ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การเจริญธาตุ กรรมฐาน จะช่วย อะไร กับ กาย เรา บ้างครับ หรือมีผลแต่จิต  (อ่าน 2311 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

pongsatorn

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 242
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1

การเจริญธาตุ กรรมฐาน จะช่วย อะไร กับ กาย เรา บ้างครับ หรือมีผลแต่จิต อย่างเดียวเท่านั้น
การเจริญธาตุ กรรมฐาน จัดเป็น สมถะ หรือ วิปัสสนา

  :13: thk56
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 ask1

  คำตอบเรื่องนี้ มีความยาว มาก อยู่เหมือนกัน

  คงไม่ถนัดการพิมพ์ ตอบ ในช่วงนี้

 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอตอบแบบคนไม่รู้พลางๆไปก่อนตามปะสาผู้ไม่รู้ธรรรมไม่ถึงศีลอย่างไงผม พอไม่ให้กระทู้ที่น่าสำคัญนี้ล่วงตกไป เพราะเป็นการชี้ให้เห็นถึงคุณกรรมฐานใน ธาตุกรรมฐาน จนเข้าถึงความไม่ยึดมั่นถือมั่นได้

- ธาุตกรรมฐานนั้น เราพิจารณาหลักๆคือ ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ พอเห็นแจ้งในกายนอกกายในแล้ว คือ รู้สัมผัสได้แล้ว ท่านก็ให้เห็นเพิ่มคือ อากาศธาตุ อันเป็นช่องว่างในกายนี้ มีอยู่ ณ ที่ใด ประโยชน์อย่างไร

ทีนี้ธาตุทั้ง ๕ นี้ เกี่ยวข้องกับรูปขันธ์ทั้งหมด แม้เมื่อหมายจะแยกอาการทั้ง 32 นี้ออกจากกัย ก็ให้เห็นเป็นธาตุ เป็นธาตุสลายธาตุก็ไม่เหลือตัวตนบุคคลใด สภาวะจริงๆของกายคือ ธาตุ ก็เป็นวิปัสสนา

ส่วนวิญญาณธาตุ คือ ธาตุรู้ มันรู้หมด แต่มันรู้แค่ทุกอย่างที่มันรู้คือสมมติทั้งหมด ก็ไม่เป็นสิ่งที่จะเอามาตั้งเป็นอารมณ์ มันรู้สิ่งนี้ได้ก็ไม่คงอยู่นาน ก็ดับไป ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา บังคับมันให้เป็นไปดั่งใจไม่ได้ เมื่อมีความปารถนาในวิญญาณธาตุก็เป็นทุกข์ ก็วิญญาณธาตุนี้และเป็นตัวยึดเอาทุกอย่างที่เป็นสมมติมาเป็น เวทนา และ ตัณหา ตามที่กิเลสมันหลอกไว้

ดังนั้นไอ้กองธาตุ ๖ ที่มันมาประชุมรวมกันนี้ ก็ไม่มีสิ่งใดน่ายึดมั่นถือมั่นในมันให้เกิดทุกข์ เพราะมันไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่มีตัวตน ดังนี้ ผละจากจิตที่รู้สมมติก็มีแต่สภาวะธรรม ไม่มีสิ่งใดเลย ว่างไปหมด

ในทางกายที่ได้รับ เมื่อทุกขเวทนาทางกายเกิด ก็สมารถแยกแยก ธาตุในกายคุ่มธาติดิน เป็นต้น แยกออกจาก จิต สัญญา เวทนา ทุกขเวทนาทางกายก็ไม่เกิดต่อให้สืบทุกขเวทนาทางใจ เพราะมันก็แค่สภาวะธรรมเท่านั้น สติสัมปะชัญญะมันจะเห็นเลยว่าสิ่งนี้เกิดและดับไปแล้ว แต่เพราะอาศัยสัญญาให้จิตนั้นแหละยึดสมมติ ยึดเวทนา เป็นกไปตามที่กิเลสหลอกล่อให้เกิดตัณหานั่นเอง ทางกายนี้แยกจากจิตอย่างนี้เป็นต้น
ในทางใจที่ได้รับ คือ ความไม่เหกาะเกี่ยว ในธาตุ ๖ ขันธ์ ๕ นามรูป เมื่อจิตไม่เกาะเกี่ยว มันก็มีแต่ว่าง เมื่อว่าง สมาธิก็เกิดง่ายแทบจะทุกขณะ อารมณ์พระนิพพานก็อยู่ที่นั่น ก็จะเห็นธรรมเอกผุดขึ้น มีปัญญาที่เกิดขึ้นที่นั่น ตัดขาดจากกฏอิทัปปัจจยะตา โดยสิ้นเชิง

อันนี้ผมไม่รู้ธรรม กล่าวจากผลการปฏิบัติบวกกับคำสอนของ หลวงพ่อเสถียร ท่านเป็นพระอรหันต์สายพระป่า ได้มีกรุณาสอนกายใจผมในช่วงปีใหม่มาประมาณนี้ ซึ่งในทางมัชฌิมาแบบลำดับนี้ก็มีคำสอนในธาตุเบื้องต้นอย่างนี้ และ จุดหมายปลายทางของกรรมฐานในแบบมัชฌิมาแบบลำดับ ก็ปารถนาให้ผู้ศึกษาปฏิบัติได้เห็นและหลุดพ้นทุกข์อย่างนี้ๆเช่นกัน ดังนั้นคำสั่งสอนกรรมฐานสายไหนก้ตามมีจุดหมายคือให้ผู้ปฏิบัติถึงพระนิพพานทั้งหมด แต่แค่ทางเข้านั้นต่างกันตามแต่มากน้อยที่ครูบาอาจารย์สายนั้นๆจะเข้าไปดูและพิจารณา ซึ่งโดยมากครูบาอาจารย์ทุกสายจะรู้ธรรมอันวิจิตรทั้งหมดทุกท่าน แต่จะเสอนเฉพาะในส่วนที่เป็นฐานและที่เป็นจุดสำคัญให้ผู้ที่สนใจได้ปฏิบัติและถึงง่าย เพราะครูบาอาจารย์ทุกท่านต่างเป็นลูกของพระตถาคตเจ้า ผู้เป็นพระสัพพัญญูเจ้า ในยุคเรานี้มีพระสมณะโคดมมหามุนีย์ผู้ทรงเป็นพระสัพพัญญูเจ้าได้แสดงธรรมและแนวปฏิบัติให้ท่านครูบาอาจารย์หมู่นั้นของเราทั้งหลายได้เผยแพร่มาสู้เราเพื่อให้ถึงความพ้นทุกข์ ดังนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 15, 2015, 09:22:57 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา