ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เทวดา ตั้งแต่ ชั้น จาตุมหาราชิก จน ถึงพรหมสูงสุด จัดเป็นพราหมณ์ หรือ เป็นพุทธ  (อ่าน 5338 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

tewada

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 75
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เทวดา ตั้งแต่ ชั้น จาตุมหาราชิก จน ถึงพรหมสูงสุด จัดเป็นพราหมณ์ หรือ เป็นพุทธ

  คือไม่ทราบว่า ควรเรียกว่า พราหมณ์ หรือ เรียกว่า พุทธ
 
 เพราะอ่านไปหลาย ๆ พระสูตรบางครั้ง พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสเรียก พระอรหันต์ว่า พราหมณ์ บางครั้งก็ เรียก
พรหมกาย อย่างนี้ แท้ที่จริง เทวดาทั้งหมดเหล่านี้เป็น พราหมณ์ หรือ เป็นพุทธ ครับ

บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
๔. โสณทัณฑสูตร

ว่าด้วยพราหมณ์บัญญัติ
         ขณะที่ไปเฝ้านั้น โสณทัณฑพราหมณ์เกิดความปริวิตกว่า ตนจะถามปัญหาไม่ได้ดีบ้าง จะตอบปัญหาไม่ได้ดีบ้าง ครั้นจะไปพอใกล้แล้วกลับเสีย ก็จะถูกหาว่าเป็นคนโง่ จึงกลัวไม่กล้าเข้าใกล้บ้าง ความผิดพลาดแต่ละข้อนี้จะทำให้บริษัทจับผิด เป็นเหตุให้เสื่อมยศ เสื่อมทรัพย์.

       แต่พระผู้มีพระภาคทรงรู้วาระจิตของพราหมณ์ จึบทรงเลือกถามปัญหาที่โสณทัณฑพราหมณ์เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ คือ ปัญหาไตรเพท ซึ่งทำให้โสณทัณฑพราหมณ์ดีใจมาก คือตรัสถามว่า ผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติกี่อย่างจึงบัญยัติว่าเป็นพราหมณ์ และควรเรียกตัวเองได้ว่าเป็นพรามหณ์
       โสณทัณฑพราหมณ์ตอบว่า     
           ๑. มีชาติดี คือเกิดจากมารดาบิดาเป็นพราหมณ์ สืบสายมา ๗ ชั่วบรรพบุรุษ
           ๒. ท่องจำมนต์ในพระเวทได้
           ๓. มีรูปงาม
           ๔. มีศีล
           ๕. เป็นผู้ฉลาดมีปัญญา.


   
     ตรัสถามว่า ใน ๕ อย่างนี้ ถ้าลดลงเสีย ๑ เหลือ ๔ พอจะกำหนดคุณสมบัติของผู้ควรเป็นพราหมณ์ได้หรือไม่.
     โสณทัณฑพราหมณ์ตอบว่า ตัดข้อมีผิวพรรณดีออก.
     ตรัสถามว่า ถ้าลดลงเสียอีก ๑ เหลือ ๓ จะลดอะไร
     โสณทัณฑพรามหณ์ ลดข้อท่องจำมนต์.
     ตรัสถามว่า ถ้าลดลงเสียอีก ๑ เหลือ ๒ จะลดอะไร
     โสณทัณฑพราหมณ์ ลดข้อที่เกี่ยวกับชาติ คือ กำเนิดจากมารดาบิดาเป็ณพราหมณ์.
     พอลดข้อนี้ พวกพราหมณ์ที่มาด้วย ก็ช่วยกันของร้องว่า อย่ากล่าวอย่างนั้น
     เพราะเป็นการกล่าวกระทบผิวพรรณ กระทบมนต์ กระทบชาติ จะเสียทีแก่พระสมณโคดม.


     โสณทัณฑพราหมณ์ก็โต้ตอบว่า หลานของตน คือ อังคกะมาณพที่นั่งอยู่ในที่ประชุมนี้
     มีผิวพรรณดี ท่องจำมนต์ได้ดี เกิดดีจากมารดาบิดามารดาทั้งสองฝ่าย
     ซึ่งเป็นพราหมณ์สืบต่อมา ๗ ชั่วบรรพบุรุษ แต่ก็ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ ดื่มน้ำเมา.   
     ผิวพรรณ มนต์ ชาติ จะทำอะไรได้.

     เมื่อใดพราหมณ์เป็นศีล มีปัญญา รวม ๒ คุณสมบัตินี้
     จึงควร "บัญญัติว่าเป็นพราหมณ์" และควรเรียกตัวเองว่า "เป็นพราหมณ์."


     พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ถ้าลดเสีย ๑ เหลือ ๑  พอจะกำหนดคุณสมบัติของผู้ควรเป็นพราหมณ์ได้หรือไม่.
    โสณทัณฑพราหมณ์กราบทูลว่า ลดไม่ได้ เพราะศีลชำระปัญญา ปัญญาชำระศีล
    ในที่ใดมีศีลในที่นั้นมีปัญญา ในที่ใดมีปัญญาในที่นั้นมีศีล
    ศีลกับปัญญากล่าวได้ว่าเป็นยอดในโลก เปรียบเหมือนใช้มือล้างมือใช้เท้าล้างเท้า
    ศีลกับปัญญาก็ชำระกันและกันฉันนั้น.


    พระผู้มีพระภาคตรัส "รับรองภาษิตของโสณทัณฑพราหมณ์ว่า..ถูกต้อง" และตรัสถามต่อไปว่า
    ศีลเป็นอย่างไร ? ปัญญาเป็นอย่างไร ? โสณทัณฑพราหมณ์จึงกราบทูลให้พระผู้มีพระภาคตรัสอธิบาย.



    พระผู้มีพระภาคจึงตรัสถึงการที่บุคคลเลื่อมใสในพระองค์ ออกบวชประพฤติพรหมจรรย์
    ตั้งอยู่ในศีล ๓ ชั้น (ดั่งในสามัญญผลสูตร) บำเพ็ญสมาธิจนได้บรรลุฌานที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔
    และได้วิชา ๘ มีวิปัสสนาญาณ เป็นต้น มีอาสวักขยญาณเป็นที่สุด (ดั่งได้กล่าวไว้แล้วในสามัญญผลสูตร)
    เป็นอันตรัสอธิบายถึงศีลและอธิบายถึงปัญญา (รอบยอดที่ปัญญาอันทำให้สิ้นอาสวะคือกิเลสที่หมักดองในสันดาน).
    ......ฯลฯ...........
 
หมายเหตุ : พระสูตรนี้แสดงว่าโสณทัณฑพราหมณ์ยอมตัดความสำคัญเรื่องผิวพรรณ เรื่องมนต์เรื่องชาตกำเนิดพราหมณ์ทิ้ง ให้เหลือแต่ศีลกับปัญญา ก็ทำให้คนเป็นพราหมณ์ได้ อันเข้ากับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา พระผู้มีพระภาคจึงประทานสาธุการรับรองภาษิตของพราหมณ์นั้น.

ศาสตราจารย์ ริดส์เดวิดส์ เห็นว่า แม้ทางพระพุทธศาสนาจะเสนอหลักการแบบนี้ ก็ทำการเลิกล้มความคิดเห็นของพราหมณ์ไม่สำเร็จ พราหมณ์ยังคงถือชาติเป็นสำคัญตลอดมา
     แต่ผู้เขียนเห็นว่า พระพุทธเจ้ามิได้ทรงแทรกแซงความเชื่อถือของพราหมณ์ ใครจะถือก็ถือไป
     แต่หลักธรรมมีอยู่อย่างนี้ ก็ทรงแสดงให้ฟัง ผลที่ปรากฏก็มีอยู่คือ พราหมณ์ที่เข้ามานับถือพระพุทธศาสนามิใช่น้อย พากันถือตามหลักธรรมพระพุทธศาสนา
     เข้าทำนองว่า เมื่อเราไม่สามารถจะเกี่ยวหญ้ามุ่งทุ่งทั้งทุ่งได้
     อย่างน้อยเอามามุงหลังคาเฉพาะของเราเอง ก็ยังดีกว่าตากแดดตากฝนไปตามคนอื่น

     ยิ่งในสมัยนี้ รัฐธรรมนูญอินเดียไม่ยอมรับรองสิทธิพิเศษของชาติชั้นวรรณะ
     ผู้นำอินเดียพากันสดุดีหลักธรรมเรื่องนี้ของพระพุทธเจ้า ก็ยิ่งเห็นกันขึ้นว่า หลักธรรมนี้เป็นประเสริฐอย่างไร.


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prasuttanta/1.2.html
http://www.bloggang.com/,http://phram.net/,http://download.buddha-thushaveiheard.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ในพระสูตร คำเดียวกัน แต่คนละความหมาย มีมาก ต้องไปดูที่เชิงอรรถ ขยายความว่าอย่างไร แนะนำให้อ่านของมหาจุฬา มีเชิงอรรถ ขยายความไว้มาก อ่านแล้วทำให้เข้าใจได้ดี จุดประสงค์ของการกล่าวความไม่ผิดเพี้ยน ส่วนตัวที่ได้อ่านเ้จอมา มีความอีกนัยหนึ่งว่า อริยะ ต้องลอง อ่านดูให้มากหลายๆ พระสูตร จะเห็นความ ต่าง กัน ของในแต่ละพระสูตร
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

ภาพจาก http://www.rmutphysics.com/


พราหมณ์ คนวรรณะหนึ่งใน ๔ วรรณะ คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร;
                    พราหมณ์เป็นวรรณะนักบวชและเป็นเจ้าพิธี ถือตนว่าเป็นวรรณะสูงสุด เกิดจากปากพระพรหม

       
สมณพราหมณ์ สมณะและพราหมณ์
(เคยมีการสันนิษฐานว่า อาจแปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า พราหมณ์ผู้เป็นสมณะหรือพราหมณ์ผู้ถือบวช แต่หลักฐานไม่เอื้อ)

__________________________________________________
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)


ภาพจาก http://www.dmc.tv/

     
     ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ เพราะว่า บรรดาวรรณะทั้งสี่เหล่านั้น
     ผู้ใดเป็นภิกษุสิ้นกิเลสและอาสวะแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว มีกิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว ได้วางภาระเสียแล้ว ลุถึงประโยชน์ของตนแล้ว สิ้นเครื่องเกาะเกี่ยวในภพแล้ว หลุดพ้นไปแล้วเพราะรู้โดยชอบ
     ผู้นั้นปรากฏว่าเป็นผู้เลิศกว่าคนทั้งหลายโดยชอบธรรมแท้ มิได้ปรากฏโดยไม่ชอบธรรมเลย
     ด้วยว่าธรรมเป็นของประเสริฐที่สุดในหมู่ชน ทั้งในเวลาที่เห็นอยู่ ทั้งในเวลาภายหน้า
     ......ฯลฯ.........


     [๕๕] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสต่อไปว่า
     ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะเธอทั้งสองคนมีชาติก็ต่างกัน มีชื่อก็เพี้ยนกัน มีโคตรก็แผกกัน มีตระกูลก็ผิดกันพากันทิ้งเหย้าเรือนเสีย มาบวชเป็นบรรพชิต
     เมื่อจะมีผู้ถามว่า ท่านทั้งสองนี้เป็นพวกไหน เธอทั้งสองพึงตอบเขาว่า
     ข้าพเจ้าทั้งสองเป็นพวกพระสมณศากยบุตรดังนี้เถิด


     ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ก็ผู้ใดแล มีศรัทธาตั้งมั่นเกิดขึ้นแล้วแต่รากแก้วคืออริยมรรค ประดิษฐานมั่นคง อันสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหมหรือผู้ใดผู้หนึ่งในโลก ไม่พรากไปได้ ควรเรียกผู้นั้นว่า
     เป็นบุตรเกิดแต่พระอุระเกิดแต่พระโอฐของพระผู้มีพระภาค
     เป็นผู้เกิดแต่พระธรรม เป็นผู้ที่พระธรรมเนรมิตขึ้น เป็นผู้รับมรดกพระธรรม
     ข้อนั้นเพราะเหตุไร
     เพราะคำว่า "ธรรมกาย"ก็ดี ว่า"พรหมกาย"ก็ดี ว่า"ธรรมภูต"ก็ดี ว่า"พรหมภูต"ก็ดี เป็นชื่อของตถาคต


__________________________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ๔. อัคคัญญสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=1703&Z=2129
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ศาสนาฮินดู จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ศาสนาฮินดู (อังกฤษ: Hinduism) เป็นศาสนาแบบพหุเทวนิยมที่พัฒนาการต่อมาจากศาสนาพราหมณ์ จึงมักเรียกรวมกันว่าศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าใครเป็นศาสดา มีคัมภีร์ศาสนาเรียกว่าพระเวท มีศาสนิกชนมากเป็นอันดับที่ 4 ของโลก มีจำนวนประมาณ 900 ล้านคน

ประวัติ
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในตอนแรกเริ่มเรียกตัวเองว่า ”พราหมณ์” ต่อมาศาสนาได้เสื่อมความนิยมลงระยะหนึ่งเนื่องจากอิทธิพลของศาสนาพุทธ จนมาในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 ศังกราจารย์ได้ปฏิรูปศาสนาโดยแต่งคัมภีร์ปุราณะลดความสำคัญของศาสนาพุทธ และนำหลักปฏิบัติรวมทั้งหลักธรรมของศาสนาพุทธบางส่วนมาใช้และฟื้นฟูปรับปรุงศาสนาพราหมณ์เป็นให้เป็นศาสนาฮินดู

โดยคำว่า “ฮินดู” เป็นคำที่ใช้เรียกชาวอารยันที่อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในลุ่มแม่น้ำสินธุ และเป็นคำที่ใช้เรียกลูกผสมของชาวอารยันกับชาวพื้นเมืองในชมพูทวีป และชนพื้นเมืองนี้ได้พัฒนาศาสนาพราหมณ์โดยการเพิ่มเติมเทพเจ้าท้องถิ่นดั้งเดิมลงไป

เนื่องจากเวลานั้นสังคมอินเดีย แตกแยกอย่างมากเนื่องจากอิทธิพลของพุทธศาสนาในประเทศอินเดียที่มีลักษณะเป็นกึ่งพหุเทวนิยม คือนิยมนับถือเทวดา ทำให้ทางตอนเหนือนับถือพระศิวะซึ่งเป็นเทพแห่งภูเขาหิมาลัย ทางตอนใต้ชาวประมงนับถือวิษณุซึ่งเป็นเทพที่ให้ฝนและพายุ ชาวป่านับถือพระนิรุทธ และตอนกลางนับถือพระพิฆเนตร

คนอินเดียเวลานั้นเริ่มไม่นับถือศาสนาพราหมณ์เป็นจำนวนมากขึ้น เมื่อต้องการรวมชาติ เมื่อครั้งขับไล่ราชวงศ์โมกุลของอิสลามที่เข้ามายึดครองและสั่งเข่นฆ่าพระสงฆ์คัมภีร์และวัดในพระพุทธศาสนาจนแทบสูญสิ้นไปจากอินเดีย จึงรวมเทพเจ้าแต่ละท้องถิ่นต่างๆมารวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับศาสนาพราหมณ์ แลัวเรียกศาสนาของใหม่นี้ว่า “ศาสนาฮินดู” เพราะฉะนั้นศาสนาพราหมณ์จึงมีอีก ชื่อในศาสนาใหม่ว่า “ฮินดู” จนถึงปัจจุบันนี้

    พระพุทธศาสนาก็เกิดขึ้นท่ามกลางสังคมพราหมณ์
    แม้แต่พระพุทธเจ้า และพุทธสาวกสมัยแรกๆ ก็เคยนับถือศาสนาพราหมณ์
    หรือเคยเกี่ยวข้องกับวรรณะพราหมณ์มาก่อน

    และในนิทานชาดก และเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาพุทธและพระพุทธเจ้า ก็มักจะมีพราหมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง
    จึงกล่าวได้ว่า ศาสนาพุทธและพราหมณ์ จึงมีอิทธิพลต่อกันและกัน

ในศาสนาพราหมณ์  คำว่า พราหมณ์ หมายถึง คนในวรรณะที่สูงที่สุดของสังคมอินเดีย มีหน้าที่สอนความรู้เกี่ยวกับพระเวทและทำหน้าที่ติดต่อเทพเจ้า ผู้ที่เป็นพราหมณ์เป็นโดยกำเนิด คือบุตรของพราหมณ์ก็จะมีสถานภาพเป็นพราหมณ์ด้วย





แนวคิดคำสอน
ศิวลึงค์เป็นความคิดที่พราหมณ์ในสมัยก่อนคิดกันขึ้นมาเพื่อแสดงเป็นสัญลักษณ์ มิใช่ความปรารถนาของพระศิวะที่จะให้พราหมณ์นับถือศิวลึงค์ หรือโยนีสำหรับลัทธิศักติ การบูชาพระศิวะสามารถทำได้ด้วยการกระทำความดีเพื่อถวายแก่พระศิวะ

ผู้ที่ปรารถนาที่จะกลับเข้าสู่ความเป็นอาตมันหรือตรัสรู้สามารถทำได้โดยการทำสมาธิ และให้คิดว่าร่างกายนี้เราก็ละในที่สุดก็จะตรัสรู้และมีแสงเป็นจุดกลมๆเป็นฝอยๆสีขาวคล้ายน้ำหมึก ขนาดประมาณ 3 มิลลิเมตรบางอันก็เล็กกว่า และมีแสงเป็นรูปคล้ายดาวกระจายขนาดประมาณครึ่งนิ้ว แสงที่เห็นจะมีน้ำหนัก มีลักษณะเป็นก้อน เมื่อกระทบวัตถุสามารถเด้งกลับได้ การตรัสรู้ของศาสนาพราหมณ์คือ "การรู้ว่ากายนี้ไม่ใช่ของเรา"


ที่มา th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาฮินดู


เทวดา ตั้งแต่ ชั้น จาตุมหาราชิก จน ถึงพรหมสูงสุด จัดเป็นพราหมณ์ หรือ เป็นพุทธ

  คือไม่ทราบว่า ควรเรียกว่า พราหมณ์ หรือ เรียกว่า พุทธ
 
 เพราะอ่านไปหลาย ๆ พระสูตรบางครั้ง พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสเรียก พระอรหันต์ว่า พราหมณ์ บางครั้งก็ เรียก
พรหมกาย อย่างนี้ แท้ที่จริง เทวดาทั้งหมดเหล่านี้เป็น พราหมณ์ หรือ เป็นพุทธ ครับ
     
       หากจำกัดความหมายของคำว่า พราหมณ์ อยู่ที่เป็นชื่อของวรรณะ และบัญญัติให้คุณสมบัติของพราหมณ์ มีตามพระสูตรที่แสดงแล้วนั้น
       พราหมณ์มีทั้งศีลและปัญญา ศีลและปัญญาเหล่านี้จะนำพราหมณ์ไปสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้นได้
       ส่วนพรหมโลกนั้น เป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์โดยตรง เมื่อได้ฌาณก็ไปสู่พรหมโลกได้
       ยกเว้นชั้นสุทธาวาส เพราะชั้นนี้ เป็นชั้นนี้ต้องเป็นคนที่ทำตามคำสอนของพุทธศาสนาเท่านั้น
       หากคนที่มีวรรณะพราหมณ์ หันมาทำตามคำสอนของพุทธแล้วก็สามารถไปสู่สุทธาวาสได้เช่นกัน


       ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพราหมณ์หรือพุทธ หากปรารถนาไปสู่ภพภูมิใด แม้กระทั่งนิพพาน
       หากสร้างเหตุปัจจัยได้เหมาะสมและถูกต้องแล้ว ก็สามารถไปสู่ภพนั้นๆได้ ไม่ว่าจะเกิดในวรรณะใดก็ตาม


       ส่วนเรื่องพรหมกายนั้น ขอให้เข้าใจเพียงแต่ว่า เป็นชื่อของพระพุทธเจ้าเท่านั้น อย่าไปใช้ในความหมายอื่น

       ขอให้อ่านบทความต่างๆให้เข้าใจนะครับ ผมจะไม่อธิบายอะไรให้มากความ ไม่เข้าใจอะไรก็ถามได้
       ขอคุยเป็นเพื่อนเท่านี้

        :25:
       
       
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
อย่างในบทกรณียเมตตาสูตร
ก็มีที่ว่า
    ติฎฐัญจะรัง นิสินโน วา       สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
    เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ       พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ

หรืออย่างใน บทสวดโมระปริตตัง
ที่ว่า
    เย  พราหมะณา  เวทะคุ  สัพพะธัมเม

ในที่นี้จะแปลว่าอะไร นี้เป็นตัวอย่าง
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา