แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
12483
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เร่งแก้น้ำท่วมขังวัดพระมหาธาตุฯ เมืองคอน เหตุทรายอุดตันท่อ-ระบายไม่ทัน
|
เมื่อ: ตุลาคม 22, 2015, 11:25:01 pm
|
เร่งแก้น้ำท่วมขังวัดพระมหาธาตุฯ เมืองคอน เหตุทรายอุดตันท่อ-ระบายไม่ทัน ผวจ.นครศรีธรรมราช มอบปลัดจังหวัด ประสานผู้เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังภายในวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร เหตุระบายไม่ทัน เนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนราชดำเนิน บริเวณหน้าวัดฯ ...
เมื่อวันที่ 21 ต.ค.นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เผยว่ากรณีปัญหาเกิดน้ำท่วมขังบริเวณวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในช่วงที่มีฝนตกหนักทุกครั้ง เนื่องจากระบายน้ำไม่ทันสร้างภาพไม่สวยงามให้กับวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งสาเหตุหนึ่งเกิดจากมีทรายลงไปอุดตันท่อระบายน้ำ เนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนราชดำเนินบริเวณหน้าวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารด้วย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
"โดยได้มอบหมายให้นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช และสำนักงานจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุใดบ้างทั้งบริเวณลานโพธิ์ การประกันสัญญาจ้างการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร รวมทั้งประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว" นายพีระศักดิ์ กล่าว
นายพีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะอย่างการขุดลอกเศษทรายและวัสดุต่างๆ ที่อุดตันท่อระบายน้ำ เพื่อให้น้ำไหลลงท่อระบายน้ำที่เชื่อมต่อกับของเทศบาลได้รวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม การดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนหน้าวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จะครบสัญญาจ้างช่วงเดือนธันวาคม 2558 แต่ทางจังหวัดจะเร่งรัดให้ผู้รับจ้างดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/533880
|
|
|
12484
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฝนเทระบายไม่ทัน น้ำท่วมวัดพระแก้ว เปิดเข้าชมปกติ
|
เมื่อ: ตุลาคม 22, 2015, 11:23:13 pm
|
ฝนเทระบายไม่ทัน น้ำท่วมวัดพระแก้ว เปิดเข้าชมปกติ หลังฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง กว่า 1 ชั่วโมง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่งผลน้ำท่วมภายในวัดพระแก้วหลายจุด เนื่องจากระบายไม่ทัน แต่ไม่มีการปิดสถานที่ พร้อมเปิดให้เข้าชมได้ตามปกติ ...
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 22 ต.ค. ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว บริเวณประตูทางเข้าด้านประตูสวัสดิโสภา ตรงข้ามกระทรวงกลาโหม มีปริมาณน้ำท่วมขังสูงประมาณ 15 ซม. นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีน้ำท่วมขังหลายจุด บางจุดมีระดับน้ำสูงประมาณ 20 ซม. โดยพบนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้ความสนใจยืนถ่ายรูปทำท่วมกันเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางฝนที่ยังตกโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากรู้สึกแปลกใจและไม่เคยเห็นนักท่องเที่ยวยังเข้าสักการะตามปกติ เจ้าหน้าที่ เปิดเผยว่า มีฝนตกหนักลงมาตั้งแต่ช่วงเที่ยง ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง จึงทำให้น้ำระบายไม่ทัน กระทั่งท่วมหลายจุดภายในบริเวณวัด โดยเฉพาะในจุดที่มีพื้นต่ำ แต่ภายในมีเครื่องสูบน้ำเร่งระบาย ประมาณครึ่งชั่วโมงหลังฝนตกน้ำจึงจะแห้ง แต่ไม่ได้มีการปิดสถานที่ ยังเปิดให้ประชาชนทั่วไปมาสักการะและท่องเที่ยวตามปกติ.น้ำท่วมขังบางจุด ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/534151
|
|
|
12488
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สั่ง 4 พศจ.ใต้หาข้อมูลปลอมบวช
|
เมื่อ: ตุลาคม 21, 2015, 09:33:25 pm
|
สั่ง 4 พศจ.ใต้หาข้อมูลปลอมบวช พระพรหมดิลก นำภาพถ่ายของบุคคลแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ มอบให้รองผอ.พศ.ตรวจสอบ ด้าน พศ.สั่งพศจ.สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สืบข้อเท็จจริงด่วน
วันนี้ (20 ต.ค.) ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พุทธมณฑล จ.นครปฐม มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) วาระปกติ โดยก่อนการประชุม พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการ มส. เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ได้นำภาพถ่ายของบุคคลที่อยู่ในคลิปวิดีโอที่มีการแต่งกายคล้ายพระภิกษุสงฆ์ และปลอมหนังสือสุทธิ ที่ไปนั่งดื่มเหล้าในวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา มายื่นให้แก่ น.ส.ประนอม คงพิกุล รองผอ.พศ. เพื่อดำเนินการตรวจสอบ โดยภายหลังรับเรื่อง น.ส.ประนอม กล่าวว่า ได้มอบให้ส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา ไปหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว และนำมารายงานให้ทราบต่อไป
จากนั้นภายหลังการประชุม มส. นายสมชาย สุรชาตรี โฆษกพศ. กล่าวว่า ในการประชุม มส. พระพรหมดิลก ไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือ เข้าใจว่าคงมอบให้น.ส.ประนอม โดยตรง อย่างไรก็ตามในเรื่องดังกล่าว นายพนม ศรศิลป์ ผอ.พศ. ได้สั่งการไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.) สงขลา,ปัตตานี,ยะลาและนราธิวาส ให้สืบหาข้อเท็จจริงของกรณีดังกล่าว ว่ามีการดำเนินการเป็นขบวนการหรือไม่ จากนั้นให้รายงานมายังพศ.ทราบโดยเร็ว เพื่อหาทางดำเนินการตามกฎหมายในข้อหาปลอมบวชต่อไป.ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/355648
|
|
|
12490
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อิทธิฤทธิ์ ‘หลวงปู่ดู่’ ไล่โจรกระเจิง! งัดเข้าศูนย์เช่าพระ แต่รีบเผ่นเหมือนเจอผี
|
เมื่อ: ตุลาคม 21, 2015, 09:25:22 pm
|
อิทธิฤทธิ์ ‘หลวงปู่ดู่’ ไล่โจรกระเจิง! งัดเข้าศูนย์เช่าพระ แต่รีบเผ่นเหมือนเจอผี (ชมคลิป) โจรงัดเข้าศูนย์เช่าพระ‘หลวงปู่ดู่ วัดสะแก’เกจิดังกรุงเก่า แต่แปลกที่พอมองไปที่ฝาผนังเห็นรูปหลวงปู่ดู่แขวนอยู่ โจรรีบหนีไปทันที เจ้าของกลับมาเจอประแจที่ใช้งัดร้านวางอยู่ แต่พระเครื่องไม่ถูกแตะต้อง เชื่อบารมีหลวงปู่คุ้มครอง...
เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 20 ต.ค.2558 ร.ต.ท.วิทยา ชมจอหอ ร้อยเวร สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายงัดประตูหน้าศูนย์ชมรมพระเครื่องหลวงปู่ดู่ เพื่อจะเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สิน อยู่ริมถนนสายวัดใหญ่ชัยมงคล–เจดีย์สามปลื้ม หมู่ 2 ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ พบบริเวณประตูเหล็กแบบม้วนลูกกุญแจถูกตัดจนขาด และประตูกระจกด้านในถูกงัดได้รับความเสียหาย ภายในร้านมีตู้โชว์และพระเครื่องของหลวงปู่ดู่จำนวนมากยังอยู่ครบ และไม่มีร่องรอยการรื้อค้นแต่อย่างใด ผิดจากพฤติกรรมของมิจฉาชีพทั่วไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็แปลกใจ จึงขอเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ทางร้านติดตั้งไว้กล้องวงจรปิดจับภาพ ขณะคนร้ายเข้ามาในห้อง พบว่า ช่วงเวลา 04.00 น ของวันที่ 20 ต.ค. ได้มีคนร้ายสวมใส่เสื้อผ้าชุดหมีเหมือนชุดช่าง สวมหมวก งัดประตูเข้ามาในร้าน นำประแจเลื่อนวางไว้บนเก้าอี้บริเวณตู้โชว์ เดินหายไปสักครู่ก่อนจะเดินกลับมา แต่จู่ๆคนร้ายได้มองไปที่ฝาผนัง แล้วหันหลังรีบเดินออกไปทันที เหมือนไปเจออะไรที่ทำให้ตกใจกลัวอย่างแรง โดยที่ไม่แตะต้องทรัพย์สินหรือพระเครื่องราคาแพงในตู้โชว์ ที่ส่วนใหญ่เป็นเหรียญหลวงปู่ดู่ หรือพระพรหมปัญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เกจิชื่อดังของจ.พระนครศรีอยุธยา หลวงปู่ดู่ หรือ พระพรหมปัญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา สอบถาม นายศมจรส รัตน์รัตน์ หรือ เซียนเก่ง รัตนะ อายุ 35 ปี เจ้าของชมรมพระเครื่องหลวงปู่ดู่ เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพให้เช่าพระเครื่องที่ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นหลวงปู่ดู่ วัดสะแก โดยก่อนเกิดเหตุหลังจากปิดร้านได้ออกไปทำธุระ เมื่อกลับมาที่ร้านก็พบว่ากุญแจประตูหน้าถูกตัด และคนร้ายทิ้งประแจเลื่อนเอาไว้บนเก้าอี้ในร้าน จึงรีบตรวจดูทรัพย์สิน ซึ่งทีแรกคิดว่าคงมีพระเครื่องราคาแพง และของมีค่าในร้านหายไปแน่ แต่แปลกมากที่ไม่มีอะไรหายไปเลย เมื่อดูจากล้องวงจรปิดก็เห็นคนร้ายเดินเข้ามา มองไปที่ข้างฝาผนัง ซึ่งมีรูปหลวงปู่ดู่ติดอยู่ แล้ววิ่งออกไปทันที จึงเชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของหลวงปู่ดู่ ที่ช่วยคุ้มครอง และทำให้คนร้ายตกใจกลัวรีบวิ่งออกไปดังกล่าวเซียนเก่ง รัตนะ เจ้าของร้าน เข้าตรวจสอบแต่ไม่มีอะไรหายไปเลย "สงสัยว่าคนร้ายรายนี้ น่าจะเป็นลูกค้าที่เคยมาขอชมและขอเช่าพระเครื่องหลวงปู่ดู่ของเก่า หรืออาจจะขโมยตามใบสั่ง จึงเข้ามาก่อเหตุในร้านซึ่งส่วนใหญ่จะเก็บพระเครื่องหลวงปู่ดู่ที่มีราคาสูงเอาไว้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เชื่อว่าเป็นเพราะตัวเราและสมาชิกของชมรมพระเครื่องหลวงปู่ดู่ ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของหลวงปู่ที่ท่านสอนไว้ให้เป็นคนดี รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จึงทำให้รอดจากการถูกคนร้ายที่ตั้งใจเข้ามาขโมยของ แต่ไม่เสียทรัพย์สินไปแม้แต่บาทเดียว"นายศมจรส เจ้าของศูนย์พระเครื่องหลวงปู่ดู่ กล่าว.ชมคลิปได้ที่ https://youtu.be/AMrUt_B5Tasขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/533753
|
|
|
12491
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นักวิจัย สกว.ชี้เจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา เอียง เหตุดินอ่อน-อิฐเสื่อม
|
เมื่อ: ตุลาคม 21, 2015, 09:19:53 pm
|
นักวิจัย สกว.ชี้เจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา เอียง เหตุดินอ่อน-อิฐเสื่อม องค์พระเจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล จ.อยุธยา เอียง 3.49 เมตร นักวิจัย สกว.หวั่นได้รับความเสียหาย จับมือกรมศิลปากร ศึกษาหาสาเหตุ ใช้เป็นข้อมูลบูรณะ ด้าน ผอ.สำนักสถาปัตยกรรม ยันโครงสร้างยังแข็งแรง ชงของบฯ หากพบความเสียหาย เสี่ยงถล่ม
วันที่ 20 ตุลาคม 2558 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จัดกิจกรรมสื่อสัญจรงานวิศวกรรมบูรณะโบราณสถาน วัดใหญ่ชัยมงคล และวัดไชยวัฒนาราม ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา นำโดย ศ.ดร.อมร พิมานมาศ ภาควิชาวิศวกรรมและเทคโนโลยีโยธา สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ม.ธรรมศาสตร์ และ รศ.ดร.นคร ภู่วโรดม คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ในฐานะนักวิจัย รวมถึงนายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ ผอ.สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานที่ต่าง ๆ ได้รับความเสียหาย โดยจากการสำรวจของคณะวิจัยชุดโครงการลดภัยพิบัติแผ่นดินไหวในประเทศไทย สกว. พบโบราณสถานเก่าแก่อายุหลายร้อยปีใน จ.พระนครศรีอยุธยา มีการเคลื่อนตัวขององค์เจดีย์เล็กน้อย จนอาจนำมาสู่ความเสียหายได้ หากไม่ได้รับการดูแล
โดยจุดแรก คือ การสำรวจการเอียงขององค์พระเจดีย์ วัดใหญ่ชัยมงคล เอียง 3.49 เมตร ศ.ดร.อมร พิมานมาศ กล่าวถึงสาเหตุว่า เกิดจากหลายสาเหตุรวมกัน ทั้งการทรุดตัวของชั้นดินหรือฐานอิฐที่เสื่อมสภาพ เกิดโพรง รอยแตกร้าว นอกจากนี้ปัญหาอุทกภัยก็เป็นส่วนทำให้ดินมีกำลังอ่อนลง และเร่งการทรุดตัวได้ ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นักวิจัย สกว. ด้านหน้าองค์พระเจดีย์ วัดใหญ่ชัยมงคล “โครงสร้างองค์พระเจดีย์แห่งนี้มีการก่อสร้างเน้นอิฐเป็นหลัก ในลักษณะสมมาตร ฐานใหญ่คล้ายปิระมิด ซึ่งเป็นโครงสร้างแข็งแรงที่สุดในสมัยนั้น แต่อิฐก็มีกำลังเพียง 1 ใน 10 ของคอนกรีต ทำให้การผสานกันไม่ดี เมื่อเวลาผ่านไป อิฐจึงเสื่อมสภาพ และยุบหรือทรุดตัวง่าย” นักวิจัย สกว. กล่าว และว่า ส่วนพื้นดินของ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นชั้นดินอ่อน รับน้ำหนักไม่ดี หากการกระจายไม่สมดุล จะส่งผลให้เทไปสู่จุดใดจุดหนึ่งได้ โชคดีที่องค์พระเจดีย์มีฐานใหญ่ ดังนั้น ไม่ถล่มลงมา แต่อาจสะสมการเอียงตัวเรื่อย ๆ
ศ.ดร.อมร กล่าวต่อว่า การป้องกันจะต้องหยุดการทรุดตัวและทำให้อิฐแข็งแรงมากขึ้น โดยใช้ปูนเกร๊าท์ (Grout) ซึ่งเป็นปูนอัดแรงดัน เข้าไปอุดช่องว่างของเนื้ออิฐ ทำให้เกิดการผสานกัน และใช้ซีเมนต์ปั่นกับดิน เพื่อทำให้ชั้นดินที่อ่อนตัวแข็งแรง แต่การดำเนินงานต้องวิเคราะห์ก่อนว่า การทรุดตัวที่เกิดขึ้นขององค์พระเจดีย์ในเเต่ละจุดเกิดจากอิฐเสื่อมสภาพหรือชั้นดิน เพื่อประหยัดการใช้งบประมาณในการบูรณะ
องค์พระเจดีย์ ด้านทิศตะวันออก วัดใหญ่ชัยมงคล ครั้งบูรณะ เมื่อปี 2522 กิตติพันธ์ พานสุวรรณ ผอ.สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร ด้านนายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ กล่าวว่า องค์พระเจดีย์ วัดใหญ่ชัยมงคล ยังมีความมั่นคงอยู่ จึงยังไม่มีการตั้งงบประมาณเพื่อบูรณะ ยกเว้นอาจตั้งงบประมาณเพื่อตรวจสอบหรือติดตามความเคลื่อนไหวขององค์พระเจดีย์ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญแขนงต่าง ๆ ที่มีความรู้เข้ามาช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม หากมีสิ่งบอกเหตุน่าจะก่อให้เกิดความเสียหาย ก็จำเป็นต้องบูรณะ เพื่อความมั่นคงแข็งแรงมากขึ้น
“เจดีย์จะมีความเสี่ยงได้รับความเสียหายต้องเอียงเกิน 1 ใน 3 จากจุดศูนย์กลาง จึงจะเริ่มปรับปรุงได้ แต่เราต้องดูความปลอดภัยในส่วนอื่น ๆ ประกอบด้วย แต่ปกติแล้วความเสี่ยงจะเกิดขึ้นกับเจดีย์ตั้งอยู่พื้นที่ริมน้ำหรือลาดเชิงเขามากกว่า แต่พื้นที่ราบเหมือนวัดใหญ่ชัยมงคลยังไม่พบอันตราย นอกจากกรณีฝนตกหนัก อุทกภัย” ผอ.สำนักสถาปัตยกรรม กล่าว
หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่จุดที่ 2 วัดไชยวัฒนาราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อสำรวจการเคลื่อนตัวขององค์เจดีย์และพระปรางค์ พบเจดีย์บรรจุพระอัฐิเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) พระราชโอรสองค์ใหญ่ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เกิดการสไลด์และรอยแตกของเจดีย์ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีพระปรางค์ และฐานวัด ทรุดโทรมด้วยเจดีย์บรรจุพระอัฐิเจ้าฟ้ากุ้ง เกิดรอยเเตก สไลด์จากด้านขวา นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ กล่าวถึงเจดีย์บรรจุพระอัฐิเจ้าฟ้ากุ้งควรมีการบูรณะอันดับแรกของวัดไชยวัฒนาราม ว่า สามารถใช้วิธีเสียบเหล็กมุมทะแยง เพื่อหยุดการสไลด์ของเจดีย์ หรือเลือกใช้วิธีดึงกลับให้ตรงเหมือนเดิมได้ ส่วนดึงแล้วจะพังถล่มลงมาหรือไม่ เราต้องยอมเสียบางส่วนไป ดังเช่น ฐานเจดีย์ ส่วนจะเลือกใช้วิธีใดมากที่สุด ต้องมีการศึกษาวิเคราะห์ต่อไปด้านข้างองค์พระปรางค์วัดไชยวัฒนาราม ขณะที่ รศ.ดร.นคร ภู่วโรดม กล่าวว่า วัดไชยวัฒนารามตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งน้ำใต้ดินมีผลทำให้ความแข็งแรงของดินเปลี่ยนแปลงไป ดินแห้ง ดินอ่อน ดินแห้งสลับดินอ่อน ล้วนทำให้อาคารตั้งอยู่ไม่มั่นคง ซึ่งจะพบว่า ซุ้มประตูบางส่วนของพระปรางค์มีการแยกตัวออกมาจากกำแพงวัด อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้จ้างบริษัทเข้ามาดึงให้อยู่ที่เดิมเรื่อย ๆ แต่ปัญหาก็ยังเกิดอยู่
ในอนาคตเพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ นักวิจัย สกว. ระบุว่า ควรมีการบันทึกข้อมูล ณ ปัจจุบัน ไว้ มิฉะนั้นจะตอบคำถามอะไรในอนาคตไม่ได้ แต่ปัญหา คือ กรมศิลปากรมีบุคลากรน้อย และรับผิดชอบพื้นที่กว้าง ทำให้การดำเนินงานติดขัด จึงต้องใช้งบประมาณจ้างบริษัทภายนอกแทน ส่งผลให้มีงบประมาณสูง และขาดความต่อเนื่องในการศึกษา ดังนั้น ต้องหาวิธีการให้กรมศิลปากรทำเองได้ ภายใต้เทคนิค และงบประมาณไม่สูง หรือร่วมมือกับนักวิชาการที่มีความรู้ เป็นต้น . ซุ้มประตูบางส่วนของพระปรางค์เเยกออกจากกำเเพงวัด ซึ่งปัจจุบันได้รับการบูรณะบางส่วนเเล้ว ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.isranews.org/thaireform-news-education/item/42146-ayutthaya_4214611.html
|
|
|
12492
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: การให้ทาน ละความตระหนี่ได้ จริงหรือ.?
|
เมื่อ: ตุลาคม 21, 2015, 11:09:51 am
|
สุภาษิตสอนหญิง — สุนทรภู่
มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล จงเลี้ยงท่านอย่าให้อดระทดใจ ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ ได้การุณเลี้ยงรักษามาจนใหญ่ อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไร หมายจะได้พึ่งพาธิดาดวง ถ้าเราดีมีจิตคิดอุปถัมถ์ กุศลล้ำเลิศเท่าภูเขาหลวง จะปรากฎยศยิ่งสิ่งทั้งปวง กว่าจะล่วงลุถึงซึ่งพิมาน เทพไทในห้องสิบหกชั้น จะชวนกันสรรเสริญเจริญสาร ว่าสตรีนี้เป็นยอดยุพาพาล ได้เลี้ยงท่านชนกชนนี
เหนื่อยครับ ขอพักก่อน เรื่องยังไม่จบ โปรดติดตาม.....
|
|
|
12493
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ข่มความตระหนี่ก่อน..แล้วจึงให้ทาน หรือ ให้ทานก่อนเพื่อข่มความตระหนี่..??
|
เมื่อ: ตุลาคม 21, 2015, 10:59:21 am
|
ข่มความตระหนี่ก่อน..แล้วจึงให้ทาน หรือ ให้ทานก่อนเพื่อข่มความตระหนี่..?? อันนสูตรที่ ๓ (ฉบับหลวง)
[๑๓๙] เทวดากราบทูลว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งสองพวก ต่างก็พอใจอาหารด้วยกันทั้งนั้น เออ ก็ผู้ที่ไม่พอใจอาหารชื่อว่ายักษ์โดยแท้ ฯ
[๑๔๐] พ. ชนเหล่าใดมีใจผ่องใสแล้ว ให้อาหารนั้นด้วยศรัทธา อาหารนั้นแลย่อมพะนอเขาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เพราะเหตุนั้นบุคคลพึงนำความตระหนี่ให้ปราศจากไป พึงข่มความตระหนี่ซึ่งเป็นตัวมลทินเสียให้ทาน เพราะบุญทั้งหลายเป็นที่พึ่งของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า ฯที่มา : พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๕ สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค etipitaka.com/compare/thai/thaimc/15/36/?keywords=อันนสูตรที่ ๓ ๓. อันนสูตร ว่าด้วยข้าว (ฉบับมหาจุฬาฯ)
{๑๓๙}[๔๓] เทวดากล่าวว่า เทวดาและมนุษย์ทั้งสองพวก ต่างก็พอใจข้าวด้วยกันทั้งนั้น ส่วนผู้ที่ไม่พอใจข้าว ชื่อว่ายักษ์โดยแท้
{๑๔๐} พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ชนเหล่าใดมีใจเลื่อมใสให้ข้าวนั้นด้วยศรัทธา ข้าวนั้นเองย่อมค้ำชูชนเหล่านั้นทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เพราะเหตุนั้น บุคคลพึงกำจัดความตระหนี่ ครอบงำมลทินแล้วให้ทานเถิด เพราะบุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในโลกหน้าที่มา : พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับมหาจุฬาฯ) เล่มที่ ๑๕ สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค etipitaka.com/compare/thai/thaimc/15/36/?keywords=อันนสูตรที่ ๓ ๓. อันนสูตร ว่าด้วยผลของการให้อาหาร (ฉบับมหามกุฏฯ)
[๑๓๙] เทวดากราบทูลว่า เทวดาและมนุษย์ทั้งสองพวก ต่างก็พอใจอาหารด้วยกันทั้งนั้น เออ ก็ผู้ที่ไม่พอใจอาหารชื่อว่ายักษ์โดยแท้.
[๑๔๐] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ชนเหล่าใดมีใจผ่องใสแล้ว ให้ อาหารนั้นด้วยศรัทธา อาหารนั้นแลย่อม พะนอเขาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เพราะเหตุนั้น บุคคลพึงนำความตระหนี่ออกไปเสีย พึงข่มความตระหนี่ซึ่งเป็นตัวมลทินแล้วให้ทาน เพราะบุญทั้งหลาย เป็นที่พึ่งของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า.ที่มา : พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับมหามกุฏฯ) เล่มที่ ๒๔ สุตตันตปิฎก สังยุตตนิการ สคาถวรรค เล่มที่ ๑ etipitaka.com/compare/thaimc/thaimm/15/58/?keywords=
|
|
|
12495
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การให้ทาน ละความตระหนี่ได้ จริงหรือ.?
|
เมื่อ: ตุลาคม 21, 2015, 09:36:58 am
|
ความตระหนี่เป็นเหตุของการไม่ให้ทาน [๘๖] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิตเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว พวกเทวดาสตุลลปกายิกามากด้วยกัน มีวรรณงาม ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วจึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
[๘๗] เทวดาตนหนึ่ง ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า เพราะความตระหนี่ และความประมาทอย่างนี้ บุคคลจึงให้ทานไม่ได้ บุคคลผู้หวังบุญ รู้แจ้งอยู่ พึงให้ทานได้
[๘๘] ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้กล่าวคาถาทั้งหลายนี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า คนตระหนี่กลัวภัยใดย่อมให้ทานไม่ได้ ภัยนั้นนั่นแลย่อมมีแก่คนตระหนี่ผู้ไม่ให้ทาน คนตระหนี่ย่อมกลัวความหิวและความกระหายใด ความหิวและความกระหายนั้นย่อมถูกต้องคนตระหนี่นั้นนั่นแลผู้เป็นพาลทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า ฉะนั้น บุคคลควรกำจัดความตระหนี่อันเป็นสนิมในใจ ให้ทานเถิด เพราะบุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในโลกหน้า
[๘๙] ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้กล่าวคาถาทั้งหลายนี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า ชนทั้งหลายเหล่าใด เมื่อของมีน้อยก็แบ่งให้ เหมือนพวกเดินทางไกลก็แบ่งของให้แก่พวกที่เดินทางร่วมกัน ชนทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อบุคคลทั้งหลายเหล่าอื่นตายแล้ว ก็ชื่อว่าย่อมไม่ตาย ธรรมนี้เป็นของบัณฑิตแต่ปางก่อน ชนพวกหนึ่งเมื่อของมีน้อยก็แบ่งให้ ชนพวกหนึ่งมีของมากก็ไม่ให้ ทักษิณาที่ให้แต่ของน้อย นับเสมอด้วยพัน
[๙๐] ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้กล่าวคาถาทั้งหลายนี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า ทาน พวกพาลชนเมื่อให้ ให้ได้ยาก กุศลธรรม พวกพาลชนเมื่อทำ ทำได้ยาก พวกอสัตบุรุษย่อมไม่ทำตาม ธรรมของสัตบุรุษ อันพวกอสัตบุรุษดำเนินตามได้แสนยาก เพราะฉะนั้น การไปจากโลกนี้ของพวกสัตบุรุษและของพวกอสัตบุรุษจึงต่างกัน พวกอสัตบุรุษย่อมไปสู่นรก พวกสัตบุรุษย่อมเป็นผู้ดำเนินไปสู่สวรรค์มีน้อยให้น้อย แต่มีอานิสงส์มาก ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้กราบทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค คำของใครหนอแลเป็นสุภาษิต ฯ
[๙๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า คำของพวกท่านทั้งหมดเป็นสุภาษิตโดยปริยาย(โดยอ้อม) ก็แต่พวกท่านจงฟังซึ่งคำของเราบ้าง บุคคลแม้ใด ย่อมประพฤติธรรม ประพฤติสะอาด เป็นผู้เลี้ยงภริยา และเมื่อของมีน้อยก็ให้ได้ เมื่อบุรุษแสนหนึ่งบูชาภิกษุพันหนึ่ง หรือบริจาคทรัพย์พันกหาปณะ การบูชาของบุคคลเหล่านั้น ย่อมไม่ถึงส่วนร้อย ของบุคคลอย่างนั้น
[๙๒] ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้กล่าวกะพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า การบูชาอันไพบูลย์ใหญ่โตนี้ ย่อมไม่เท่าถึงส่วนแห่งทานที่บุคคลให้ด้วยความประพฤติธรรม เพราะเหตุอะไร เมื่อบุรุษแสนหนึ่งบูชาภิกษุพันหนึ่ง หรือบริจาคทรัพย์พันกหาปณะ การบูชาของบุรุษเหล่านั้นย่อมไม่ถึงส่วนร้อยของบุคคลอย่างนั้น ฯ
[๙๓] ในลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะเทวดานั้นด้วยพระคาถาว่า บุคคลเหล่าหนึ่ง ตั้งอยู่ในกรรมปราศจากความสงบ (ปราศจากธรรม) โบยเขา ฆ่าเขา ทำให้เขาเศร้าโศกแล้วให้ทาน ทานนั้นจัดว่าทานมีหน้าอันนองด้วยน้ำตา จัดว่าทานเป็นไปกับ ด้วยอาชญา จึงย่อมไม่เท่าถึงส่วนแห่งทานที่ให้ด้วยความสงบ(ประพฤติธรรม) เมื่อบุรุษแสนหนึ่งบูชาภิกษุพันหนึ่ง หรือบริจาคทรัพย์พันกหาปณะ การบูชาของบุรุษเหล่านั้น ย่อมไม่ถึงส่วนร้อยของบุคคลอย่างนั้น โดยนัยอย่างนี้ ฯ
อ้างอิง :- มัจฉริสูตรที่ ๒ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ บรรทัดที่ ๕๒๕ - ๕๘๒. หน้าที่ ๒๔ - ๒๗. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=525&Z=582&pagebreak=0ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=86
|
|
|
12499
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สัตหีบจัดลอยกระทงเจ ขอขมาแม่คงคา เชิญวิญญาณในทะเลรับเครื่องเซ่นไหว้
|
เมื่อ: ตุลาคม 20, 2015, 09:19:01 pm
|
สัตหีบจัดลอยกระทงเจ ขอขมาแม่คงคา เชิญวิญญาณในทะเลรับเครื่องเซ่นไหว้ นายกเล็กเมืองสัตหีบ ร่วมผู้ถือศีลกินเจกว่า 300 คน นุ่งขาวห่มขาว "ลอยกระทงเจ" ทะเลหน้ากรมที่ดิน ถวายเป็นพุทธบูชา ขอพร 9 เทพเจ้า พร้อมขอขมาพระแม่คงคา เชิญวิญญาณเร่ร่อนรับเครื่องเซ่นไหว้
เมื่อวันที่ 20 ต.ค. นายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี นายกเทศมนตรีเมืองสัตหีบ ในฐานะประธานมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ พร้อมด้วยคณะกรรมการ และผู้ถือศีลกินเจชาวไทยเชื้อสายจีนใน อ.สัตหีบ กว่า 300 คน พร้อมใจกันนุ่งขาวห่มขาว ร่วมกระทำพิธี "ลอยกระทงเจ" เพื่อสืบสานประเพณีที่สืบทอดมาช้านาน โดยนำกระทงใหญ่ถวายเป็นพุทธบูชา และสักการบูชา ขอพรจากองค์เทพทั้ง 9 องค์ ด้วยการร่วมกันแห่กระทงออกจากมณฑลพิธีมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ นำไปลอยลงสู่ทะเลบริเวณหน้ากรมที่ดิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อขอขมาแด่พระแม่คงคา และเชิญดวงวิญญาณเร่ร่อนไร้ญาติซึ่งอยู่ในท้องทะเลมารับเครื่องเซ่นไหว้
ระหว่างเตรียมนำกระทงเจ ไปลอยในทะเล สัตหีบ นายณรงค์ กล่าวว่า เทศกาลกินเจในปีนี้ เทศบาลเมืองสัตหีบ ได้ร่วมกับมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ จัดขึ้น โดยมีอาหารเจบริการให้กับผู้ถือศีลกินเจได้รับประทานวันละ 3 มื้อ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งคำว่า กินเจ ตามความหมายที่แท้จริงคือ การรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน ดังเช่นที่ชาวพุทธในประเทศไทยถือ อุโบสถศีล หรือ รักษาศีล 8 จะไม่รับประทานอาหารหลังจากเที่ยงวันไปแล้ว แต่เนื่องจากการถืออุโบสถศีล ของชาวพุทธฝ่ายมหายานไม่กินเนื้อสัตว์ จึงนิยมเรียกการไม่กินเนื้อสัตว์ไปรวมกับคำว่า กินเจ ซึ่งเป็นการถือศีลไปด้วยจัดพิธีสวดมนต์ ให้ดวงวิญญาณในทะเล มารับเครื่องเซ่นไหว้
ในปัจจุบัน ผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกกันว่ากินเจ ความหมายก็คือ คนกินเจไม่เพียงแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดี บริสุทธิ์ สะอาด งดงามทั้งกาย วาจา ใจ เป็นการถือศีลบำเพ็ญธรรมไปด้วยพร้อมกัน จึงเรียกว่า กินเจที่แท้จริง.กระทงเจ อ.สัตหีบ ชลบุรี ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/533583
|
|
|
12502
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / งูเหลือมจะกินไก่วัด! ซุ่มใกล้กุฏิสมภาร เณรมาเจอช่วยกันจับ
|
เมื่อ: ตุลาคม 20, 2015, 09:08:34 pm
|
งูเหลือมจะกินไก่วัด! ซุ่มใกล้กุฏิสมภาร เณรมาเจอช่วยกันจับ สามเณรน้อยออกกวาดลานวัด เหลือบไปพบเห็นงูเหลือมตัวใหญ่เลื้อยอยู่ใกล้ๆกุฏิเจ้าอาวาส จ้องเขมือบไก่วัด เลยเรียกเพื่อนทำบ่วงคล้องช่วยกันจับไว้ได้ พบตัวยาวกว่า 4 เมตร น้ำหนักร่วม 50 กก. แจ้งกู้ภัยมานำไปปล่อยคืนสู่ป่า...
เมื่อตอนบ่ายวันที่ 19 ต.ค.2558 พระครูวีรพัฒน์ จันสีนาค เจ้าอาวาสวัดควนอุโบสถ หมู่ 3 ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า สามเณรของวัดจำนวนหนึ่ง ได้ลงทำความสะอาดด้วยการกวาดลานวัด โดยขณะนั้น สามเณรน้อยรูปหนึ่ง หันไปเห็นว่าใกล้ๆกับกุฏิของเจ้าอาวาส มีงูเหลือมที่มีขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ลำตัวยาวประมาณ 4-5 เมตร น้ำหนักตัวร่วม 50 กิโลกรัม นอนขดตัวอยู่ใต้กุฏิ แต่ตาจ้องมองไปที่ไก่วัดที่เลี้ยงไว้ และเดินหากินอยู่บริเวณนั้น
เจ้าอาวาสฯ กล่าวอีกว่า แม้จะตกใจแต่สามเณรได้ตะโกนให้เพื่อนเณรด้วยกันเข้ามาช่วยกันจับงูตัวดังกล่าว สามเณรรูปหนึ่งจึงวิ่งไปหาเชือกมาคล้องเป็นบ่วงก่อนจะนำไปคล้องไว้ที่หัวของงู แล้วช่วยกันเอาไม้กวาดที่ใช้กวาดลานวัดกระทุ้งไปที่ตัวงูเพื่อให้มันขยับและให้หัวของงูเข้าไปอยู่ในบ่วงเชือก จากนั้นจึงกระตุกเชือกให้บ่วงรูดรัดคองู ใช้เวลาไม่นานก็สามารถจับงูเอาไว้ได้ และแจ้งให้มูลนิธิใต้เต็กตึ๊งทุ่งใหญ่ มานำงูไปปล่อยในป่า ให้คืนสู่ธรรมชาติของมันต่อไป.ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/533467
|
|
|
12503
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เด็กวัดจับโจร! ย่องงัดกุฏิหลวงตา ตอนพระลงศาลาสวดศพ
|
เมื่อ: ตุลาคม 20, 2015, 09:06:45 pm
|
เด็กวัดจับโจร! ย่องงัดกุฏิหลวงตา ตอนพระลงศาลาสวดศพ โจ๋กรุงเก่าไม่ทำงานทำการ ย่องเข้าวัดตอนที่พระลงศาลาไปสวดศพ งัดกุฏิเจ้าอาวาส เข้าไปรื้อค้นหาทรัพย์สิน แต่เวรกรรมตามทันลูกศิษย์วัดมาเจอ ไล่ปล้ำจับตัวไว้ได้ พบประวัติแสบ เคยต้องโทษตอนอายุ 16 ปี ออกมาเป็นโจรหาเงินซื้อยาบ้าเสพ...
เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 19 ต.ค.2558 ร.ต.ท กันทรากร สิรินันทจักร รอง สวป.สภ. พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเหตุจากพระครูประดิษฐ์ กิจจารักษ์ เจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐาน ว่า มีคนร้ายเข้ามางัดกุฎิเจ้าอาวาส แล้วถูกลูกศิษย์รวบตัวไว้ได้ เหตุเกิดในวัดราชประดิษฐาน ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จึงรุดไปตรวจสอบ โดยที่กุฏิเกิดเหตุซึ่งเป็นกุฏิเจ้าอาวาส พบหน้าต่างกระจกแบบบานเลื่อนถูกงัด ข้าวของในกุฏิถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย และพบคนร้าย ถูกชาวบ้านจับตัวเอาไว้ได้ ชื่อนายจิ๋ว(นามสมติ) อายุ 19 ปี ราษฎร ต.ท่าช้าง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยาจนท.ตร.ตรวจหาร่องรอยของคนร้าย สภาพภายในกุฏิถูกรื้อค้นหาทรัพย์สิน จากการสอบสวน ผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีน้ำเงิน มาจอดไว้ในที่ลานจอดรถของวัด เพราะเห็นว่าทางวัดดังกำลังมีงานสวดพระอภิธรรมศพอยู่บนศาลา จึงน่าจะไม่มีพระอยู่กุฏิ ซึ่งพบว่าบริเวณกุฏิไม่มีพระอยู่เลยสักรูปจริงๆ จึงเดินไปข้างกุฏิของเจ้าอาวาสแล้วใช้ไขควงงัดหน้าต่างบานเลื่อน ปีนเข้าไปรื้อค้นหาทรัพย์สินอยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงคนเดินมา ซึ่งทราบต่อมาว่าเป็นลูกศิษย์วัด ชื่อนายสรธร ใยบัวขาว อายุ 24 ปี เดินมาที่กุฎิและพบกับตนเข้า ตะโกนร้องว่า‘ขโมย ขโมย’ ตนจึงรีบหนีแต่ถูกนายสรธร เข้ารวบตัวจนเกิดต่อสู้กัน แต่ตนสู้ไม่ไหวทำให้ถูกจับได้ในที่สุดจนท.ตำรวจควบคุมตีนแมวไม่เกรงบาปไปดำเนินคดี ด้าน ร.ต.ท กันทรากร สิรินันทจักร รอง สวป. สภ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า คนร้ายยอมรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง และเคยต้องโทษมาแล้วเมื่อตอน อายุ 16 ปี ที่สถานพินิจและคุ้มครองเยาวชน ในข้อหาลักทรัพย์ พอพ้นโทษออกมาก็ไม่มีงานทำ จึงมาก่อเหตุเพื่อนำเงินไปซื้อยาบ้าเสพ ซึ่งทางตำรวจ จะสอบสวนขยายผลว่า เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วกี่ครั้ง เพื่อจะได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป.ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/533473
|
|
|
12506
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ออกจากเรือน บวชเป็น "อนาคาริก" แสวงหาอะไร.?
|
เมื่อ: ตุลาคม 20, 2015, 08:47:13 am
|
ออกจากเรือน บวชเป็น "อนาคาริก" แสวงหาอะไร.? ถามว่า ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงขับไล่ภิกษุเหล่านี้ไปในเพราะเหตุไร.? ตอบว่า ความจริงมีอยู่ว่า ภายในพรรษาหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับจำพรรษาอยู่ในเมืองสาวัตถี ออกพรรษาปวารณาแล้วแวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เสด็จออกจากเมืองสาวัตถีเที่ยวจาริกไปในชนบท เสด็จถึงเมืองกบิลพัสดุ์ แล้วเสด็จเข้าไปยังนิโครธาราม.
เจ้าศากยะทั้งหลายได้สดับ(ข่าว)ว่า พระศาสดาเสด็จมาถึงแล้ว หลังเสวยพระกระยาหารเสร็จทรงรับสั่งให้ราชบุรุษทั้งหลายหาบเนยใส น้ำมัน น้ำผึ้งและน้ำอ้อยเป็นต้น และน้ำปานะที่เป็นกัปปิยะหลายร้อยหาบ เสด็จไปสู่วิหารมอบถวายพระสงฆ์ ถวายบังคมพระศาสดาแล้วประทับนั่งทำปฏิสันถาร(กับพระศาสดา) ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง. (ฝ่าย)พระศาสดาประทับนั่งตรัสธรรมกถาอันไพเราะ ถวายเจ้าศากยะเหล่านั้น.
ขณะนั้น ภิกษุบางพวกกำลังเช็ดถูเสนาสนะ บางพวกกำลังจัดตั้งเตียงและตั่งเป็นต้น (ส่วน)สามเณรทั้งหลายกำลังถากหญ้า. ในสถานที่แจกสิ่งของ ภิกษุที่มาถึงแล้วก็มี ภิกษุที่ยังมาไม่ถึงก็มี ภิกษุที่มาถึงแล้วจะรับลาภแทนภิกษุที่ยังมาไม่ถึง ก็พูดเสียงดังขึ้นว่า จงให้แก่พวกข้าพเจ้า จงให้แก่อาจารย์ของพวกข้าพเจ้า จงให้แก่อุปัชฌาย์ของพวกข้าพเจ้า.
พระศาสดาทรงสดับแล้วได้ตรัสถามพระอานนท์เถระว่า อานนท์ ก็พวกที่ส่งเสียงดังเอ็ดอึงนั้นเป็นใคร คล้ายจะเป็นชาวประมงแย่งปลากัน. พระเถระกราบทูล (ให้ทรงทราบ) เนื้อความนั้น. พระศาสดาทรงสดับแล้วตรัสว่า อานนท์ ภิกษุทั้งหลายส่งเสียงดัง เพราะอามิสเป็นเหตุ. พระเถระกราบทูลว่า ใช่ พระเจ้าข้า.
พระศาสดาตรัสว่า อานนท์ ไม่สมควรเลย ไม่เหมาะสมเลย เพราะเราตถาคตบำเพ็ญบารมีมาตั้ง ๔ อสงไขยกำไรแสนกัลป์ เพราะจีวร(เป็นต้น)เป็นเหตุก็หามิได้ ทั้งภิกษุเหล่านี้ออกจากเรือนบวชเป็นอนาคาริก เพราะจีวร(เป็นต้น)เป็นเหตุก็หามิได้.
พวกเธอบวชเพราะความเป็นพระอรหันต์เป็นเหตุ (แต่)กลับมาทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ ให้เป็นเหมือนกับสิ่งที่มีประโยชน์ ทำสิ่งที่ไม่มีสาระให้เป็นเหมือนสิ่งมีสาระ ไปเถิดอานนท์ จง(ไป)ขับไล่ภิกษุเหล่านั้น(ให้ออกไป). ฯลฯที่มา : อรรถกถาปิณโฑลยสูตร ว่าด้วยเหตุที่ต้องดำรงชีพด้วยบิณฑบาต http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=17&i=165&p=1คำว่า การบรรพชา ได้แก่ ความเป็นอนาคาริก. ก็ความเป็นอนาคาริกนั้นแล ย่อมควรในศาสนา หรือในนิกายของดาบสและปริพาชกผู้เป็นกรรมวาทีและกิริยวาที เหมือนควรแก่สุเมธบัณฑิตฉะนั้น ด้วยว่าสุเมธบัณฑิตนั้นเป็นดาบส ชื่อสุเมธ จึงตั้งปณิธาน.ที่มา : อรรถกถาขัคควิสาณสูตร http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=296&p=1 อนาคาริกรัตนะ แม้ปุริสรัตนะก็มี ๒ อย่างคือ อาคาริกรัตนะ ๑ อนาคาริกรัตนะ ๑. แม้ในอาคาริกรัตนะนั้น พระเจ้าจักรพรรดิย่อมทรงนมัสการสามเณรที่บวชในวันนี้ด้วยพระเบญจางคประดิษฐ์. ในรัตนะทั้ง ๒ อย่างแม้นี้ อนาคาริกรัตนะเท่านั้นประเสริฐที่สุด.
แม้อนาคาริกรัตนะก็มี ๒ อย่างคือ เสกขรัตนะ ๑ อเสกขรัตนะ ๑. ในอนาคาริกรัตนะ ๒ อย่างนั้น พระเสกขะตั้งแสนย่อมไม่ถึงส่วนแห่งพระอเสกขะ. ในรัตนะ ๒ อย่างแม้นี้ อเสกขรัตนะเท่านั้นประเสริฐที่สุด.
ที่มา : อรรถกถาธาตุวิภังคสูตร http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=673&p=1อนาคาริกมุนี น. มุนีผู้ที่ไม่ได้ครองเรือน.ที่มา : dictionary.sanook.com/search/dict-th-th-pleang/อนาคาริกมุนี มุนีพึงตั้งสติเที่ยวไปในบ้าน เหมือนบุรุษผู้ไม่ได้สวมรองเท้า ตั้งสติเที่ยวไปในถิ่นที่มีหนาม ฉะนั้น "ภิกษุ" มี ๒ ประเภท ๑. อนาคาริกสมณะ หมายถึง สมณะผูู้ไม่มีเรือน ไม่มีสามี ภรรยาหรือบุตร เรียก่ว่า "ภิกษุ" เช่น พระสารีบุตรเถระ พระอุบลวัณณาเถรี เป็นต้น ๒. อาคาริกสมณะ หมายถึง ฆราวาสผู้เป็นอริยะ ยังครองเรือนอยู่ร่วมกับสามีภรรยาหรือบุตร เรียกว่า ภิกษุ เช่น นางวิสาขา อนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นต้นที่มา : www.dhammahome.com/webboard/topic/20244
|
|
|
12507
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / “สำนักพระราชวัง” บวงสรวงพระนารายณ์ทรงสุบรรณที่พระตำหนักประทับแรมปากพนังครบ 8 ปี
|
เมื่อ: ตุลาคม 19, 2015, 09:38:58 pm
|
“สำนักพระราชวัง” บวงสรวงพระนารายณ์ทรงสุบรรณที่พระตำหนักประทับแรมปากพนังครบ 8 ปี นครศรีธรรมราช - “สำนักพระราชวัง” จัดพิธีบวงสรวงพระนารายณ์ทรงสุบรรณ เนื่องในวันคล้ายวันถวายพระตำหนักประทับแรมอำเภอปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ครบรอบปีที่ 8 วันนี้ (19 ต.ค.) ที่พระตำหนักประทับแรมอำเภอปากพนัง ภายในโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 09.29 น. วันนี้ (19 ต.ค.) นายรัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ (ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการพระราชวัง) สำนักพระราชวัง เป็นประธานในพิธีบวงสรวงพระนารายณ์ทรงสุบรรณ โดยเริ่มจากพิธีพราหมณ์ โดยโหรหลวง กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ประกอบพิธีบวงสรวงพระนารายณ์ทรงสุบรรณ อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานด้านหน้าพระตำหนัก การบวงสรวงเทพยดา และเทพเทวาทุกทิศ สำหรับพระตำหนักประทับแรมอำเภอปากพนัง เป็นพระตำหนักแห่งแรกของประเทศที่ประชาชนร่วมใจกันถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยพสกนิกร จนมีพระราชดำริโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ประชาชนชาวปากพนังจึงพร้อมใจกันจัดสร้างพระตำหนักปากพนัง เพื่อเป็นพระตำหนักแปรพระราชฐานเสด็จทรงงาน ณ ลุ่มน้ำปากพนัง ซึ่งโครงการนี้เป็นที่รู้จักในนาม “สร้างบ้านให้พ่อ” ตั้งอยู่บริเวณลุ่มน้ำปากพนัง ล้อมรอบด้วยแม่น้ำ อาจารย์ภิญโญ สุวรรณคีรี สถาปนิกได้ออกแบบให้มีลักษณะสถาปัตยกรรมของภาคใต้อย่างโดดเด่นชัดเจน โดยใช้หลังคาทรง “บรานอร์” ที่มีลักษณะหลังคาบ้านไทยถิ่นใต้ มาเลย์ อินโด บรูไน และฟิลิปปินส์ โดยใช้หลังคาสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีอันเป็นสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ โดย จ.นครศรีธรรมราช ได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระตำหนักประทับแรมอำเภอปากพนังเมื่อวันที่ 19 ต.ค.2550 ขอบคุณภาพข่าวจาก http://manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9580000116988
|
|
|
12510
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ขอขมา องค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ เพื่อประดับไฟงานเทศกาลฯ
|
เมื่อ: ตุลาคม 19, 2015, 09:19:24 pm
|
ขอขมาองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ เพื่อประดับไฟงานเทศกาลฯ เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม นำเจ้าหน้าที่ จำนวน 9 คน ประกอบพิธีขอขมา องค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ เพื่อเตรียมขึ้นไปประดับไฟฟ้า โดยรอบองค์พระปฐมเจดีย์ ในการเตรียมจัดงานเทศกาล นมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ประจำปี 2558 โดยปีนี้ทางองค์พระปฐมเจดีย์ เตรียมนำธนบัตรติดรูป 3 มิติ สะท้อนแสงกว่า 100,000 ฉบับ เป็นที่ระลึกในงานด้วย
เมื่อวานนี้(18 ต.ค.)ที่บริเวณด้านหน้าองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ วัดพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พระพรหมเวที เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำเจ้าหน้าที่ชุดประดับไฟฟ้า จำนวน 9 คน ประกอบพิธีขอขมาต่อองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ พร้อมมอบพระเครื่องรุ่นครบรอบ 100 ปี และปะพรหมน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคล ให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่จะขึ้นไปประดับหลอดไฟฟ้าโดยรอบองค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงานเทศกาล นมัสการองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ประจำปี 2558 ระหว่างวันที่ 22 - 30 พฤศจิกายน 2558 รวม 9 วัน 9 คืน สำหรับองค์พระปฐมเจดีย์ นับเป็นพระเจดีย์ที่ก่อสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก มีอายุนับพันปี ที่สร้างขึ้นสูงใหญ่งดงามตามแบบสถาปัตยกรรม ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็ดพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ดังนั้นในทุกปีทางกรรมการวัดจึงได้กำหนดจัดงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ขึ้นทุกๆปี ทั้งนี้เพื่อเป็นการอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมและประเพณีของไทย ให้ประชาชนได้ร่วมงานบำเพ็ญกุศลของชาวพุทธ เพื่อรวบรวมรายได้ไว้บูรณปฏิสังขรณ์พุทธสถานต่างๆต่อไป โดยภายในงานจะมีการออกร้านแสดงสินค้า ของดีจังหวัดนครปฐม และการแสดงมหรสพต่างๆ รวมทั้งเปิดโอกาสให้พ่อค้าแม่ค้าและเกษตรกร ได้นำสินค้าและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ผลิตผลทางการเกษตรมาจำหน่ายให้แก่ประชาชนด้วย สำหรับปีนี้ยังเป็นการจัดงานฉลองสมโภช ครบรอบ 100 ปี ของพระร่วงโรจนฤทธิ์อีกด้วย รวมทั้งมีการจัดทำสติกเกอร์รูปองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์แบบ 3 มิติ สะท้อนแสงติดในธนบัตรใหม่ฉบับละ 10 บาท จำนวนกว่า 100,000 ฉบับ เตรียมไว้เป็นของที่ระลึกภายในงานอีกด้วย
ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.banmuang.co.th/news/region/29175
|
|
|
12511
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สุดน่ารัก! พระบิณฑบาตรพร้อมหมูป่าคู่แม่-ลูก ใครสนใจเลี้ยงติดต่อมาได้
|
เมื่อ: ตุลาคม 19, 2015, 09:02:45 pm
|
สุดน่ารัก! พระบิณฑบาตรพร้อมหมูป่าคู่แม่-ลูก ใครสนใจเลี้ยงติดต่อมาได้
(19 ต.ค.58) พระวิชัย วิชโย พระลูกวัด วัดใหม่คูมอญ ต.หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมาจำพรรษาที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองชลบุรี ได้พาแม่หมูชื่อมารวย และลูกชื่อเงินล้าน มาบิณฑบาตรที่บริเวณตลาดบ้านสวน เขตเทศบาลเมืองบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี สร้างความสนใจให้กับบรรดาผู้มาจับจ่ายใช้สอยที่ตลาด ที่เห็นความเชื่องของหมูป่า บางคนก็อุ้มลูกหมูป่า เพราะมีความน่ารัก
พระวิชัยกล่าวว่า หมูป่าที่อาตมานำมาเลี้ยงนั้นมาจากการไปช่วยเหลือชีวิตของพวกเขาที่กำลังจะเข้าโรงฆ่าสัตว์ หลังจากนั้นได้ออกลูกออกหลานมาจำนวนมาก รวมทั้งประชาชนนำมาให้อีก ขณะนี้มีประมาณ 170 กว่าตัว จึงอยากให้ผู้สนใจอยากนำไปเลี้ยงจะแจกให้ฟรี แต่มีข้อแม้ห้ามขาย ห้ามฆ่า ห้ามขยายพันธุ์ ซึ่งผู้ที่จะนำไปเลี้ยงจะอบรม 1 วัน พร้อมทั้งมอบใบประกาศนียบัตรให้ด้วย
"ส่วนแม่หมูชื่อมารวยใครอยากได้ไม่ว่ากัน เมื่อเอาไปแล้วจะแถมเงินให้อีก 1 แสนบาท ช่วยค่าเลี้ยงดูเพราะค่าอาหารตกวันละ 300 บาท ใครสนใจอยากได้หมูป่าไปเลี้ยงติดต่อได้ที่ 096-5954699" พระวิชัย กล่าวขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1445254369
|
|
|
12519
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ตำรวจเยอรมันเตือน พ่อแม่ไม่ควรแชร์ภาพลูกเป็นสาธารณะ (อาจถูกล้อเลียนตอนโต)
|
เมื่อ: ตุลาคม 18, 2015, 10:17:48 am
|
ตำรวจเยอรมันเตือน พ่อแม่ไม่ควรแชร์ภาพลูกเป็นสาธารณะ ตำรวจเมือง Hagen (Polizei NRW Hagen) ประกาศเตือนพ่อแม่ที่แชร์ภาพลูกในเครือข่ายสังคมออนไลน์ พร้อมกับย้ำว่าลูกก็มีสิทธิความเป็นส่วนตัวของตัวเอง
ทางตำรวจระบุว่าพ่อแม่อาจะคิดว่าภาพของลูกน่ารักและอยากแชร์ไปให้มากที่ สุด แต่เมื่อลูกโตขึ้น ภาพเหล่านี้อาจจะกลายเป็นเหตุให้ลูกถูกล้อเลียนไปไม่รู้จบ หรือแย่กว่านั้นคือถูกแชร์ไปในกลุ่มคนมีความใคร่กับเด็ก (pedophile) คำแนะนำของตำรวจคือให้แชร์ภาพเหล่านี้ในหมู่เพื่อนและญาติ
คำแนะนำนี้ถูกแชร์ไปกว่าแสนครั้งและมีจำนวน reach แล้วกว่า 11 ล้านหลังทางตำรวจแชร์มาได้หนึ่งวันที่มา - Facebook: Polizei NRW Hagen http://hitech.sanook.com/1400033/
|
|
|
|