ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - doremon
หน้า: [1] 2
1  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากได้ผัง รายการ ของ สถานี ครับ เพื่อจะได้เลือกฟัง เสียงธรรม จากพระอาจารย์ครับ เมื่อ: ตุลาคม 28, 2015, 03:15:42 am
อยากได้ผัง รายการ ของ สถานี ครับ เพื่อจะได้เลือกฟัง เสียงธรรม จากพระอาจารย์ครับ


 thk56 st12 st12
2  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / madchima RDN onlne มีความหมายอย่างไร ครับ เมื่อ: ตุลาคม 28, 2015, 02:55:53 am
 ask1
madchima RDN onlne มีความหมายอย่างไร ครับ

 ( อาจจะนอกเรื่องสักนิดนะครับ แต่ผมฟังในรายการบ่อย และก็พยายาม เทียบเคียงศัพท์ อยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่า จะถูกตามความหมายที่พระอาจารย์ให้ไว้หรือไม่ เพราะว่า พระอาจารย์คงแฝงปริศนา ไว้แน่นอนกับคำ ๆ นี้ จึงนำพูดออกต้นรายการบ่อย ๆ ครับ )

    คือ ผมเทียบ ลงไปว่า Redio Dhammawangso Net อย่างนี้ถูกหรือไม่ ครับ

    :25: :25: :25:
3  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / พระอาทิตย์ทรงกลด วิทยาศาสตร์ หรือ ศักดิ์สิทธิ์กันแน่ เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2013, 08:29:26 pm
http://videolink.nationchannel.com/data/11/2013/04/23/5hdjkAfcf7ffiBakaBBfi.mp4


 วีดีโอสังเกตการณ์ เรื่อง อาทิตย์ทรงกลด ที่อำนาจเจริญ
  http://77.nationchannel.com/video/342962/


แสงอาทิตย์หักเหผ่านเมฆ เซอร์โรสเตรตัส และเมฆเซอร์รัส  กระจายแสงออกมาเป็นสีรุ้ง  ธรรมดาค่ะ

แสดงว่าท้องฟ้าช่วงนั้น  มีเมฆเซอร์โรสเตรตัส  และเมฆเซอร์รัส อยู่หลายแนว

อนุภาคน้ำแข็งในก้อนเมฆ เป็นรูปหกเหลี่ยม  เมื่อแสงวิ่งเข้าไปจะเกิดการสะท้อน  และการหักเหแสง แยกออกมาเป็นสีรุ้ง  เป็นวงล้อมรอบดวงอาทิตย์
เรียกว่า ดวงอาทิตย์ทรงกลด  (sun dog)

 


 
4  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / กิเลสไหนเกิดก่อนก็ละตัวนั้นก่อน... เมื่อ: ตุลาคม 01, 2012, 01:31:52 am


ในหลวงเคยตรัสถามหลวงปู่ดุลย์ว่า  ควรละกิเลสไหนก่อน...
หลวงปู่ถวายคำตอบว่า กิเลสไหนเกิดก่อนก็ละตัวนั้นก่อน...


การปฏิบัติก็เหมือนกัน
หากอารมณ์ไหนเห็นชัด ไม่ว่า กาย เวทนา จิต ธรรรม
ก็กำหนดรู้อารมณ์นั้นก่อน
เหมือนทหารเห็นข้าศึกคนใดเข้ามาประชิดใกล้ ก็ต้องกำจัดข้าศึกนั้นก่อน
ไม่งั้นเรานั้นแหละ จะถูกกิเลสนั้นโจมตีและพ่ายแพ้ในที่สุด....
5  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / เว็บเข้าไม่ได้ประมาณ 30 นาที ทั้ง madchima.org และ .net เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2012, 12:32:42 pm


เข้าไปได้ทั้งหมดเลยครับ 30 นาที

6  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พายุพัดแหลมตะลุมพุกชาวบ้านหนีตายอลหม่าน เมื่อ: ธันวาคม 27, 2011, 04:45:35 pm

วันนี้ ( 26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์มรสุมที่พัดถล่มอย่างหนักในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยของจังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ อ.ขนอม อ.สิชล อ.ท่าศาลา อ.เมือง อ.ปากพนัง เรื่อยไปจนถึง อ.หัวไทร เขตรอยต่อกับ อ.ระโนด จ.สงขลา โดยตั้งแต่ช่วงเช้าคลื่นลมได้เพิ่มกำลังขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจุดที่ได้รับผลกระทบสูงสุดในขณะนี้ คือ บ้านแหลม หมู่ 2 และหมู่  3 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ยังคงมีคลื่นลมถาโถมเข้าซัดหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง น้ำทะเลหนุนสูงเข้าท่วมหมู่บ้านซ้ำ

  ในหมู่บ้าชาวประมงแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ตั้งแต่ช่วงเช้ายังเต็มไปด้วยความโกลาหล ชาวบ้านในหมู่บ้านได้ช่วยกันลงแขกแรงงานเข้ารื้อบ้านสมาชิกของหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในจุดเสี่ยงกว่า 20 ครัวเรือน ได้ตัดสินใจรื้อบ้านหนีภัย โดยมีนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ส่งกำลังพลของเจ้าหน้าที่ อส. และกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 4 เข้าให้การช่วยเหลือ โดยนายพิชัย บุณยเกียรติ นายก อบจ.นครศรีธรรมราช ได้อนุญาตให้ชาวบ้านสร้างที่พักชั่วคราวริมถนนในหมู่บ้าน มี น.ส.นริศา อดิเทพวรพันธ์ ส.ส.  จ.นครศรีธรรมราช คอยอำนวยความสะดวกอย่างใกล้ชิด
 

ขณะที่นายพิชัย เดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ถนนเลียบชายทะเลปากพนัง-หัวไทร ช่วงระหว่าง ต.ท่าพญา ต.ขนาบนาค  อ.ปากพนัง-ต.หน้าสตน อ.หัวไทร ซึ่งมีคลื่นลมแรงพัดกระหน่ำกัดเซาะอย่างรุนแรง จนกำแพงแนวคอนกรีตกันคลื่นพังเสียหายเป็นช่วง  ๆ  ส่วนสถานการณ์ทางด้านกองเรือประมงในจังหวัดนครศรีธรรมราช ในปากน้ำปลายจุดตั้งแต่ปากอ่าวขนอม อ.ขนอม ปากอ่าวสิชล อ.สิชล ปากอ่าวปากพูน อ.เมือง ปากอ่าวปากพนัง ไปจนถึง อ.หัวไทร เรือประมงทุกขนาดได้ทยอยเข้าจอดเทียบท่าจนหมด ในขณะที่เรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็ก ชาวประมงได้ลากเรือขึ้นมาไว้บนหาดทรายห่างจากแนวของซัดของคลื่น


ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์  นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล  ผวจ.  พร้อม นางปรียา  ศรีวัฒนตระกูล  นายกเหล่ากาชาด และนายอนันต์ ไชยศักดิ์  นายอำเภอทับสะแก  ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากคลื่นลมทะเลที่ซัดชายฝั่งตลอดแนวบริเวณท่าเทียบเรือประมงโครงการพัฒนาประมงทะเลชายฝั่งพื้นบ้าน  ต.ห้วยยาง  อ.ทับสะแก โดยก่อนหน้านั้นคลื่นซึ่งมีความสูง 3-4  เมตร ได้ซัดฝั่งจนชายหาดและบ้านเรือนเสียหาย  ซึ่งก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์ทาง อบต.ห้วยยาง ได้นำกระสอบทราย จำนวน 1,000  ลูกมาทำแนวกันคลื่นซัดชายหาดแล้ว  แต่เนื่องจากคลื่นลมปีนี้มีกำลังแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา  ทำให้แนวกระสอบทรายไม่สามารถต้านแรงคลื่นได้  ส่งผลให้น้ำทะเลเอ่อล้นตลิ่ง  เข้าท่วมบ้านเรือนของชาวประมง
 

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย จ.ประจวบคีรีขันธ์  ได้สรุปความเสียหายจากวาตภัยคลื่นซัดชายฝั่งในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ตั้งแต่วันที่ 24-26 ธ.ค.54 ส่งผลกระทบต่อ 6 อำเภอ คือ อ.หัวหิน อ.สามร้อยยอด อ.กุยบุรี อ.ทับสะแก อ.เมืองฯ  และ อ.บางสะพานน้อย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ประมาณ 565  ครอบครัว  และจากการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าวพบว่าในวันนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว.


ขอบคุณที่มา http://www.dailynews.co.th/thailand/4891
7  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / น้ำท่วมแนะคนกรุงเช็กสิทธิ กทม.เตรียมจ่ายเยียวยาอีก 5 รายการ เมื่อ: ธันวาคม 27, 2011, 04:43:01 pm
น้ำท่วมแนะคนกรุงเช็กสิทธิ กทม.เตรียมจ่ายเยียวยาอีก 5 รายการ

น้ำท่วมแนะคนกรุงเช็กสิทธิ กทม.เตรียมจ่ายเยียวยาอีก 5 รายการ
วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2554 เวลา 07:15 น.
นายสมภพ ระงับทุกข์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะให้เงินช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยเพิ่มเติม

นายสมภพ ระงับทุกข์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะให้เงินช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยเพิ่มเติม หลังจากที่มีการให้เงินเยียวยาผู้ที่ประสบอุทกภัย

ไปครัวเรือนละ 5,000 บาทแล้วนั้น ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้หารือกับทางศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) สำนักนายก

รัฐมนตรี ซึ่งมีรายการที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนอีก 5 กรณี ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2546 และ ที่แก้ไขเพิ่ม

เติมและตามหลักเกณฑ์วิธีดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2551 ตามรายการดังนี้ 1.บ้านเสียหายทั้งหลัง ช่วยเหลือเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท 2.บ้านเสียหาย

บางส่วน ช่วยเหลือเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 20,000 บาท 3.กรณีผู้ประสบภัยเช่าบ้านของผู้อื่นและบ้านเช่าเสียหายทั้งหลังหรือบางส่วน จนอาศัยอยู่ไม่ได้ ช่วยเหลือเป็นค่าเช่าบ้านครอบครัวละไม่เกิน

1,500 บาท ไม่เกิน 2 เดือน 4.ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องประกอบอาชีพหรือเงินทุนประกอบอาชีพเสียหาย ช่วยเหลือเท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 10,000 บาท และ 5.ช่วยเหลือค่าจัดการศพรายละ

25,000 บาท หากเป็นหัวหน้าครอบครัวจ่ายให้อีก 25,000 บาท ซึ่งประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามรายการดังกล่าว เตรียมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามรายการที่ตนมีสิทธิเพื่อยื่นคำร้องที่เขตฯ

ซึ่งจะมีการตรวจสอบรายละเอียดและดำเนินตามขั้นตอน เพื่อให้มีการจ่ายชดเชยเยียวยาประชาชนตามประกาศของ ศปภ.ต่อไป ทั้งนี้กรณีบ้านพังทั้งหลัง บ้านเสียหายบางส่วนและเครื่องมือ

ประกอบอาชีพเสียหาย จะเป็นการพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่การจ่ายอัตราเดียวเท่ากันทั้งหมดเหมือนกรณี 5,000 บาท โดยต้องมีเอกสารหลักฐานประกอบการ

พิจารณาของเจ้าหน้าที่
 
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ กทม.ได้พิจารณากรอบวงเงินที่จะใช้ในการเยียวยาประชาชนตามรายการที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สิทธิไว้ ซึ่งพิจารณาเทียบเคียงในกรณีการเกิดเหตุภัยพิบัติต่าง ๆ ที่มี

การดำเนินการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งรวมแล้วในพื้นที่กรุงเทพฯมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยจะสามารถใช้สิทธิขอรับเงินช่วยเหลือรวมแล้วเป็นเงิน ที่ กทม.ได้เสนอขอจัดสรร

เงินงบกลางจากรัฐบาลรวมทั้งสิ้น 27,420.57 ล้านบาท ซึ่งได้ส่งเรื่องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และผู้อำนวยการสำนัก

งบประมาณ เพื่อให้พิจารณาจัดสรรเงินช่วยเหลือประชาชนต่อไป.


http://www.dailynews.co.th/thailand/4907
8  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บ้านน้ำท่วมได้ใช้ประปาฟรี5พันลิตร และ ขยายรถไฟฟ้า-บีอาร์ทีฟรี เมื่อ: ธันวาคม 27, 2011, 04:38:20 pm
บ้านน้ำท่วมได้ใช้ประปาฟรี5พันลิตร

นายเจริญ ภัสระ ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า ขณะนี้วิกฤติน้ำท่วมได้ผ่านพ้นไปแล้ว แม้ว่าที่ผ่านมา กปน.ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปกป้องระบบผลิต ไปกว่า 500 ล้านบาทแล้วก็

ตาม แต่นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย (มท.2) ยังมีความห่วงใยผู้ประสบอุทกภัย จึงได้มีนโยบายให้ กปน. ช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมอีก 1 มาตรการ คือ ผู้ประสบภัยน้ำท่วมไม่ต้องจ่ายค่าน้ำราย

ละ 5,000 ลิตร (5 ลบ.ม.) ในรอบบิลการใช้น้ำเดือน ธ.ค. 54 (ซึ่งจะจัดเก็บเงินในเดือนม.ค.55) หากผู้ใช้น้ำใช้น้ำ 25 ลบ.ม. กปน.จะคิดค่าน้ำเพียง 20 ลบ.ม. เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ใช้น้ำสำหรับทำ

ความสะอาดที่พักอาศัย เพื่อเป็นของขวัญรับปีใหม่ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ กปน.ได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือมาแล้ว ซึ่งได้แก่ งดคิดค่าน้ำขั้นต่ำ 6 เดือน ขยายเวลาการชำระหนี้ค่าน้ำประปา

ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2554 จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 2555 โดยจะไม่มีการตัดน้ำ ให้ยื่นความจำนงขอผ่อนชำระค่าน้ำได้ ไม่เก็บค่าบริการเชื่อมต่อข้อมูลค่าน้ำค้างชำระที่ผู้ใช้น้ำชำระเงินหนี้ค้างเกินกำหนด (15

บาท) ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส (เซเว่นอีเลฟเว่น) ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 2555 ให้ความช่วยเหลือค่าน้ำส่วนเกินกรณีท่อภายในชำรุดหรือแตกรั่ว บริการสำรวจหาท่อรั่วภายในบ้าน และจัดซ่อมให้

ฟรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.1125.

ขอบคุณที่มา http://www.dailynews.co.th/thailand/4909
9  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ได้ยินเสียง หัวใจ ขณะนั่งกรรมฐาน ครับ เมื่อ: ธันวาคม 09, 2011, 06:49:38 am
ได้ยินเสียง หัวใจ ขณะนั่งกรรมฐาน ครับ

   รู้สึกแปลกใจมากครับ ที่ได้ยินเสียง ก็เลย ผ่อนการภาวนา พุทโธ ให้ตรงกับเสียงหัวใจ ครับ
ที่ได้ยินและรู้สึกสบาย จริง ๆ ครับ  ควรทำอย่างไร ต่อไปครับ

  :c017:
10  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ตำราดูพระ เพื่อให้เกิดคลายความสงสัยเรื่องพระ เมื่อ: ธันวาคม 09, 2011, 06:44:47 am
http://www.aia.or.th/lookmonktextbook.htm#2

http://www.aia.or.th/lookmonktextbook.pdf  ดาวน์โหลด คลิ๊ก
11  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ความหายนะ ของผู้ ปรามาสพระรัตนตรัย เมื่อ: ตุลาคม 19, 2011, 08:23:18 am
ท่านกล่าวไว้ว่า บุคคลที่เป็นพระโสดาบันแล้ว ถ้าปรากฏว่า มีผู้อื่นผู้ใดประมาทพลาดพลั้ง หรือคะนองปาก กล่าวตำหนิติเตียน หรือนินทาว่าร้าย ด่าบริภาษ
แม้จะเป็นพระอริยะบุคคลที่เป็นคฤหัสถ์

ท่านกล่าวว่า ห้ามมรรค ผล นิพพาน แม้บุคคลผู้นั้นจะพากเพียรปฏิบัติธรรม อย่างไรก็มิอาจสามารถ บรรลุมรรคผลได้
การติเตียน ด่าบริภาษพระอริยเจ้า จึงมีโทษมาก

เกิดความหายนะอย่างร้ายแรงที่สุด10อย่างคือ

1.บุคคลผู้นั้นจะยังไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ
2.เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ฌาณ สมาธิ จะเสื่อมทันที

3.สัทธรรมของบุคคลผู้นั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว
4.เป็นผู้หลงคิดว่าตนเป็นผู้บรรลุสัทธรรม

5.ไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์
6.ถ้าเป็นภิกษุต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างนึง

7.ย่อมถูกโรคเบียดเบียนอย่างหนัก
8.ถึงความเป็นบ้ามีจิตฟุ้งซ่าน

9.หลงตามกาละ คือตายอย่างขาดสติ
10.เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

กรรมที่บริภาษ ด่าทอ พระอริยบุคคลนี้ เป็นกรรมตัดรอน มรรคผล นิพพาน
มิใช่กรรมเก่า แต่เป็นกรรมที่สร้างขึ้นใหม่ และมีผลรุนแรงมาก มีอำนาจตัดรอนกรรมดีอื่นๆในทันใด

วิธี แก้กรรมนี้ ต้องกล่าวขอขมาโทษ แก่พระอริยเจ้า เมื่อพระอริยเจ้าอดโทษไม่เอาโทษแล้ว ก็ไม่ห้าม มรรค ผล นิพพาน กลับมาเป็นปรกติดังเดิม


จากคุณ    : โชติช่วงชัชวาล
12  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.wadmuangsoong.com/index.php วัดเมืองสูงพัฒนาวนาราม เมื่อ: กันยายน 25, 2011, 08:54:02 am

http://www.wadmuangsoong.com/index.php
วัดเมืองสูงพัฒนาวนาราม



ประวัติการก่อตั้งวัดเมืองสูงพัฒนาวนาราม

เมื่อปี พ.ศ. 2547 กำนันสมศรี คำภิรา ได้ขอก่อตั้ง วัดเทพพัฒนาพาเจริญ โดยได้รับบริจาคที่ที่ดินจาก พ่อสมบูรณ์ แม่สมศรี คะเนนอก จำนวน 2 ไร่ และพ่อพา นาเจริญ จำนวน 5 ไร่

หลังจากนั้นการก่อตั้งวัดจึงอยู่ในโครงการ นำความดีคืนสู่บ้านเกิด พระครูบรรพตวิหารการ (หลวงตาพร) รองเจ้าคณะอำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ

ต่อมาได้สร้างศาลาขึ้นจำนวนหนึ่งหลัง ใช้งบประมาณการก่อสร้างจำนวนสองแสนบาท

ปี พ. ศ. 2548 ได้ซื้อที่ดินเพิ่มจำนวน 37 ไร่ 3 งาน

ปี พ.ศ. 2549 ได้สร้างกุฏิ จำนวน 6 หลัง และ ขุดบ่อน้ำ บนพื้นที่จำนวน 6 ไร่ เพื่อสนองโครงการของรัฐบาล เรื่องบ่อน้ำกันภัยแล้ง

คณะกรรมการวัดได้ประชุม/ปรึกษา มีมติ "ตกลงขุดบ่อน้ำจำนวน 6 ไร่ กว้าง 80 เมตร ยาว 120 เมตร ลึก 8 เมตร จำนวนดิน 76,800 คิว ค่าก่อสร้างเป็นเงิน จำนวน 3,225,600.- บาท (สามล้านสองแสนสองหมื่นห้าพันหกร้อยบาทถ้วน)

งบประมาณของชาวบ้านมีอยู่แล้ว 300,000.- บาท (สามแสนบาทถ้วน) ไม่พอจึงของบประมาณสนับสนุน จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เป็นจำนวนเงิน 2,925,600.- บาท (สองล้านเก้าแสนสองหมื่นห้าพันหกร้อยบาทถ้วน)

ปี พ.ศ. 2550 สร้างศาลาขึ้นอีกหนึ่งหลัง งบประมาณจำนวน 600,000 บาท (หกแสนบาทถ้วน)

ปี พ.ศ.2551 วันที่ 15 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2551 ได้รับอนุมัติการจัดตั้งวัดเป็น วัดเมืองสูง

ได้ขุดบ่น้ำบนพื้นที่ จำนวน 3 ไร่ ใช่งบทั้งหมด 80,000 บาท

ปี พ.ศ. 2552 ได้ขอเปลี่ยนชื่อวัตเป็น วัดเมืองสูงพัฒนาวนาราม

สถานที่ตั้ง 159 ม. 8 ต. หนองตาดใหญ่ อ.สีดา จ.นครราชสีมา พ.ศ. 30210

สถานที่ตั้งวัดติดกับถนนสายมิตรภาพ นครราชสีมา - ขอนแก่น
13  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การภาวนา พุทโธ ถ้าเปลี่ยนเป็น ยุบหนอ พองหนอ จะได้หีรืิอไม่ ? เมื่อ: กันยายน 24, 2011, 08:05:17 am
คืออยากทราบว่า ถ้าเราต้องภาวนา พุทโธ ที่ฐานจิต แต่เราเปลี่ยนคำว่า พุทโธ เป็นยุบหนอ พองหนอ จะได้หรือไม่ครับ เพราะรู้สึกว่าจะชินแบบเก่าอยู่ครับ ดูยุบหนอ พองหนอ อยู่ครับ

  :13:
14  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ความเชื่อที่ว่า ยุคนี้ไม่มีบุคคลผู้เป็น พระสาวกภูมิ แล้ว เมื่อ: สิงหาคม 11, 2011, 08:54:08 am
คือได้สนทนา กับ ผู้ปฏิบัติในสายมหายาน ล้วนแล้วแสดงความเห้นว่า ยุคนี้ เกินกว่า 2500 ปีแล้ว ไม่ใช่ยุคสาวกภูมิแล้ว ไม่มีบุคคลใดเป็นสาวกภูมิ แล้ว เป็นยุคการสร้างบารมี เพื่อไปร่วมบรรลุธรรม กับพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ดังน้น ทางผู้ผมสนทนาด้วย จึงตอบว่่า มหายาน จึงเน้นเรื่องการบำเพ็ญบารมี มากกว่า ที่จะเพื่อการบรรลุธรรม

  สำหรับเรื่องนี้ เราชาวกรรมฐาน มีความเห็นอย่างไรต่อการภาวนา ที่บรรลุเป็น สาวกภูมิ บ้างครับหรือให้เชื่อตามพระสูตร อันมีในจักรวรรดิสูตร เลยครับ ว่าไม่มีแล้ว เป็นไปไม่ได้

 อยากฟังความคิดเห้นของทุกท่านครับ

  :c017: :49:
15  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การนั่งหลับตา เป็น สมาธิ กับ การนั่งลืมตา เป็น สมาธิ เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2011, 07:56:39 am
การนั่งหลับตา เป็น สมาธิ กับ การนั่งลืมตา เป็น สมาธิ

อย่างไหน จะเป็น สมาธิ ได้ก่อนกัน

การลืมตา จะเป็น สมาธิ ได้หรือไม่

การหลับตา จะเป็น สมาธิ ได้จริงหรือ

ก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ

 เพราะเพื่อน ๆ ที่ภาวนาด้วยกัน บอกว่า ลืมตาดีกว่า บางท่านก็กล่าวว่า หลับตาดีกว่า
ส่วนตัวผมเอง ทั้งลืมตา และ หลับตา ก็ยังไม่เป็นสมาธิ ครับ สัก 5 นาที ก็แย่แล้วครับ

 :smiley_confused1: :'(
16  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คนดี ที่พูดไม่ออก ....... เมื่อ: มิถุนายน 23, 2011, 08:42:32 am



ชายคนที่ 1.... เป็นหนุ่มที่มีความรับผิดชอบ รักครอบครัว
รักภรรยาและลูกสุดชีวิต ไม่เคยผิดลูกผิดเมียชาวบ้าน ปฏิบัติตนด้วยความดี
จนกระทั่งถึงแก่ชีวิต. ชายคนนี้ได้ไปที่นรก แต่ด้วยความดีที่เค้าได้กระทำ
พญายมจึงได้ให้ BENZ เพื่อให้เค้าได้ขับขี่ในนรกนั้น

ชายคนที 2 ..... รักครอบครัวเหมือนกัน แต่ก็มีแว่บโน่นแว่บนี่
ยุ่งกับภรรยาชาวบ้าน พอตกนรกไป พญายมจึงได้ให้ TOYOTA ไปขับ

ชายคนที่ 3..... ไม่มีความดีในชีวิต ชอบยุ่งกับลูกเมียชาวบ้าน
ไม่มีความรับผิดชอบอะไรเลย ไม่รักครอบครัวเลย สรุปก์คือ ไม่มีความดีอะไรเลย (เป็นคนไม่สนใจไรเลย) เมื่อตกนรกไป เค้าจึงได้แค่ "มอเตอร์ไซค์"

แต่แล้วมาวันนึง ทั้งสามคนได้มาเจอกันที่แยก ไฟแดง ทีหนึ่ง แต่เนื่องจากชายคนที่1 นั้น หน้าตาหมองคล้ำ ดูเหมือนคนอมทุกข์ทั้งๆ ที่ขับ BENZ ก็ตาม

ชายคนที่ 2 ( ขับtoyota) และคนที่ 3 ( ขับมอเตอร์ไซค์) จึงได้ถามไปว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนี้

ชายคนที่ 1 จีงถอนหายใจ ดังเฮือก พร้อมกับตอบว่า

" ผมเพิ่งจะเห็นภรรยาของผมขับ "จักรยาน" ผ่านหน้าไปเมื่อสักครู่นี้เอง
17  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 60คำสั่งบนแป้นคีย์บอร์ด สำหรับนักท่องเน็ต ทุกท่านห้ามพลาดครับ มีประโยชน์ เมื่อ: มิถุนายน 23, 2011, 08:30:51 am
60คำสั่งบนแป้นคีย์บอร์ด

คำสั่งบนแป้นคีย์บอร์ด


ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.geekzone.co.nz


เพื่อนๆ คงใช้เม้าส์ในการกด เพื่อเลือกฟังก์ชั่นต่างบนจอคอมจนเคยชินกันแล้วใช่มะ จนบางคนนั้นอาจลืม หรือไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าแป้นคีย์บอร์ด ที่เดี๋ยวนี้เราไว้ใช้แค่พิมพ์นั้นสามารถสั่งการใช้ง านของคอมพิวเตอร์ได้ เหมือนกัน งั้นเราลองมาทบทวนความทรงจำ ในการใช้คำสั่งบนคีย์บอร์ดกันดีกว่า...

60 คำสั่งบนแป้นคีย์บอร์ดเตือนคำทรงจำ....

CTRL+C --คัดลอก

CTRL+X --ตัด/ย้าย

CTRL+V --วาง (ใช้คู่กับคำสั่งคัดลอก/ตัด)

CTRL+Z --ยกเลิกการทำงานครั้งล่าสุด

DELETE --ลบโดยไปพักที่ถังขยะ

SHIFT+DELETE --ลบโดยไม่ต้องพักที่ถังขยะ

CTRL กดค้างไว้+คลิกเลือกไฟล์ --เป็นการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง

CTRL+SHIFT กดค้างไว้ แล้วคลิกที่ไฟล์แรก และไฟล์สุดท้าย --จะเป็นการเลือกตั้งแต่

ไฟล์แรกถึงไฟล์สุดท้ายทั้งหมด (ถ้ากด shift อย่างเดียวเราต้องเลื่อนบรรทัดเอง แต่ถ้ากด ctrl ด้วยมันจะไปบรรทัดสุดท้ายทันที (edit By miststar))

F2 --เปลี่ยนชื่อแฟ้ม

CTRL+RIGHT ARROW --ไปยังคำต่อไป (ด้านขวามือ)

CTRL+LEFT ARROW --ไปยังคำก่อนหน้า (ด้านซ้ายมือ)

CTRL+DOWN ARROW --ไปยังย่อหน้าต่อไป (ลงล่าง)

CTRL+UP ARROW --ไปยังย่อหน้าต่อไป (ขึ้นบน)

CTRL+SHIFT --ทำ Highlight ทั้งบรรทัด

SHIFT+ ปุ่มลูกศร --ทำ Highlight เฉพาะส่วนที่เลือก

CTRL+A --เลือกทั้งหมด

F3 --ค้นหา

ALT+ENTER --ดู properties

ALT+F4 --ปิดโปรแกรมที่ใช้งานในปัจจุบัน

ALT+SPACEBAR --เปิด shortcut menu ของหน้าจอที่ใช้งานอยู่

CTRL+F4 --ปิดโปรแกรมที่ใช้อยู่ทั้งหมด

ALT+TAB --สลับหน้าจอระหว่างโปรแกรมที่ 1 ไปโปรแกรมที่ 2 3 4

ALT+ESC (Cycle through items in the order that they had been opened)

F6 key (Cycle through the screen elements in a window or on the desktop)

F4 --แสดงรายการใน Address bar

SHIFT+F10 --เหมือนการคลิกขวาที่เม้าส์

CTRL+ESC --เหมือนการคลิกที่ปุ่ม Start

ALT+Underlined letter in a menu name (Display the corresponding menu)

Underlined letter in a command name on an open menu (Perform the
corresponding command)

F10 key (Activate the menu bar in the active program)

RIGHT ARROW --เปิดเมนูถัดไปทางขวาหรือเปิดเมนูย่อยทางขวา

LEFT ARROW --เปิดเมนูถัดไปทางซ้ายหรือเปิดเมนูย่อยทางซ้าย

F5 key --รีเฟรชหน้าจอปัจจุบัน

BACKSPACE --แสดงโฟลเดอร์ที่อยู่เหนือขึ้นไป 1 ระดับ

ESC --ยกเลิก

SHIFT เมื่อใส่แผ่น CD-ROM --หยุดยั้งการเปิดแผ่นแบบอัตโนมัติ

Dialog Box Keyboard Shortcuts /เกี่ยวกับไดอะล็อก

CTRL+TAB --ไปในแถบต่อไป

CTRL+SHIFT+TAB --ไปในแถบก่อนหน้า

TAB --เลื่อนไปยังส่วนต่อไป

SHIFT+TAB --เลื่อนไปยังส่วนก่อนหน้า

ALT+Underlined letter (Perform the corresponding command or select
the corresponding option)

ENTER --ตกลง

SPACEBAR --เลือก/ไม่เลือกใน check box

Arrow keys (Select a button if the active option is a group of option buttons)

F1 key --Help

F4 key --แสดงรายการที่ active อยู่

BACKSPACE --แสดงโฟลเดอร์ที่อยู่เหนือขึ้นไป 1 ระดับ

Microsoft Natural Keyboard Shortcuts /ทั่วไป ๆ

Windows Logo --แสดง/ซ่อน Start menu

Windows Logo+BREAK --แสดง System Properties

Windows Logo+D --แสดงหน้าจอ desktop

Windows Logo+M --ย่อหน้าต่างงานทั้หมด

Windows Logo+SHIFT+M --โชว์หน้าต่างงานที่เราย่อไว้ (ยกเลิกการย่อหน้าต่าง)

Windows Logo+E --เปิด My computer

Windows Logo+F,CTRL+Windows Logo+F --ค้นหา

Windows Logo+F1 --Help

Windows Logo+ L --ล็อค keyboard

Windows Logo+R --Run

Windows Logo+U --Utility Manager

เราหวังว่าคำสั่งบนคีย์บอร์ดเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ก ับเพื่อนๆ บ้างนะ
เผื่อว่าวันไหนเม้าส์ของเพื่อนๆ ใช้งานไม่ได้

ที่มา: PanTown
18  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / "50 คำคมดีๆ" ที่เอามาเคาะหัวใจคุณ!! เมื่อ: มิถุนายน 23, 2011, 08:24:20 am

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://2.bp.blogspot.com



50 คำคมดีๆ ที่เอามาเคาะหัวใจคุณ
1.คาดหวังให้สูงเข้าไว้และแน่นอนว่าต้องเตรียมใจที่จะพบกับความผิดหวังด้วย
2.ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
3.ถ้าเชื่อว่าไม่แพ้ เราก็จะไม่แพ้
4.คนเข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่บนโลกใบนี้ได้
5.อุปสรรคล้วนเป็นยาขม ไม่มีใครอยากลิ้มลอง แต่ขึ้นชื่อว่ายาขม ส่วนใหญ่มักเป็นยาดีเสมอ
6.ขอบคุณความทุกข์ที่ทำให้ความสุขในคราวต่อมาเป็นความสุขที่แท้จริง
7.เพื่ออะไรกับการรอคอยที่ไม่มีความหมาย
8.ยิ่งบทเรียนยากขึ้นเท่าไหร่ ถ้าเราผ่านมันไปได้เราก็จะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น
9.กุหลาบไร้หนามมีเพียงมิตรภาพเท่านั้น
10.อย่ากังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่ให้คำนึงถึงสิ่งที่กำลังทำ


11.แม้แต่นิ้วของคนเรายังยาวไม่เท่ากัน นับประสาอะไรกับความยั่งยืนของชีวิต
12.โลกใบนี้เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ถ้าไม่ออกเดินทางก็ไม่มีวันค้นพบ
13.ไม่มีใครสะดุดภูเขาล้ม มีแต่สะดุดก้อนหินล้ม
14.ไม่มีใครเข้มแข็งตลอดไปและไม่มีใครอ่อนแอตลอดกาล
15.บางครั้งเราก็เหมือนคนตาบอดมีวิธีเดียวที่จะพาเรามุ่งหน้าไปได้คือการคลำทางเดินหน้าต่อไป
16.อย่าเกลียดน้ำตาเพราะมันคือเพื่อนแท้ อย่าเกลียดความอ่อนแอเพียงเพราะมันไม่ใช่ความเข้มแข็ง
17.มีเพียงชีวิตที่ทำเพื่อคนอื่นเท่านั้นที่ควรค่าแก่การมีชีวิต
18.ทุกอย่างมีค่าเสมอ อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าไม่ควรจะทำมันอีก
19.คนฉลาดย่อมไม่นำแต่ตาม ย่อมไม่พูดแต่ฟัง
20.ทุกคนได้ยินในสิ่งที่คุณพูด ต่เพื่อนที่ดีที่สุดจะได้ยินแม้ในสิ่งที่คุณไม่ได้พูด

21.อวดโง่ดีกว่าอวดฉลาด
22.คนที่ว่าคนอื่นโง่ บุคคลนั้นโง่ยิ่งกว่า คนที่ว่าคนอื่นฉลาด บุคคลนั้นคือผู้ฉลาดอย่างแท้จริง
23.ฝันได้แต่อย่าหวัง
24.เรียนรู้ที่จะแพ้อย่างผู้ชนะ แล้วจะรู้จักกับคำว่าชัยชนะที่แท้จริง
25.นักปราชญ์ควรรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด
26.ความยึดถือคือความเจ็บปวด
27.พระเจ้าไม่ได้รักเรามากกว่าคนอื่น และไม่ได้รักคนอื่นมากกว่าเรา
28.อุปสรรคคือแบบทดสอบของชีวิต
29.ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต
30.สิ่งร้ายๆจะมาพร้อมกับสิ่งดีๆเสมอ

31.โลกใบนี้ยังมีมุมดีๆให้มอง
32.ตัวเรายังไม่ได้ดั่งใจเรา แล้วคนอื่นจะเป็นได้อย่างไร
33.ถนนบางสายไกลหน่อยแต่ก็ยังมีวันถึง
34.แต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง แต่งใจด้วยความดี
35.ความเจ็บปวดทำให้หัวใจแข็งแกร่ง
36.เดินคนเดียวอาจไม่รู้สึกดีอะไร แต่อย่างน้อยก็มีที่แกว่งแขนมากขึ้น
37.ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วทำวันพรุ่งนี้ให้ดีกว่าเดิม
38.ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เพราะทุกปัญหาแก้ไขได้
39.ถ้าไม่ลองก้าวจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองวิ่งได้

40.ตึกสูงระฟ้ามาจากก้อนอิฐ
41.ใช้ชีวิตอยู่กับความจริง ยอมรับสิ่งที่เป็น มองเห็นข้อดีคนอื่น หยัดยืนด้วยขาตัวเอง
42.เราจะรู้รสชาติของความสุขก็ต่อเมื่อเราผ่านความทุกข์มาก่อน
43.ปัญหามีไว้แก้ และต้องแก้ด้วยตัวเองไม่ใช่ยืมมือคนอื่นมาแก้
44.จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์คือความเชื่อใจ
45.ทุกคนมีคุณค่าเพียงแต่มีโอกาสแสดงคุณค่าไม่เท่ากัน
46.บางทีการได้เจอปัญหามันก็ดีเหมือนกัน
47.สิ่งที่ผ่านมาแล้วจะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก
48.ไม่ว่าใครจะตายหรือหายไป สุดท้ายโลกก็ยังหมุนต่ออยู่ดี
49.น้ำตาให้ได้แค่ความเห็นใจ
50.ในการที่จะเริ่มต้นทำสิ่งใดทุกครั้งควรคิดถึงจุดจบด้วย
19  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ข้อธรรมดี ๆ เมื่อ: มีนาคม 03, 2011, 08:04:21 am
หลวงปู่ทิวา งานหลวงปู่หลุย 19 ธค 53


หลวงปู่อุทัย งานหลวงปู่หลุย 18 ธค 53


พระอาจารย์แบน งานหลวงปู่ฟัก 12 ธค 53


งานกฐินวัดป่ามณีกาญจน์ หลวงปู่อุทัย 24 ตค 53 เทศน์
http://www.mediafire.com/?wsv5jro4eob0qe8

ขอบคุณเจ้าของไฟล์ด้วยครับ

จากคุณ : look4images
20  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิธีแก้ไสยดำ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2011, 06:57:00 am
วิธีแก้ไสยดำ
ถาม : อาจารย์ครับ ไสยดำแก้อย่างไรครับ ?

ตอบ : ไสยดำ ถ้าหากว่าเราภาวนาไม่ต้องมากหรอก เอาแค่มากกว่า อุปจารสมาธิ นิดหนึ่ง หลวงพ่อ ท่านใช้คำว่า อุปจารฌาน ไม่ต้องถึง ปฐมฌาน หรอก

ถ้าเราทำได้ตั้งแต่อุปจารฌานขึ้นไปป้องกันได้แน่นอน แต่ห้ามเผลอ ถ้าจะเอาป้องกันจริงๆ ก็ควรจะไปรับยันต์เกราะเพชร เพราะว่าถ้าเรารับยันต์เกราะเพชรอยู่แล้วให้สวดมนต์เป็นการปลุกยันต์อยู่ทุกวัน ใครทำไสยศาสตร์ใส่เรามันจะย้อนกลับเจ้าของเขาหมด หรือไม่ก็หาผ้ายันต์เกราะเพชรมาแล้วตั้งใจสวดอิติปิโส ๓ ห้อง ทุกวัน อธิษฐานขอให้ช่วยคุ้มครองก็ได้ แต่อย่างที่เรียกว่า เราต้องขยัน คือ สวดมนต์เช้า-เย็นได้ยิ่งดี

ยันต์เกราะเพชรที่เป่าติดตัว นี่ดีตรงที่ว่าไม่หล่นหาย แต่ถ้าคุณกินเหล้าเมื่อไหร่เสื่อมเลย ขโมยของเขาเมื่อไหร่เสื่อมเลย

ส่วนผ้ายันต์ อาจจะหล่นหายได้ แต่คุณกินเหล้าไม่เสื่อม เลิกกินแล้วอาราธนาผ้ายันต์ใหม่ได้

ไสยศาสตร์จริงๆ ไม่น่ากลัว กำลังใจเขาคิดเบียดเบียนคนอื่นมันไม่มีตัวอุเบกขา มันก็เลยเข้าไม่ถึงที่สุดของอารมณ์จริงๆ แต่ว่ามันน่ากลัว เพราะว่าถึงขนาดเข้าไม่ถึงที่สุดนี่เขายังทำได้สารพัดเลย

ถาม : .................................

ตอบ : เรื่องของยันต์เกราะเพชร เราทำอย่างไรก็ทำไม่ได้หรอก ต้องรอพระท่านสงเคราะห์อย่างเดียว ถ้าท่านไม่ได้สั่งเสือกไปทำ โอกาสสำเร็จไม่มีหรอก เพราะฉะนั้นต้องรอ



สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ (ต่อ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
21  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / น้องชายซึ่งเป็นพระ ได้ขอให้ผมไปลงโปรแกรมให้พระที่วัด... เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2011, 07:02:05 pm
คือน้องชายผมตอนนี้ได้ไปบวชพระที่วัด แล้วได้สนทนากับพระที่วัดแล้วท่านกำลังเรียน ป.ตรี อยู่นะครับ
ท่านต้องการใช้โปรแกรม หลายโปรแกรม เช่น Autocad ซึ่งพระน้องชายผมก็รับปากเรื่องลงโปรแกรม
เพราะเห็นว่าผมมีความรู้และมีโปรแกรม แต่ตัวผมเองซึ่งเป็นฆราวาส บอกตรง ๆ เลยครับก็ใช้ของบริษัท
ทำงาน ถ้าเป็นแผ่นโปรแกรมที่ลง ก็ เถื่อนครับ เพราะยังไม่มีปัญญาซื้อครับ.... อ่านมาคงพอเข้าใจแล้วนะครับ

 คำถามนะครับ

  1.ผมลงโปรแกรมให้พระ ๆ ท่านจะผิด วินัยข้อไหนครับ ถ้าโปรแกรมที่ผมลงนั้นละเมิดลิขสิทธิ์

  2. ควรจะลงหรือไม่ลง ดีครับ ช่วยตอบกันไว ๆ หน่อยนะครับ เพราะวันอาทิตย์ นี้พระน้องชายนัดแล้วครับ

  3. ผมเองจะได้บุญ หรือ ได้บาป ครับ กรณีนี้

 :03: :c017:
22  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ควันหลงจากการไปดูหนัง เรื่องนี้ เห็น...... เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2011, 09:20:53 pm



ควันหลงจากการไปดูหนัง เรื่องนี้ทำให้ผมเก็บประเด็นเข้ามาคิดพิจารณา

คติคำใต้คำฮิต หนึ่งภาษิตว่า

แลหนัง แลคอน ให้ย้อนคิด เหมือนดั่งชีวิตเราทุกสิ่ง

ไม่ทราบเพื่อน ๆ ได้ดูกันหรือยัง
พระเส้าหลิน ทั้งฆ่า ทั้งแสดงอารมณ์ มุ่งมั่นออกไปทางโลกียะ
แต่จุดหนึ่ง ของหนังสะท้อนตอนที่ตัวเอก เปลี่ยนชีวิตเข้าแนวเซ็น แต่หนังเรื่องนี้ก็จบลงที่
พระตายเกือบหมดวัด ฉากระเบิดวัด อย่างมโหฬาร

ขอเปิดประเด็นเลยครับ เรื่องของพระ( อีกแล้ว )

 1.พระจีนฝึกกังฟูได้  พระไทยเราฝึกมวยไทยได้ไหมครับ

 2.วินัยสงฆ์ มีความเห็นอย่างไรกับการให้พระออกกำลังกาย ด้วยการฝึกศิลปะป้องกันตัว

 3.ถ้าฝึกยุทธ ก็ต้องมีประลองยุทธ ใจจะสงบได้จริง หรือ ครับเพราะการฝึกยุทธมุ่งมั่นเพื่ออะไรของวัดเส้าหลิน

 4.คนจีนนับถือ พระ เพียงผู้ถือศีล เท่านั้นใช่ไหมครับ ( เพราะหนังสื่อให้เหมือนอย่างนั้น )

 5.การนับถือ พุทธฝ่าย มหายานไม่สนับสนุนการบรรลุธรรม หรือ ไม่ครับ

 6.ทุกท่านมีความเห็นอย่างไร กับ พระจีน
 :72:

 ( เขินจังไม่ทราบเอาเรื่องนี้มาถามที่เว็บนี้ ถูกเรื่องหรือไม่ครับ )

ขอบคุณภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต
http://www.daradaily.com
http://www.websorb.net
23  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ธรรมะ อันใด ที่จะลดช่องว่าง ความขัดแย้งได้ครับ เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 07:37:13 am
ในทุกสถานที่ เราอยู่ เราต้องอยู่กับชน อื่น ๆ ที่นอกจากตัวเรา อยากสอบถามว่า

ธรรมะอันใด ข้อไหน ที่เราจะใช้เพื่อลด ข้อขัดแย้ง ความขัดแย้ง ได้ครับ
 :25:
24  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากทราบขั้นตอนการเรียน กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำัดับ เมื่อ: มกราคม 23, 2011, 10:28:57 pm
อยากทราบขั้นตอนการเรียน กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำัดับ
ต้องใช้เวลาศึกษา อย่างน้อยเท่าไร
เริ่มต้นอย่างไร
ต้องทำอย่างไร
จะเรียนได้จากที่ไหน
เรียนได้ด้วยตนเองหรือไม่ครับ

 :c017:
25  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เป็นไปได้หรือป่าวครับ ที่คนดื่มเหล้าจะสามารถ เข้า ฌาน ได้ 5 เมื่อ: มกราคม 19, 2011, 08:16:19 pm
มีคุณตา เป็นสัปเหร่อ อยู่ทีวัดข้างบ้าน เป็นคนชอบกินเหล้า และ เมาประจำ

แกมักจะพูดให้พวกผมฟัง ว่าสามารถนั่งเข้าฌานได้ ถึงฌาน 5 รู้ไว้ซะด้วย

อย่างพวกแก(คือพวกผม) ไม่สามารถฝึกได้หรอก การจะเข้าฌานมันต้องมีดีกรีบ้าง

อยากถามความเป็นไปได้ครับว่า พวกดื่มสุรา นี่สามารถเข้าฌานถึง 5 ได้จริงหรือไม่ครับ

 :c017:
26  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / โจรใจบาปขโมยพระพุทธรูปอายุกว่า 30 ปี เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 06:49:10 pm
มารศาสนางัดอุโบสถวัดสัมปทวน ขโมยพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 12 นิ้ว อายุกว่า 30 ปี พร้อมทองเหลืองหุ้มเหลี่ยมบันได เจ้าอาวาสเผยคนร้ายน่าจะลงมือช่วงกลางดึกที่พระจำวัดกันหมด...

วันที่ 16 ม.ค. เวลา 08.00 น. พ.ต.ท.อภิชาติ ศรีทองกุล สว.เวร สภ.นครชัยศรี ได้รับแจ้งจากพระครูสุนทร ธรรมนุยุต (หลวงพ่อบัว) เจ้าอาวาสวัดสัมปทวน ม.4 ต.วัดแค อ.นครชัยศรี จ.นครฐม ว่า มีคนร้ายตัดกุญแจหน้าพระอุโบสถ แล้วเข้าไปขโมยทรัพย์สิน จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองวิทยาการภาค 7 เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่ากุญแจที่คล้องประตูทางเข้าอุโบสถถูกตัดขาด ส่วนบริเวณบันไดทางขึ้นทั้งด้านหน้าและหลังพบว่าขอบหุ้มเหลี่ยมบันได ที่เป็นทองเหลืองหายไปทั้งหมด เมื่อตรวจสอบภายในพบว่าพระพุทธนิรันตราย พิมพ์ทรงนั่งขัดสมาธิบนฐานมีซุ้มประตู ขนาดหน้าตัก 12 นิ้ว เนื้อทองเหลืองทั้งองค์ อายุกว่า 30 ปีหายไป 1 องค์ จึงให้เจ้าหน้าที่กองวิทยาการตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย เพื่อติดตามคนร้ายต่อไป

ที่มาข่าว
http://thairecent.com/Local/2011/786455/
27  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การฝึกสมาธิเบื้องต้น จริง ๆ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เมื่อ: มกราคม 14, 2011, 09:17:15 pm
..........ต่อไปนี้ก็จะพูดถึงอารมณ์ สมาธิ เรื่องเบื้องหลังจะไม่ขอพูดต่อไป ใครมาศึกษาใหม่ก็ไปค้นคว้าเอาตามตำรา คำว่าสมาธินี้มีอยู่ด้วยกัน ๓ ระดับ

ขณิกสมาธิ แปลว่า สมาธิเล็กน้อย
อุปจารสมาธิ แปลว่า สมาธิปานกลาง เฉียดฌานเข้าไป
อัปปนาสมาธิ เป็นสมาธิอันดับหนัก คือ เริ่มตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปถึงฌาน ๔

.......... การเจริญพระกรรมฐานเราควรจับจุดเอาอานาปานุสสติเป็นสำคัญ เพราะว่าอานาปานุสสติกรรมฐานนี้ จะเป็นคนประเภทไหนก็ตาม มีความจำเป็นทั้งหมด เพราะว่าอานาปานุสสติกรรมฐานเป็นกรรมฐานระงับอาการฟุ้งซ่านของจิต เราจะเจริญอะไรก็ตาม ถ้าเราไม่สามารถระงับความฟุ้งซ่านของจิตได้ สมาธิมันก็ไม่เกิด

..........แล้วใครที่ไหนเล่า มีบ้างไหมที่มีอารมณ์ไม่ฟุ้งซ่านจริงๆ ก็มีพระอรหันต์เท่านั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์คือพระพุทธเจ้าท่านเป็นสัพพัญญูรู้ความจริง ฉะนั้นในมหาสติปัฏฐานสูตรท่านจึงขึ้นอานาปานุสสติก่อน นี่เป็นแบบฉบับของการสอน

..........ที่เราสอนกันก็สอนตามแบบของพระ พุทธเจ้า เรื่องแบบของชาวบ้านชาวเมืองที่เขาสร้างขึ้นมาใหม่นี่ไม่เอาด้วย เพราะอะไร เพราะว่าคนสร้างไม่ใช่พระพุทธเจ้า ดีไม่ดีคนสร้างก็ไม่ใช่พระอรหันต์ ในเมื่อคนสร้างแบบไม่ได้อะไร แล้วคนปฏิบัติตามแบบจะได้อะไร ในเมื่อพระพุทธเจ้าเห็นว่าอานาปานุสสติเป็นของสำคัญ ถึงได้ขึ้นต้นไว้ในมหาสติปัฏฐานสูตร

คุณของอานาปานุสสติ
.......... เมื่อทรงอานาปานุสสติถึงอารมณ์ฌาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอานาปานุสสตินี่ทรงอารมณ์ได้ถึงฌาน ๔ สำหรับผู้มีอุปนิสัยเป็นสาวกภูมิ ถ้าผู้มีอุปนิสัยเป็นพุทธภูมิก็ทรงได้ถึงฌาน ๕ จัดว่าเป็นกรรมฐานที่มีความสำคัญมาก แล้วก็เป็นกรรมฐานระงับกายสังขาร ในเมื่อร่างกายของเราป่วยไข้ไม่สบายมีทุกขเวทนา เราใช้อานาปานุสสติกรรมฐานทรงฌานเข้าไว้ ทุกขเวทนามันจะคลายลงไป ดีไม่ดีก็ไม่รู้สึกในทุกขเวทนานั้นถ้าได้ถึงฌาน ๔

..........อีก ประการหนึ่ง ท่านที่คล่องในอานาปานุสสติกรรมฐานจะรู้เวลาตายของตนว่าจะตายเวลาไหนแน่ ตายด้วยอาการแบบไหน ตายเมื่อไหร่ นี่เรารู้ ก็กลายเป็นคนไม่มีความหวาดหวั่นในความตาย

..........แล้วยิ่งไปกว่า นั้นอานาปานุสสติกรรมฐานยังเป็นกรรมฐานที่มีความสำคัญใหญ่ เราจะทำกรรมฐานกองอื่นๆในสมถภาวนาหรือว่าวิปัสสนาภาวนาก็ตาม ต้องใช้อานาปานุสสติกรรมฐานเอาเป็นพื้นฐานให้จิตสงบเสียก่อน ถ้ามิฉะนั้นการเจริญกรรมฐานในกองอื่นๆในด้านสมถภาวนาหรือวิปัสสนาภาวนาจะไม่ มีอะไรเป็นผล องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นคุณของอานาปานุสสติ กรรมฐานแบบนี้ ฉะนั้นองค์สมเด็จพระมหามุนีจึงให้ขึ้นอานาปานุสสติกรรมฐานก่อนในมหาสติ ปัฏฐานสูตร

ฝึกใจ
..........การเจริญอานาปานุสสติกรรมฐานตามแบบ ปฏิบัติที่นิยมกัน ก็ให้ใช้พุมธานุสสติกรรมฐานควบคุมไปด้วย ช่วยกำลังใจให้เกิดขึ้น การทำความดีในพระพุทธศาสนาถ้าขาดกำลังใจเสียอย่างเดียว ไม่มีอะไรเป็นผล เพราะการฝึกนี่เราฝึกใจ เราไม่ได้ฝึกกาย ถ้ามีแต่การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก เราก็คิดว่าจิตมันว่างไป นึกถึงความดีขององค์สมเด็จพระจอมไตร ใช้คำว่า พุทโธ รู้สึกว่าจิตใจมันมั่นคง อันนี้อาตมาก็ไม่ปฏิเสธว่าเป็นความดีที่เพิ่มขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งคือ

๑. เราได้อานาปานุสสติกรรมฐาน
๒. เราได้พุทธานุสสติกรรมฐาน

.......... ได้เป็นกรรมฐาน ๒ อย่างรวมกัน คือไม่สร้างความเหน็ดเหนื่อยเพราะใช้คำเพียงสองคำ หายใจเข้านึกว่า พุท หายใจออกนึกว่า โธ อย่างนี้ไม่ขัดกับอานาปานุสสติกรรมฐาน

.......... ในเมื่อรู้คุณของอานาปานุสสติกรรมฐานแล้ว สำหรับคุณสมบัติของพุทธานุสสติกรรมฐาน กรรมฐานกองนี้เป็นกำลังใหญ่ มีอานิสงส์สูงมาก ถ้าตายเป็นเทวดามีรัศมีกายผ่องใสยิ่งกว่าเทวดาที่บำเพ็ญกุศลอื่น เทวดาเขาถือว่าใครมีรัศมีกายผ่องใสมาก เทวดาองค์นั้นมีบุญญาธิการมาก แล้วการเจริญ พุทธานุสสติกรรมฐานเป็นเหตุดึงใจให้บรรดาท่านพุทธบริษัทเข้าถึงพระนิพพานได้ รวดเร็ว นี่จำไว้ด้วย นี่เป็นอานิสงส์หรือเป็นผล

..........คราวนี้ เรามาว่ากันในตอนต้น การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกเรียกว่าอานาปานุสสติกรรมฐาน พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่าให้เรากำหนดรู้ว่า นี่เราหายใจเข้า นี่เราหายใจออก ทำจิตให้มีความละเอียดลออ ทำสติสัมปชัญญะให้ทรงตัว ท่านมีอุปมาไว้ว่าคล้ายๆกับนายช่างกลึงชักเชือกกลึง เวลาที่ชักเชือกกลึงยาวหรือสั้น ก็รู้อาการชักเชือกกลึงนั้นยาวหรือสั้น นี่ทำจิตให้รู้อยู่

ปล่อยลมหายใจตามปกติ
..........ถ้าจะถามว่า จิตรู้อยู่นี่ใช้กันกี่เวลา ก็ต้องขอตอบว่าให้รู้อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ตั้งแต่ตื่นจนกว่าจะหลับนั่นแหละเป็นการดี การเจริญพระกรรมฐานแบบนี้ก็รู้สึกว่าหนักอยู่สำหรับคนใหม่หรือยังไม่ได้ฌาน อานาปานุสสติไม่ใช่ของกล้วยๆ มีกำลังมากอยู่ แต่ว่าถ้ามากไปจนแบกไม่ไหวก็ไม่มีใครเขาได้กัน เมื่อมีคนได้นับไม่ถ้วนก็แสดงว่าไม่หนักเกินไป พอกำลังของท่านพุทธบริษัทที่มีศรัทธาจริงจะพึงทำได้

..........แล้ว เรามาเจริญกันแบบไหนจึงจะมีคุณ นี่เราควบพุทธานุสสติ เวลาเราหายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้าพร้อมกับนึกว่า พุท เวลาหายใจออกนึกว่า โธ อย่างนี้ไม่เหนื่อยเพราะไม่ต้องเร่งการหายใจ นี่ก็ต้องปล่อยการหายใจให้เป็นไปตามปกติ อย่าเร่งรัดให้เร็วหรือว่าอย่าผ่อนให้ช้า อย่ากลั้นลมหายใจ ปล่อยไปตามสบาย บางทีสติสัมปชัญญะของเราไม่ดีพอ การหายใจธรรมดาไม่รู้สึกก็เร่งหายใจให้หนักๆ อันนี้ใช้ไม่ได้ ต้องปล่อยลมหายใจไปธรรมดา แล้วเอาจิตของเรานี่เข้าไปวัด จับมันเข้าไว้ นี่หายใจเข้า นี่หายใจออก ถ้าอารมณ์ธรรมดามันเผลอ ก็แสดงว่าสติสัมปชัญญะของเรามันเฟือนไป จิตใจไม่ทรงอยู่ในสมาธิ นี่เป็นเครื่องสังเกต นี่เป็นคำแนะนำขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์

.......... การเจริญสมาธิจิตในด้านอานาปานุสสติเป็นศัตรูกับอารมณ์ที่ฟุ้งซ่านและรำคาญ ในเสียงภายนอก ตามธรรมดาของจิตเรานี่มันท่องเที่ยวมาหลายแสนกัป ไม่มีใครบังคับมัน หรือว่าเรามีเกณฑ์บังคับอยู่บ้างในชาติก่อนก็อาจเป็นได้แต่ทว่าในชาตินี้เรา เพิ่งมาใช้ มันเพิ่งบังคับ มันก็ลืมท่าลืมทางเหมือนกัน

.......... ใน ระยะต้นๆ เราจะมาตั้งเวลาครึ่งชั่งโมง หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง บังคับจิตให้อยู่ตามใจชอบนั้นมันเป็นไปไม่ได้ ต้องดูแบบฉบับที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอธิบายไว้ ในวิสุทธมรรค เพราะว่าในวิสุทธิมรรคท่านอธิบายวิธีบังคับจิตไว้ละเอียดดี ว่าให้สังเกตการพิจารณาจิต ถ้าเรากำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกพร้อมด้วยคำภาวนา หรือไม่ภาวนาก็ตาม ถ้าใช้ระยะเวลาที่ไม่จำกัด จิตมันฟุ้งซ่านไม่ทรงตัว ไม่สามารถจะควบคุมอารมณ์จิตให้มันทรงตัวอยู่ได้ องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาให้ปฏิบัติแบบนี้

ฝึกนับลม
..........คือให้นับลมหายใจเข้าออก นับไปด้วย หายใจเข้าหายใจออก นับเป็นหนึ่ง นี่เป็นจังหวะที่หนึ่ง

.......... แล้วก็ หายใจเข้าหายใจออกหนึ่ง หายใจเข้าหายใจออกสอง นับไปถึงสอง แล้วก็มาขึ้นต้นใหม่นับไปถึงสาม ขึ้นต้นใหม่นับไปถึงสี่ ขึ้นต้นใหม่นับไปถึงห้า แล้วขึ้นต้นใหม่นับไปถึงหก ถึงเจ็ด ถึงแปด แล้วก็ถึงสิบ ให้ทำอย่างนี้ จะได้เป็นการควบคุมกำลังจิต คือนับไปด้วยจะได้ห่วงนับ อารมณ์แห่งการรู้ของจิตมันจะหยาบไปหน่อยก็ช่างมัน เราเอาผลกัน เราไม่ใช่ปฏิบัติเอาปริมาณของเวลา เราต้องการอารมณ์จิตเป็นสมาธิจริงๆ

..........คราวนี้เราก็มาตั้งต้น กันว่า ขั้นแรกเราตั้งใจนับ ๑ ถึง ๕ ในเกณฑ์ ๑ ถึง ๕ นี้เราจะไม่ยอมให้อารมณ์จิตของเราฟุ้งซ่านไปสู่อารมณ์อื่นเป็นอันขาด ต้องมีความเข้มแข็ง การสร้างความดีเพื่อสวรรค์ เพื่อพรหมโลก หรือเพื่อพระนิพพาน ถ้าอ่อนแอสักแต่ว่าทำละก็ ระวังจะหลงตัวว่าเป็นผู้ได้ดีแล้วลงนรกไป พวกนี้ไปกันมาก คนเจริญกรรมฐานนี่ไม่ใช่ไปสวรรค์เสมอไป ถ้าหลงตัวเมื่อไหร่ลงนรกเมื่อนั้น

ข้อสังเกตุผู้ทรงสมาธิ
.......... คนที่จะดีหรือไม่ดีนี่เราสังเกตกันง่าย คนที่มีความดี มีสมาธิเข้าถึงใจ เขาไม่พูดฟุ้งส่งเดช มีจริยาเรียบร้อย ถ้าจะพูดก็มีเหตุมีผล ไม่สักแต่ว่าพูด นี่เป็นเครื่องสังเกตภายนอก สังเกตง่ายคนที่ทรงสมาธิ ถ้ายิ่งทรงสมาธิเป็นฌาน ทรงฌานอยู่ด้วยแล้ว พวกนี้ขี้เกยจพูดมากที่สุด เห็นหน้าคนแล้วก็เบื่อในการพูด เพราะถ้าพูดเข้าละมันเสียเวลาทรงสมาธิของเขา ดีไม่ดีไปชวนเขาพูดเหลวใหลเป็นการทำฌานเขาเสื่อม พวกนี้รังเกียจในการพูด ถ้าไม่มีความจำเป็นเขาจะไม่พูด นี่เป็นเครื่องสังเกต.................


จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
28  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก เมื่อ: มกราคม 14, 2011, 09:08:16 pm


หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก หรือ “ท่านพระครูวิสุทธิ ศิลาจารย์” จัดเป็นอีกหนึ่งคณาจารย์ยุคเก่าที่มีลูกศิษย์ทุกระดับชนชั้นมากมายรวมทั้ง “พระบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์” ก็ได้เสด็จไปฝากตัวเป็นศิษย์ของท่าน หลวงพ่อพริ้ง เป็นผู้มอบกระดูกหน้าผากนางนากให้เสด็จในกรมฯ ซึ่งมีความเฮี้ยนมากจนเป็นที่กล่าวถึงของพระโอรสและธิดา ซึ่งเสด็จเตี่ยบอกว่า ไม่ต้องกลัว และความเฮี้ยนของนางนากก็ปรากฏถึง ๒ ครั้ง
ในตำหนักนางเลิ้ง

              ในเรื่องกระดูกหน้าผากของนางนากนี้ได้ปรากฏในงานเขียนประวัติของสมเด็จพระพุ ฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) รวบรวมโดย ม.ล.พระมหาสว่าง เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา พ.ศ.2473 บรรยาย ไว้ว่าหลังจากที่นางนาคออกอาละวาดหนัก สมเด็จพระพุฒาจารย์ท่านรู้เรื่องจึงลงไปค้างที่วัดมหาบุศย์และเรียกนางนาค ขึ้นมาคุยกัน ผลสุดท้ายท่านเจาะเอากระดูกหน้าผากของนางมาลงยันต์และทำเป็นปั้นเหน่งคาดเอว ผีนางนาคก็ไม่ออกมาอาละวาดอีกเลย     

               และในเรื่องนี้ สมบัติ พลายน้อย ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ค้นคว้าและเขียนเรื่องของแม่นาคสรุปเอาไว้ว่า กระดูกหน้าผากแม่นาคนั้น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ได้ประทานให้กับ สมเด็จหม่อมเจ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัต) และประทานให้ หลวงพ่อพริ้ง (พระครูวิสุทธิ์ศีลาจารย์) อีกต่อ จนมาถึงกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ไม่นานนักแม่นาคก็มากราบลา จากนั้นก็ไม่มีใครพบกระดูกหน้าผากของแม่นาคอีก   จึงนับได้ว่าในยุคนั้นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้คณาจารย์ใด ๆ ในยุคเดียวกันเลย เนื่องจากหากหน่วยงานราชการในยุคนั้นมีพิธีพุทธาภิเษกที่สำคัญ ๆ แล้ว “หลวงพ่อพริ้ง” ก็จะต้องเป็นคณาจารย์อีกรูปหนึ่งที่ได้รับการนิมนต์ให้ไปร่วมพิธีทุกครั้ง ชื่อเสียงของท่านจึงขจรระบือไกล

               โดยประวัติของท่านมีนามเดิมว่า “พริ้ง เอี่ยมเทศ” เกิดเมื่อ พ.ศ. 2412 เป็นชาวบางปะกอก อำเภอราษฎร์บูรณะ เริ่มเรียนหนังสือด้วยการบวชเป็นสามเณรที่ “วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ)” กระทั่งอายุครบ 20 จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่ “วัดทองนพคุณ” อ.คลองสาน แล้วจึงไปจำพรรษาที่ วัดบางปะกอก จวบกระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสครองวัดบางปะกอกจนกระทั่งมรณภาพ

             หลังจากเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว “หลวงพ่อพริ้ง” ก็ได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งภาษาไทยและบาลีจนแตกฉาน ประกอบกับเป็นผู้ที่มีความสนใจทางด้าน “วิปัสสนากรรมฐาน” จึงทำการฝึกฝนทางด้านนี้อย่างจริงจังรวมทั้งเรียนด้านวิทยาคมเพิ่มเติมอีก กับคณาจารย์ต่าง ๆ หลายสำนัก ทำให้ท่านมีชื่อ เสียงเด่นดังทั้งทางด้าน คงกระพันชาตรีและเมตตามหานิยม แถมด้วย วิชาแพทย์แผนโบราณ อีกด้วยเพื่อนำมาสงเคราะห์ต่อชาวบ้านในสมัยนั้น โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่ได้รับนิมนต์ให้ไปร่วมประกอบพิธีหล่อและพุทธาภิเษก “พระกริ่งสมเด็จพระสังฆราช (แพ วัดสุทัศน์ )” ซึ่งมีพระคณาจารย์ชื่อดังหลายสิบรูปมาร่วมพิธีครั้งนี้ปรากฏว่า “แผ่นยันต์ ที่หลวงพ่อพริ้งทำการจารอักขระ” และได้นำไปใส่ในเบ้าหลอมรวมกับของคณาจารย์รูปอื่น ๆ ไม่ยอม “หลอมละลายเลย” เกิดเป็นปรากฏการณ์อันอัศจรรย์ให้เล่าขานมาถึงทุกวันนี้ โดยต้องนิมนต์ท่านมาทำการท่องมนต์กำกับแผ่นจารจึงละลายในเวลาต่อมา

              หรือในสมัยที่ก่อเกิด “สงครามอินโดจีนและสงครามโลกครั้งที่ 2” (ระหว่าง พ.ศ. 2480–85) วัดบางปะกอกก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่ประชาชนทั่วไปได้มาขอพึ่งพาเป็นที่หลบภัย ทั้ง ๆ ที่วัดอยู่ไม่ไกลจากอู่ต่อเรือของทหารญี่ปุ่นที่เข้ามาสร้างฐานทัพในประเทศ ไทยเท่าใดนัก โดยช่วงนั้นฝ่ายพันธมิตรได้นำเครื่องบินทิ้งระเบิดเพื่อทำลายฐานที่มั่นของ ทหารญี่ปุ่นมากมายหลายสิบลูก แต่ไม่มีระเบิดแม้แต่ลูกเดียวที่จะหลงหลุดลอยมาถึงวัดบางปะกอกได้เลย ทั้งนี้เป็นเพราะ “หลวงพ่อพริ้ง” ได้ทำพิธีขจัดปัดเป่าจึงทำให้บริเวณวัดบางปะกอกและใกล้เคียงรอดพ้นจากลูกหลง โดยสิ้นเชิง ทำให้ประชาชนชาวบางปะกอกสมัยนั้นต่างไม่มีใครลืมเหตุการณ์ในยุคนั้นได้เลย

        ด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงท่านจึงโด่งดังมากเป็นผลให้ประชาชนทั่วสารทิศทั้งใกล้ ไกล ต่างมุ่งไปขอวัตถุมงคลจากท่านรวมทั้งไปให้ท่านช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งท่านก็ไม่เคยปฏิเสธผู้ใดไม่ว่าจะเป็นเจ้าใหญ่นายโตหรือประชาชนธรรมดา สามัญ หากไปขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์แล้วเป็นได้รับเมตตาช่วยเหลือเสมอเหมือนกันหมด ท่านจึงทำการสร้าง “วัตถุมงคล” ขึ้นมากมายหลายชนิดแจกจ่ายกันไปตามแต่ผู้มาขอต้องการ ส่วนที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมเสาะหาก็มีทั้ง “ลูกอมเนื้อผง, ตะกรุด, ผ้ายันต์, เสื้อยันต์, พระพิมพ์ต่างๆ


วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม


                วัตถุมงคลของท่านที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ เหรียญรุ่นแรก สร้างปี 2483  มีเนื้อเงิน  และเนื้อทองแดง  ซึ่งสมณศักดิ์ที่ระบุอยู่บนเหรียญเป็นความผิดพลาดมาแต่การสร้างเบื้องต้น  เนื่องจากสับสนกับของหลวงพ่อวงศ์  วัดมะกอก เพราะสมณศักดิ์ของหลวงพ่อพริ้ง คือ พระครูประศาสน์สิกขกิจ  ไม่ใช่พระครูวิสุทธิ์ศิลาจารย์       

พุทธคุณที่เล่าสืบทอดกันมา

ที่มา
http://www.zone-it.com/119671
29  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงพ่อยิ้ม วัดหนองบัว กาญจนบุรี เมื่อ: มกราคม 14, 2011, 08:59:51 pm


http://www3.pantown.com/data/26657/board5/94.jpg
อุปสมบทที่วัดทุ่งสมอ อำเภอพนมทวน
ได้ศึกษาเล่าเรียนในทางพระพุทธศาสนา
และในทางไสยศาสตร์จากพระอาจารย์สำนักวัดต่างๆ
ติดต่อตลอดมา

ในที่สุดได้มาศึกษาเล่าเรียนอยู่กับหลวงพ่อกลิ่น(พระผู้ทรงอภิญญา)
เจ้าอาวาสวัดหนองบัว ซึ่งเป็นพระอาจารย์องค์สุดท้าย
ที่พระคุณท่านได้ศึกษาเล่าเรียนวิชา ในทางไสยศาสตร์
จนสำเร็จเชี่ยวชาญ

ต่อมาหลวงพ่อกลิ่นได้ถึงแก่มรณะภาพ
หลวงพ่อยิ้มจึงได้เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัว แทนหลวงพ่อกลิ่น
ต่อมาหลวงพ่อยิ้มก็ได้พยายามปลุกเศกทำ พระผง ลูกอม ตระกรุด
เชือกคาดเอว ตะกรุดคาดเอว ขี้ผึ้งสีปาก ฯลฯ
เพื่อแจกจ่ายให้แก่พวกสานุศิษย์
และผู้ที่เคารพนับถือในพระคุณท่าน
เพื่อให้นำไปไว้ใช้ในการคุ้มครองป้องกันตัวในทางคงกระพันชาตรี และในทางเสน่ห์มหานิยม-ฯลฯ

เมื่อสานุศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือในพระคุณท่าน
ได้นำไปใช้ได้ผลเห็นความศักดิ์สิทธิ์โดยประจักษ์
ต่างก็ยกย่องสรรเสริญเป่าข่าวเล่าลือว่า
พระคุณท่านเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญ
ในทางเวทย์มนต์วิทยาคมของขลังต่างๆ
จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วลุ่มลำแม่น้ำแม่กลองและจังหวัดใกล้เคียง
และได้มีพระภิกษุสงฆ์และคฤหัสถ์ ได้นำพากันมาขอพระผง
และเครื่องรางต่างๆ
30  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / นั่งภาวนาไปแล้ว มีความรู้สึก มึนศรีษะ เวียนหัว เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 01:39:31 pm
นั่งภาวนาไปแล้ว มีความรู้สึก มึนศรีษะ เวียนหัว

 พอภาวนา พุทโธ ไปสักพัก จะรู้สึกเวียนหัว ตัวหมุน คลื่นไส้ อาการอย่างนี้จะเป็นทุกครั้งที่ผมปฏิบัติกรรมฐาน

แต่ทุกครั้ง พอเริ่มเวียนศรีษะ ผมก็จะภาวนาต่อไป ทดสอบดูว่าจะเป็นอย่างไร ปรากฏว่าภาวนาไปเป็นเวลา 40 นาที

กว่า ๆ ก็ยิ่งรุนแรงเพิ่มขึ้น พอออกจากกรรมฐาน ผมลุกขึ้นจะล้ม ต้องนอนพักอย่างนี้ต้องแก้ไขอย่างไรครับ


 
31  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เวลาและระยะทางใจ เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 12:59:37 pm


เวลาและระยะทางใจ



ค่ำคืนหนึ่งในป่าอันกว้างใหญ่ อากาศอันหนาวเหน็บ มีเม่นอยู่ 2 ตัว

ซึ่งทั้ง 2 ต้องการไออุ่นจากกันและกัน

มันสองตัวจึงพยายามจะอยู่ใกล้ชิดกัน

เพื่อแลกไออุ่นซึ่งกันและกัน แต่ด้วยตัวที่เต็มไปด้วยหนาม

ทำให้มันโดยทิ่มแทง เกิดความเจ็บปวด

พวกมันจึงต้องอยู่ห่างกันเพื่อไม่ให้เจ้าหนามนั้นทิ้มแทนให้เกิดความเจ็บปวด

แต่ด้วยความหนาวมันจึงเดินเข้าหากันอีกครั้ง

แต่อยู่ในระยะที่ไออุ่นส่งถึงกันและไม่โดนหนามทิ่มแทงเลย

และแล้วมันก็รู้ว่า

ช่วงเวลาและระยะห่างที่พอดีจะทำให้มันได้รับไออุ่นและความรักที่เหมาะสม



32  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / รักแท้ กับ รักแร้ คำสองคำที่แทบไม่มีความแตกต่าง เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 12:58:14 pm
ความเหมือนที่แตกต่างของ "รักแท้"กับ"รักแร้"==;;;

อะแฮ่มๆ คือ..ลองอ่านกันให้จบก่อนนะ



อย่าเพิ่งด่าเราว่า ตั้งกระทู้โรคจิตละ



อยากให้อ่านดูก่อน ลองอ่านดูนะ



รักแท้  กับ  รักแร้  คำสองคำที่แทบไม่มีความแตกต่าง



แต่เหตุใดถึงช่างมีช่องว่างห่างไกลในความหมาย



รักแร้  เกิดขึ้นทั่วไปที่ผิวกาย



แต่  รักแท้  เกิดขึ้นได้ที่ผิวใจ



รักแร้  ตามปกติจะมีสีดำ



แต่  รักแท้  มักจะนำสีขาวพราวสดใส



รักแร้  เกิดขึ้นคงไม่ยากที่จะถอนออกไป



แต่  รักแท้  ถ้าจะให้ถอนออกจากใจคงไม่ง่ายดาย



รักแร้  ของคนเราจะมีถึงสองอัน



แต่  รักแท้  ถ้ามีมากกว่านั้นก็คงหมดความหมาย



รักแร้  ถ้าคนเราไม่มี ก็คงไม่ตาย



แต่  รักแท้  ถ้าคนเราไม่มี คงอยู่ได้อีกไม่นาน



รักแร้  ยิ่งนาน ยิ่งอับ ยิ่งเหม็นฉุน



แต่  รักแท้  ยิ่งนาน ยิ่งอบอุ่น ยิ่งหอมหวาน



รักแร้  เป็นของที่ไม่มีใครต้องการ



แต่  รักแท้  กลับอยากให้อยู่นานนานกับหัวใจ



รักแท้  กับ  ร้กแร้  คำสองคำที่แทบไม่มีความแตกต่าง



แต่เหตุใดกลับมีช่องว่างอันยิ่งใหญ่



รักแร้  เกิดขึ้นกับคนทั่วๆไป



แต่  รักแท้  เกิดขึ้นกับแค่ใจของใครเพียงสองคน



33  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / อุทาหรณ์ของความรัก ต้องมีกรรมฐาน ถึงจะดำเนินจิตได้ถูก เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 12:48:54 pm
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

กฤษณะ เชิญธงไชย มนตรี จิรพรพนิต เรื่อง/ภาพ
g

พิษรักวัยเรียนพ่นพิษใส่เหยื่ออีกจนได้คราวนี้เกิดเหตุสลดขึ้นกับนักเรียน สาวปวช.เชียงใหม่ ที่คิดสั้นผูกคอตายในห้องน้ำโรงเรียนอย่างสยดสยอง สาเหตุเกิดจากทะเลาะกับแฟนหนุ่มที่บวชเป็นสามเณรอย่างรุนแรง เหยื่อสาวคิดว่าแฟนจะตีตัวออกห่างเลยผูกคอตายประชดชีวิต

สังเวยอารมณ์ชั่ววูบอีกจนได้

ย้อนไปดูปฐมบทของเหตุการณ์ เกิดขึ้นตอนบ่ายวันที่ 2 มิ.ย. วันนั้นบรรยากาศที่โรงเรียนสารภีพิทยาคม ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เกิดความอลหม่านขึ้น เมื่อมีนักเรียนหญิงไปเปิดห้องน้ำซึ่งตั้งอยู่หลังโรงอาหารแล้วพบศพคนผูกคอ ตายอยู่ในนั้น

ตายทั้งในเครื่องแบบนักเรียน!!

หลังรับแจ้งเหตุอาจารย์รีบโทร.แจ้งตำรวจทันที อึดใจเดียว พ.ต.อ.มณฑป แสงจำนง ผกก.สภ.สารภี พ.ต.ท.ดรุณ ทุ่นใจ สารวัตรเวร เดินทางมาถึงโรงเรียนสารภีพิทยาคมแห่งนี้ ตรงเข้าชันสูตรพลิกศพเหยื่อสาวที่ผูกคอตายอยู่ในห้องน้ำห้องที่ 2 ท่ามกลางความหวาดกลัวของเพื่อนๆ ที่แห่มาดูเหตุการณ์สยองในครั้งนี้

ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นในโรงเรียน

เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดประตูห้องน้ำออกก็ถึงผงะ เมื่อพบร่างน.ส.กิ่งกาญจน์ ฟองคำ อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นปวช.3 มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 67/2 หมู่ที่ 4 ต.ขัวมุง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ใช้เชือกไนลอนสีขาว ผูกคอตัวเองติดกับขื่อห้องน้ำ มีกระเป๋านักเรียนสีน้ำตาลอ่อน สะพายอยู่ด้านหลัง มีเลือดไหลออกจากปากและจมูก ลิ้นจุกปากอย่างน่าเวทนา เสียชีวิตมาแล้ว 1 วัน ค้นในเป้สะพายพบอุปกรณ์การเรียนยังอยู่ครบ ในนั้นมีโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และเงินสดอีก 40 บาท



เจ้าหน้าที่จึงรีบติดต่อผู้ปกครองของ "กิ่งกาญจน์"

หลังจากนั้นไม่นานผู้ปกครองของนักเรียนสาวที่เสียชีวิต จึงเดินทางมาถึงโรงเรียนเพื่อขอดูศพ และให้การกับเจ้าหน้าที่ โดยญาติคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า "กิ่งกาญจน์" หายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ซึ่งทางบ้านคิดว่าไปเรียนหนังสือตามปกติ แต่ตอนเย็นไม่กลับบ้าน ทุกคนจึงออกตามหา แต่ไม่พบ หลายคนพยายามโทร.เข้ามือถือ ก็ไม่มีใครรับสาย สุดท้ายญาติๆ จึงเข้าแจ้งความคนหายไว้เป็นหลักฐาน

ไม่คิดเลยว่าเธอจะคิดสั้น!!?

ด้านเพื่อนสนิทคนหนึ่งของน.ส.กิ่งกาญจน์ เล่าว่า ช่วงเช้าวันที่ 1 มิ.ย. "กิ่งกาญจน์" ได้โทรศัพท์มาหาบอกให้รีบมารับที่โรงเรียน เพราะอยากไปสนามบิน ซึ่งตอนนั้นฟังน้ำเสียงของ "กิ่งกาญจน์" ร้อนรนมาก บอกว่าทะเลาะกับแฟนหนุ่มที่ชื่อ "ฟลุค" ปัจจุบันบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดป่าแดด อ.สารภี ตอนนั้น "กิ่งกาญจน์" บอกว่าแฟนกำลังจะขึ้นเครื่องบินไปกรุงเทพฯ แล้วอาจจะไม่ได้กลับมาอีก จึงทำให้ทะเลาะกัน เพราะเธอไม่อยากให้แฟนไป

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อ "กิ่งกาญจน์" ได้อีกเลย!!?

"หลังจากวางหูโทรศัพท์แล้ว กิ่งกาญจน์ได้โทร.ไปหาเพื่อนๆ เพื่อระบายความในใจ และขอให้เพื่อนไปส่งที่สนามบิน แต่เพื่อนๆ ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครไปส่ง เพราะคิดว่าพูดเล่น ซึ่งในวันนั้นกิ่งกาญจน์หายตัวไปตั้งแต่ช่วงบ่าย ไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน โทร.ไปเช็กกับญาติๆ ที่บ้าน ก็บอกไม่ได้กลับบ้าน จนกระทั่งมาพบเป็นศพจนได้" เพื่อนสนิทให้การ

เพื่อนบอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.กิ่งกาญจน์ เป็นคนนิสัยร่าเริง แต่พอเริ่มมีแฟน ก็เริ่มกลายเป็นคนมีปัญหา มักจะเก็บตัวและมีเรื่องทะเลาะกับแฟนบ่อยครั้งในระยะหลังๆ ที่ผ่านมา ยิ่งมาตอนหลังนายฟลุคบวชเณร จึงทำให้ห่างกันมากขึ้นเลยยิ่งมีปัญหา

คดีนี้ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจเกิดความน้อยใจในตัวแฟนหนุ่ม ต้องการประชดแฟนที่บวชเป็นสามเณร เพราะคิดว่าแฟนกำลังจะตีจาก เดินทางไปอยู่กรุงเทพฯ ทั้งที่พยายามขอร้องไม่ให้ไป จึงได้บอกให้เพื่อนพาไปส่งที่สนามบิน เพื่อต้องการเคลียร์ปัญหา แต่ปรากฏว่าเพื่อนๆ ไม่มีใครสนใจ จึงเกิดความน้อยใจแอบเข้าห้องน้ำไปผูกคอตายตั้งแต่ช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความชัดเจน เจ้าหน้าที่จะได้เชิญตัวแฟนหนุ่มของผู้ตาย มาให้ปากคำอีกครั้ง ซึ่งในชั้นนี้ญาติผู้ตายไม่ได้ติดใจเอาความใดๆ เพราะรู้ว่าน.ส.กิ่งกาญจน์ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องอื่น นอกจากคบหาอยู่กับสามเณรฟลุคผู้นี้

แต่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น!?!

เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นอุทาหรณ์สอนใจได้เป็นอย่างดี เพราะการคิดสั้นแบบนี้ ไม่มีใครเศร้าเสียใจมากไปกว่าคนเป็นพ่อแม่ที่ต้องสูญเสียลูก

นายสุจิตต์ ไตรพิทักษ์ รอง ผอ.สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แสดงทัศนะเรื่องนี้ว่า เกิดจากความเปราะบางของครอบครัว ที่ไม่ฝึกให้เด็กคิดเรื่องการใช้ชีวิตในสังคม นอกจากครอบครัวแล้ว โรงเรียนควรสอนให้เด็กเรียนรู้เรื่องชีวิตครอบครัว เพราะเด็กวัยนี้ควรเรียนรู้เรื่องความรัก หมายถึงการรักให้เป็น ไม่ใช่ผิดหวังแล้วประชดชีวิต หรือประชดคนรักด้วยการทำร้ายตัวเอง ถ้ารักใครก็ต้องเรียนรู้เรื่องการเสียสละด้วย เมื่อความสัมพันธ์ของชายหญิงเกิดขึ้นแล้ว ผู้ที่อ่อนแอกว่าก็คือเพศหญิงมักเป็นผู้ทำร้ายตัวเอง ต้องสอนผู้ชายไม่ให้มองเรื่องความรักเพื่อทำลาย หรือมองแค่เรื่องเพศสัมพันธ์เท่านั้น ควรมองให้เป็นรักบริสุทธิ์ ช่วยให้กำลังใจกันและกัน

การป้องกันต้องอยู่ที่สถาบันหลักที่ใกล้ชิดเด็ก คือ สถาบันครอบครัว ต้องมีการอบรมหรือพูดคุยเรื่องความรักให้เด็กได้รับรู้ ต้องให้ความใกล้ชิดและให้เวลากับลูกอย่างเพียงพอ ส่วนโรงเรียนก็ต้องมีหลักสูตรเกี่ยวกับทักษะการใช้ชีวิตของวัยรุ่นในสังคม ให้เด็กเข้าใจในชีวิต เป็นการป้องกันปัญหา แต่หากเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วต้องหาที่ปรึกษา ไม่ควรเก็บไว้คนเดียว ซึ่งขณะนี้ภาครัฐพยายามสร้างคนที่จะคอยให้คำปรึกษาปัญหาต่างๆ ให้แก่เด็ก โดยเฉพาะครูซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดเด็กมากที่สุดคนหนึ่ง ไม่ควรให้คำปรึกษาเฉพาะเรื่องการเรียนเพียงอย่างเดียว ต้องให้คำปรึกษาเรื่องชีวิตแก่เด็กด้วย แต่หากไม่กล้าปรึกษาครูก็ยังมีโครงการอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งโครงการทูบีนัมเบอร์วัน ในชื่อโครงการเพื่อนใจวัยทีน ที่ให้เด็กวัยรุ่นเป็นที่ปรึกษาแก่เพื่อนวัยเดียวกัน หรือหน่วยงานเอ็นจีโอหลายๆ แห่ง หรือถ้าไม่ทราบจะไปปรึกษาใครจริงๆ ให้โทร.ไปที่ 1300 ศูนย์ประชาบดี จะมีคนให้คำปรึกษาตลอดเวลา

ถึงจะเป็นเรื่องในอดีต แต่คิดว่านำมาลงไว้เป็นอุทาหรณ์ ให้กับเยาวชน กรรมฐานอ่านจะได้ประโยชน์ครับ

34  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วันเด็กทั้งที มีเรื่องเด็กมาให้อ่านครับ "เผลอหลับลูกช่วยประมูลของเล่นเหยียบครึ่งล้าน&quo เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 12:42:41 pm

เรื่องช็อกที่สุดในชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่สำหรับคุณแม่บ้านชาวนิวซีแลนด์ เธอต้องหน้าซีดเป็นไก่ต้มฟักหลังกลายเป็นผู้ชนะการประมูลรถตักดินของเล่นใน ราคา 20,000 เหรียญนิวซีแลนด์ ประมาณ 430,500 บาท แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว หลังลูกสาวน่ารักน่าชังทำตัวแสนดีช่วยคุณแม่กดเม้าท์ประมูลจนยอดพุ่งกระฉูด ตอนนี้ผู้ให้กำเนิดกำลังหลับฝันดี ก่อนจะตื่นมาเจอนรกบนดิน

หนูน้อย พีพี ควินลัน วัย 3 ขวบช่างเป็นลูกที่แสนดี หลังเห็นคุณแม่ ซาร่าห์ ควินลัน นอนหลับคาโต๊ะคอม ขณะนั่งคลิกประมูลของเล่นผ่านเว็บไซต์ TradeMe ก็เลยจัดการคลิกประมูลเอาใจมะม๊าเต็มที่ จนยอดพรุ่งกระฉูดเกือบห้าแสนบาทไทย งานนี้พอเจ๊ซาร่าห์ตื่นนอนก็แทบอ้าปากค้าง เพราะเห็นอีเมลจากเว็บประมูลดังกล่าวส่งข้อความแสดงความยินดีที่เป็นผู้ชนะ การประตูรถตักดินของเล่นด้วยเงินเกือบครึ่งล้านบาท



"ตอนที่ฉันรู้เรื่องนี้ครั้งแรกฉันแทบล้มทั้งยืน และก็รีบเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ทันที ฉันเห็นอีเมลจากเว็บ TradeMe ที่ส่งมาบอกว่าฉันเป็นผู้ชนะการประมูล และก็ยังมีอีเมลจากผู้ชายที่บอกประมาณว่า-ผมคิดว่าคุณคงชอบเจ้ารถขุดดินคัน นี้มาก-ฉันอ่านอีเมลอีกรอบ และเห็นยอดเงินจำนวน 20,000 เหรียญนิวซีแลนด์ มันเป็นเรื่องที่ช็อกที่สุดในชีวิตของฉันเลยจริงๆ"

อย่างไรก็ตาม หลังตั้งสติได้ ซาร่าห์ รีบโทร.ไปที่เว็บไซต์ดังกล่าว และผู้ขายของเล่นทันที เพื่ออธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น โดยทาง TradeMe ได้ชำระเงินให้กับผู้ชายในราคาต้นทุนที่ประตู และก็ตัดชื่อรถตักดินของเล่นออกจากรายการประมูล
35  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พบแท่งหินโบราณกลางลำห้วยซองกาเลีย เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 12:36:26 pm
กาญจนบุรี - พบแท่งหินโบราณกลางลำห้วยซองกาเลีย หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ชาวบ้านเชื่อเป็นฝีมือมนุษย์ในสมัยเมืองลับแล สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บตามความเชื่อของคนโบราณ เตรียมเชิญผู้เชี่ยวชาญร่วมพิสูจน์
       
       เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (7 ม.ค.54) นายจำรัส กังน้อย นายอำเภอสังขละบุรี ได้รับแจ้งจากนาย ปรีชา ชูชื่น นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ อ.สังขละบุรีว่า ที่บริเวณกลางลำห้วยซองกาเลีย หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี มีแท่งหินโบราณขนาดใหญ่วางขวางอยู่กลางลำห้วย ใต้พื้นน้ำลงไปมีบ่อน้ำลักษณะเป็นวงรี ชาวบ้านเชื่อเป็นฝีมือของมนุษย์ทำขึ้นมานานกว่า 2,000 ปี และอาจเป็นเมืองลับแลเก่า สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ตามความเชื่อของคนสมัยโบราณ หลังได้รับแจ้ง นายจำรัส กังน้อย พร้อมด้วยนายปรีชา ชูชื่น และคณะ จึงได้เดินทางไปพิสูจน์แท่งหินดังกล่าวเพื่อผลักดันให้เป็นแหล่งเที่ยวแห่ง ใหม่ของอำเภอสังขละบุรี โดยจะเชิญผู้เชี่ยวชาญ หรือนักโบราณคดีร่วมพิสูจน์ในภายหลัง
       
       นายปรีชา ชูชื่น นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการอำเภอสังขละบุรี เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมาได้มีชาวบ้านเดินทางเข้าไปหาของป่า และสังเกตเห็นแท่งหินขนาดใหญ่วางขวางลำห้วยซองกาเลียอยู่ จึงได้มาเล่าให้ตนฟัง จึงเกิดความสงสัยตนจึงเดินทางไปตรวจสอบว่ามีแท่งหินดังกล่าวจริงหรือไม่
       
       เมื่อไปถึงก็พบว่ามีแท่งหินดังกล่าวอยู่จริง และจากการสืบค้นจากชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นตำนานเล่าขานสืบทอดกันมา โดยชาวบ้านเชื่อกันว่า แท่งหินที่ตั้งอยู่กลางลำห้วยซองกาเลียที่พบเห็น เป็นที่ตั้งของเมืองโบราณ หรือเมืองลับแล และเชื่อว่าถูกสร้างขึ้นมาก่อนที่จะมีศาสนาพุทธ เป็นเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่ประมาณ ๓,๐๐๐คน บริเวณใต้พื้นน้ำซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของแท่งหินจะมีลักษณะเป็นบ่อน้ำคล้ายวง รี
       
       โดยชาวบ้านเชื่อว่าสมัยนั้นมีฤาษีแปดตน มานั่งบริกรรมบรรจุพลังทางธรรมลงไปในแท่งหิน แล้วลงไปยังน้ำในบ่อที่แท่งหินวางอยู่ ผู้คนสมัยนั้นได้มาตักน้ำในบ่อไปดื่มกินเพราะเชื่อกันว่าน้ำที่อยู่ในแท่ง หินสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ซึ่งอยู่ในยุคฤาษีและยุคบูชาไฟ เชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นการเล่าขานปากต่อปากเป็นการคาดเดาวิจารณ์ต่อๆกันมา
       
       นายปรีชา ชูชื่น เปิดเผยต่อว่า ตนรู้จักบุคคลที่สามารถมีสมาธิจิตติดต่อสื่อสารกับมิติที่มองไม่เห็น จึงได้เชิญบุคคลนั้นมานั่งสมาธิ ซึ่งหลังจากนั่งสมาธิบุคคลนั้นก็ได้บอกเล่าให้ฟังว่า แท่งหินดังกล่าวในอดีต เป็นที่นั่งเพ่งพลังจิตของฤาษีแปดตน
       
       ส่วนบริเวณรอบแท่งหินเป็นบ่อ โดยธรรมชาติไม่น่าจะเกิดขึ้นเองได้แต่น่าจะเกิดจากการกระทำของมนุษย์ไม่ใช่ เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ผู้ที่นั่งทางในบอกว่าถ้าอยากพิสูจน์ให้ค้นหาถ้ำซึ่งอยู่ในรัศมี 100 เมตร จากแท่งหินซึ่งเป็นที่เก็บเครื่องมือเครื่องใช้ของคนโบราณจะพบเครื่องสำริด อยู่ภายในถ้ำ แต่จากนั้นตนก็ไม่ได้เดินหาถ้ำแต่ที่บุคคลดังกล่าวบอกแต่อย่างใด เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นป่าที่รกทึบมาก
       
       แต่จากการสอบถามชาวบ้านที่เคยเดินป่าบริเวณนั้น ทุกคนยืนยันกับตนว่ามีถ้ำอยู่บริเวณนั้นจริง ชาวบ้านบางรายบอกว่า เมื่อประมาณยี่สิบปีที่ผ่านมาเคยไปหาของป่าในช่วงฝน ยังเคยเข้าไปหลบฝนในถ้ำซึ่งอยู่ใกล้ๆกับแท่งหินอยู่เลย แต่ระยะเวลาผ่านมายี่สิบปีแล้ว อาจจะมีดินถล่มลงมาปิดปากถ้ำเอาไว้ก็ได้ ประกอบกับบริเวณนั้นเป็นป่ารกทึบและเวลาผ่านมาหลายปี จึงจำไม่ได้ว่าถ้ำดังกล่าวนั้นอยู่ตรงไหน
       
       ความแปลกหรือสิ่งที่จะสนับสนุนคือที่ตั้งของแท่งหินเป็นลักษณะบ่อที่ ขุดขึ้น ส่วนตัวแท่งหินก็น่าจะเกิดจากฝีมือมนุษย์ ชาวบ้านยังเล่าอีกว่าในคืนวันพระขึ้นสิบห้าค่ำ ชาวบ้านที่เดินผ่านจะเห็นว่ามีชาวลับแลมาตักน้ำบริเวณแท่งหินไปใช้ พอหันไปเพ่งมองจริงๆก็จะไม่เห็นอะไร
       
       บางคนก็เล่าเสริมอีกว่าได้ยินเสียงพูดคุยของคนจำนวนมากแต่พอตั้งใจ ฟังก็จะไม่ได้ยินอะไรซึ่งบางคนก็เห็นภาพบางคนก็ได้ยินแต่เสียง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากบริเวณรอบแท่งหินแห่งนี้แต่ชาวบ้านเรียกแท่งหินนี้ว่า วังหีบ เพราะแท่งหินนี้มีลักษณะเหมือนหีบเก่าโบราณ
       
       สำหรับแท่งหินดังกล่าวมีความกว้างประมาณ 170 เซนติเมตร ยาวประมาณ 8เมตร หนาประมาณ 1.20 เมตร ส่วนบ่อน้ำรอบแท่งหินมีลักษณะคล้ายวงรีลึกประมาณ 2-3 เมตร และน้ำโดยรอบมีสีเขียวมรกต และเย็นมาก นายปรีชาเผย
       
       ด้านนายจำรัส กังน้อย นายอำเภอสังขละบุรี กล่าวภายหลังว่า หลังจากได้เดินทางไปพิสูจน์แท่งหินดังกล่าวส่วนตัวก็เกิดความแปลกใจเช่นกัน ว่าแท่งหินขนาดใหญ่นี้มาวางขวางอยู่กลางลำห้วยซองกาเลียนี้ได้อย่างไร และจากการลงไปสัมผัสแท่งหินด้วยตนเอง มีความรู้สึกว่าแท่งหินดังกล่าวเป็นฝีมือของมนุษย์สร้างขึ้นมาอย่างแน่นอน ไม่น่าจะเกิดเองตามธรรมชาติ
       
       แต่อย่างไรก็ตามสถานที่พบแท่งหินดังกล่าวบริเวณโดยรอบมีสภาพที่สวย งามมาก เชื่อว่าน่าจะสามารถผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอสังขละ บุรี และจังหวัดกาญจนบุรีเป็นอย่างมาก
       
       ส่วนแท่งหินที่พบจะถูกสร้างขึ้นมาในสมัยใดนั้นตนไม่สามารถตอบได้ จึงอยากจะเชิญผู้ที่เชี่ยวชาญ หรือนักโบราณคดีที่มีความรู้มาร่วมพิสูจน์แท่งหินดังกล่าวว่าถูกสร้างขึ้นมา ในสมัยใดกันแน่

36  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ระฆังหิน บ้านพงตึก เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 12:24:19 pm



โบราณสถานพงตึก
 
สันนิษฐานว่าเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณสมัยทวารวดี และได้รับอิทธิพลจากศิลปะอินเดียแบบคุปตะ ชาวเมืองนับถือศาสนาพุทธและพราหมณ์ มีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 11–12 ทั้งนี้เนื่องจากกรมศิลปากรได้ขุดพบโบราณวัตถุสมัยทวารวดีเป็นจำนวนมากที่พง ตึกเมื่อปี พ.ศ. 2470 เช่น ตะเกียงทองสำริดโรมัน พระพิมพ์ดินเผา พระนารายณ์สลักจากศิลา พระพุทธรูป ฯลฯ และต่อมาในปี พ.ศ. 2477 ดร.เวลส์ ผู้แทนสมาคมค้นคว้าวัตถุโบราณจากประเทศอินเดีย ได้เดินทางมาสำรวจและขุดค้นโบราณวัตถุเพิ่มเติมที่พงตึกและยืนยันว่าสถานที่ แห่งนี้เคยเป็นเมืองโบราณที่เจริญรุ่งเรืองมากเมื่อสมัยพันปีมาแล้ว ปัจจุบันโบราณวัตถุบางส่วนที่ขุดค้นนำไปเก็บไว้ที่วัดดงสัก บางส่วนอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ที่กรุงเทพฯ
 

คำว่า "พงตึก" และพงตึกในอดีต
             "พงตึก" แต่เดิมเป็นชื่อของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตตำบลลาดบัวขาว อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำแม่กลอง คำว่า "พงตึก" พอสันนิษฐานจากคำบอกเล่าของคนรุ่นเก่าที่อาศัยในบริเวณนี้ ได้เล่าว่า ในสมัยก่อนที่ริมแม่น้ำบริเวณตลาดพงตึก      มีฐานสิ่งก่อสร้างที่เป็นศิลาแลง มีลักษณะเป็นแนวยาวคล้ายฐานของอาคารที่กว้างใหญ่ อีกทั้งตลอดสองฝั่งแม่น้ำ จะเต็มไปด้วยกอพง กอหญ้ามากมาย      จากข้อมูลเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของคำว่า "พงตึก" ส่วนเหตุผลอีกประการหนึ่งที่พอจะนำมาอ้างประกอบกันได้ก็คือ ข้อความบางตอนจากหนังสือนิราศพระแท่นดงรัง ของสามเณรกลั่นที่เขียนไว้ โดยกล่าวถึงที่มาของคำว่าพงตึก คือ
"แล้วจากท่ามาถึงตรงคุ้งพงตึก
อนาถนึกสงสัยได้ไต่ถาม
ท่านผู้เฒ่าเล่าต่อเป็นข้อความ
ว่าตึกพราหมณ์ของแผ่นดินโกสินราย
แต่ตึกมีที่ริมน้ำเป็นสำเหนียก
คนจึงเรียกพงตึกเหมือนนึกหมาย
ถึงท่าหว้าป่ารังสองฝั่งราย
กับเชิงหวายโป่งกลุ้มดูคลุมเครือ"

              จะเห็นได้ว่า จากบทนิราศนี้คำว่าพงตึก จะมีที่มาคล้ายกับคำเล่าสืบต่อของคนรุ่นเก่า ส่วนคำว่า"ตึกพราหมณ์" สันนิษฐานว่าอาจเป็นสถานที่ที่ใช้ประกอบ
พิธีทางศาสนาพราหมณ์ หรืออาจเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชนที่นับถือศาสนาพราหมณ์ ที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ โดยในประเด็นนี้เป็นการวิเคราะห์ของ
นักโบราณคดีที่ได้ศึกษาเปรียบเทียบจากอายุของโบราณสถาน โบราณวัตถุที่ค้นพบ ณ สถานที่แห่งนี้

 

การเป็นทางผ่านของเส้นทางคมนาคม
              จากหลักฐานของการค้นพบโบราณสถาน โบราณวัตถุพงตึก เมื่อ 15 กรกฎาคม 2470 เป็นแนวทางให้นักโบราณคดีสามารถสันนิษฐานถึงความเป็นมา
ของสถานที่แห่งนี้คือหมู่บ้านพงตึกเดิมเป็นแหล่งชุมชนสมัยประวัติศาสตร์ เนื่องจากตั้งอยู่ในบริเวณเส้นทางคมนาคมติดต่อระหว่างดินแดนลุ่มแม่น้ำเจ้า พระยา
กับดินแดนพม่าใช้สำหรับเดินทางไปมาและค้าขาย ในพ.ศ.2376 ครั้งสามเณรกลั่นเดินทางมานมัสการพระแท่นดงรัง ล่องเรือจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าคลอง
บางหลวง คลองมหาชัย ออกแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร ได้มาออกแม่น้ำแม่กลองที่จังหวัดสมุทรสงคราม และล่องเรือขึ้นไปตามแม่น้ำแม่กลอง ผ่านจังหวัด
ราชบุรี ผ่านโพธาราม บ้านโป่ง และพงตึก ก่อนจะถึงพระแท่นดงรัง
             ส่วนพ่อค้าที่เดินทางมาจากยุโรปและอินเดีย ที่จะเดินทางต่อไปค้าขายประเทศจีน ที่ไม่ต้องการอ้อมแหลมมลายู ก็จะมาขึ้นบกที่ชายฝั่งพม่า แล้วเดินทาง
ทางบกมาที่ด่านเจดีย์สามองค์ และเข้าสู่แม่น้ำแม่กลองโดยเส้นทางนี้จะผ่านพงตึกก่อนไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อมาลงเรือที่อ่าวไทย ก็จะไปประเทศจีนได้ แม้ว่า
พงตึกจะอยู่ขึ้นไปทางเหนือ แต่ก็ยังอยู่ในบริเวณที่เป็นทางผ่าน ในจดหมายเหตุของราชวงศ์ฮั่นได้กล่าวไว้ว่า " ในพ.ศ.663 พวกนักดนตรี และกายกรรมจาก T,S SIN (พวกตลก จำอวด ชาวกรีก โรมัน) ได้เดินทางจากพม่าไปยังจีนโดยทางทะเล เขาอาจผ่านลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนใต้ เดินทางตามสายน้ำแม่กลอง
แล้วมาลงเรือที่อ่าวไทยอีกต่อหนึ่งก็ได้"

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก http://www.thmk.police7.go.th
 

  เงื่อนไข :

การเดินทาง

 

ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีไปทางใต้ประมาณ 37 กิโลเมตร หากมาจากกรุงเทพฯไปตามทางหลวงหมายเลข 323 กิโลเมตรที่ 92–93 จะมีป้ายบอกทางเข้าซ้ายมือไปโบราณสถานพงตึก เมื่อข้ามสะพานจันทรุเบกษา จะผ่านวัดดงสักซึ่งอยู่ด้านซ้ายมือ จากนั้นให้ตรงไปจนผ่านป้อมตำรวจพงตึกซึ่งอยู่ด้านขวา โบราณสถานพงตึกจะอยู่ถัดป้อมตำรวจพงตึกไปไม่ไกลนัก
37  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 'ร.พ.สังฆราช' ทุ่ม 3ล. ทำห้องพิเศษ เมื่อ: มกราคม 06, 2011, 12:38:27 pm
'ร.พ.สังฆราช'ทุ่ม3ล.ทำห้องพิเศษ



น.พ.สุเมธ พิพัฒน์ศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ ว่าห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลมีอยู่ไม่เพียงพอให้บริการ ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาในการทำงานอย่างมากทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน ทางโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชฯ จึงมีโครงการดำเนินการปรับปรุงสร้างห้องพิเศษเพิ่ม จากเดิมมีอยู่ จำนวน 48 ห้อง เพิ่มอีกจำนวน 12 ห้อง รวมเป็น 60 ห้อง

ในการปรับปรุงห้องพัก ผู้ป่วยพิเศษเพิ่มขึ้นนี้ จะใช้งบประมาณห้องละ 250,000 บาท รวมทั้งหมดเป็น 3,000,000 บาท หลังจากปรับปรุงเรียบร้อย โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชฯ จะมีห้องพิเศษที่หรูหรา สะดวกสบาย และทันสมัยที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี เทียบเท่ากับโรงพยาบาลเอกชนทั่วไป

สำหรับโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เป็นโรงพยาบาลทั่วไป ขนาด 210 เตียง ดูแลประชาชนในเขตอ.สองพี่น้อง 15 ตำบล 140 หมู่บ้าน 190 ชุมชน มีประชาชนเข้ามาใช้การบริการประมาณวันละ 800 คน แบ่งเป็นผู้ป่วยนอก 640 คน ผู้ป่วยใน 186 คน
38  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงพ่อทบ ธัมมปัญโญ (พระครูวิชิตพัชราจารย์) วัดช้างเผือก เพชรบูรณ์ เมื่อ: มกราคม 02, 2011, 10:27:10 am
หลวงพ่อทบ  ธัมมปัญโญ (พระครูวิชิตพัชราจารย์)  เทพเจ้าแห่งความเมตตา มีพลังจิตแก่กล้าเหลือธรรมชาติวัดพระพุทธบาทชนแดนอ.ชนแดน  จ.เพชรบูรณ์   

           

หลวงพ่อทบ ธัมมปัญโญ ความจริงท่านเป็นพระเถระรุ่นเก่า แต่เป็นด้วยเหตุว่าท่านมีอายุ และพรรษาที่ยาวนาน ท่านได้มรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2519 สิริรวมอายุได้ 95 ปี จึงทำให้ท่านเป็นพระเถระที่ไม่เก่าเท่าไรนัก  อาจจะเรียกว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยก็ได้ คือท่านเป็นพระเถระทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่รวมกัน   ถึง แม้ว่าหลวงพ่อทบจะได้ละสังขารไปจากพวกเราแล้วก็ตาม แต่ท่านก็ได้สร้างสมคุณงามความดีเอาไว้ทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นอเนกอนันต์คุณให้ชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงคุณงามความดีของท่านไปอีกนานแสน นาน

ชาติกำเนิด   ณ ที่หมู่บ้านยางหัวลม ตำบลนายม(ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นตำบลวังชมภู) จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อ 114 ปีก่อนโน้น ยังมีครอบครัวของชาวไร่ที่มีฐานะมั่นคงอยู่ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งก็เป็นครอบครัวของ คุณพ่อเผือก และคุณแม่อินทร์ นามสกุล ม่วงดี ซึ่งทั้งคุณพ่อเผือกและคุณแม่อินทร์ได้แต่งงานอยู่กินกันมาเป็นเวลานาน โดยมีบุตรคนหัวปีชื่อ เด็กชายหว่าง และบุตรีคนที่สองชื่อ ใบ แล้วก็ไม่ปรากฏว่าจะได้ลูกอีกเลย ตราบจนเวลาล่วงเลยผ่านไปถึงเจ็ดปี คุณแม่อินทร์จึงได้ตั้งครรภ์เป็นครั้งที่สาม   เป็น ธรรมดาสำหรับผู้มีบุญญาธิการ จะได้มาจุติยังโลกมนุษย์ คุณแม่อินทร์ก็เช่นกัน ขณะที่ท่านจะตั้งครรภ์เป็นครั้งที่สามนั้น ท่านฝันไปว่าได้มีผู้นำช้างเผือกมามอบให้จำนวน 1 เชือก ในฝันท่านก็ได้รับเอาไว้โดยให้เจ้าของเดิมนำไปผูกไว้กับต้นมะขามหน้าบ้าน ช้างเผือกเชือกนี้งดงามมากจริงๆ   พอ ตื่นจากความฝันแล้ว คุณแม่อินทร์จึงปลุกคุณพ่อเผือก แล้วเล่าความฝันให้ฟัง เมื่อคุณพ่อเผือกฟังจนจบแล้ว จึงได้บอกกับคุณแม่อินทร์ว่าเป็นความฝันที่ดี และเป็นนิมิตหมายว่าจะมีผู้มีบุญญาธิการลงมาเกิด และคุณพ่อเผือกยังบอกคุณแม่อินทร์ต่อไปอีกว่าถ้าหากไม่เชื่อแล้วละก็ขอให้ คอยดูกันต่อไป   หลังจากนั้นอีกไม่นานคุณแม่อินทร์ก็เริ่มตั้ง ครรภ์ และการตั้งครรภ์ครั้งนี้ก็มีความแตกต่างจากการตั้งครรภ์ทั้งสองครั้งแรกนั้น มาก กล่าวคือ เมื่อคุณแม่อินทร์ตั้งครรภ์ครั้งก่อนๆ นั้นท่านแพ้ท้องอยากจะรับประทานของแปลกๆ เช่น อยากจะรับประทานแกงนก ผัดเผ็ดปลาไหล หรือลาบเลือดเป็นต้น   แต่สำหรับครั้งที่สามนี้ ปรากฎว่าคุณแม่อินทร์ท่านรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ไม่ได้เลย ถ้าหากว่าวันไหนท่านรับประทานอาหารที่ประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์ หรือเพียงได้กลิ่นเนื้อสัตว์ วันนั้นท่านจะรู้สึกไม่สบายไปตลอดทั้งวันเริ่มต้นด้วยเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียนเป็นอย่างนี้ตลอดมาเป็นประจำ ทั้งๆ ที่ก่อนจะตั้งครรภ์คุณแม่อินทร์ก็รับประทานอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ได้ และไม่เคยเป็นอะไรมาก่อน พอตั้งครรภ์บุตรคนที่สามก็เริ่มเป็นอย่างนี้ นับว่าแปลกมาก   พอคุณแม่อินทร์ตั้งครรภ์ได้ครบกำหนด 9 เดือน ท่านก็ได้ปวดท้องอย่างแรง และได้คลอดบุตรชายที่น่ารัก น่าเอ็นดูออกมาลืมตาดูโลก เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ2424 ซึ่งตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง    ใน ขณะที่ทารกน้อยกำลังคลอดออกมานั้น กลับมีกิริยาอาการแปลกประหลาดกว่าทารกแรกเกิดโดยทั่วๆ ไป หรืออาจะเป็นนิมิตหมายของผู้มีบุญญาธิการลงมาจุติก้ได้ กล่าวคือโดยปกติทารกแรกเกิดเวลาที่คลอดออกมาจะต้องส่วนหัวหรือส่วนเท้า โผล่ออกมาก่อน แต่ทารกน้อยบุตรชายของคุณแม่อินทร์ เวลาที่คลอดออกมากลับเอาศรีษะและเท้าโผล่ออกมาพร้อมๆ กัน เมื่อคุณพ่อเผือกและคุณแม่อินทร์เห็นบุตรชายคลอดออกมาแตกต่างจากทารกโดยทั่ว ไปเช่นนั้น จึงได้ตั้งชื่อบุตรชายคนใหม่ของท่านว่า “ ทบ”

เรียนวิชากับหลวงปู่ศุข   หลัง จากที่หลวงพ่อทบได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดศิลาโมงแล้ว ท่านยังคงตั้งใจที่จะแสวงหาวิชาความรู้อยู่อย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อท่านทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดศิลาโมงเข้าที่เข้าทางแล้ว ท่านได้ยินชื่อเสียงเกียรติคุณของ พระครูวิมลคุณากร หรือ หลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ว่าเป็นผู้สำเร็จวิชา 8 ประการ ซึ่งมีน้อยองค์นักที่จะสำเร็จได้ ท่านจึงได้เดินธุดงค์ออกจากวัดศิลาโมง มุ่งหน้าไปที่จังหวัดชัยนาท ในที่สุดท่านก็ได้กราบนมัสการหลวงปู่ศุขสมความปรารถนา และที่วัดปากคลองมะขามเฒ่านี้เอง ท่านก็ได้พบกับพระเกจิอาจารย์อีก 2 รูปที่ได้เดินทางมากราบนมัสการหลวงปู่ศุข เพื่อขอเรียนวิชาก่อนหน้าที่ท่านจะมาคือ  1. หลวงพ่อเอีย  วัดบ้านด่าน 2.       หลวงพ่อหน่าย  วัด บ้านแจ้งการเรียนวิชาจากหลวงปู่ศุขนั้นก่อนที่ท่านจะมอบวิชาอาคมอะไรก็ตาม ให้กับศิษย์นั้น ท่านจะทดสอบพลังจิตของศิษย์แต่ละองค์เสียก่อนว่ามีความกล้าแข็งสักเพียงใด จากนั้นจะถามถึง วัน เดือน ปี เกิด ของแต่ละองค์เสียก่อน ซึ่งการที่ท่านต้องทดสอบและไต่ถามก็เพื่อท่านจะได้ทราบถึงความสามารถ วาสนา บารมีของแต่ละองค์ ว่ามีมากน้อยเพียงใด ควรจะมอบวิชาอะไรให้ถึงจะเหมาะสมที่สุด ซึ่งหลวงปู่ศุขท่านก็ได้มีเมตตา มอบวิชาอาคมต่างๆ ให้กับหลวงพ่อทบหลายอย่าง ซึ่งท่านก็ได้ใช้วิชาเหล่านั้นสงเคราะห์ญาติโยมมาตลอดชีวิตของท่าน

มอบตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเง่า   หลัง จากที่หลวงพ่อทบได้กลับจากการธุดงค์ไปกราบนมัสการท่านพระครูวิมลคุณากรหรือ หลวงปุ่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งหลวงพ่อทบก็ได้เดินธุดงค์กลับมาจำพรรษาที่วัดศิลาโมงตามเดิม หลังจากนั้นในระหว่างปี พ.ศ. 2461-พ.ศ.2468 หลังจากการออกพรรษาทุกปี ท่านได้ใช้เวลาในช่วงนี้เดินทางไปกราบนมัสการขอเรียนวิชาอาคมเพิ่มเติมกับ ท่านพระครูสังวรธรรมคุต หรือ หลวงพ่อเง่า พระเถระผู้เฒ่า อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีภูมิ(วัดบ้านติ้ว) และอดีตเจ้าคณะจังหวัดหล่มสัก ซึ่งท่านก็ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเง่า และหลวงพ่อเง่าได้มีความเมตตาถ่ายทอดพระเวทวิทยาคมให้กับท่านอย่างไม่มีปิด บังอำพราง ไม่ว่าจะเป็นทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุด มหาอำนาจ กำบัง ล่องหนหายตัว ซึ่งท่านก็ใช้เวลาหลังออกพรรษาถึง 3 ปี จึงได้เล่าเรียนจนสำเร็จ

อ่านต่อที่นี่นะครับ

http://www.luangporthob.com/index.php?option=com_content&task=view&id=28&Itemid=52

ขอบคุณภาพ

http://krabentongnam2511.wordpress.com/2010/05/30/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%9A-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99-%E0%B8%88-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A/
39  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สไปเดอร์แมนตัวจริง มาแว้ว ( หล่อมาก ๆ ด้วย ) เมื่อ: ธันวาคม 31, 2010, 10:06:58 am













J yothi.. ไอ้มนุษย์แมงมุม เขาได้ค้นพบความสามารถของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อ4ปีก่อน  จึงได้รู้ว่าตัวเองมีความสามารถลึกลับมือและเท้าของเขาเหนียวหนึบเป็นพิเศษ เหมาะสมสำหรับปีนป่ายเป็นอย่างยิ่ง เขาได้ปปีนป้อมท้องถิ่นใน Chitradurga ชึ่งมีความสูงถึง 300ft โดยไม่ใช้สลิง ไม่ใช้สตั๊น
40  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ห้อยพระอย่างไรให้ถูก "โฉลก" เมื่อ: ธันวาคม 31, 2010, 09:40:13 am
ห้อยพระอย่างไรให้ถูก "โฉลก"


คนเกิดปีชวด
วันอาทิตย์ เหมาะที่จะแขวนพระที่มีเมตตาเป็นหลัก ได้แก่ พระปิดตา พระศิวลี พระสังกัจจายน์ ส่วนพระเครื่องที่ป้องกันและเสริมการงาน เนื่องจากเป็นพระที่มีรูปงามมี เสน่ห์ พระที่เหมาะควรเป็นพระที่มีอำนาจในตัว  ควรแขวนพระ ที่เป็นโลหะหรือผ่านธาตุไฟ เช่น พระกรุเนื้อชิน พระเครื่องเนื้อโลหะหรือเหรียญ ไม่ควรจะเป็นพระที่มีเนื้อผง ควรจะเลือกที่ผสมด้วยธาตุเหล็ก หรือผงตะไบเหล็กหรือโลหะเท่านั้น หรือเป็นพระผงฝังตุกรุด
วันจันทร์ รูปสมบัติเป็นโภคทรัพย์ที่ติดตัวมา จึงไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องทำมาหากิน ควร จะทำงานที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะตัวจึงจะถูกโฉลก  ควรแขวนพระที่คล้ายกับ โฉลกงาน เช่น พระทรงเครื่อง พระที่มีลวดลายประกอบอย่างงดงาม หรือพระพรหม พระพิฆเนศ
วันอังคาร ชิวิตมีแต่ความลำบาก ต้องฝ่าฟันอุปสรรคกว่าจะได้เงิน ต้องระวังปากตัวเองให้มากที่สุด ควรแขวนพระไสยาสน์ หรือพระปรางสมาธิ เป็นเนื้อที่ผ่านไฟหรือไม่ก็ไม่เป็นไร เพราะพระทั้งสองปรางหมายถึงความสงบระงับ เมื่อเกิดความพลุ่งพล่านทุกครั้งให้เอามือกุมพระ จะเยือกเย็นลง
วันพุธ ชีวิต มีแต่ความเจ็บไข้จุกจิก แม้ไม่อันตรายถึงชีวิตก็บั่นทอนร่างกายไปมาก เหมาะที่จะแขวนพระที่ทำจากต้นไม้ใบยา เช่น พระว่าน พระขมิ้นเสก พระไพลเสก หรือพระที่มีส่วนผสมของตัวยาต่างๆ พระเนื้อผงผสมว่านก็ใช้ได้ บางคนแขวนหมอชีวกโกมารภัจจ์ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
วันพฤหัสบดี  เป็นผู้อุดมด้วยโคทรัพย์ มีบุญเก่าอยู่มาก ทำให้ชีวิตไม่ล้มลุกคลุกคลานมากนัก ไม่ค่อยรอบคอบในการตัดสินใจ ประมาทเป็นนิจ ทำให้พลาดเงินหรือเสียประโยชน์อันควรได้ไปอย่างน่าเสียดาย
ควร แขวนพระที่จะมารับหน้าพระอังคารที่เป็นใจคือ พระปรางป่าเลไลยก์ พระราหูเนื้อผง หรือเนื้อโลหะ เพราะพระราหูกับพระอังคารเป็นมหามิตรกัน จะรับหน้าทำให้พระอังคารไม่อาจมาเบียดเบียนดวงชะตาได้
วันศุกร์ มีดีทางด้านผู้รับใช้ใกล้ชิด จะเป็นคนดีมีศีลธรรม แต่อยู่ด้วยไม่ได้นาน เพราะบางครั้งไม่ได้ตั้งใจแต่พูดไปโดยไม่คิด ทำให้บริวารต้องจากไป ควรแขวนพระพิมพ์ที่มีพระอัครสาวกอยู่ซ้ายและขวา
เพราะพระพุทธองค์และพระสาวกนั้นหมายถึงการปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาตามสายงาน  จะแก้โฉลกให้ดีได้
วันเสาร์ เป็นผู้มีอำนาจในตัว มีดีที่คนเกรงขาม แต่มีข้อเสียชอบออกหน้าแทนลูกน้องหรือคนอื่น จึงมักต้องเดือดร้อนแทนคนอื่นในแทบทุกเรื่อง ให้แขวนพระปรางห้ามสมุทร  ยกพระหัตถ์(มือ)สองข้าง ซึ่งจะแก้เคล็ดและทำให้ยับยั้งชั่งใจได้

คนเกิดปีฉลู
วันอาทิตย์ วาสนา ไม่ค่อยจะดีนัก ให้เก็บหอมรอมริบทุกครั้งที่มีโชค โฉลกของท่านคือการเก็บงำ ควรแขวนพระเสริมวาสนา เช่น พระผงยาวาสนา พระปิดตามหาลาภ (ไม่ปิดทวาร) พระสิวลี พระปรางลีลา พระสังกัจจายน์
วันจันทร์ มีดาวบริวารดีมาก จะได้ทรัพย์เพราะบริวารเป็นหลัก เพราะบริวารของท่านดีอยู่แล้ว การแขวนพระที่มีพระหลายองค์รวมอยู่ในองค์เดียวกัน เช่น พระเจ้าห้าองค์ หรือพระที่มีจำนวนสององค์ขึ้นไป ถ้าหาไม่ได้ให้แขวนพระที่เป็นพิมพ์มีพระอัครสาวกอยู่ด้วย เพื่อเสริมบารมีในด้านบริวาร ควรเป็นเนื้อผสมส่วนผสมหลายอย่างจะดีที่สุด
วันอังคาร มี วาสนาน้อยควรเจียมตน ไม่ทำการใหญ่เกินกำลัง อย่าจับงานทีเดียวจะแพ้ภัย ควรแขวนพระมหาอุด ปิดทวารหรือเต่าเรือน เพื่อเป็นเคล็ดสำรวมระวังเรื่องการลงทุน พระปิดทวารจะทำให้นึกถึงการไม่ทำอะไรเกินตัว เต่าคือให้หดหัวยามมีภัยมา คืออย่าลงทุนมากนั่นเอง
วันพุธ หัวเดียวกระเทียมลีบ มีเพื่อนมีญาติเหมือนไม่มี พึ่งใครไม่ได้นอกจากพึ่งตัวเอง ควรแขวนพระที่มีคำว่าเดี่ยวอยู่ด้วย เช่น เดี่ยวดำ เดี่ยวแดง พลายเดี่ยว หรือพลายคู่ตัดเดี่ยว  เสริมโฉลกที่ต้องทำอะไรเดี่ยว วันพฤหัสบดี มีวาสนาตกที่นั่งมีทรัพย์มาก ไม่ต้องขวนขวายก็จะได้มาแบบไม่ยาก มีข้อเสียเป็นคนมือเติบ มักมมีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย หรือขาดดุล แก้โฉลกด้วยการแขวนพระที่มีชื่อว่า "คง" เช่น หลวงพ่อคง พระอาจารย์มั่น จะทำให้เก็บทรัพย์ให้มั่นคงและคงที่
วันศุกร์ เป็นคนตกที่นั่งอับโชคลาภ เงินที่ได้มาอย่างง่ายๆ เช่น เล่นหวย อย่าไปหวัง ควรแขวนพระที่มีคำว่า เศรษฐี เงินแสน เงินล้าน พระทุ่งเศรษฐี พระที่ลงท้ายว่ารุ่นมหาเศรษฐี หรือขวัญถุงเงินล้าน เงินแสน จะเสริมพลังแห่งโชคลาภ
วันเสาร์ เป็นคนตกที่นั่งนักโทษ ทั้งชีวิตมีแต่คนเบียดเบียนใสไคล้ ทำให้เดือดร้อน มีโรคประจำตัวบั่นทอนชีวิตอยู่มาก ควรแขวนพระที่มียันต์เกาะเพชร หรือพระที่มีรูปโล่ จึงจะถูกโฉลกกับตัวเอง

คนกิดปีขาล 
วันอาทิตย์ หากินอย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ แม้จะมีตำแหน่งสูง แต่งานในความรับผิดชอบหนักหนา หรือไม่ก็ไปใหญ่โตในถิ่นกันดาร ควรแขวนพระที่มีการเคลื่อนไหว เช่น พระลีลา พระเปิดโลก พระสิวลี
วันจันทร์ ดวงชีพจรลงเท้า ถูกโฉลกกับงานที่ต้องเดินทางขึ้นล่อง ควรแขวนพระที่สงบและอยู่นิ่ง พระปรางสมาธิ ไม่ควรแขวนพระเคลื่อนไหว เพราะจะทำให้โฉลกร้อนขึ้นไปอีก
วันอังคาร เป็นนักบู๊ มักมีเรื่องราวชกต่อยเสมอ ส่วนใหญ่เป็นนักเลง นักพนัน หรือนักมวยเดินหน้าชน มีนิสัยก้าวร้าว มีโทสะจริตเป็นที่ตั้ง ควรแขวนพระเมตตา เช่น พระปิดตา พระสังกัจจายน์ พระสิวลี ที่ทำด้วยอะไรก็ได้ ที่ไม่ได้ผ่านความร้อน ทำให้เย็นขึ้นได้
วันพุธ มีจิตใจเยือกเย็น สุขุม ไม่บุ่มบ่าม ใจเหมือนแม่น้ำ ใฝ่การบุญ เป็นที่รักของคนทั่วไป ควรแขวนพระปิดตามหาอุด หรือพระที่มีลักษณะอยู่กับที เช่น พระยืนปรางถวายเนตร
วันพฤหัสบดี แต่น้อยลำบาก เมื่ออายุมากขึ้นจะมีวาสนาตามไป  ควรอดทนรอให้งอมจึงหลุดจากขั้ว ควรแขวนพระ ที่ผ่านการหล่อหลอมจากธาตุไฟเพื่อเสริมพลังชีวิต จะเป็นพระกริ่งหรือรูปหล่อที่ผ่านไฟแรงเท่าใดก็ยิ่งดี
วันศุกร์ พึ่งใครไม่ได้ ต้องพึ่งตัวเอง เป็นเสือจับเนื้อกินเองจนแก่ ควรแขวนพระที่มีรูปเสือมาเกี่ยวข้อง หรือแขวนเสือก็ได้ จะเป็นเสืองาแกะ หรือเสือเขี้ยวก็ได้ หรือเสือที่เป็นโลหะก็ได้
วันเสาร์ เป็น ผู้มีโภคทรัพย์ ทำมาหากินแล้วตั้งหลักฐานได้ง่าย มีข้อเสียคือ เชื่อคนง่าย มักถูกหลอกหรือฉ้อโกงเอาทรัพย์อยู่บ่อยๆ ควรแก้เรื่องความใจง่ายเชื่อคนง่าย ไว้ ควรแขวนพระที่ตรงกันข้ามกับพระทั่วไป  เพือแก้โฉลกด้านการถูกคดโกง จึงควรแขวนพระทีเป็นพิมพ์แบบสะดุ้งกลับจะเหมาะที่สุด

คนเกิดปีเถาะ
วันอาทิตย์ เป็นคนอาภัพอับวาสนา ทำมาหากินไม่พอเลี้ยงตนเอง ต้องอาศัยบารมีคู่ครองเป็นหลัก หากอยู่ตัวคนเดียวจะต้องลำบากมาก ควรแขวนพระเสริมบารมี เช่น พระผงยาวาสนาพระที่มีนามเกี่ยวกับโชคลาภ
วันจันทร์ คนเกิดวันนี้แต่น้อยจะลำบาก เมื่อเลยวัยกลางคนไปจะดีขึ้นและตั้งตัวได้ ควรแขวนพระปรางลีลา เพื่อความก้าวหน้า
วันอังคาร เป็นคนที่ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ ชีพจรลงเท้า ต้องเดินทางถึงจะได้เงิน เหมาะแก่การเป็นพนักงานขายของขึ้นๆลงๆ หรือค้าขายระหว่างประเทศ ควรแขวนพระเกี่ยวกับการค้าขาย เช่น พระสังกัจจายน์ พระสิวลี
วันพุธ เป็นที่ไม่พอใจกับเจ้านายหรือผู้ใหญ่ มักจะให้ร้ายเสมอ เป็นโฉลกของวันเกิด จึงไม่ควรรับข้าราชการเพราะจะไม่ก้าวหน้า เหมาะที่จะทำมาหากินในความถนัดของตน ไม่ขึ้นกับใคร ควรแขวนพระมหาอุด ที่ทำจากโลหะที่ผ่านความร้อนแล้วจะทำให้เกิดตบะและเดชะป้องกันตัวเองได้
วันพฤหัสบดี เป็นคนใจร้อนใจน้อย ใครตักเตือนก็ไม่พอใจ ดื้อรั้น ควรอ่อนน้อมรับฟังผู้อื่นแล้เอามาคิด ให้แขวนพระที่มีหนุมานอยู่ด้วย เพราะดวงอาสาเจ้านายเหมาะ หรือไม่ก็แขวนพระที่มีลักษณะการกวัก เช่น พระพุทธกวัก
วันศุกร์ มีวาสนาดี เป็นนักบวชก็ก้าวหน้า เหมาะกับการควบคุมคนหมู่มาก มีลักษณะเป็นผู้นำ ควรแขวนพระที่ในหนึ่งพิมพ์มีจำนวนมากกว่าหนึ่งขึ้นไป เช่น พระเจ้าห้าองค์ พระเจ้าสิบทัศน์พระตรีกาย
วันเสาร์ โฉลกเป็นคนที่คนทำร้ายไม่ได้ มีผู้คอยออกรับและคุ้มครองป้องกันอยู่เสมอ ทำให้ไม่ต้องลำบาก
แต่เป็นคนที่อาภาพคู่ครอง แม้มีสมบัติมากแต่ก็มักจะผิดหวังเรื่องคู่ครองอยู่เสมอ ควรแขวนพระที่มีนามทางความอ่อนนุ่ม เช่น พระนางพญา

คนเกิดปีมะโรง
วันอาทิตย์ มีบริวารมาก มักได้เป็นผู้บังคับบัญชาคน มีทรัพย์ดีมาก เก็บไม่อยู่ แต่เงินไม่ขาดมือ เหมาะที่จะแขวนพระชัยวัฒน์ เพราะเป็นผู้นำคนหรือเป็นที่พึ่งของคนหมู่มาก
วันจันทร์ มีใจอาฆาตพยาบาทรุนแรง มักมีเรื่องชกต่อยอยู่เสมอ ยิ่งเสพสุรายิ่งอาละวาท ควรแขวนพระที่มีข้อห้ามเรื่องสุรา จะได้คอนเตือนใจ เช่น พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต จ.ขอนแก่น หลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ จ.นครพนม
วันอังคาร ทำมาหากินฝืดเคือง แต่รอดตัว วาสนาปานกลาง อารมณ์ร้อน โกรธง่ายหายเร็ว ห้ามแขวนพระที่ผ่านธาตุไฟ หรือความร้อนเด็ดขาด ให้แขวนพระผง หรือพระที่แกะจากอัญมณีหรือหินที่มีความเย็น หากแขวนพระที่ทำจากหยก จะยิ่งดีใหญ่
วันพุธ เหมาะเป็นนักร้อง นักแสดง กวี นักเขียนมากกว่าอาชีพอื่น ทำมาหากินคล่อง รับราชการไม่ดี จะมีภัยจากเจ้านาย วาสนาปานกลาง ควรแขวนพระกริ่งที่แขวนแล้วมีเสียงดัง เพราะดวงเหมาะเป็นนักร้องหรือกวี แม้ทำอาชีพอื่น หากมีพระกริ่งเสียงกังวานจะช่วยเสริมโฉลกโชคลาภ
วันพฤหัสบดี ต้องดิ้นรนไม่หยุดหย่อน จะได้ห้าต้องลงทุนเกินห้า เหมาะกับงานที่ต้องใช้ความมอดทน ความอุตสาหะ ควนแขวนพระที่มีพลังเร้นลับ เช่น พระหูยาน พระนาคปรกลพบุรี พระยอดขุนพล หรือพระพิมพ์ที่แสดงถึงปาฏิหาริย์
วันศุกร์ เป็นคนขี้โรค ทำมาหากินคล่อง แต่มีโรคมาเบียดเบียนอยู่เสมอ
ทำหาไม่มีความสุขในชีวิต ควรแขวนพระเนื้อว่านที่เป็นยา พระที่ทำมาจากยาผสมว่าน พระเนื้อว่านต่างๆ เพื่อแก้โฉลกที่สุขภาพไม่ดี
วันเสาร์ ถ้าเป็นนักบวชจะมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ถ้าเป็นข้าราชการปานกลาง เป็นพ่อค้าปานกลาง ทำงานอิสระดีที่สุด ควรแขวนพระที่เป็นพระเกจิอาจารย์จะถูกโฉลกมากกว่าเป็นพระพุทธรูป พระเกจิอาจารย์ที่มีเครื่องหมายอาชีพอิสระ เช่น พระที่ทางคณะแพทย์สร้าง หรือคณะผู้พิพากษาสร้าง

คนเกิดปีมะเส็ง 
วันอาทิตย์ มักเดือดร้อนจากการหาความของผู้อื่นเสมอ การงานอาภาพ กว่าจะได้มาต้องอาบเหงื่อต่างน้ำเก็บเงินเก่ง ควรแขวนพระที่เป็นยันต์เกราะเพชร หรือเต่าเรือน หมั่นบริจาคเงินให้กับสถาบันที่เกี่ยวข้องกับ ตำรวจ ราชทัณฑ์ หรือตุลาการ จะช่วยบรรเทาเรื่องคดีความลงได้
วันจันทร์ เป็นผู้ที่มีคนคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ ไปถิ่นฐานใดไม่ขาดแคลนคนคอยคุ้มครองรักษา ทำการงานพึ่งผู้ใหญ่หรือทำอะไรกับผู้สูงอายุดีกว่า อายุเท่ากันหรือน้อยกว่าไม่ดี ให้แขวนพระปรางนาคปรก
สัญลักษณ์แห่งการคุ้มครองป้องกันภัยช่วยเหลือ หรือพระที่มีสององค์ในพิมพ์เดียวกัน จะถูกโฉลกดีนัก
วันอังคาร ดวงชีพจรลงเท้า เกิดที่หนึ่งไปดังที่หนึ่ง ถ้าจะให้ก้าวหน้าต้องไปทำงานต่างถิ่น ควรแขวนพระปรางลีลา หรือพระที่แสดงความเคลื่อนไหว เพราะดวงต้องเดินทางตลอดเวลา หากใช้พระที่หยุดนิ่งจะไม่ถูกโฉลกกัน
วันพุธ ทำงานหากินไม่พอรายจ่าย ดวงพลิกผัยง่าย คาดหมายอะไรล่วงหน้าไม่ได้ ต้องทำงานตามน้ำตลอดเวลา ทวนน้ำเมื่อไรพัง จึงต้องระวัง ให้แขวนพระสังกัจจายน์ หรือพระสิวลี หรือพระที่ด้านหลังมียันต์ ดวงจะถูกโฉลก
วันพฤหัสบดี เป็นคนมีดวงทางบริวารดี วางใจได้ เป็นผู้มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู เป็นที่เกรงขามของคนทั่วไป นักบริหารที่ยิ่งใหญ่มักเกิดปีมะเส็งวันพฤหัสบดี ควรแขวนพระที่มีอัครสาวกอยู่ด้วย หรือแขวนพระเจ้าห้าองค์ จึงจะถูกโฉลกกับตัวเอง
วันศุกร์ มีสติปัญญาดี มีปัญญาเป็นทรัพย์ เป็นคนใฝ่การศึกษาหาความรู้ หากเป็นนักบวชจะเป็นพระเกจิ อาจารย์ที่มีความขลังอมตะ เล่าลือไม่สิ้นสุด ควรแขวนพระที่มีจีวรของพระคุณเจ้า ผู้เป็นเจ้าของพระอยู่ด้วยเพราะถูกโฉลกของท่านกับจีวรพระสงฆ์ที่เป็นพระสุ ปฏิปั­นโนนั้นถูกกัน
วันเสาร์ เป็นคนทำงานได้ทุกอย่าง แต่อาภัพคู่ครอง มักหย่าร้างหรืออยู่กับไม่ยืด อยู่ยืดก็เป็นคู่ร้างคู่เละ
ตัวเองขยันแต่คู่ครองบั่นทอนความสุขเสมอ ให้แขวนพระเป็นคู่หรือสององค์ในพิมพ์เดียวกัน จะแก้เคล็ดและช่วยให้ถูกโฉลก

คนเกิดปีมะเมีย 
วันอาทิตย์ เป็นผู้ตั้งหลักฐานได้ง่าย มีความกล้าแกร่ง เป็นที่พึ่งของคนทั่วไป ทำราชการดีนัก  เป็นนักพูดหรือนักเขียนจะโด่งดังไม่มีใครเกิน ควรแขวนพระที่มีคำว่าโต เช่น หลวงพ่อโต หรือพระที่มีลักษณะใหญ่กว่าพระเครื่องทั่วไป
วันจันทร์ เหมาะแก่การเป็นพ่อค้าวานิช เป็นนายหน้าหรือเป็นนักการฑูต นักการเมือง นักบริหาร รับราชการไม่ดี แขวนพระอะไรก็ได้ แต่มีเคล็ดว่าให้หาปลาตะเพียนขนาดเล็กๆ ที่ปลุกเสกแล้วคู่หนึ่งติดตัวไว้เสมอ จะทำให้ทำมาค้าคลอ่ง และติดต่อการงานดีมาก ช่วยเสริมโฉลกโชคลาภ
วันอังคาร มีวาสนาดี แต่มักถูกเบียดเบียนชื่อเสียงผลประโยชน์อยู่เป็นนิจ การทำอะไรที่ใหญ่ๆควรมีหลักฐานกำกับยืนยันให้แน่นแฟ้น จึงจะไม่ถูกเบียดเบียน เป็นคนที่มีของกำนัลมาสู่มิได้ขาด ควรแขวนพระปางมารวิชัย หรือไม่ก็แขวนพระไพรีพินาศก็ดีเหมือนกัน
วันพุธ อาภัพไร้คนอุ้มชู หัวเดียวโด่เด่ แต่อดทนแกร่งกล้า ไม่ยอมแพ้ชะตา ชีวิตจะต้องงานหนัก ก้าวหน้าช้า แต่ถ้าถึงจุดแล้ว จะมั่นคงและยืนยาว ไม่ควรท้อแท้กับชีวิต ให้แขวนพระนาคปรก จะเกิดมีการคุ้มครองและช่วยเหลือ ห้ามแขวนพระปางป่าเลไลยก์เด็ดขาด แม้จะเกิดวันพุธกลางคืนก็ตาม
วันพฤหัสบดี ชาตินี้ต้องเป็นผู้ทำประโยชน์ให้ผู้อื่นตลอด แล้วจึงได้ส่วนแบ่งประโยชน์นั้นมา คือ ทำงานกับหุ้นส่วนลึนหมู่มาก จะทำงานอิสระไม่ได้เลย ต้องมีคนคอยเป็นคู่คิดอยู่เสมอ ควรแขวนพระปิดตายันต์ยุ่ง เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคง กลมเกลียว สัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
วันศุกร์ ไร้ชายคาที่อาศัย ต้องพึ่งตัวเอง แม้จะสิ้นใจก็มิอาจร้องขอความเมตตาจากผู้ใด ดวงอาภาพผู้อุปถัมภ์ จึงควรทำอะไรที่ตัวเองถนัดและทำแต่ลำพัง ไม่ต้องหาใครมาช่วย เพราะเมือใดทำงานเป็นทีมหรือเป็นหุ้นส่วนจะพัง ให้แขวนพระเดี่ยวๆ องค์เดียวแก้เคล็ด อย่าแขวนพระเป็นพวง ให้แขวนเดี่ยว จะได้ผลดีอย่างยิ่ง เสริมโฉลก
วันเสาร์ วังเวง วิเวก ว้าเหว่ นอกจากอาภัพคู่แล้ว ชั่วชีวิตยังปรารถนาคนจริงใจอีกด้วย จึงต้องระมัดระวังรอบคอบไตร่ตรองคำพูดคนรอบข้างเสมอ ให้แขวนพระปิดทวารทั้งเก้า ยิ่งอุดมมากเท่าใดยิ่งดีเพราะจะทำให้โฉลกดีขึ้นกว่าแขวนพระอย่างอื่น

คนเกิดปีมะแม
วันอาทิตย์ เป็นคนมือเติบ เลี้ยงคนถูกใจเท่าไรเท่ากัน ทำให้เป็นนักเลงสุรา นักเลงผู้หญิง เก็บเงินไม่อยู่
ควร แก้เคล็ดเปลี่ยนเป็นเงินทอง บ้าน ที่ดิน ใบหุ้นที่มีระยะเวลา ถ้าเก็บเป็นเงินสดไว้กับตัวก็จะละลายหมด ควรแขวนพระนาคปรก หรือพระปางซ่อนหา เพื่อแก้โฉลกให้เบา จากความเสียหายเรื่องการพนันและผู้หญิง ไม่ใช่ใส่แล้วไปเล่นการพนัน หรือไปเที่ยวห้ามเด็ดขาด
วันจันทร์ ดวงบริวารดีมีผู้คอยช่วยเหลือ แต่มักต้องลำบากเพราะญาติพี่น้อง จึงควรรู้จักแยกแยะ ว่าควรจะสงเคราะห์ใคร อย่างไร ไม่งั้นจะก่อศัตรไม่สิ้นสุด ควรแขวนพระปิดตาที่ไม่ปิดทวาร เพื่อส่งผลแก้โฉลกตรงปากที่พูดทำร้ายตนเองและผู้อื่นให้เกิดศัตรู
วันอังคาร ทำงานหนัก แต่รายได้ไม่คงที่ แม้จะมีความรู้ ก็ไม่อาจหางานที่เหมาะสมทำได้ โฉลกเป็นอย่างนั้น จึงควรหาความรู้เกี่ยวกับงานด้านนนต่างๆไว้ให้พร้อมมากที่สุด ควรแขวนพระปางประทานพร หรือปางอุ้มบาตร เพื่อแก้โฉลกและทำให้การงานดีขึ้น
วันพุธ เป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก พูดจาน้อย แต่มีน้ำหนักเป็นที่เกรงขามของคนทั่วไป นักบวชมีชื่อเสียง ผู้พิพากษาคนสำคัญ นักการเมืองที่เป็นรัฐบุรุษมักเกิดวันนี้ ควรแขวรพระที่มีเมตตาสูง เช่น พระสมเด็จ พระปิดตา และพระที่มีอานุภาพทางเมตตาที่ไม่ผ่านความร้อน เพื่อทำให้โฉลกอำนาจเบาบางลง เกิดเมตตามากขึ้น
วันพฤหัสบดี เป็นผู้นำคนหมู่มาก มีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก เป็นเจ้านายที่ลูกน้องเกรงใจ นักบริหารผู้มีฝีมือ นักการธนาคารผู้มีชื่อเสียง นักการเมืองผู้มีเลห์เหลี่ยมแพรวพราว ควรแขวนพระปางปฐมเทศนา หรือมีรูปธรรมจักรอยู่ในองค์พระด้วย เพื่อทำให้คำพูดของท่านมีความหนักแน่น มั่นคงมากยิ่งขึ้น และทำให้ลดความน่ากลัว หรืออำนาจลงไปได้บ้าง
วันศุกร์ เป็นคนอาภัพ ทำคุณไม่ขึ้น ช่วยเขาแล้วเราพังเป็นส่วนใหญ่ สมควรที่จะอยู่เฉยๆ อย่าไดด้ออกหน้า โดยเฉพาะการเป็นนายประกัน ไม่ถูกกับคนเกิดวันศุกร์อย่างยิ่ง ควรแขวนพระปิดตามหาอุด หรือพระบัวเข็ม จึงจะเหมาะสมกับโฉลกของตน ทำให้เยือกเย็นมากขึ้น
วันเสาร์ เป็นคนมีโทษ ถูกใส่ร้ายป้ายสี ใส่ความมาโดยตลอด ไม่เคยอยู่เป็นสุข มีศัตรูมาก ควรสงบเสงี่ยมเจียมปากเจียมคำ อย่าได้ทำเด่นเกินไป ภัยจะมาถึงตัว ควรแขวนพระที่เป็นยันต์เกราะเพชร
หรือที่เป็นรูปโล่ เพื่อทำให้โฉลกเป็นดีขึ้นได้

คนเกิดปีวอก
วันอาทิตย์ มีวาสนาดีมาแต่เกิด มีทรัพย์สินบริวารพร้อม รับราชการจะก้าวหน้า เป็นนักบวชจะได้เป็นถึงพระราชาคณะ ให้แขวนพระที่มีพัดยศด้วย จะถูกโฉลกมากขึ้น
วันจันทร์ เหมือนถูกลอยแพในมหาสมุทร ต้องร่อนเร่พเนจรไปต่างถิ่น ถูกโฉลกกับการค้าขายขึ้นล่องตามแม่น้ำลำคลอง หรือค้าขายเครื่องสูบน้ำ วิดน้ำ ควรแขวรพระห้ามสมุทรพระหัตถ์ จะถูกโฉลกดีขึ้น
วันอังคาร เป็นคนมีศัตรูมาก ต้องต่อสู้จึงจะได้มาซึ่งสิ่งที่พอใจ ชนิดที่ได้มาแบบง่ายๆไม่มี ควรแขวนพระปางซ่อนหา ที่มีพระพุทธรูปซ้อนบนพระเกศของพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง เป็นพระที่ซ้อนกับสององค์ เช่น พระหล่อพิมพ์ซ้อนของ วัดหนองโว้ง จ.สุโขทัย
วันพุธ มีสติปัญญา มีความรู้ เป็นนักปราชญ์ พระโหราบดี ราชครู และสมณะผู้เชี่ยวชาญด้านพระบาลี มักเกิดวันนี้ ควรแขวนพระสังกัจจายน์ พระสิวลี จะถูกโฉลกที่สุด
วันพฤหัสบดี เป็นคนทำงานราชการก้าวหน้า หรือค้าขายส่วนตัวก็จะดี ควรแขวนพระปางลีลา หรือพระซุ้มเรือนแก้ว จะถูกโฉลกโชคลาภ
วันศุกร์ มีเชาว์ปัญญาไว เรียนรู้อะไรได้ง่าย มีวาสนา มีเสน่ห์ รับราชการเกี่ยวกับต่างประเทศ เจราจาความเมืองจะก้าวหน้าที่สุด หรือทำการค้าขายสั่งนำเข้าจากนอกประเทศดีที่สุด ควรแขวนพระที่มีนางกวักอยู่ด้านหลังจะดีที่สุด
วันเสาร์ โฉลกมักถูกคดีความเป็นจำ จึงไม่ควรคิดทำสิ่งผิดกฎหมาย เป็นดวงที่ต้องระวังแง่กฎหมายมากที่สุด ถ้าเป็นทนายความจะมีลูกความมาก ควรแขวนพระที่มีสัญลักษณ์กฎหมาย คือตราชั่ง หรือโล่ตำรวจ
จึงจะถูกโฉลกหรือพระที่สร้างโดยองค์กรของกฎหมาย ตุลาการ หรือตำรวจ

คนเกิดปีระกา
วันอาทิตย์ บริวารดีมาก จะได้ใช้สอยพึ่งพาอาศัยได้ แต่ให้ระวังความใจกว้าง ทำคุณกับคนอื่นอาจเสียใจบ่อยๆ ให้แขวนพระมหาอุด หรือพระที่มีรัศมีอยู่รอบองค์พระ หรือมีซุ้ม เพื่อแก้โฉลกให้ดีขึ้น จะทำให้มีลาภอุดม
วันจันทร์ มีกินล้นเหลือ ไม่มีก็ต้องขอข้าวเขามากิน จึงต้องสำรองเงินเก็บไว้ยามมีมาก จะได้ไม่ต้องเพลี่ยงพล้ำ จะประมาทไม่ได้เลย ควรแขวนพระสังกัจจายน์ ยิ่งเป็นแบบจีน หรือเป็นแป๊ะยิ้มยิ่งดี หรือไม่ก็แขวนพระสิวลี เพื่อเสรมโฉลกให้ดีขึ้น
วันอังคาร เป็นคนชอบเที่ยวเตร่ มากผัวหลายเมียควรระมัดระวังเรื่องเที่ยวเตร่คบเพื่อนฝูง จะเสียเพราะเพื่อนและคนใกล้ชิดติดคุกติดตะรางมามากแล้ว ควรแขวนพระมหาอุดหรือเต่าเรือนเพื่อทำให้โฉลกดีขึ้น
วันพุธ รับ ราชการดีที่สุด อาชีพอิสระไม่ดี ต้องร่วมหุ้นหรือทำงานผู้บริหารจะดีมาก สติปัญญาดี เอาตัวรอดได้เพราะปัญญาของตัวเอง ให้แขวนพระปางปฐมเทศนาเป็นดีที่สุด หรือพระที่มีเครื่องหมายธรรมจักรอยู่ ด้วยในองค์พระ
วันพฤหัสบดี เป็นคนมีบุญ มีคนรักใคร่ชอบพอ พูดจาเป็นเสน่ห์แก่ตัวเอง รู้หลักนักปราชญื ได้พึงคนใกล้ชิดและบริวารเป็นส่วนใหญ่ ให้แขวนพระองค์ใหญ่หรือชื่อใหญ่ เช่น พระหลวงพ่อโต ปางสมาธิ จะถูกโฉลกยิ่งขึ้น
วันศุกร์ ทำมาหากินไม่พอกิน ลำบากมาก แต่มีลาภลอยให้ได้แก้ขัดอยู่เสมอ อย่าคิดเล่นการพนันเป็นอาชีพเด็ดขาด จะซ้ำร้ายลงไปอีก จึงควรหมั่นเก็บหอมรอมริบให้มากที่สุด ให้แขวนพระปิดตามหาลาภ หรือพระฤาษี จะถูกโฉลกทำให้มีลาภลอยมากขึ้น
วันเสาร์ มีคนอุปถัมภ์ไม่ตกต่ำ เป็นที่เมตตาของคนทั่วไป ทำราชการดีมาก หรือค้าขายเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องเสริมสวยจะดีมาก ให้แขวนพระพิมพ์ทรงเครื่องที่งดงาม หรือพระที่มีลวดลายแพรวพราว หรือพระแกะพิมพ์วิจิตรพิสดารเพื่อเสริมโชคลาภ

คนเกิดปีจอ
วันอาทิตย์ เป็นดวงฝ่าฟัน มักต้องแก้ปัญหาในหน้าที่การงานอยู่เสมอ ทำงานมีอุปสรรคมาก บางครั้งต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นนักบริหารประเภทแก้สิ่งที่ผิดพลาดมาแล้วให้ดีขึ้นจะถูกโฉลกมาก ให้แขวนพระปางมารวิชัย ยิ่งมีพระอัครสาวกซ้ายขวาด้วยยิ่งดีใหญ่
วันจันทร์ สติปัญญาเป็นทรัพย์ ไม่ชอบงานหนัก ชอบงานได้ผลตอบแทนสูง เช่น ซื้อขายหุ้น ซื้อผลิตผลที่ต้องเก็งกำไรระยะสั้น ให้แขวนพระที่มีซุ้มครอบแก้ว จะช่วยให้ดีขึ้น
วันอังคาร ทำงานไม่ค่อยก้าวหน้า สติปัญญาไม่ดี แต่มีความขยันอดทน เหมือนหมูป่า แม้มีแต่เขี้ยวก็สมารถขุดหาหัวเผือกหัวมันรากไม้มากินได้อย่างไม่อัตคัด ให้แขวนพระปางลีลา เสริมโฉลกต่อสู้อุปสรรคทั้งปวงให้หมดไป
วันพุธ มีบริวารมาก ได้ดีเพราะบริวาร มักเป็นผู้นำ เป็นผู้บริหารที่เพรียบพร้อมด้วยปัญญาและบริวาร ควรแขวนพระเป็นพวง พวงละหลายองค์ จะช่วยหนุนโฉลกให้ดีขึ้น
วันพฤหัสบดี เป็นคนเจ้าโทสะ มักชอบสิ่งเย้ายวนต่างๆเจ้าชู้มีเมียไม่เลือก ตกที่นั่งนารีอุปถัมภ์ ควรแขวนพระทรงอิทธิฤทธิ์ เช่น พระตรีกาย พระปางมหาปาฏิหาริย์ หรือพระที่มีความร้อนแรงจากธาตุไฟ เพื่อเสริมบารมีให้โฉลกดีขึ้น
วันศุกร์ เป็นคนที่มีลาภอยู่เป็นนิจ ทำอะไรก็มีความก้าวหน้าได้ง่าย แต่มือเติบ ทำให้เสียทรัพย์โดยใช่เหตุ ให้แขวนพระมหาอุด เสริมโฉลกให้ทุกอย่างดีขึ้น
วันเสาร์ เป็นคนอาภัพ คู่ครองเป็นอริ จะอยู่กันยืดเฉพาะแม่หม้าย เป็นนักเลงการพนันและสุราชนิดหัวราน้ำ จึงควรแก้ไขแต่ต้นมือ ให้แขวนพระที่มีคำสาปเกี่ยวกับการห้ามดื่มสุราและการเล่นการพนันเพื่อปราม ตัวเอ­ง เป็นการเสริมโฉลก หาไม่แล้วจะเอาตัวไม่รอดจะบอกให้

คนเกิดปีกุน
วันอาทิตย์ มีวาสนาบารมีสูง ตั้งตัวได้ไว มีบริวารมาก เป็นผู้นำของคนหมู่มาก แต่ทำคุณใครไม่ขึ้น ควรแขวนพระทางโชคลาภ เช่น พระสังกัจจายน์ พระสิวลี
วันจันทร์ ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ หากินไม่ฝืดเคือง แต่ต้องทำงานหนัก ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล การเปิดอู่ซ่อมรถถูกโฉลกดี ควรแขวนพระที่มีพระพุทธรูปคู่กับพระพิฆเนศ หรือแขวนพระพิฆเนศองค์เดียวก็ได้
วันอังคาร เป็นคนมีผู้อุปถัมภ์ค้ำชู รับราชการจะได้ดีเพราะเจ้านายเป็นคนชอบ ขันอาสาเจ้านาย ทำอะไรทำจริง ให้แขวนพระที่มีพระอัครสาวกซ้ายขวาจะถูกโฉลกดี
วันพุธ ทำงานอะไรก็ต้องพบอุปสรรค ไม่มากก็น้อย พองานตั้งหลักได้แล้วก็ถูกเขี่ยเหมือนรื้อนั่งร้าน จึงควรระมัดระวังเรื่องการถูกหักหลังไว้ ให้แขวนพระสะดุ้งกลับ เพื่อเสริมโฉลกของตัวเองให้ดีขึ้น
วันพฤหัสบดี เกิดที่นี่ไปได้ดีที่อื่น จะต้องเดินทางไกลเพื่อหาเลี้ยงชีพ ยิ่งข้ามจังหวัดยิ่งดี ทำมาค้าขายนายหน้าแลกเปลี่ยนที่ดินดี เป็นครูก็ดี แต่ไม่ถูกโฉลกกับงานขายประกันชีวิตใ ห้แขวนพระปางลีลาเป็นหลัก
วันศุกร์ มีชีวิตที่ต้องวนเวียนอยู่กับคดีความ แต่เอาตัวรอดได้ทุกครั้ง จะทำกิจการใด ควรระวังเรื่องกฎหมายให้มาก ให้แขวนพระไพรีพินาศ เป็นดีที่สุด
วันเสาร์ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย เป็นเซียนพนันมือเติบ เป็นลูกพี่ที่มีลูกน้องบริวารมาก จะเดือดร้อนเพราะลูกน้องผู้ใกล้ชิดอยู่เสมอ ให้แขวนพระที่เกี่ยวกับการปกครองหมู่มาก ซึ่งควรจะเป็นพระที่ทางกระทรวงมหาดไทยหรือกรมตำรวจจัดสร้างจะถูกโฉลกดีนัก
หน้า: [1] 2