ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ความไม่เชื่อ เรื่อง สวรรค์ นรก แบบ ภพภูมิ เป็นอุปสรรค กับการภาวนาหรือไม่ครับ  (อ่าน 5157 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

samathi

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 93
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ความไม่เชื่อ เรื่อง สวรรค์ นรก แบบ ภพภูมิ เป็นอุปสรรค กับการภาวนาหรือไม่ครับ

  คือ ส่วนตัวไม่เชื่อ เรื่อง นรก สวรรค์ ทีเป้นภพภูมิ แต่เชื่อ เรื่อง นรก สวรรค์ ที่เกิดสัมผัสจากอายตนะ ที่เป็นปัจจุบันในใจนี้มากกว่า ครับ

  ไม่ทราบว่าความคิด อย่างนี้จะทำให้เกิดอุปสรรคต่อการปฏิบัติอย่างไรบ้างครับ

   :smiley_confused1: :c017:
บันทึกการเข้า

sakol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 242
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ธรรมสาระวันนี้ "เรื่องนรก สวรรค์ ในพระไตรปิฏก ไม่ใช่ใน ไตรภูมิพระร่วง นะ"
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7846.0

แนะนำให้อ่านกระทู้นี้ก่อน นะครับ แล้วทำไมจึงไม่เชื่อละครับ มีเหตุผลอะไรหรือไม่ครับ

  :s_hi:
บันทึกการเข้า

colo

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 44
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ่านตรงนี้ต่ออีกหน่อย เพื่อรักษาภาพรวมแล้ว เดี่ยวมาเปิดธรรมวิจารณ์ กันดีหรือไม่ครับ


นรก สวรรค์ มีจริงหรือไม่ ถ้าไม่มีจริง แล้ว นิพพานจะมีได้อย่างไร
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3615.0

บันทึกการเข้า

magicmo

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 122
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ขายส่งชุดชั้นในราคาไม่แพงเครื่องกรองน้ำ ดื่มสะอาดสนามกีฬา ฟุตบอลหญ้าเทียม เช่าราคาถูก

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ความไม่เชื่อ เรื่อง สวรรค์ นรก แบบ ภพภูมิ เป็นอุปสรรค กับการภาวนาหรือไม่ครับ

  คือ ส่วนตัวไม่เชื่อ เรื่อง นรก สวรรค์ ทีเป้นภพภูมิ แต่เชื่อ เรื่อง นรก สวรรค์ ที่เกิดสัมผัสจากอายตนะ ที่เป็นปัจจุบันในใจนี้มากกว่า ครับ

  ไม่ทราบว่าความคิด อย่างนี้จะทำให้เกิดอุปสรรคต่อการปฏิบัติอย่างไรบ้างครับ

   :smiley_confused1: :c017:


ตอบได้เลยว่ามีอุปสรรคแน่นอนจ๊ะ เพราะ แล้วเราจะปฏิบัติกันไปเพื่ออะไร เพื่อให้เขามาชมเราหรือ เพื่อให้เรามีลาภสักการะมากขึ้นหรือ เพื่อเหาะได้งั้นหรือ เพื่ออะไร ... ? 

ที่เรามาปฏิบัติกันก็เพื่อ ให้กิเลสที่มีในตัวเราลดน้อยลง จนถึงไม่มีกิเลสอีกต่อไป  ละเพื่อให้เห็นสัจจะความเป็นจริงอย่างที่สุด ไม่ใช่หลอกตัวเองไปวันๆ อย่างเช่นว่า ฉันนี้สวย(มากก) ฉันนี้หล่อ(มากก) ที่แท้อย่างที่สุดคือเราก็ต้องแก่ ต้องมีเนื้อหนังเหียวย้น

แล้วคุณเป็น ขาวพุทธหรือเปล่าละ?
อะไรที่บอกความเป็นชาวพุทธละ?

     พุทธัง  สะระณัง  คัจฉามิ
     ธัมมัง  สะระณัง  คัจฉามิ
     สังฆัง  สะระณัง  คัจฉามิ

 คืออะไร?

หรือก็แค่เพียงว่า ว่า ตามเขากัน เขาว่ากัน เราก็เลยว่ากับเขาด้วย?


มีความมาในภาษาอยู่นัยหนึ่ง  คือ สิ่งนั้นมี ชื่อเรียกสิ่งนั้นจึงมี
ผู้เรียนรู้ภาษามากกว่าหนึ่งภาษาจะสามารถเข้าใจได้ดี 
เพราะ ในภาษานั้นๆ มีการเรียกชื่อมี  สิ่งนั้นจึงมี

ถ้าอย่างนั้น มีสิ่งที่น่าคิด  เช่นว่า

    บางคนทำไมละลึกชาติได้?
    คนตายแล้วฝื้นได้อย่างไร?
    ตายแล้วไม่เปื่อยไม่เน่าได้อย่างไง?
    เรามีซิกซ์เซ้น มีรางสังหอนกันได้อย่างไร?
    เราอธิฐานขอพรกันได้อย่างไร?
    หลายคนอ่านจิตอ่านใจกันได้อย่างไร?
    บางครั้งเรารู้อนาคตก่อนได้อย่างไร?
    บางคนทำไมมีความสามารถพิเสธไม่เหมือนใคร่?
    ผีมีด้วยหรือ? ต้องทำอย่างไรถึงจะได้ไปเป็นผี?
    คนเราทำไมเกิดมาไม่เหมือนกัน ?
    ทั้งๆที่ ก็มาจากพ่อและแม่เดียวกัน  ลูกบางคนได้เกิดเป็นหญิง บางคนได้เกิดเป็นชาย
                                         ลูกบางคนเกิดมาตัวสูง  บางคนเกิดมาตัวเตี้ย 
    รวมไปถึงนิสัยไม่เหมือนกัน  ทั้งๆที่ก็มาจากพ่อแม่เดียวกัน

  หลายเรื่องที่หยิบยกขึ้นมาอาจถึง จะเห็นได้ว่า เป็นเรื่อง ระหว่างภพภูมิ ไม่ใช่จะมีแต่เรื่องของสะภาวะปัจจุปัน


และถ้านรกไม่มีแล้ว  คนทำไม่ดีแล้วไปไหน?  ได้รับผลอย่างไร?
และก็เช่นกัน          คนทำดี แล้วไปไหน?   ได้รับผลอย่างไร?

สรุป ถ้าไม่เชื่อว่านรกมี สรรคมี แล้ว     ก็เป็นการยากที่จะปฏิบัติ  เพราะก็จะคิดว่า จะปฏิบัติไปทำไม ไม่เห็นจะมีอะไร   

ที่นักปฏิบัติ   ปฏิบัติก็เพราะเห็นประโยชน์จากสิ่งที่ทำจึงทำ เช่นนี้
(ตัวอย่างว่า เห็นประโยชน์จากการกิน เพื่อทำให้อิ่มท้องไห่หิว ทุกข์ไม่เกิด ระงับปวดท้องไปได้  จึงทำการกินให้อิ่มท้องเพียงพอต่อความต้องการ ไม่กินจนมากเกินไป)

หรือถ้าศึกษาในพระไตรปิฏก รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องวิมานวัตถุ ก็จะเห็นเรื่องสรรค์มีระบุบอกชัดเจน
หรือถ้าปฏิบัติจนถึงระดับ ก็สามารถพิสูทได้ด้วยตัวเอง
ผู้ปฏิบัติรู้เขาใจ กลัวป้องกันไม่ให้ตนเองตกไปสู่อบาย นรก จึงหันมาทำการปฏิบัติป้องกันไว้
   
                               
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

nirvanar55

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 305
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คนที่เชื่อ ก็จะผ่าน วิจิกิจฉา ได้ง่ายนะครับ
 ส่วนคนที่ไม่เืชื่อ ก็จะไม่ผ่าน วิจิกิจฉา นะครับ

   คุณไม่เชื่อนรก สวรรค แบบภพ ก็เท่ากับคุณปฏิเสธเรื่องโลกนี้ โลกหน้าไปโดยปริยายนะครับ จัดเป็นความเชื่อที่เป็น อุจเฉททิฏฐิ คือ ขาดสูญเพราะคิดว่ามีแค่ชาตินี้แหละทำดีในชาตินี้ แหละรักษาอารมณ์ ในชาตินี้แหละ ที่นี้กุศลนั้นถ้าไม่ใช่ อรหัตตผล คุณก็จะหงายเก๋งได้เพราะคุณต้องกลับมาเกิด การที่คุณไม่เชื่อ เรื่องภพ เท่ากับขัดต่อหลักศาสนาพุทธ เพราะศาสนาพุทธ ทุกท่านที่พยายามภาวนากันอยู่นั้น เพราะไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร กันอีกนะครับ

   โทษที ความเห็นผมอาจจะแย้งแรงไปบ้าง นะครับ

   :13: :13: :13:
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
สัทธา 4 ประการ คือ ผลสำเร็จในการภาวนา

  [181] ศรัทธา 4 (ความเชื่อ, ความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุผล - faith; belief; confidence)
        1. กัมมสัทธา (เชื่อกรรม, เชื่อกฎแห่งกรรม, เชื่อว่ากรรมมีอยู่จริง  คือ เชื่อว่าเมื่อทำอะไรโดยมีเจตนา คือ จงใจทำทั้งรู้ ย่อมเป็นกรรม คือ  เป็นความชั่วความดีมีขึ้นในตน  เป็นเหตุปัจจัยก่อให้เกิดผลดีผลร้ายสืบเนื่องต่อไป  การกระทำไม่ว่างเปล่าและเชื่อว่าผลที่ต้องการจะสำเร็จได้ด้วยการกระทำ  มิใช่ด้วยอ้อนวอนหรือนอนคอยโชค เป็นต้น - belief in Karma; confidence in  accordance with the law of action)
        2. วิปากสัทธา (เชื่อวิบาก, เชื่อผลของกรรม,  เชื่อว่าผลของกรรมมีจริง คือ เชื่อว่ากรรมที่ทำแล้วต้องมีผล  และผลต้องมีเหตุ ผลดีเกิดจากกรรมดี ผลชั่วเกิดจากกรรมชั่ว - belief in the  consequences of actions)
        3. กัมมัสสกตาสัทธา (เชื่อความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน,  เชื่อว่าแต่ละคนเป็นเจ้าของ จะต้องรับผิดชอบเสวยวิบากเป็นไปตามกรรมของตน -  belief in the individual ownership of action)
        4. ตถาคตโพธิสัทธา (เชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า,  มั่นใจในองค์พระตถาคต ว่าทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ ทรงพระคุณทั้ง 9 ประการ  ตรัสธรรม บัญญัติวินัยไว้ด้วยดี ทรงเป็นผู้นำทางที่แสดงให้เห็นว่า  มนุษย์คือเราทุกคนนี้ หากฝึกตนด้วยดี ก็สามารถเข้าถึงภูมิธรรมสูงสุด  บริสุทธิ์หลุดพ้นได้ ดังที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญไว้เป็นแบบอย่าง -  confidence in the Enlightenment of the Buddha)

        ศรัทธา 4 อย่างนี้ มีมาในบาลีเฉพาะข้อที่ 4 อย่างเดียว (เช่น องฺ.สตฺตก. 23/4/3; A.III.3 เป็นต้น) ว่าโดยใจความ ศรัทธา 3 ข้อต้น ย่อมรวมลงในข้อที่ 4 ได้ทั้งหมด
        อนึ่ง ในข้อ 3 มีข้อธรรมที่มาในบาลีคล้ายกัน คือ กัมมัสสกตาญาณ  (ปรีชาหยั่งรู้ความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน - knowledge that action is  one's own possession) เช่น อภิ.วิ. 35/822/443; Vbh.328.

 
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พิมพ์ครั้งที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๔๖
http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=181

การที่บุคคลใดไม่เขื่อ เรื่อง นรก สวรรค์ ที่เป็น ภพ ก็จะขาดศรัทธา 4 ขาดอย่างไร
   1.ไม่เขื่อกฏแห่งกรรม และ วิบากของกรรม เท่ากับปฏิเสธ การเวียนว่ายตายเกิด ที่เป็นภพ ชาติ เพียงแต่มีความเชื่อ วิบากในปัจจุบัน คนที่เชื่อวิบากในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะทำเลว เพราะคิดว่า ไม่มีวิบากให้รับในอนาคตจึง มักปล่อยเวลาไปกับเรื่องที่อยากจะทำ ความคิดอย่างนี้เป็นจุดเริ่มต้น ของ อุจเฉททิฏฐิ คือ ความเห็นว่าขาดสูญ หมดกรรมเมื่อตาย วิบากมีแค่ ตอนมีชีวิต

   2.ไม่เชื่อวิบากกรรม ที่เป็นอนาคต เชื่อแต่วิบากที่เป็นปัจจุบัน เมื่อทำกรรมดีแล้วไม่ได้วิบากที่ดี ก็จะบอกว่า ทำดีไม่ได้ดี เพราะว่าวิบาก ดีไม่ปรากฏในปัจจุบัน เป็นต้นเหตุของมิจฉาทิฏฐิ ที่มีความเชื่อว่า ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วแล้วได้้ดี ก็เกิดจากการไม่เชื่อวิบากกรรม เพราะวิบากกรรม มีผลมาจากอดีต เร็วช้าจัดสรรไม่ได้

   3.ไม่เชื่อเรื่องการสร้างกรรมเป็นกุศล เพราะปฏิเสธเรื่อง วิบากผลกรรม

   4.ไม่เชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เพราะมีความเห็นว่าขาดสูญเสียแล้วจากข้อหนึ่ง


   ดังนั้นคนที่ไม่เชื่อ นรก สวรรค์ ที่เป็นภพ เท่ากับปฏิเสธการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ ญาณที่ 1 เลยดังนั้นขอให้ท่านทั้งหลายพิจารณา ทิฏฐิ ส่วนนี้ให้ดี อย่าได้ประมาท จะพลาดพลั้งเวียนว่ายตายเกิดต่อไปอีกยาวนานนะจ๊ะ

  เจริญพร / เจริญธรรม

 
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 18, 2012, 08:00:37 am โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ