้ไปตามธรรม. ส่วนในขณะแห่งผล ก็ชื่อว่าปัญญาวิมุต เป็นผู้หลุดพ้นด้วยความรู้แจ่มชัด ซึ่งแบ่งเป็น ๑๒ พวกต่างด้วยพระอริยบุคคลมีเอกพีซีเป็นต้นด้วยประการฉะนี้ พระโสดาบันที่ดำรงอยู่ในมรรค ๒ ก็รวมเป็น ๒๔ พวกไปในขณะแห่งผล.

      st12 st12 st12

    เล่ากันมาว่า พระติสสเถระผู้ชำนาญพระไตรปิฎก คิดว่า เราจะชำระปิฎกทั้งสาม จึงไปสู่ฝั่งอื่น. มีกุฏุมพีคนหนึ่ง บำรุงท่านด้วยปัจจัย ๔ พระเถระกล่าวว่า อุบาสก เราจะไปในเวลามา.
     กุฏุมพี. ที่ไหนครับ.
     เถระ. สำนักอาจารย์และอุปัชฌาย์ของอาตมา.
     กุฏุมพี. กระผมไปด้วยไม่ได้หรอกครับ ก็แล กระผมรู้คุณพระศาสนาได้ ก็เพราะอาศัยพระคุณท่าน ลับหลังท่านแล้วกระผมจะเข้าไปหาภิกษุแบบไหนได้เล่า.

     ลำดับนั้น พระเถระได้บอกเขาว่า ภิกษุใดที่สามารถเพื่อจะชี้พระโสดาบัน ๒๔ พวก พระสกทาคามี ๑๒ พวก พระอนาคามี ๔๘ พวก พระอรหันต์ ๑๒ พวก แล้วแสดงธรรมได้ ท่านควรบำรุงภิกษุเห็นปานนั้นเถิด.
     ดังที่กล่าวมานี้ จึงเป็นอันว่าในพระสูตรนี้ พระองค์ได้ทรงแสดงวิปัสสนาไว้ด้วยประการฉะนี้.

               จบอรรถกถาเอกาภิญญาสูตรที่ ๔   
   
       
_______________________________________________________
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=19&i=899
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 05, 2013, 07:52:32 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ทุติยปัณณาสก์ สมณวรรคที่ ๔
๗. เสขสูตรที่ ๓
(ยกมาแสดงบางส่วน)

    พระโสดาบัน ๒๔ เป็นต้น               
    อนึ่ง นักศึกษาพึงดำรงอยู่ในฐานะนี้ แล้วกล่าวถึงพระโสดาบัน ๒๔ จำพวก พระสกทาคามี ๑๒ จำพวก พระอนาคามี ๔๘ จำพวกและพระอรหันต์ ๑๒ จำพวก. อธิบายว่า ในศาสนานี้ มีธุระ ๒ คือ สัทธาธุระ ๑ ปัญญาธุระ ๑ มีปฏิปทา ๔ มีทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญาเป็นต้น.

    ในสัทธาธุระกับปัญญาธุระนั้น พระโสดาบันบุคคลท่านหนึ่งยึดมั่นด้วยสัทธาธุระจนได้บรรลุโสดาปัตติผล บังเกิดในภพหนึ่ง แล้วทำที่สุดทุกข์ได้ พระโสดาบันบุคคลท่านนี้จัดเป็นเอกพีชีประเภทหนึ่ง พระโสดาบันบุคคลประเภทเอกพีชีนั้นมี ๔ ประเภทด้วยอำนาจปฏิปทา.

    พระโสดาบันบุคคลประเภทเอกพีชีผู้ยึดมั่นด้วยสัทธาธุระนี้เป็นฉันใด แม้ท่านที่ยึดมั่นด้วยปัญญาธุระก็เป็นฉันนั้น รวมเป็นว่าพระโสดาบันบุคคลประเภทเอกพีชีมี ๘ ประเภท.

    พระโสดาบันประเภท โกลํโกละ และพระโสดาบันประเภท สัตตักขัตตุปรมะ ก็เหมือนกัน คือมีประเภทละ ๘ รวมเป็นว่า พระโสดาบันเหล่านี้มี ๒๔ ประเภท.


     :25: :25: :25:

    ในวิโมกข์ทั้ง ๓ พระสกทาคามีบุคคลผู้บรรลุภูมิ ของพระสกทาคามีก็มี ๔ ด้วยอำนาจปฏิปทา ๔ อนึ่ง พระสกทาคามีบุคคลผู้บรรลุภูมิของพระสกทาคามี ด้วยอนิมิตวิโมกข์ก็มี ๔ ผู้บรรลุภูมิพระสกทาคามี ด้วยอัปปณิหิตวิโมกข์ก็มี ๔ รวมเป็นว่า พระสกทาคามีเหล่านี้มี ๑๒ ประเภท.

     :96: :96: :96:

    ส่วนในพรหมโลกชั้นอวิหา พระอนาคามีมีอยู่ ๕ คือ พระอนาคามีประเภทอันตราปรินิพพายีมี ๓ พระอนาคามีประเภทอุปหัจจปรินิพพายีมี ๑ พระอนาคามีประเภทอุทธังโสโตอกนิฏฐคามี ๑. พระอนาคามีเหล่านั้นแยกเป็น ๑๐ คือ พระอนาคามีประเภท อสังขารปรินิพพายีมี ๕ พระอนาคามีประเภทสสังขารปรินิพพายีมีอีก ๕.

    ในสุทธาวาสชั้นอตัปปาเป็นต้นก็มีจำนวนเท่ากัน แต่สุทธาวาสชั้นอกนิฏฐะ พระอนาคามีประเภทอุทธังโตไม่มี. เพราะฉะนั้น ในสุทธาวาส ชั้นอกนิฏฐะนั้น จึงมีพระอนาคามี ๘ คือ พระอนาคามีประเภท สสังขารปรินิพพายีมี ๔ พระอนาคามีประเภทอสังขารปรินิพพายีมี ๔ (เหมือนกัน) รวมเป็นว่า พระอนาคามีเหล่านี้มีทั้งหมด ๔๘.


               แม้พระอรหันต์ก็พึงทราบว่ามี ๑๒ เหมือนพระสกทาคามี.
               แม้ในสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสสิกขา ๓ ไว้คละกัน.

_________________________________________________________
ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=527
ภาพจาก http://download.buddha-thushaveiheard.com/i
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 st11 st12 thk56

 ในเนื้อหา ที่อัดแน่น สมกับปราชญ์ ทีมมัชฌิมา
 ผมคงต้องอ่านหลายวัน ถึงจะมาถามต่อ

 thk56 thk56 thk56
บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา

patra

  • RDNpromote
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรมรรค
  • *
  • ผลบุญ: +100/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 971
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 st11 st12 thk56

 เป็นข้อมูลที่ยอดเยี่ยม มาก
 เพราะตอนนี้กำลังมีการพูด เรื่องโสดาบันไปในทางที่ผิด ในห้องพันทิพ เท่าที่ไปอ่านดูกล่าวว่า พระโสดาบัน ไม่กลับมาเป็นมนุษย์อีก โดยอ้างถึง พระสูตรบทหนึ่ง ว่าโสดาบันประเภท 3 ชาติ 7 ชาติ นั้น กำเนิดเป็นเทวดาอย่างเดียว แท้ที่จริงในพระสูตร มีกล่าวว่า เป็นมนุษย์ หลายพระสูตรเพียง

  thk56 thk56 thk56 ในเนื้อหา และ คำถามที่ได้ ถาม
บันทึกการเข้า
ข้าพจ้า สนับสนุนการเผยแผ่ พระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

นักเดินทาง

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 695
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากคะ เพราะความปรารถนา เบื้องต้นส่วนตัวก็คือการ เป็นพระโสดาบัน เพื่อปิดอบายภูมิ 4

 st11 st12 thk56
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ask1

พระโสดาบัน มี กี่ประเภท ครับ และ พระโสดาบัน กลับมาเกิดมาเป็นมนุษย์ มีหรือไม่ครับ


 thk56 thk56 thk56


    ans1 ans1 ans1

    ในพระสูตรแบ่งโสดาบันเป็น ๓ ประเภทหลักๆ เป็นพุทธพจน์ คือ
      - เอกพิชี
      - โกลังโกละ
      - สัตตักขัตตุงปรมะ
    พระพุทธเจ้าตรัสชัดเจนว่า โสดาบันกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ แต่ในพระไตรปิฎกไม่ปรากฏว่ามีใครเป็นโสดาบันกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ มีแต่ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต ขอให้อ่านพระสูตรนี้


       :welcome: :welcome: :welcome:

      อนาถปิณฑิโกวาทสูตร
      [๗๓๘] ต่อนั้น อนาถบิณฑิกคฤหบดีเมื่อท่านพระสารีบุตรและท่านพระอานนท์หลีกไปแล้วไม่นาน ก็ได้ทำกาลกิริยาเข้าถึงชั้นดุสิตแล ครั้งนั้น ล่วงปฐมยามไปแล้ว อนาถบิณฑิกเทพบุตรมีรัศมีงามส่องพระวิหารเชตวันให้สว่างทั่วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ แล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พอยืนเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาเหล่านี้ว่า

      พระเชตวันนี้มีประโยชน์ อันสงฆ์ผู้แสวงบุญอยู่อาศัยแล้ว อันพระองค์ผู้เป็นธรรมราชาประทับ เป็นที่เกิดปีติแก่ข้าพระองค์ สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ด้วยธรรม ๕ อย่างนี้ คือ
      กรรม ๑ วิชชา ๑ ธรรม ๑ ศีล ๑ ชีวิตอุดม ๑
      ไม่ใช่บริสุทธิ์ด้วยโคตรหรือด้วยทรัพย์

      เพราะฉะนั้นแล บุคคลผู้เป็นบัณฑิต เมื่อเล็งเห็นประโยชน์ของตน พึงเลือกเฟ้นธรรมโดยแยบคาย จะบริสุทธิ์ในธรรมนั้นได้ด้วยอาการนี้
      พระสารีบุตรนั้นแล ย่อมบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา ด้วยศีล และด้วยความสงบ ความจริงภิกษุผู้ถึงฝั่งแล้ว จะอย่างยิ่งก็เท่าพระสารีบุตรนี้ ฯ

      อนาถบิณฑิกเทวบุตรกล่าวดังนี้แล้ว พระศาสดาทรงพอพระทัย ต่อนั้นอนาถบิณฑิกเทวบุตรทราบว่า พระศาสดาทรงพอพระทัยจึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วกระทำประทักษิณ หายตัวไป ณ ที่นั้นเอง ฯ


      :s_good: :s_good: :s_good:

      จากอนาถปิณฑิโกวาทสูตร  จะเห็นว่าอนาถบิณฑิกเศรษฐีซึ่งเป็นที่รู้กันว่าท่านเป็นโสดาบัน และมีลูกสาวเป็นสกทาคามี อนาถบิณฑิกเศรษฐีตายไปจุติในสวรรค์ชั้นดุสิตเสวยทิพยสมบัติต่างๆ แต่ท่านไม่ลืมความเป็นโสดาบัน ท่านระลึกถึงพระรัตนตรัยอยู่เสมอ อยู่บนสวรรค์สะดวกสบายยังคิดถึงพระพุทธเจ้าและสารีบุตร
      พระสูตรนี้อาจยืนยันได้ว่า โสดาบันเมื่อไปจุติที่สวรรค์แล้วจะรู้ตัวว่า ตัวเองเป็นใคร
      แล้วพระสกทาคามีล่ะ ตายแล้วไปเกิดที่ไหน ขอให้อ่านพระสูตรนี้


      :sign0144: :sign0144: :sign0144:

      มิคสาลาสูตร
      [๓๑๕] ครั้งนั้น เวลาเช้า ท่านพระอานนท์นุ่งแล้วถือบาตรจีวรเข้าไปยังนิเวศน์ของอุบาสิกาชื่อมิคสาลา แล้วนั่งบนอาสนะที่ได้ปูไว้ ครั้งนั้น อุบาสิกาชื่อมิคสาลาเข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่ กราบไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ถามท่านพระอานนท์ว่า ข้าแต่ท่านพระอานนท์ ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้ ที่เป็นเหตุให้คน ๒ คน คือคนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์ จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ

     อันวิญญูชนจะพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร คือ บิดาของดิฉันชื่อปุราณะ เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ประพฤติห่างไกล งดเว้นจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้าน ท่านทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
     บุรุษชื่ออิสิทัตตะผู้เป็นที่รักของบิดาของดิฉัน เป็นผู้ไม่ประพฤติพรหมจรรย์(แต่)ยินดีด้วยภรรยาของตน แม้เขากระทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคก็ทรงพยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต

     ข้าแต่ท่านพระอานนท์ ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้ที่เป็นเหตุให้คน ๒ คน คือ คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์ จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ อันวิญญูชนจะพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร ฯ
     ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูกรน้องหญิง ก็ข้อนี้พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ไว้อย่างนั้นแล


      :25: :25: :25:

     เอาล่ะครับ ผมคงคุยเป็นเพื่อนได้เท่านี้ ขอให้ท่านที่ปรารถนาความเป็นโสดาบัน จงสำเร็จดังหวัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 09, 2013, 10:54:40 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ