ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - แพนด้า
หน้า: [1] 2
1  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อยากทราบความหมาย ของคำว่า ทิฏฐุชุกัมม์ เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 10:44:48 am
ฟ้ังพระอาจารย์บรรยายไปเมื่อสักครู่ และมีการกล่าวเรื่อง ทิฏฐุชุกัมม์ ที่ถูกยกมาพูดกล่าวมากที่สุด แต่พระอาจารย์ยังไม่ได้ความหมาย

   ทิฏฐุชุกัมม์ กับ สัมมาทิฏฐิ แตกต่างกันหรือไม่ครับ หรือเป็นเรื่องเดียวกัน ครับ

   thk56
2  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ภาพที่สร้างแรงบันดาลใจ และ กำลังใจ อีกภาพหนึ่ง เมื่อ: เมษายน 08, 2013, 09:26:45 am


ปล.จำได้ว่ารูปนี้ค้นเจอเมื่อปีที่แล้ว ไม่รู้เจ้าของภาพเป็นใคร(แต่ไม่ใช่ผมนะครับ) ผมก็เลยเก็บไว้ดูสร้างแรงบันดาลใจ จนมาถึงช่วงนี้เห็นพี่ๆรับปริญญาก็เลยหวนคิดถึงรูปนี้แล้วโพสออกไป โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าเป็นรูปผมนะครับ ผมกำลังเรียนอยู่ครับ ขอแสดงความยินดีกับพี่ๆบุณฑิตทุกท่านนะครับ (ModX)^__^

Teerasak Nantasan
3  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เพราะจริงใจจึงไม่เรียกร้อง.... เมื่อ: เมษายน 08, 2013, 09:22:51 am
เพราะจริงใจจึงไม่เรียกร้อง....
" ในบางครั้งเราจะสังเกตว่าคนที่มีความจริงใจ หรือเป็นกัลยาณมิตรที่แท้จริงกับเรานั้น เขาไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากเราเลย ไม่ว่าจะทำสิ่งที่ดีๆ กับเราอย่างไร และการที่เขาไม่เรียกร้องอะไรนี้เอง ทำให้บางที่เราก็ขาดความเอาใส่ใจกับเขาเหมือนกัน ลองหันกลับมาดูแลซึ่งกันและกัน เพื่อไม่ให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ความหมาย.."


วัดยางราก โคกเจริญ ลพบุรี
4  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เมื่อเราปฏิบัติ กรรมฐาน ภาวนาไป แล้ว รู้สึกว่า ใจหยุด กายหยุด และอยู่นิ่ง ๆ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2013, 10:09:53 am
 ask1

เมื่อเราปฏิบัติ กรรมฐาน ภาวนาไป แล้ว รู้สึกว่า ใจหยุด กายหยุด และอยู่นิ่ง ๆ
  อาการอย่างนี้เรีัยกว่า วิมุตติ ใช่หรือไม่ครับ
  ถ้าใช่ก็หมายถึง ให้เราทรงอารมณ์ เช่นนี้ไว้ให้ได้ นาน ๆ ใช่หรือ ไม่ครับ

  st11 ที่ตอบคำถาม ให้ครับ



5  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / อยากทราบว่า ท่านเลือกจะเป็นคนดี หรือ ว่าเราเลือกความดีเพราะจำเป็น เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2013, 01:18:06 pm
อยากทราบความเห็นเพื่อน ๆ ชาวธรรม ว่า ท่านเลือกจะเป็นคนดี หรือ ว่าเราเลือกความดีเพราะจำเป็น

  อาจจะตั้งคำถามดูแล้ววกวน แต่ ผมเองก็เฝ้ามองตัวผมเช่นกัน

  ว่าวันนี้ดีผมเลือกเป็นคนดี เพราะผมอยากเป็นคนดี หรือ ว่าจำเป็นต้องเป็นคนดี

  สืบเนื่อง ผมเห็นเขามีแฟนสวย ๆ ผมเองก็คือ อยากจะเป็นแฟนกับเขา แต่เพราะผมมีความจำเป็นที่ ทำไม่ได้ก็เลยเลือกไม่ล่่วงละเมิด ผิดศีล อย่างนี้

  และอีกหลายเหตุการณ์ จนรู้สึกว่า วันนี้เราเป็นคนดี เพราะต้องเป็นคนดี หรือ เป็นคนดี เพราะมีความจำเป็น

   thk56
6  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ขอทราบผลเสีย การสอนธรรมะ กับคนที่ไม่สนใจธรรมะ ด้วยครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2013, 07:07:42 am
คือ ผม อยู่ในหมู่ ที่คนไม่สนใจธรรมะ ก็เลยกลายเป็นว่า ผมเป็นคนที่คุยธรรมะ มาก ๆ จนคิดว่า มันมีผลเสียเกิดขึ้น คือ เหมือนเราทำให้สังคมหมู่เพื่อน รังเกียจตัวเรา

   อันนีี้ใช่เป็นข้อเสีย หรือ ไม่ครับ เพื่อน ๆ โปรดแชร์ประสบการณ์ กันด้วยครับ ว่า เราจะชักชวนเพื่อน ๆ ที่ไม่สนใจธรรมะ ให้สนใจในพระธรรมกันบ้าง โดยไม่มีผลเสียเกิดเขึ้นครับ

   thk56 st11 st12
7  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / พิธีสวดมงคลจักรวาฬใหญ่ 2609 จบ ต่อเนื่อง ที่วัดตรีวิสุทธิธรรม 19-23 ธ.ค.55 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2012, 06:55:48 pm


พิธีสวดมงคลจักรวาฬใหญ่ 2609 จบ ต่อเนื่อง ที่วัดตรีวิสุทธิธรรม สวดด้วยความเมตตา ด้วยใจที่ปรารถนาดีต่อโลกและจักรวาล และต่อสรรพสัตว์เพื่อนร่วมทุกข์ทั้งหลาย  เพิ่งเคยมี หนนี้หนเดียว


หลวงพ่อบอกว่า "อนาคต มีไว้ทำใจ  ปัจจุบัน มีไว้ให้ ใส่ใจ"  ทำอะไรไม่ได้ก็ชวนกันสวดมนต์ก็แล้วกันค่ะ


ไม่มาวัดก็สวดเองที่บ้านได้

กลัวภัยพิบัติ ก็มาสวดได้

ไม่กลัวภัยพิบัติ ก็มาสวดได้



เรามันเป็นคนหมดที่พึ่งซะแล้ว...เหลือพึ่งได้สิ่งเดียว แต่มีองค์สาม..


ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้า เป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า
ด้วยการกล่าวสัจจะวาจานี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน

ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระธรรม เป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า
ด้วยการกล่าวสัจจะวาจานี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน

ที่พึ่งอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระสงฆ์ เป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า
ด้วยการกล่าวสัจจะวาจานี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน

จากคุณ    : chaosy
8  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เตือนภัยพิบัติ 3 มกราคม 56 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2012, 06:50:22 pm
3 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นเวลารวม 42 วัน อาจจะไม่มีการเดินทางด้วยยานพาหนะทุกชนิด และ อาจไม่มีการทำงาน และ ไม่มีการประกอบอาชีพใดๆบนโลกใบนี้ก็อาจเป็นได้ หากทุกคนไม่สามารถยืนทรงตัว และ ไม่สามารถเดินได้ด้วยสองขาของตนในช่วงเวลาดังกล่าว

พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นพระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากรรมฐานที่สำคัญในยุคปัจจุบันท่านหนึ่ง ในสายสมาธิหมุน (หมุนพระธรรมจักร) ท่านศึกษารายละเอียดเชิงลึกจากสาส์นของชาวมายัน และจารึกโบราณจากสโตนเฮ้นจ์ ที่ประเทศอังกฤษ และ ทำกรรมฐานเชิงลึกขั้นถอดจิตออกจากกายได้ โดยให้ลูกศิษย์ทำการตรวจสอบ เป็นข้อมูลคู่ขนาน คือ พระชัยวัฒน์ พนมยงค์ หลานฯพณฯ ปรีดี พนมยงค์ และ ดร.สรัญฯ อาจารย์คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า ได้ข้อมูลตรงกัน

เนื่องจากข้าพเจ้า นายมงคล กริชติทายาวุธ ซึ่งได้เข้ารับการอบรมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เป็นครั้งแรกจากพระอาจารย์รัตน์ฯ และ พระอาจารย์รัตน์ฯ แจ้งว่า การอบรมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในครั้งนี้ จะเป็นการจัดอบรมเป็นครั้งสุดท้ายของปี 2555 ในระหว่างวันที่ 8-9 ธันวาคม 2555 ณ ห้องกาหลา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต โดยได้แจ้งให้ทราบว่าตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป ท่านจะกลับขึ้นเขาไปที่แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อทำกิจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่อไป ใครจะนินทาให้ร้ายอย่างไร จะเชื่อหรือไม่เชื่อในเรื่องที่ท่านนำมาเตือนภัยนี้ ก็สุดแต่จะพิจารณากันเอาเอง

ขออนุญาตเรียนย้ำว่า ท่านพระอาจารย์รัตน์ฯ ได้องค์ความรู้ฯ จากการศึกษาค้นคว้าในศาสตร์โบราณ และ จารึกโบราณ ว่าด้วยการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ และ เสริมด้วยองค์ความรู้ฯ ที่ได้มาจากการศึกษาทาง “จิต” ที่สงบนิ่งได้องค์ฌาน เป็นญาณทัศนะ ถอดจิตออกจากกายไปรับรู้เรื่องราวในอดีต และ ทราบเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้พระอาจารย์รัตน์ฯ รู้ถึงเหตุและผล ของแต่ละปรากฏการณ์ ในความเชื่อมโยงของแต่ละเหตุการณ์ ได้ด้วยการใช้ แรงสืบต่อ หรือ แรงสันตติ สาวหาเหตุและผล ของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ สลาย ของสรรพสัตว์ ปรากฏการณ์ สุริยจักรวาล กาแลคซี่ และจักรวาล ฯลฯ

ทำให้ได้เห็นความจริงที่ผูกโยงเป็นเงื่อนไขว่า เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนั้นย่อมมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนั้นจึงเกิด เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนั้นย่อมไม่มี เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนั้นจึงดับไป ซึ่งเป็นความรู้ที่ไม่ได้เกิดมาจากการทำงานของสมองและใจ ตามปกติที่สามัญชนกระทำกัน จึง
ไม่ใช่การพยากรณ์ มิใช่การทำนาย แต่เป็นการบอกแจ้งให้ทราบว่า หรือ เพียงแจ้งให้ท่านทราบว่า ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้ว อะไรจะเกิดตามมาในลำดับต่อไป

ตามเงื่อนไขที่ผูกโยงไว้อย่างเป็นเหตุและผลต่อกัน ส่วนท่านใดจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น หาใช่สิ่งสำคัญไม่ เพียงแต่ว่า หากมีปัจจัยนี้เกิดขึ้นแล้ว พระอาจารย์รัตน์ฯท่านจึงออกมาเตือนให้ทราบว่า จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นต่อไป เพื่อให้การช่วยเหลือมนุษยชาติให้ได้มากที่สุด

ในส่วนของการได้เรียนรู้ เกี่ยวกับการทำวิปัสสนา การตรวจหาสิ่งที่มีชีวิต สิ่งที่ไร้ชีวิต และ การรักษาโรคนั้น ขออนุญาตไม่กล่าวถึงในวันนี้ แต่ขอกล่าวถึงในส่วนที่ท่านพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้มาเตือนเรื่องภัยพิบัติใหญ่ที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ โดยสรุปดังนี้

“ในระหว่างวันที่ 3 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นเวลารวม 42 วัน จะไม่มีการเดินทางด้วยยานพาหนะใดๆทุกชนิดในโลก ไม่ว่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยานถีบด้วยเท้า ไม่มีเรือบิน หรือ การเดินทางในทางน้ำ ระบบการสื่อสารคมนาคมล่มในทุกระบบ และ ผู้คนทั้งหลายจะไม่สามารถเดินทางไปทำงานในสถานที่ต่างๆได้ แม้จะเป็น Home office ก็ลุกจากที่นอนมาทำงานไม่ได้ หมายความว่า ในช่วงเวลา 42 วันดังกล่าว จะไม่มีการประกอบอาชีพใดๆบนโลกใบนี้ เป็นช่วงที่ไม่มีโจรขโมย เพราะ ทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้ ไม่สามารถยืนทรงตัวได้ และ ไม่สามารถเดินได้ด้วยสองขาของตนในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากถูกพลังงานอันมหาศาลกดทับร่างของทุกคนบนโลก ไม่ให้ทรงตัวยืนได้ ต้องล้มลงนอนทุกคน จะกินอาหาร จะดื่มน้ำ ก็จะต้องนอนกินนอนดื่ม รวมทั้งนอนขับถ่ายด้วย”
ทั้งนี้ ท่านแจ้งว่ามีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่นั่นเอง

เพราะทุกๆรอบ 13,000 ปี สุริยจักรวาล กาแลคซี่ทางช้างเผือก และ กาแลคซี่ไตรแองกุลัม จะโคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน ซึ่งจะมีผลให้ โลก และสุริยจักรวาล จะเปลี่ยนเข้าสู่แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม ทางทิศตะวันออก

เดิมนั้น พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้เปิดสอนหลักวิปัสสนากรรมฐาน โดยการเคลื่อนที่ของจิต ด้วยอุบายหลัก 2 วิธี คือ การเจริญสติ เพื่อฝึกจิตให้เห็น การเกิด – ดับ ของการกระทบที่เกิดขึ้น เป็นปัจจุบันขณะ และ

อุบายของการหมุนธรรมจักร เพื่อฝึกจิตไม่ให้ติดในการกระทบที่เกิดขึ้นทั้งสองส่วน คือ ที่อายตนะภายนอก และ อายตนะภายใน อีกทั้งยังได้ประยุกต์ หลักการเคลื่อนที่ของจิต มาเป็นการเคลื่อนที่ของพลังจิต ของพลังงาน โดยใช้ศาสตร์พีระมิด ของชาวแอตแลนตีส เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้าง ฟื้นฟู บำบัด รักษาร่างกายด้วยตนเองให้แก่ผู้สนใจมานาน


พระอาจารย์ฯ ท่านว่า เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับโลกของเราในเร็วๆนี้นั้น แท้ที่จริงแล้ว กล่าวได้ว่า เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา และ ไม่เลื่อนเวลาอีกแล้ว

เพราะโลกของเราเคยเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มาแล้ว นับครั้งไม่ถ้วน เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น ตามความรู้ที่ได้จาก สโตนเฮนจ์ (Stone Henge) ซึ่งบ่งชี้ว่า ทุกๆ 13,000 ปี จะมีการสลับเปลี่ยนขั้วของแรงดึงดูด ที่มีอิทธิพลต่อโลก สุริยจักรวาล เนื่องจากกาแลคซี่ ที่มีอิทธิพลต่อสุริยจักรวาลมีด้วยกันถึง 3 กาแลคซี่ ได้แก่

1. กาแลคซี่ทางช้างเผือก (Milky Way Galaxy) มีศูนย์กลางของแรงดึงดูดอยู่ทางทิศเหนือในปัจจุบัน โลก สุริยจักรวาล ตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่นี้

2. กาแลคซี่ไตรแองกุลัม (Triangulum Galaxy) มี ศูนย์กลางของแรงดึงดูดอยู่ทางทิศตะวันออก มีขนาดเล็กกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือก ในอนาคตโลก สุริยจักรวาล จะถูกดึงเข้าสู่แรงดึงดูดของกาแลคซี่นี้ ตามวาระการวนครบรอบอีกครั้ง

3. กาแลคซี่อันโดรเมดา (Andromeda Galaxy) เป็นกาแลคซี่ที่มีขนาดใหญ่มาก แผ่อิทธิพลควบคุมทั้ง 2 กาแลคซี่ ไม่ส่งผลกับโลกโดยตรง

ดังนั้น จึงพอสรุปได้ว่า ใน 1 รอบใหญ่ คือประมาณ 26,000 ปี ตามปฏิทินดาราศาสตร์ที่สโตนเฮนจ์ โลก สุริยจักรวาล จะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้าง เผือก 13,000 ปี และสลับไปอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม อีก 13,000 ปี

การประสบกับภัยพิบัติอย่างรุนแรง ถึงกับมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของพื้นผิวโลก นั่นคือ จะมีการเปลี่ยนพื้นที่ตั้งของภูเขา ไปเป็นมหาสมุทร จากป่าฝนไปเป็นทะเลทราย จากเขตร้อนกลายเป็นเขตหนาว ฯลฯ นอกเหนือจากเป็นการทำงานตามวาระของธรรมชาติแล้ว ยังมีองค์ประกอบที่ส่งผลร่วมอย่างร้ายแรง คือ การกระทำของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัยด้วย

เมื่อประมาณ 26,000 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงวาระที่โลก สุริยจักรวาล อยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม ที่สมบูรณ์ไปด้วยพลังงานที่ดี เช่น กระแสลมปราณ และ มโนธาตุ ส่งผลให้มหาอาณาจักรแอตแลนตีส เจริญสูงสุดในทุกด้าน

แต่จุดเสื่อมย่อมเพาะเชื้อก่อกำเนิดมาจากจุดสูงสุดเสมอ เมื่อคนเรามีความรู้มาก เก่งมาก จึงนำไปสู่การผลิตอาวุธสงครามที่ร้ายแรง เรียกว่า “อาวุธเส้นแสง”

เมื่อ อาวุธเส้นแสง ถูกนำมาใช้ในการทำสงคราม สิ่งที่เกิดตามมา คือ เกิดแรงอัดกระแทกอย่างมหาศาลลงสู่พื้นดิน พร้อมๆ กับการโคจรมาเรียงตัวเป็นเส้นตรงของ สุริยจักรวาล กาแลคซี่ทางช้างเผือก และกาแลคซี่ไตรแองกุลัม

ด้วยขนาดของกาแลคซี่ทางช้างเผือกที่ใหญ่กว่า จึงทำให้แกนขั้วโลกจากทิศตะวันออก พลิกเปลี่ยนชี้ไปทางทิศเหนือ มหาอาณาจักรแอตแลนตีส จึงจมลง เปลี่ยนสภาพจากแผ่นดิน กลายเป็นมหาสมุทรในชั่วข้ามคืน เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพ บนพื้นผิวโลกอย่างมโหฬารไปทั่วทุกส่วนของ โลก ตามอัตราส่วนของการมีพื้นน้ำ 3 ส่วน และพื้นดิน 1 ส่วน มนุษย์เสียชีวิตมากมายเหลือคณานับ เป็นการสิ้นสุดของยุคทองแห่งแอตแลนตีส

ชาวแอตแลนตีสกลุ่มหนึ่ง มี ผู้นำเป็นนักบวชที่มีพลังจิตสูง ได้ลงเรือเดินทางออกจาก มหาอาณาจักรแอตแลนตีส ก่อนจะเกิดเหตุภัยพิบัติอย่างรุนแรง ล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน ขึ้นฝั่งในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ประเทศอียิปต์ในปัจจุบันนี้ การถ่ายทอดอารยธรรมแอตแลนตีส จึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง สัญลักษณ์ สิ่งแรกที่ยิ่งใหญ่แสนมหัศจรรย์ที่นักบวชได้สร้างขึ้นด้วยพลังจิต และอาศัยความช่วยเหลือจากชาวดาวอังคาร คือ การสร้างสฟิงซ์ (Sphinx) ด้วย เทคนิคการใช้พลังจิต เปลี่ยนวัตถุเป็นพลังงานแสง และเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นวัตถุ เป็นรูปสิงโตหมอบ เหยียดขาหน้าทั้งคู่ไปด้านหน้า ลำตัวทอดยาวไปตามแนวทิศตะวันออก และทิศตะวันตก เพื่อเป็นสิ่งบ่งบอกว่า ในอนาคตข้างหน้า เมื่อถึงวาระครบ 13,000 ปีอีกครั้ง

ณ ที่ตั้งสฟิงซ์แห่งนี้ จะกลายเป็นตำแหน่งของขั้วโลกใหม่ และ ขั้วโลกจะชี้ไปทางทิศตะวันออก อยู่ในอิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม อีกครั้ง โดยใช้เวลารอบใหม่เป็นเวลานานอีกประมาณ 13,000 ปี

ชาวแอตแลนตีส มีความชำนาญในการใช้พลังพีระมิดอย่างหลากหลาย และได้ถ่ายทอดสู่ชาวอียิปต์จากรุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งอีกหลายพันปีต่อมา จึงได้มีมหาพีระมิดเกิดขึ้น

เชื้อสายชาวแอตแลนตีสรุ่นต่อๆมา มีการย้ายถิ่นฐาน สร้างเมือง สร้างประเทศใหม่ อารยธรรมแอตแลนตีสจึงกระจายออกไปหลายส่วนของโลก ที่รู้จักกันดี คือ ชนเผ่ามายา หรือ มายัน ผลงานชิ้นสำคัญของพวกเขา คือ การจัดวางเสาหิน แท่งหิน ขนาดมหึมาเป็นรูปวงกลมซ้อนกันอยู่ 3 วง เรียกว่า สโตนเฮนจ์ (Stone Henge) อยู่ที่เมือง ซาลเบอรี่ (Salisbury) ประเทศอังกฤษ มีเทคนิคการสร้างเหมือนกับการสร้างสฟิงซ์ คือ

การใช้พลังจิต เปลี่ยนวัตถุเป็นพลังงานแสงก่อน และ เมื่อนำไปจัดวางได้เรียบร้อยแล้ว จึงเปลี่ยนพลังงานแสง คืนกลับเป็นวัตถุอีกครั้ง

สโตนเฮนจ์ เป็นปฏิทินดาราศาสตร์ ใช้หลักคำนวณจากการโคจรของกาแลคซี่ ทั้ง 3 ใน 1 รอบ คือ 26,000 ปี โดยสามารถถอดรหัสได้ว่า ในช่วงระยะเวลา 26,000 ปี สุริยจักรวาล จะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก 13,000 ปี และ อีก 13,000 ปี จะสลับมาอยู่ในอิทธิพลของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม

ฉะนั้น การสร้างสโตนเฮนจ์ มีจุดมุ่งหมาย เพื่อเตือนภัยแก่ชาวโลก เมื่อถึงวาระของการสลับเปลี่ยนขั้วของแรงดึงดูดอีกครั้ง

การเกิดภัยพิบัติในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นความสัมพันธ์ เชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และอนาคต ระหว่างกาแลคซี่ทั้ง 3 กับสฟิงซ์ สโตนเฮนจ์ และ แกนพลังงานโลก โดยมีทั้งมนุษย์ และธรรมชาติเป็นพลังงานขับเคลื่อน

แกนพลังงานโลก เป็นแกนพลังงานที่ทอดยาวควบคู่ไปกับแกนสสาร ที่ปัจจุบันชี้ไปทางขั้วโลกเหนือและใต้ แกนพลังงานประกอบด้วยพลังงานสำคัญ 3 ประการ คือ

1. พลังงานแม่เหล็กโลก หรือ พลังงานแรงดึงดูดจากศูนย์กลางกาแลคซี่ทางช้างเผือก เป็นแรงร้อยรัดที่ดึงโลก ให้อยู่กับสุริยจักรวาล และ กาแลคซี่ ตามลำดับ เป็นพลังงานที่มีคุณสมบัติที่ร้อนและหนัก มีสีเข้ม คล้ายสีเทา เกือบดำ และอยู่นอกสุดของแกนพลังงาน

2. พลังงานกระแสลมปราณ มีสีออกเหลือง ออกส้ม เป็นพลังงานที่โลกเราได้รับมาจากดวงอาทิตย์ เป็นพลังงานที่ดี มีประโยชน์ เป็นเสมือนภูมิต้านทานร่างกาย ที่มนุษย์ทุกคนได้รับอย่างเท่าเทียมกัน โดยลมหายใจเข้า

3. พลังงานมโนธาตุ มีสีออกขาว อยู่ชั้นในสุดของแกนพลังงาน เป็นพลังงานดี ช่วยเสริมจิตใจให้มีคุณธรรม

เทคโนโลยี ที่เกิดจากการผลิตอุตสาหกรรมหนัก ทำให้เกิดสารตกค้าง CFC หรือ สาร คลอโรฟลูออโรคาร์บอน และยังไม่มีวิธีการใดที่สามารถทำลายสาร CFC นี้ได้สำเร็จ

สาร CFC มีคุณสมบัติ “เบา กว่าธาตุอื่นๆทุกชนิด” จึง สามารถแทรกเข้าไปทำลายแกนพลังงานโลก เริ่มขบวนการทำลายมาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2540-2544 จนกระทั่งแกนพลังงานโลกตัน ทำให้แรงร้อยรัด หรือ พลังงานแม่เหล็กโลก ที่ส่งออกมาจากกาแลคซี่ทุกวินาที ไม่สามารถไหลทะลุผ่านขั้วโลกเหนือ-ใต้ได้ พลังงานจึงแผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของโลก ทั้งพื้นน้ำ มหาสมุทร พื้นแผ่นดิน แผ่นหิน เปลือกโลก ร่างกายมนุษย์ สัตว์ และ พืช ฯลฯ

ความร้อนและหนัก จึงฝังตัวติดแน่น สะสมเป็นเชื้อร้ายแฝงอยู่ และเพิ่มอันตรายมากทวีคูณ เกินกว่าจะพรรณนาได้ กล่าวได้เพียงว่า
พลังงานแม่เหล็กโลก จากกาแลคซี่ทางช้างเผือกในปัจจุบัน คือ พลังงานสำคัญที่ทำลายมนุษย์ และเปลี่ยนโลกใบนี้ในอนาคต

ผู้คนที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ คือ ผู้ปล่อยยักษ์ใจร้ายตนนี้ออกมาเอง และหากสมมุติว่า จะเนื่องด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทำให้ภัยพิบัติจากการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ไม่เกิดขึ้น มนุษย์ สัตว์ และ พืช ทั้งหลาย ก็อาจถูกทำลายอย่างรุนแรง ด้วยพลังงานแม่เหล็กโลก และ พลังกระแสไฟฟ้าลบ อาจสิ้นชีวิตลงเกือบ 3 ใน 4 ส่วนของประชากรโลก ภายใน 14 กุมภาพันธ์ 2556 โดยประเทศไทย จะเป็นประเทศที่มีประชากรเหลือมากกว่าประเทศอื่นๆ และ พุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองสูงใน 2,500 ปีต่อจากนี้

พลังงานกระแสลมปราณ และ พลังมโนธาตุ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ได้ลอยสูงขึ้นๆ ไปอยู่ในบรรยากาศชั้นบนสูง เกินกว่ามนุษย์จะนำเข้าสู่ร่างกายได้ ด้วยลมหายใจ เข้า ดังนั้น ด้วยองค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จึงได้นำพลังพีระมิดมาใช้เพื่อช่วยมนุษยชาติในการแก้ปัญหาดังกล่าว

พลังงานกระแสแม่เหล็กขั้วลบ จากกาแล็กซี่ทางช้างเผือก และ พลังงานไฟฟ้าขั้วลบจากกาแล็กซี่อัลโดรมีด้า ได้แผ่กระจายเข้ามาในโลกอย่างรุนแรงหนาแน่นมาก ในทุกพื้นที่บนโลก โดยจะเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงของแผ่นเปลือกโลก จะเกิดการเคลื่อนที่สับเปลี่ยนของผืนแผ่นดิน แผ่นน้ำ จะเกิดลมพายุ จะเกิดน้ำท่วมใหญ่มากกว่าปรากฏการณ์ในปี 2554 หลายสิบเท่าตัว จะเกิดการหล่นกระจายของแผ่นฝ้าน้ำแข็ง เพดานโลกที่เกิดจากการสะสมของควันน้ำมัน บางก้อนมีน้ำหนักถึง 40 กิโลกรัม ฯลฯ

สิ่งที่จะยืนยันว่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นนั้น จะเริ่มเห็นชัดมากขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป ถ้า

1. การยืน หรือ เดินของตัวเรา ญาติพี่น้อง พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ลูกหลาน หากเริ่มปรากฏอาการโครงเคลงตอนลุกขึ้นยืน หรือ ในเวลาเดิน หรือ มีอาการสะดุดคล้ายตกหลุมอากาศ ภูมิต้านทานโรคลดต่ำลง มีอาการป่วยง่าย มีอาการอ่อนเพลียมาก และ/หรือ

2. มีแผ่นดินไหวในสถานที่ต่างๆมากขึ้น ถี่ขึ้น และ/หรือ

3. มีภูเขาไฟระเบิดในสถานที่ต่างๆมากขึ้น ถี่ขึ้น และ/หรือ

4. มีแผ่นดินยุบตัวลงในสถานที่ต่างๆมากขึ้น ถี่ขึ้น และ/หรือ

5. ระบบนำร่องของเรือเดินทะเลมีปัญหา เกิดอุบัติเหตุทางเรือในสถานที่ต่างๆ ถี่ขึ้น และ/หรือ

6. ระบบนำร่องของเครื่องบินมีปัญหา ทำให้เกิดเครื่องบินตก เครื่องบินชนกัน ในสถานที่ต่างๆถี่ขึ้น และ/หรือ

7. ระบบสื่อสารคมนาคมมีปัญหา ไม่ว่าทีวี โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ท ไอแผ็ด ไอโฟน หรือ ระบบไฟฟ้าสายเมนใต้น้ำ ใต้ดินระเบิด จะมีการขัดข้องบ่อย สะดุดบ่อย สายหลุดบ่อยกว่าที่เคยปรากฏ โดยปรากฏในสถานที่ต่างๆ ถี่ขึ้น และ/หรือ

8. ระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียมทั่วโลกมีปัญหา

หากมีเหตุต่างๆหลายประการเกิดขึ้น และต่อมา ในช่วงตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป ถ้า มีแรงดันที่ท้องของแต่ละคนมากขึ้น จนรู้สึกอยากโค้งตัวลง หรือ งอตัวลง จึงจะรู้สึกสบาย คือ เกิดสภาวะการยืดตัวตรงลำบาก ซึ่งจะเห็นได้จากคนอื่นๆ และ ตัวของเราเอง มีการหายใจติดขัด ไม่คล่องจมูกมากขึ้น และ สิ่งบอกเหตุ 8 ประการก็มีมากขึ้น ท่านทั้งหลายที่อยู่ในเขตภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และ ภาคตะวันตก ขอให้ท่านรีบเดินทางไปหาที่พักในเขตภาคเหนือ และ ภาคอิสาณโดยเร็ว น่าจะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ที่ท่านอยู่อาศัยในปัจจุบันโดยเร็ว (ชายทะเลใหม่อาจไปอยู่ที่สระบุรี ลพบุรี และ นครสวรรค์ สำหรับพื้นที่ภาคกลาง จะมีปริมาณน้ำท่วมสูงกว่าปี 2554 ได้)

นั่นคือ จะมีการเปลี่ยนสัณฐานของโลกครั้งใหญ่ พื้นดินในเขตภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และ ภาคตะวันตกนั้น อาจยุบจมหายไปได้

ความรุนแรงมากที่สุด น่าจะเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 3 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นเวลารวม 42 วัน ที่อาจไม่มีการทำงาน และ ไม่มีการประกอบอาชีพใดๆได้ นั่นคือ จะไม่มีการเดินทางด้วยยานพาหนะทุกชนิด หากอยู่ระหว่างการเดินทาง ต้องหยุดการเดินทางทั้งหมด เพราะพลังงานของกระแสแม่เหล็กโลก และ พลังงานกระแสไฟฟ้าลบ เข้ามาในโลกอย่างรุนแรงหนาแน่น จนไม่เหลือช่องว่าง และ ทุกคนอาจไม่สามารถทรงตัวยืน เดิน ตามปกติได้ และ อาจต้องเคลื่อนไหวโดยการคลานสี่เท้า รวมทั้งต้องนอนตะแคงใบหน้ากินอาหาร หรือ กรอกน้ำใส่ปากในช่วง 42 วันดังกล่าวนี้ก็อาจเป็นได้

ก่อนหน้าวิกฤติช่วง 42 วันนี้ ท่านต้องรีบเตรียมสำรองอาหาร ที่รับประทานได้ง่ายที่สุด หากเป็นแคปซูลได้ยิ่งดี อาหารที่ไม่ต้องเสียเวลาปรุง ไม่ต้องสนใจในรสชาติ ขอให้ท้องอิ่ม เพื่อให้มีลมหายใจอยู่ให้รอด 42 วันที่ยืนเดินไม่ได้ ท่านต้องเตรียมอาหารและน้ำดื่มบนพื้นห้องนอน

อาหารที่ท่านต้องรีบเตรียมการโดยด่วน อาทิ อาหารที่ใช้รับประทานในอวกาศต่างๆ เช่น อาหารที่ผลิตใส่ในแคปซูลเม็ด หากหาไม่ได้ ก็ต้องเป็นประเภทนำใส่ปากรับประทานได้เลย เพราะช่วง 42 วันดังกล่าว จะไม่มีไฟฟ้าใช้ ผู้ที่อยู่คอนโดมิเนียมทั้งหลายจะเดือดร้อน อาหารแห้งที่ต้องเตรียมพร้อม เช่น สาหร่ายประเภทต่างๆ ไมโล โอวัลติน ถั่วต่างๆ เมล็ดทานตะวัน เม็ดมะม่วง ข้าวเม่า ข้าวตัง กล้วยอบแห้ง ผลไม้อบแห้ง ฯลฯ ต้องหาอาหารที่ไม่ต้องขับถ่ายมากมารับประทาน
น้ำดื่มสะอาดจำนวนมาก พร้อมหลอดดูด ต้องเตรียมไว้ให้มากพอ

ท่านต้องนอนกับพื้น และ มองหาที่พอคลานไปขับถ่ายได้ อย่าลืม จะทรงตัวยืนไม่ได้ในช่วงระหว่างวันที่ 3 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นเวลารวม 42 วัน สำหรับเรื่องอาบน้ำนั้น ไม่ต้องสนใจ

หลังจาก 14 กุมภาพันธ์ 2556 ไปแล้ว ในช่วง 7 วันแรก ไม่ควรออกมานอกบ้าน เพราะพลังงานในโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ยังปรับสมดุลไม่ได้ดี ร่างกายของมนุษย์อาจมีอันตราย

หลังจาก 21 กุมภาพันธ์ 2556 ไปแล้ว ต่อไปในประเทศไทยจะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-24 องศาเซลเชียส มีอุณหภูมิใกล้เคียงกับเกาหลี และ ญึ่ปุ่น ในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน 2556 ประเทศไทยจะมีอากาศเย็นสบาย พระอาจารย์รัตน์ฯ ให้ติดตามดูต่อไป

สำหรับผู้ที่อยู่ภาคอิสาณนั้น พื้นที่ริมฝั่งโขงทั้งหมด จะได้รับอันตรายจากเขื่อนใหญ่หลายแห่งในประเทศจีนแตก ภูเขาหิมาลัยจะทรุดตัวลง ปริมาณน้ำแข็งจะละลายเป็นปริมาณน้ำมหาศาล ย่อมท่วมเข้ามาในพื้นดินริมโขงทุกจังหวัดของไทย และ ลาว

ช้าที่สุด คือ ต้องอพยพออกจากพื้นที่ในเขตภาคใต้ ภาคกลาง(กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงครม ฯลฯ) ภาคตะวันออก และ ภาคตะวันตก โดยรีบเดินทางไปเข้าที่พักในเขตภาคเหนือ และ ภาคอิสาณก่อน 24 นาฬิกาของวันที่ 2 มกราคม 55 จะปลอดภัยมากกว่า

มนุษย์เรานั้น ประกอบด้วย จิตและกาย หากยังมีความคิดว่า “ชีวิตเป็นสิ่งมีค่า ควรรักษาไว้” จึงควรแสวงหาทางรอด ตามวิถีความเชื่อของแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการฝึกจิต ควรเข้าใจให้ชัดเจนว่า พลังงานแม่เหล็กโลกที่ไม่ได้อยู่ในแกนพลังงานโลก เป็นพลังงานกั้นบัง ฉุดรั้ง เป็นเสมือน ตัณหาที่ฉาบทาโลก ส่งผลให้การฝึกจิต ทำได้ยากยิ่งขึ้น หากโลกเราได้แกนพลังงานใหม่ เปลี่ยนเป็นขั้วโลกตะวันออก เป็นกาแลคซี่ใหม่ที่ สมบูรณ์ด้วยพลังงานกระแสลมปราณ พลังมโนธาตุ ซึ่งเหมาะแก่การฝึกจิตเป็นอย่างยิ่งในช่วงหลังจากปรากฏการณ์ครั้งสำคัญนี้แล้ว ในช่วงเวลานี้ พีระมิดแปดเหลี่ยมเท่านั้น ที่ช่วยพอประทังให้ประคับประคองความเป็นอยู่ได้บ้าง ด้วยการถอดจิต หรือ กายละเอียดไปพักนอกกาแล็คซี่ทั้งสาม ที่ขอบอนันตจักรวาล ซึ่งบรรดาศิษย์จำนวนหนึ่งของพระอาจารย์รัตน์ฯก็ต้องเร่งฝึกทุกวัน นับแต่วันนี้ (ที่ 9 ธันวา 55) เพื่อให้ทันภายใน 3 มกรา 56

ในที่สุด คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ ก็จะสำเร็จตามจิตประสงค์ มหาอาณาจักรแอตแลนตีส ที่เคยจมหายไปร่วม 13,000 ปี จะได้มีโอกาสโผล่ขึ้นมาอวดโฉมอีกครั้ง พื้นที่มหาสมุทรแอตแลนติค จะกลายเป็นพื้นดินขึ้นมาใหม่ ส่วนที่เคยเป็นพื้นดินในทวีปอเมริกา อัฟริกา ยุโรป และ เอเชียหลายส่วน จะกลายเป็นผืนน้ำที่ถาวรใน 13,000 ปีต่อจากนี้ไป

สิ่งเตือนใจ คือ อายุขัยของมนุษย์ และ สัตว์ นั้นแสนจะสั้น มีอายุได้อย่างมากเฉลี่ยแล้วประมาณ 100 ปีเป็นอย่างมาก หากยังดับกิเลสได้ไม่หมดสิ้น ท่านย่อมจุติ หรือ ตายไป แล้วไปปฏิสนธิ หรือ ไปเกิด หรือ อุบัติบังเกิดในภพภูมิต่างๆ เวียนว่ายตายเกิดต่างภพ ต่างภูมิ ตามผลกรรมของตน หรือ ผลของการกระทำที่เคยสร้างไว้ในครั้งยังมีชีวิตอยู่ และถ้าหากไม่เคยฝึกจิต คงไม่สามารถรู้ถึงเหตุและผล ของการตกอยู่ในสังสารวัฏ และการวนรอบของปรากฏการณ์ทุกอย่างได้ จึงมักจะเชื่อเฉพาะสิ่งที่รู้ได้ด้วยสมอง และ สัมผัสต่างๆด้วยตนเองเท่านั้น

ทั้งๆที่ความจริงที่มีอยู่ในโลกของเรานั้น ทุกคนเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ก็เชื่ออย่างสนิทใจว่ามี เช่น มีลม มีอากาศ มีคลื่นวิทยุ มีคลื่นโทรทัศน์ มีคลื่นโทรศัพท์ มีรังสีเอ็กซเรย์ มีรังสีแกรมม่า มีรังสีแอลฟ่า มีแสงอุลตราไวโอเล็ต ฯลฯ แต่ ถามจริงๆเถอะว่า มีใครมองเห็นสิ่งต่างๆตามตัวอย่างเหล่านี้บ้าง แม้จะมองไม่เห็น ทุกคนที่มีความรู้ ก็ย่อมเชื่ออย่างสนิทใจว่ามีอยู่จริง แต่ ในเรื่องพลังจิต กับถูกปฏิเสธว่า ไม่มีอยู่ จริง

เรื่องของจิต และ พลังจิตของแต่ละท่านนั้น เป็นเรื่องที่มีอยู่จริง แต่มีมากน้อยแตกต่างกันเท่านั้น ท่านที่ไม่เคยมีพลังจิต หรือ มีเพียงน้อยนิด โปรดอย่าปรามาส หรือ สบประมาทครูบาอาจารย์ที่ท่านมีพลังจิตที่เหนือกว่า เข้าทำนองว่า “ไม่เชื่อ ก็อย่าลบหลู่" แต่ ก็มิได้บังคับให้ท่านต้องเชื่ออย่างงมงาย

เพียงแต่เรื่องใดที่ท่านไม่มีฐานความรู้ หรือ ไม่มีองค์ความรู้ในเรื่องนั้นๆมาก่อน ก็อย่าด่วนปฏิเสธทันที หรือ ดูหมิ่นความรู้ของผู้อื่น ที่นำเรื่องราวมาบอกกล่าวตักเตือน โปรดทำการศึกษาและติดตาม ทดลองและลงมือปฏิบัติ สักวันหนึ่งในอนาคต ท่านอาจได้พบความจริง เพียงแต่ หากลังเล หรือ ล่าช้าในการลงมือปฏิบัติ ในวันที่ท่านยอมรับความจริงนั้น อาจเป็นวันสุดท้ายของชีวิตท่านก็ได้ เข้าทำนองว่า “ไม่เห็นโลงศพ ก็ไม่หลั่งน้ำตา”

ขอให้ท่าน และ ครอบครัวของท่าน มีสติในทุกสถานการณ์ มีความปลอดภัย รอดพ้นจากความทุกข์ยากลำบากในช่วง 42 วันดังกล่าว เพื่อจะได้มีชีวิตในยุคพลังงานใหม่ที่ดี ที่ผู้คนมีจิตใจที่ดีงาม มีศีลธรรมสูง และ ขั้วโลกได้เปลี่ยนเป็นขั้วตะวันออก-ตะวันตก แทนขั้วเหนือ-ใต้

***********************************************
ด้วยความปรารถนาดี จาก นายมงคล กริชติทายาวุธ
อดีต Senior Vice President บมจ.ธนาคารกรุงไทย และ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน เจ้าของเว็บไซต์ mongkoldham.com และ ที่ปรึกษาสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย ฯลฯ ผู้รวบรวม และเรียบเรียงอย่างกระทันหัน

จากคุณ    : ไฟไฟ
เขียนเมื่อ    : 12 ธ.ค

http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y13057792/Y13057792.html
9  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / บวชพระอ่ย่างไร จึงจะได้บุญมาก ครับ โปรดแนะนำกันด้วยนะครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2012, 12:53:47 pm
ตอนนี้ บรรดาเพื่อน ๆ ผม พยายามพูดถึงเรื่องการบวช โดยการลางานบ้าง หยุดงานบ้าง เพื่อไปบวช ถวายในหลวงกัน มีบางคนตั้งใจบวช เข้าไปหาวัดใน กทม. ดัง ๆ เช่น ..... เพื่อจะได้เรียนกรรมฐาน แต่ก็โดนปฏิเสธ กับมาและพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด ว่า วันนี้ผมไปขอบวช อยู่ที่วัด ...... 1 อาทิตย์ แต่ถูกพระปฏิเสธมา อย่างนี้ จนกระทั่งมีความเห็นเปลี่ยนไป กับเรื่องการบวช เลยนะครับ

   เลยคิดว่า การบวช ที่จะได้บุญจริง ๆ นั้น กับความตั้งใจ ทีไปสวนทางกัน อย่างนี้จะได้บุญอย่างไร ครับ

  เพื่อน ๆ ช่วยชี้ทางสว่างให้ด้วยครับ

   :49: :c017:
10  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / โยคี กสิณไฟ ครับ ดูแล้วก็ยังรู้สึก ว่าเขาทำได้อย่างไร อย่างนั้น เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2012, 11:35:00 am
!

โยคี กสิณไฟ ครับ
 ดูแล้วก็ยังรู้สึก ว่าเขาทำได้อย่างไร อย่างนั้น

 ยิ่งตอนที่กลิ้งบนกองไฟด้วย นาที 29.

11  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากสอบถามครับว่า นั่งนานๆแล้วปวดขา ปวดหัวเข่า ต้องทำยังไงครับ เมื่อ: ตุลาคม 17, 2012, 01:08:02 pm
อยากสอบถามครับว่า นั่งนานๆแล้วปวดขา ปวดหัวเข่า ต้องทำยังไงครับ
 
หมายถึง หลังจากการนั่งกรรมฐาน ควรทำอย่างไร ให้ครับ ให้หายปวดเข่า ปวดขาทำอย่างไร ครับ

ขอบคุณครับ....

    มีหลายท่านสอนผมว่า ให้ภาวนา ว่า ปวดหนอ ปวดหนอ

   จนผมสามารถ กำหนดได้ว่ามันปวดมาก ๆ ปวดอย่าง ทรมาน ด้วยครับ

  รบกวนท่านที่มีประสบการณ์ การนั่งกรรมฐาน ช่วยถ่ายทอดความรู้ด้วยครับ
 :c017: :c017: :c017:
 
12  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ภาวนา กรรมฐาน ใช่คำอื่นนอกจาก พุทโธ ได้หรือไม่ครับ เมื่อ: กันยายน 02, 2012, 01:21:32 pm
ภาวนา กรรมฐาน ใช่คำอื่นนอกจาก พุทโธ ได้หรือไม่ครับ
   คือ บางครั้งผมว่า บางทีจิตมันจำเรื่องเดียว ทำให้ฟุ้งซ่าน ได้ ดังนั้น ผมจึงกำหนด คำภาวนาขึ้นมาว่า อรหัง พุทโธ อย่างนี้เป็นต้น อยากทราบการเปลี่ยนคำภาวนา กับ เพิ่มคำภาวนา มีผลกับกรรมฐาน อย่างไร ครับ

  :c017: :25:
13  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ศ๊ล รับไว้ไในใจ สมาทานในใจ ก็เพียงพอแล้วใช่หรือไม่ครับ เมื่อ: กันยายน 02, 2012, 01:19:55 pm
คือ มีหลายท่านบอกว่า ศีล อยู่ที่ใจ ไม่จำเป็นต้องไปรับ หรือ สมาทาน ที่วัด เพื่อน ๆ ผมหลายคนก็คิดกันอย่างนี้ เพราะบอกว่า ศีลในใจ ดีกว่า ศีลที่สมาทาน
   1. ศีล สมาทาน ล่วงผิดไม่ได้
   2. ศีล ในใจ เราผิดศีลได้
   3. ศีล สมาทาน ต้องมี วัด มีพระ มีพิธี มีการทำทาน
   4. ศีล ในใจ ไม่ต้องไปวัด ไม่ต้องมีพระ ไม่ต้องมีพิธี ไม่ต้องทำทาน
   5. ศีล สมาทาน ต้องสมาทานเป็นระยะ
   6. ศีล ในใจ มีได้ทุกครั้งที่ต้องการ
   7. ศีล สมาทานตกนรกมากกว่า
   8. ศีล ในใจ ห่างนรกมากกว่า
   9. ศีล สมาทาน ไม่สงเคราะห์กรรมฐาน เพราะเป็นรูปแบบ ไม่ใช่ วิสุทธิศีล
   10. ศีล ใตใจ สงเคราะห์กรรมฐาน ที่เรียว่า วิสุทธิศีล

 การเห็น และเหตุผลอย่างนี้ จึงสมควรที่เราทั้งหลาย ไม่ควรสมาทาน ศีลที่วัด ใช้หรือไม่ครับ

  :c017: :c017: :c017:
14  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ปฏิบัติ กรรมฐาน เป็น วิปัสสนา หรือ สมถะ แยกอย่างไร ในการปฏิบัติครับ เมื่อ: สิงหาคม 26, 2012, 03:37:31 pm
ปฏิบัติ กรรมฐาน เป็น วิปัสสนา หรือ สมถะ แยกอย่างไร ในการปฏิบัติครับ
 บางครั้ง บางท่านกล่าวว่า การนั่งสมาธิ เป็น สมถะ บางครั้ง ก็บอกว่า เป็นวิปัสสนา
 หรือ บางคราวก็บอกว่า นั่งหลับตาไม่มีประโยชน์ ต้องลืมตา ถึงจะเป็นประโยชน์เป็นวิปัสสนา
 อย่างไหน ถูก อย่างไหน ผิด ครับ

  :c017:
15  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การใช้ ฤทธิ์ จากกรรมฐาน ใช้ได้ตั้งแต่ สมาธิระดับไหน ครับ เมื่อ: สิงหาคม 26, 2012, 03:35:34 pm
การใช้ ฤทธิ์ จากกรรมฐาน ใช้ได้ตั้งแต่ สมาธิระดับไหน ครับ
ขอบคุณมากครับ
 :25:
16  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / นั่งกรรมฐาน ใช้เวลาเท่าไหร่ ดีครับ ถึงจะเรียกว่า เก่ง เอาตัวรอดครับ เมื่อ: สิงหาคม 24, 2012, 11:24:45 am
อยากทราบว่า เราควรนั่งกรรมฐาน ใช้เวลาเท่าไหร่ ถึงจะเรียกว่า เก่ง เอาตัวรอด ครับ เพราะผมไปบ้างที นั่งกันเป็นชั่วโมง บางทีก็นั่งกรรมฐานกันเป็น วัน ๆ เลยครับ เมื่อยทั้งตัว เลยครับ บิดแล้ว บิดอีก

 จึงอยากทราบว่า เราควรนั่งกรรมฐาน ใช้เวลาเท่าไหร่ ดีครับ ถึงจะเรียกว่า เอาตัวรอดได้ครับ

  :25: :c017:
17  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การระลึกชาต จัดเป็น ปุพเพนิวาสานุสติญาณ หรือไม่ครับ เมื่อ: สิงหาคม 22, 2012, 09:22:28 am
การระลึกชาต จัดเป็น ปุพเพนิวาสานุสติญาณ หรือไม่ครับ

  คือ อยู่ดี ๆ ก็นอนหลับฝันไปว่า ตนเอง เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ในอดีต แล้ว ก็เลยติดตามไปทดสอบพิสูจน์ด้วยตนเอง ว่าที่ฝันเป็นจริงหรือไม่ เมื่อไปพิสูจน์ สถานที่ ประวัติบุคคล คนนั้นในอดีต ตรงกับที่ฝัน อย่างนี้เรียกว่า ระลึกชาติ ได้ใช่หรือไม่ จัดเป็น ปุพเพนิวาสานุสติญาณ หรือไม่ครับ

  การระลึกชาตได้ นี้จัดเป็น พระอริยะบุคคล หรือยัง ครับ

   :smiley_confused1: :c017:
18  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เพื่อน ๆ สมาชิก มีความคิดเห็นกับเรื่อง การตายแล้วเกิด หรือ การตายแล้วสูญ เมื่อ: สิงหาคม 22, 2012, 09:19:19 am
เพื่อน ๆ สมาชิก มีความคิดเห็นกับเรื่อง การตายแล้วเกิด หรือ การตายแล้วสูญ เราควรจะมีความเชื่ออย่างไรในเรื่องการเกิดตาย ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ชาตนี้ไม่มีจริงใช่หรือไม่ หรือว่าเราจะเชื่อว่า ตามกฏปฏฺิจจสมุปบาทว่า เมื่อมีอวิชชา ก็คงมีการเกิดอยู่
 
  โดนพื้นฐาน ของมนุษย์นั้น จะเขื่อหรือไม่เชื่อ ในเรื่องชาตินี้ ชาติหน้า จะมีผลอย่างไร ในการมีชีวิต

 :49:
19  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / จำเป็นต้องปฏิบัติ ฐานจิตที่ 1 ทุกครั้งหรือไม่ คือ.... เมื่อ: สิงหาคม 19, 2012, 09:53:28 am
จำเป็นต้องปฏิบัติ ฐานจิตที่ 1 ทุกครั้งหรือไม่ คือ....ผมไม่ชอบ ฐานจิตที่ 1 แต่ชอบ ฐานจิตที่ 5 มากครับอยากภาวนาตรงนี้เพราะตรงกับของเดิม ครับ ของเดิิม กรรมฐานเดิม ใช้ตรงนี้อยู่แล้ว ก็เลยคิดว่า ขอเริ่มที่ ฐานจิตที่ 5 เลยได้หรือไม่ครับ เพราะรู้สึกว่า ว่าภาวนาแล้วไม่ขัดแย้ง ความรู้สึกในใจครับ

  :c017: :smiley_confused1:
20  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / นั่งกรรมฐาน แล้วได้ยินเสียงแปลก ๆ รอบตัว ควรทำอย่างไร ต่อครับ ? เมื่อ: สิงหาคม 17, 2012, 12:16:15 pm
นั่งกรรมฐาน แล้วได้ยินเสียงแปลก ๆ รอบตัว ควรทำอย่างไร ต่อครับ ?
 ตอนแรกก็ได้กลิ่น ตอนนี้กลิ่นหายไปแล้ว กับกลายเป็นเสียง เริ่มเป็นดังนี้ครับ
  1.เริ่มได้ยินเสียง ลมหายใจ เสียงหัวใจ
  2.ได้ยินเสียงที่ห่างออกไปชัดขึ้น
  3.ได้ยินเสียงแปลก ๆ ที่ฟังไม่รู้เรื่อง
  เลยกลายเป็นความรำคาญเพราะไม่อยากได้ยิน ควรทำอย่างไร ต่อ ดีครับ

  :25: :c017:
 
21  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / รู้สึกว่า เวิ้งว้าง ไม่รู้จะกำหนดอะไร ? เวลานั่งกรรมฐานครับ เมื่อ: สิงหาคม 14, 2012, 03:49:03 pm
คือพอได้นั่งกรรมฐาน ลงไปสักพัก รู้สึกเวิ้งว้างไม่รู้ว่าจะกำหนดอะไร เลย อยากปล่อยนิ่งอย่างนั้น แต่ยิ่งปล่อยก็รู้สึกว่า จิต ดิ่งอยู่กับที่ไม่ทำอะไรเลย เพียงแต่เปิดจิตอย่างเดียว คือ เสียงไม่ปรารถนาได้ยินก็ไม่ได้ยิน กลิ่นไม่ปรารถนา ได้ดมกับไม่มีกลิ่น เป็นต้นครับ

  อาการอย่างนี้ จะทำอย่างไร ต่อดีครับ

  ผมนั่งกรรมฐานอย่างนี้ประมาณ 2 ชม.ครับ จนช่วงหลัง ๆ มาก็ไม่รู้สึกว่า ต้องการนั่งกรรมฐานแล้วครับ คือปล่อยแบบตามสบาย ไม่ได้กำหนดคำภาวนา ก็จะไปหยุดนั่งอยู่อย่างนี้ ครับ

  :s_hi: :25: :c017:
22  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มีความจำเป็นที่เราต้องพิสูจน์โลกนี้โลกหน้า หรือไม่ครับ ในการภาวนา เมื่อ: สิงหาคม 05, 2012, 10:45:30 am
คือเพื่อความชัดเจนในการภาวนา เพื่อความมั่นใจในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด มีจริง จำเเป็นหรือไม่ว่าเราควรจะต้องพิสูจน์ความเชื่อ เรื่องโลกนี่้ โลกหน้า ให้เข้าใจก่อนเพื่อสนับสนุการภาวนา หรือว่าเราจะภาวนาโดยไม่ต้องไปสนเรื่องพวกนี้ กันครับ

 ขอบคุณทุกท่านที่แสดงความเห็น ครับ
  :25: :c017:
23  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การเป็นพระโสดาบัน 7 ชาติ หมายถึงอย่างไร ครับ เมื่อ: สิงหาคม 05, 2012, 10:35:22 am
การเป็นพระโสดาบัน 3ชาติ 7 ชาติ หมายถึงอย่างไร ครับ

 หมายถึงการเกิดมาเป็นพระโสดาปัตติมรรค  หรือว่า พระโสดาปัตติผลครับ

 และพระโสดาบัน เกิดมาใหม่แล้วเป็นพระโสดาบัน นี้ดูอย่างไรครับ

   :smiley_confused1: :c017:
24  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เหตุผลใด ที่เราต้องการมาปฏิบัติธรรม กันครับ ??????????? เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2012, 01:19:31 pm
เริ่มหัวข้อนี้ ในส่วนห้องนี้ ก็อยากช่วยมาสนับสนุน การภาวนาของทุกท่าน ถ้าไม่ตรงทางก็จะได้ตรงทาง นะครับ
เมื่อผมเริ่มก่อน ก็จะแสดงจุุดยืน ในการมาภาวนาของผมก่อน จะถูกจะผิดอย่างไร ก็ให้ได้บุญจากการธรรมวิจารณ์กันด้วยนะครับ

     สำหรับผมการมาปฏิบัติธรรมภาวนา ก็เพื่อ

     1.ได้สร้างบารมีธรรมบ้าง
     2.คิดว่าได้เจอคนดี ( กัลยาณมิตร ) ซึ่งจะมีประโยชน์กับการดำเนินชีวิต
     3.เพิ่มความโชคดี ในชีวิต ให้ได้บุญ และส่งเสริมชาติต่อไปให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
     4.เพื่อให้สังคมของ พุทธบริษัท ยังคงมีอยู่ต่อไปในสายเลือดไทย

   :s_hi: :c017:
 
25  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เรียนถามว่า วิธีการปฏิบัติกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับนั้น มีอยู่ในพระไตรปิฏกส่วนไหน เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2012, 01:42:28 pm
เรียนถามว่า วิธีการปฏิบัติกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับนั้น มีอยู่ในพระไตรปิฏกส่วนไหน

  คือถ้าเราได้อ่านกระทู้ต่าง ๆ แล้วล้วนสนับสนุนให้อ่านพระไตรปิฏก เพื่อเป็นเครื่องช่วยตัดสิน ในการภาวนาว่าถูกทาง ถูกตรง จึงขอเรียนถามว่า กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับมีอยู่ในส่วนไหนของพระไตรปิฏกบ้างครับ กับวิธีการต่าง ๆ และคำกล่าวถึงเรื่องกรรมฐาน

   หากคำถามนี้ล่วงเกินเพื่อน ๆ หรือ ครูออาจารย์ ก็กล่าวคำขอขมาลาโทษไว้ ณ ที่นี้ครับ
   :c017: :49: :smiley_confused1: :25:
26  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ภาวนา ตั้งจิตไว้ที่ ฐาน หนึ่ง พร้อมกับพุทโธ แล้วรู้สึก เวียนหัว เหมือนจะอาเจียน เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2012, 11:15:08 am
ภาวนา ตั้งจิตไว้ที่ ฐาน หนึ่ง พร้อมกับพุทโธ แล้วรู้สึก เวียนหัว เหมือนจะอาเจียน ควรทำอย่างไรครับเป็นทุกครั้งเลยครับ ตอนนี้มีปฏิกิริยาหลังจากนั่งสมาธิ ไปสักประมาณ 10 นาที วันแรกอาเจียนครับ มีอาการท้องเสียร่วมด้วย ผมเอง ก็คิดว่า ท้องเสีย แต่พอลองปฏิบัติไปอีก สักประมาณ 2 อาทิตย์ครับ อาการนี้จึงพิสูจน์เป็นได้ว่า เป็นหลังจากฝึกสมาธิ ทุกครั้ง ประมาณ 10 -15 นาทีครับ
   ผมเลยหยุดฝึกดู ก็หาย ช่วงที่เป็นใหม่ไม่รู้ ตอนนี้ก็เลยไม่ได้ภาวนาครับ

   ขออนุญาตเรียนถามตรงนี้เลยนะครับ เพราะรอตอบจดหมาย มานานแล้วครับยังไม่ได้ตอบให้ผมเลยครับ

( ปล. ยังไม่ได้ขึ้นกรรมฐาน นะครับ แค่ลองทำตามที่สอนไว้ในเว็บนะครับ )

  :c017: :25:
27  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มองแง่ ดี จัดเป็นการปฏิบัติ ธรรม แบบไหน ครับ เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2012, 11:10:45 am
มองแง่ ดี จัดเป็นการปฏิบัติ ธรรม แบบไหน ครับ

   คือผมสงสัย อยู่ว่า มีพระท่านสอนว่า ถ้าเห็นเพื่อนทำผิด ลองมองแง่ดีบ้างว่า อย่างนั้นเขาก็สอนให้เราไม่ทำผิด

 ฟังดูแล้วก็ดี แต่มันมีประโยชน์อะไรครับ ในการมองแง่ดีอย่างนี้ ผมมานั่งทบทวนดู เหมือนเราเป็นคนโกหก เขาทำไม่ดี แล้วเราบอกว่า ดี อย่างน้อยเป็นตัวอย่างให้เราเป็นคนดี อย่างนี้  ม่ันยังไง ๆ กันอยู่ สรุปแล้วไม่ต้องแก้คนที่ทำผิด การเป็นว่า ต้องมาแก้ใจของคนที่ทำถูกแล้วร้องเรียนคนที่ผิด สรุป แล้ว ก็ไม่ต้องร้องเรียน เพราะเห็นเขาเป็นครู

  เอ อย่างนี้มันยังไง ๆ อยู่นะครับ สรุปแล้วเราเป็นชาวพุทธ ชาวธรรม ต้องวางอุเบกขา ไปเลยใช่หรือไม่ครับ

   จึงอยากเรียนถามความเห็นเพื่อน ๆ ชาวธรรมกันหน่อยครับ ว่ามีความเห็นอย่างไร กับการมองในแง่ดี หรือ ผมมีอะไรผิดพลาดกับการทำความเข้าใจในส่วนนี้อยู่นะครับ

   :c017: :25:
28  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ถ้าเราสนับสนุนให้มีการบวช ภิกษุณี เท่ากับเราเป็นผู้ทำลายศาสนาหรือไม่ครับ เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2012, 11:02:17 am
จาก โคตมีสูตร

"พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ หากมาตุคามจักไม่ได้ออกบวชเป็น
บรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์ก็ยังจะตั้งอยู่ได้นาน
สัทธรรมพึงดำรงอยู่ได้ ๑,๐๐๐ ปี แต่เพราะมาตุคามออกบวชเป็นบรรพชิต ใน
ธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์จะไม่ตั้งอยู่นาน ทั้งสัทธรรมก็จัก
ดำรงอยู่เพียง ๕๐๐ ปี"

(อังคุตรนิกาย)
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=5753&Z=5887

จากพระสูตรดังกล่าว พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงอายุพระพุทธศาสนา หากมีพระภิกษุณี อยู่ก็จะทำให้พระพุทธศาสนานี้สูญเร็วขึ้น
ถ้าเราสนับสนุนให้มีการบวช ภิกษุณี เท่ากับเราเป็นผู้ทำลายศาสนาหรือไม่ครับ


จาก อรรถกถาอังคุตตรนิกาย

เมื่อเราไม่บัญญัติครุธรรมเหล่านั้น เพราะมาตุคามบวช พระสัทธรรมพึงดำรงอยู่ได้ ๕๐๐ ปี แต่ครุธรรมที่เราบัญญัติไว้เสียก่อน พระสัทธรรมจักดำรงอยู่ได้อีก ๕๐๐ ปี รวมความว่าพระสัทธรรมจักดำรงอยู่ได้เพียง ๑,๐๐๐ ปี

วสฺสสหสฺสนฺติ   เจตํ  ปฏิสมฺภิทปฺปเภทปตฺตขีณาสววเสเนว  วุตฺตํ  ฯ
แต่คำว่า  พันปี  นั้น    พระองค์ตรัสด้วยอำนาจพระขีณาสพผู้ถึงความแตกฉานในปฏิสัมภิทาเท่านั้น. 

ตโต  ปน อุตฺตรึปิ  สุกฺขวิปสฺสกขีณาสววเสน  วสฺสสหสฺสํ
แต่เมื่อจะตั้งอยู่ยิ่งกว่าพันปีนั้นบ้าง   จักตั้งอยู่สิ้นพันปี  ด้วยอำนาจแห่งพระขีณาสพสุกขวิปัสสกะ, 

อนาคามิวเสน  วสฺสสหสฺสํ 
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี    ด้วยอำนาจแห่งพระอนาคามี,   

สกทาคามิวเสน  วสฺสสหสฺสํ 
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี    ด้วยอำนาจแห่งพระสกทาคามี,

โสตาปนฺนวเสน  วสฺสสหสฺสนฺติ
จักตั้งอยู่สิ้นพันปี  ด้วยอำนาจพระโสดาบัน,

เอวํ  ปญฺจ  วสฺสสหสฺสานิ  ปฏิเวธสทฺธมฺโม  ฐสฺสติ  ฯ
รวมความว่า พระปฏิเวธสัทธรรม จักตั้งอยู่ตลอดห้าพันปี   ด้วยประการฉะนี้.

องฺคุตฺตรนิกายฏฺฐกถา (มโนรถปูรณี ๓) - หน้าที่ 388
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=141




29  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / แนะนำหนังสือ และ แอ๊ป ใน ipad ครับ เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2012, 11:06:43 am
แอ๊ปฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายของ ipad ชื่อว่า

DMG books
B2S eBook Store
AIS bookstore

ไปที่ shop แล้วกดที่ more ในฝั่ง book
จะเจอ top free
แล้วเลือกหัวข้อ categories เป็นหมวดศาสนาและปรัชญา
มีหนังสือ พุทธวจน และธรรมะบุ๊คอื่นๆ ให้โหลดฟรีครับ
มีประโยชน์มากครับ
พอโหลดเสร็จ มันจะเก็บให้ในคำสั่ง book เป็นเหมือนคลังหนังสือของเราครับ
ถ้าโหลดจนครบทุกหน้าแล้ว จะเอามาอ่านเมื่อไรก็ได้ครับ
จะใช้เนตเฉพาะตอนดาวโหลดเท่านั้น

วิธีใช้
พอกดอ่านแล้ว
คำสั่งคือ
เลื่อน หรือ แตะขวาสุด หรือ ซ้ายสุด คือ อ่านหน้าถัดๆ ไป
แตะตรงกลาง ipad จะมีคำสั่ง เลื่อนออกมาจาก ด้านบน และ ด้านล่าง
- คำสั่งด้านบนซ้าย คือ back กลับไปที่คลังหนังสือ book ของเรา
และด้านบนหน้า book นี้ ก็มีให้เลือกไปที่ shop ด้วย เผื่อจะโหลดเล่มอื่นๆ ต่อ
- คำสั่งด้านบนขวา คือ bookmark เอาไว้เลือกหน้าที่เราจะกลับมาอ่านต่อ ได่ทันที
- คำสั่งด้านล่าง คือ เลือกหน้าได้ทันที, cover คือกลับไปที่หน้าปก, TOC กลับไปที่สารบัญ, เลือกอ่าน bookmarks ของเรา และ คำสั่ง trumbnail เป็นตารางเนื้อหาทั้งหมด

แต่เพิ่งเข้าไปเช็คตะกี้ รู้สึก หนังสือปล่อยฟรี ที่เป็น พุทธวจน จะเหลือแต่ในแอ๊ป DMG
คือ ทั้งสามแอ๊ปนี้ เค๊าจะปล่อยหนังสือฟรีเปนช่วงๆ ครับ อาจต้องแล้วแต่ดวงบ้าง

ซึ่งที่แนะนำให้อ่านคือ พุทธวจน (มีให้โหลด 10 เล่ม)
พุทธวจน
- ก้าวย่าง อย่างพุทธะ
- แก้กรรม ? โดยตถาคต
- อินทรีสังวร (ตามดู ไม่ตามไป)
- ปฐมธรรม
- คู่มือโสดาบัน
- สาธยายธรรม
- อานาปานสติ
- ฆราวาสชั้นเลิส
- ตามรอยธรรม
- มรรค (วิธีที่) ง่าย

จากคุณ    : M_moshi
30  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เมื่อมีเพื่อนถามคำถามผม อย่างนี้ ? เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2012, 04:08:41 pm
1. มัชฌิืมา แปลว่าอะไร คืออะไร?

2.หากโลกนี้มีประเทศเพียงประเทศไทยประเทศเดียว เราจะปกป้องอะไร ระหว่าง สถาบัน กษัตริย์ ชาติ ศาสนา

  :49: :s_hi:
31  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชาวเวียดนามชื่นชม แอร์โฮสเตสคุกเข่าขอโทษผู้โดยสาร เมื่อ: มิถุนายน 20, 2012, 11:44:34 am
ชาวเวียดนามชื่นชม แอร์โฮสเตสคุกเข่าขอโทษผู้โดยสาร

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก http://hilight.kapook.com

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2555 สำนักข่าวของประเทศเวียดนาม ได้เผยแพร่ภาพสุดประทับใจของพนักงานบริการบนเครื่องบินของสายการบินเกาหลี ซึ่งเธอได้คุกเข่าขอโทษผู้โดยสารและแสดงกิริยาท่าทางอย่างจริงใจ หลังจากที่เธอได้กระทำผิดลงไป ทำให้ชาวเน็ตของเวียดนามรู้สึกชื่นชมในพฤติกรรมของเธอและวิพากษ์วิจารณ์ถึงสังคมเวียดนามในปัจจุบันกันอย่างกว้างขวางเช่นกัน

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบนเครื่องบินของสายการบินเกาหลี เที่ยวบินจากกรุงโซลไปนครโฮจิมินห์ในวันสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่แอร์โฮสเตสกำลังให้บริการแก่ผู้โดยสารทั่วไป ซึ่งนาทีนั้นเองเครื่องกำลังเผชิญคลื่นลมแรงเหนือทะเลจีนใต้ เธอจึงได้ทำน้ำกระฉอกจากแก้วน้ำโดนผู้โดยสารชายคนหนึ่ง

หลังจากนั้น แอร์โฮสเตสจึงรีบขอโทษผู้โดยสารคนนั้นพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กซับหยดน้ำที่ติดบนกางเกงของเขาออกไป แต่เขายังโกรธจัด ไม่พอใจ และจะขอพูดกับเพอร์เซอร์ ซึ่งก็คือ หัวหน้าพนักงานบริการบนเครื่อง แต่ทันใดนั้น แอร์โฮสเตสสาวรายนี้ก็ได้นั่งลงพนมมือและขอโทษผู้โดยสารชายอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้เขาคลายความโกรธลงทันที อีกทั้งเหตุการณ์นี้ยังได้สร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารจำนวนมาก ทุกคนเห็นอกเห็นใจแอร์โฮสเตสสาวเป็นอย่างมาก

เหตุการณ์ดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างกว้างขวางในสังคมเวียดนาม เนื่องจากในปัจจุบันคนเวียดนามส่วนใหญ่ได้ชื่อว่า "ขอโทษไม่เป็น" แม้แต่การกล่าวขอโทษกันอย่างง่าย ๆ เมื่อทำผิดพลาดก็ยังเป็นสิ่งหาได้ยากยิ่งตามท้องถนนทั่วไป ทั้ง ๆ ที่ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับศีลธรรมจรรยามาเป็นอย่างดี

ประโยชน์ของการนอบน้อม ครับ
32  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การปฏิบัติ ทางจิต ของพระพุทธศาสนานั้น ทำให้วิกลจริต ได้หรือไม่ครับ ? เมื่อ: มิถุนายน 19, 2012, 10:09:29 am
การปฏิบัติ ทางจิต ของพระพุทธศาสนานั้น ทำให้วิกลจริต ได้หรือไม่ครับ ?

  ด้วยความสงสัย เพราะเห็นหลาย ๆ ท่านขอบพูดให้ฟังเวลาผมนั่งสมาธิบ้าง อ่านหนังสือธรรมะ บ้างพวกท่านทั้งหลายเหล่านั้น จะบอกว่าระวังเป็นบ้า นะ เดี๋ยวจะบ้ามาก ขึ้น ทำตัวให้เหมือน ๆ ชาวบ้านเขา อย่างนี้เรียกว่าปกติ ทำตัวนั่งสมาธิ ฟังธรรมะ อันนี้มันเกินธรรมดา
 
   ด้วยความสงสัยว่า หลักพระพุทธศาสนา นั้นทำให้คนเป็นบ้า อย่างที่เขาว่าไว้จริง ๆ หรือไม่ครับ

  อยากให้เพื่อนช่วยร่วมวิจารณ์จะได้เป็นประโยชน์กำลังใจแก่ผู้ที่กำลังภาวนาเช่นผมครับ

 ขอบคุณทุกท่านครับ
   :25: :25: :25: :c017: :c017: :c017:
33  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ไม่ปฏิบัติกรรมฐาน จะสามารถ บรรลุธรรมได้หรือไม่ครับ เมื่อ: มิถุนายน 17, 2012, 12:18:35 pm
แบบว่า ไม่ชอบการไปนั่งกรรมฐาน เดินจงกรมประมาณนี้ คือในอุดมคติของผม การบรรลุธรรมนั้นเป้นการใช้ปัญญาในการเห็นธรรม น่าจะได้มาจากการอ่าน การฟัง และเห็นในธรรม นั้น ๆ จึงมีความคิดว่า การไปนั่งหลับตา เดินเคร่ง ๆ อยู่นั้น เป็นเรื่อง ที่เป็น การทรมานตน

   เพราะส่วนตัวคิดว่า การนั่งกรรมฐาน นาน ๆ นั้นเป็นการทรมานตน ทางสายกลาง คือ ต้องไม่ทำให้ตนเองเดือนร้อน ใช่หรือไม่ครับ
 
 :smiley_confused1: :c017:
34  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เหนื่อยใจ!! 16 นิสัยไม่ไหวจะเคลียร์ เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:23:29 am
เหนื่อยใจ!! 16 นิสัยไม่ไหวจะเคลียร์

สาวๆคนไหนจากที่เคยมีเพื่อนมากมาย แต่นานเข้าเริ่มหนีหายไป เคยลองเช๊คดูบ้างไหมจ๊ะว่าเป็นเพราะอะไร? พฤติกรรมของเธอรึเเปล่า ถ้าใช่! มาดูกันดีกว่า นิสัยแย่ๆที่ใครๆต่างก็ ยี้!!! แบบรับไม่ได้อ๊า … เธอมีกันรึเปล่า

1. ใจร้อน เป็นไฟ วีนได้ไม่เว้นวันหยุดราชการ

นิสัย แบบ ไม่ไหวจะเคลียร์ข้อแรกก็คือ นิสัย ใจร้อน เป็นไฟ ขี้ วีน แบบสุดขีด ประมาณว่า เจออะไรไม่ถูกใจเข้าหน่อยก็แผลงฤทธิ์ โวยวาย จะเอาเรื่องให้ได้ นิสัยอย่างนี้นอกจากจะหาเรื่องเจ็บตัวง่ายๆแล้ว ยัง สร้างศัตรูแถมเพื่อน ๆ อาจพากันหายหน้าเพราะเซ็งกับ การมีเพื่อนขี้วีน จนเธอต้องนั่งสะกดคำว่าเหงา อยู่คนเดียว

2. เอาแต่ใจตัวเอง จนชาวบ้านเซ็ง

แม้ ว่าเรา จะถูกเลี้ยงดูแบบสปอยสุดขีดขนาดไหน แต่ถ้าติด นิสัยเอาแต่ใจแล้วเอาไปใช้กับเพื่อน รับรองได้เลย ว่า เพื่อนต้องพากันจนลีหนีหน้าไปหมดแน่ ๆ เพราะคนที่เอาแต่ใจเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก ๆ หัดเอาใจคนอื่นให้มากขึ้น แล้วเธอจะพบว่าตัวเอง น่ารักได้อีก !

3. แล้งน้ำใจตลอด ขอแค่ฉันเอาตัวรอดเป็นพอ

ไม่ ว่ายัง ไง น้ำใจก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้า เราแล้งน้ำใจ เพื่อนขอให้ช่วยอะไรก็ไม่ช่วย หรือบางทีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ แบ่งปันให้คนอื่นได้ก็หวงไว้ทำหอกอะไรไม่รู้ รู้ แต่ไม่ชอบแบ่งปันใคร เธอจะเป็นคนประเภทที่ไม่น่า เข้าใกล้อันดับต้น ๆ เลยล่ะ

4. งี่เง่า ไร้ เหตุผล จนผู้คนรอบข้างปวดกบาล

ประเภท ที่ งี่เง่า ไม่เคยฟังเหตุผลอะไร คิด แต่อยากได้ยังไงก็ต้องได้ ย้ำเลยว่าถ้าเธอไม่แก้ นิสัยนี้ ผู้คนจรลีออกไปจากชีวิตเธอชัวร์ ไม่มีใครอยากอยู่กับคนที่ไม่มีเหตุผลหรอกนะ พยายามใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ให้มาก ๆ ทุกอย่างจะเวิร์ก

5. ในโลกนี้ไม่มีใครดีเท่าตัวฉัน เลยดูถูกคนอื่นซะงั้นเลย 

ประเภท ที่ ชอบดูถูกคนอื่นไปซะหมด มองคนอื่นว่าด้อย ไม่เก่ง ไม่สวยไม่หล่อ สู้เราไม่ได้ ไม่อยากอยู่ ใกล้เพราะขยะแขยง ขอบอกไว้เลยว่า เธอนั่นแหละที่น่าขยะแขยงในสายตาคนทั้งโลก เพราะพฤติกรรมแบบนี้ มัน บ่งบอกว่าจิตใจเธออยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าน้ำทะเลอะดิ

6. หนังสือสอบเป็นยังไงไม่เคยเห็น เข้าห้องสอบแปลงกายเป็นยีรา ฟคอยาว 

ประเภท ที่ ชอบเอาเปรียบเพื่อน ไม่ยอมอ่านหนังสือสอบ สักแต่ว่าจะลอกอย่างเดียว ขอ บอได้เลยว่า เธอจะไม่เวิร์ก ทั้ง ในเรื่องสมอง และมิตรภาพ เพราะ เพื่อน ๆ จะเริ่มเอือมระอาในความเห็นแก่ตัวของเธอ น่ะสิ ที่เธอได้คะแนนดี ๆ เพราะ เป็นปลิงเกาะ ( สมอง ) เพื่อน แต่เพื่อนอดตาหลับขับตานอนอ่านหนังสือแทบตาย

7. เรื่องส่วนตัวยังไม่สันทัด แต่ถนัดจุ้นจ้านเรื่องชาวบ้าน

คน ที่ชอบ จุ้นเรื่องของคนอื่นไปซะหมด รู้ชัดยิ่งกว่าตำรา เรียนว่าใคร ทำอะไร ที่ ไหน อยากรู้อยากเห็น ขอ เจ๋อเสมอต้นเสมอปลาย เธอจะได้รับฉายาบุคคลไม่น่า คบไปโดยปริยาย ทางที่ดี หัน มาอัพเกรดเรื่องของตัวเองให้ดีขึ้นดีกว่า อย่า เจ๋อเรื่องคนอื่นให้เสียเวลาอยู่เลย

8. โกหกไปวัน ๆ เพราะ ฉันคือนางเอกเรื่องสาวน้อยสตรอว์เบอร์รี่

ความ จริง คืออะไรไม่รู้จักแค่ลื่นไหลไปวัน ๆ เพราะอยากได้ สิ่งที่ตัวเองปรารถนา คนแบบนี้รับรองได้เลยว่าจะ ต้องถูกเฉดออกจากสังคมแน่ ๆ เพราะคงไม่มีใครอยาก อยู่กับคนที่เชี่ยวชาญเรื่องสตรอว์เบอร์รี่ตลอดเวลา คน เราต้องการความซื่อสัตย์ด้วยกันทั้งนั้นแหละ และ เธอก็ควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรอ ?

9. ทำตัวเป็นนักวิจารณ์ ใครเดินผ่านเป็นนินทา

พวก ที่ชอบ นินทาชาวบ้านก็เป็นอีกพวกที่จัดอยู่ในกลุ่มน่ารังเกียจอันดับต้น ๆ ยิ่งคนที่ชอบใส่ร้ายป้ายสีให้คนอื่นเสียหาย เพียงเพราะอยากได้เพื่อน อยาก ให้เพื่อนเกลียดคนอื่นเพื่อมาเลิฟตัวเองน่ะ นอก จากจะเป็นการกระทำที่โง่มาก ๆ แล้ว ยังเป็นการ กระทำที่เข้าข่ายน่าเกลียดอีกด้วยนะจ๊ะ

10. กร่างเป็นจิ๊กกี๋ รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า

แม้ ว่า แก๊งเราจะมีพวกเยอะ อิทธิพลแยะ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะไปรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ หรือ คนที่อ่อนแอกว่า ยิ่งเพียงเพราะความสะใจของตัวเอง แล้วละก็ ยิ่งไม่ควรเข้าไปใหญ่ เพราะคนที่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าไม่ได้เรียกว่าเก่งเลย ออกจะขี้ขลาดมาก ๆ ซะด้วยซ้ำ

11. ใครจะมองยังไงไม่เห็นแคร์ แหมก็แค่เลิฟซีนกันแค่นั้นเอง

ทน ไม่ได้ จริง ๆ กับภาพผู้หญิงปล่อยตัวให้ผู้ชายจับนั่นแตะ นี่อย่างไม่หวงเนื้อหวงตัวกลางสาธารณะชน นี่ยัง ไม่รวมประเภทกอดจูบลูบคลำโชว์ชาวบ้านเพราะคิดผิด ๆ ว่า เป็นเรื่องธรรมชาติ แน่ละผู้ชายควรให้เกียรติเรา แต่ถ้าอยากให้เค้าใหเกียรติเรา ก็ ควรเซฟตัวเองให้เป็นผู้หญิงที่ไม่ง่ายด้วย ถึงจะ ถูก

12. ขี้ขโมย ฉก ทุกอย่างที่ไม่ใช่ของตัวเอง

แม้ บางที จะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็ไม่ควร ที่เธอจะไปหยิบฉกมาใช้โดยไม่ขออนุญาต เพราะมัน เป็นการกระทำที่แสดงว่าเธอไม่มีมารยาทเอาซะเลย และ ของบางอย่างมันก็มีคุณค่าทางใจของเจ้าของ การที่ เธอไปฉวยเอามา อาจทำให้เค้าเสียใจมากกว่าที่เธอ คิด

13. แต่งตัวเอ็กซ์เซ็กส์ไม่ว่าที่ ไหน ไม่เคยเกรงใจคำว่า “กาลเทศะ”

อนุโลม ให้ ได้ถ้าเป็นการเปรี้ยวแบบมีระดับ ( ไม่โป๊เกินไป ) ในงานปาร์ตี้ และมีคนไว้ใจ ได้มารับมาส่ง แต่ถ้าเป็นสถานศึกษา งานที่ต้องจริงจังสำรวม เธอยังโชว์โป๊ไป อวดใครไม่รู้ เธอจะกลายเป็นพวกที่ไม่มีสมองขึ้นมา ทันที นอกจากจะอันตรายแล้ว ยัง โชว์โง่อีกต่างหาก

14. หยาบคายวาจา เหมือนเลี้ยงหมาไว้ในปาก

พูด จาแต่ ละทีสัตว์เลื้อยคลานเต็มถนน แบบนี้นอกจากจะไม่น่า รักแล้ว คนอาจจะมองว่าเธอขาดการอบรมบ่มสอนจากพ่อ แม่ได้ และขอบอกว่า แค่ คำพูดก็สามารถเป็นตัวกำหนดได้ว่า เธอจะดึงดูดคนดี มีระดับ หรือคนโหล่ยโท่ยโซ้ยไม่ลงมาในชีวิต

15. นิยามฉันคือสวยเลือกได้ ไม่ว่าใครผ่านเข้ามาฉันกิ๊กกั๊กไว้หมด

เจ้า ชู้ไป เรื่อย ปล่อยตัวไม่เลือกหน้า แบบ นี้ก็ไม่เวิร์กนะจะบอกให้ เธออาจเคยชินกับการ บริหารเสน่ห์ตัวเอง และรู้สึกว่าการกั๊กผู้ชายไว้ ในฐานะกิ๊กมาก ๆ คือแปลว่าเธอป๊อบปูลาร์ ขอบอกเลยว่าเธอคิดผิด เพราะ แทนที่เธอจะดูป๊อป เธอกลับดูเหมือนพวกใจง่าย ขาดความรัก เพราะกลัวว่าคน ที่รักเธอจะจรลีไป เลยกั๊กไว้ซะงั้น

16. คิดว่าเป็นเรื่องเท่ ที่ทำตัวเกเรมั่วอบายมุข

สุด ท้าย ที่ถ้าใครทำอยู่ควรเปลี่ยนด่วนก็คือ การมั่ว อบายมุข สุรา ยาเสพติด ทั้งหลาย ถ้าเธอหลงไปมัวเมากับมันเมื่อไหร่ มีแต่อนาคตดับวูบก็เท่านั้น เชื่อ เหอะ .. ของพวกนี้น่ะไม่เคยทำให้ชีวิตใครดีขึ้น มี แต่ตกต่ำลงจนกระทั่งไม่เหลืออะไรเลย

สาวๆคนไนหที่มีท่าที อาการแบบนี้ละก็ขอบอกเลยนะจ๊ะ เปลี่ยนด่วน!! ก่อนที่เพื่อนๆ แฟนๆของเธอจะชิ่งหนีไปก่อนนะจ๊ะ


35  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ส่องกล้องมองคำว่า"ทุกข์" เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:21:28 am
ส่องกล้องมองคำว่า"ทุกข์"

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.bloggang.com/data/samrotri

"ความทุกข์ทั้งหลายที่เป็นความทุกข์ทางใจนี้ เป็นเพราะว่าเรามองดูปรากฏการณ์ในชีวิตด้วยความไม่ชัดเจน"

"ยังไม่สนใจธรรมะ เพราะชีวิตยังไม่มีทุกข์"

คนจำนวนมากคิดเช่นนี้ เพราะคำว่า "ทุกข์" นั้นฟังดูเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสในชีวิต ทั้งที่ความจริงแล้ว ความหมายของคำนี้ในธรรมะของพุทธศาสนามีความละเอียดอ่อนยิ่งนัก หากศึกษาจริงๆ แล้วจะรู้สึกทึ่งและอัศจรรย์ใจในอัจฉริยภาพของตัวผู้ค้นพบยิ่งนัก

จะรู้สึกอย่างไรหากบอกว่าในทุกๆ จังหวะและท่วงทำนองของการดำเนินชีวิตมีทุกข์แฝงอยู่ทุกขณะ

ไม่รู้จัก-อย่ารีบบอกว่าไม่มี

อย่าเพิ่งเถียงถ้ายังไม่ได้คำอธิบายในเรื่องนี้ของ ดร.ระวี ภาวิไล ที่ส่องกล้องมองดูคำว่าทุกข์ได้ละเอียดไม่แพ้การส่องกล้องดูดาวบนท้องฟ้าเลย

"คำว่าปัญหากับความทุกข์ในทางพระพุทธศาสนาใช้แทนกันได้ คำว่าปัญหาเป็นคำสมัยใหม่ เราจะพิจารณาได้ว่าสิ่งที่เราเรียกว่าปัญหานี้คือ ความทุกข์นั่นเอง แต่เวลาพูดความทุกข์จะดูเหมือนหนัก พูดคำว่าปัญหาเป็นเรื่องทันสมัย แล้วเราจะพบว่าสิ่งที่เราต้องแก้ก็คือ ความไม่สะดวกสบายที่ทนได้ยากนั่นเอง

"ตามที่บอกว่าชีวิตเป็นความทุกข์เป็นปัญหานั้น ไม่ใช่ว่าการกล่าวเช่นนั้นเป็นการมองโลกในแง่ร้าย แต่เป็นการกล่าวถึงสภาวะที่เป็นจริงในชีวิตของเรา"

ไม่เชื่อลองฟังต่อไปได้

"นับตั้งแต่เรารู้สึกตัวลืมตาขึ้นวันหนึ่งๆ จะพบปัญหาที่ต้องแก้ถัดกันไป แก้ปัญหานั้นปัญหาใหม่ก็เข้ามาเรื่อย ถ้าจะสังเกตตั้งแต่เช้า ปัญหาทำอย่างไรเราจะมาถึงที่ทำงานได้โดยเรียบร้อย แม้เมื่อถึงที่ทำงานเราจะพบปัญหารออยู่บนโต๊ะ จะต้องแก้อันนั้นอันนี้เรื่อยไป ชีวิตก็จะเป็นอย่างนี้

"ปัญหาหรือความทุกข์ทางกายนี้เป็นส่วนหนึ่ง แต่ส่งที่น่าจะสังเกตได้ก็คือว่า ส่วนใจมันพลอยไปกับกายมากน้อยแค่ไหน ทั้งที่ส่วนใจก็มีความทุกข์ทางใจอยู่แล้ว คือความเศร้าโศก ความคับแค้นใจ ซึ่งส่วนของจิตใจนี้อาจจะเกิดขึ้นเพราะความทุกข์ทางกายทำให้เกิด หรืออาจเกิดแม้ความทุกข์ทางกายไม่มีก็ได้

"นับเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนในสาเหตุ และสาเหตุเหล่านี้ทางพฤติกรรมสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเกิดขึ้นมาอย่างไร แล้วก็รู้หนทางที่จะบรรเทามันลงไป"

ในบรรดาความทุกข์ที่แบ่งออกเป็นทางกายและทางใจนั้น อ.ระวีบอกว่า

"ความทุกข์ทางใจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น แล้วเราจะพบว่ามนุษย์ได้สร้างกลไกขึ้นทั้งในตัวเองและสังคม ทำให้เกิดความกดดันและความทุกข์ทางใจขึ้น โดยคนส่วนใหญ่อาจจะมองข้ามไป หรืออาจจะมองไม่เห็น มันก็กลายเป็นปัญหาหรือเป็นทุกข์ ความทุกข์ทางใจเหล่านี้เป็นสิ่งที่การอบรมและการฝึกฝนใจสามารถทำให้มันระงับไปได้"

ความทุกข์ทางใจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น-เป็นประเด็นที่ควรให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นวันหนึ่งๆ คนเราทุกข์ทางใจไปโดยสิ้นเปลืองไม่ใช่น้อย

บอกแค่นี้คงไม่ทำให้คิ้วที่ขมวดอยู่คลายออกไปได้ ต้องรับรู้การแจกแจงปฏิบัติการของสิ่งที่เรียกว่าทุกข์เสียก่อน

ทุกข์กาย-ทุกข์ใจแน่

กายไม่ทุกข์-ใจทุกข์ไปล่วงหน้า

"ตัวอย่างความพัวพันระหว่างทุกข์ทางกายและทุกข์ทางใจที่อาจจะได้พบกันในชีวิตประจำวัน สมมุติว่าเราเป็นเด็กไม่สบายแล้วไปหาหมอ หมอบอกว่าเราเป็นไข้หวัด ต้องฉีดยา ถ้าเด็กคนนั้นเคยฉีดยามาหนหนึ่งแล้ว พอบอกต้องฉีดยาอีกมันเกิดทุกข์ขึ้นมาทันที ความทุกข์ที่ได้รับฟังว่าต้องเอาเข็มมาแทงลงไปในเนื้อ ในขณะนั้นทุกข์ทางกายยังไม่ได้เกิด แต่ทุกข์ทางใจเกิดขึ้นแล้ว อาจจะเริ่มมีอาการเป็นทุกข์ เริ่มน้ำตาคลอ พอหมอเอาเข็มฉีดยาดูดยาออกมาจากหลอดก็เริ่มจะมีความทุกข์ทางกายบ้าง แต่ไม่เจ็บ น้ำตาไหลได้

"เราเป็นผู้ใหญ่รู้สึกแต่คงไม่ถึงกับน้ำตาไหล เห็นหมอทำอย่างนั้นเราก็เริ่มรู้สึก หมอเอาเข็มฉีดยามาบีบยาให้ยามันไล่ แล้วก็เอามาจรดลง แล้วลองนึกทบทวนดูว่าเรารู้สึกอย่างไร จะรู้สึกไม่สบายใจ หมอเริ่มกดเข็ม บางครั้งเราก็มอง บางครั้งเราก็ไม่อยากมอง ลองมองดูและลองพิจารณาดูตอนที่เข็มมันจรด ความทุกข์ทางกายยังไม่เกิดขึ้น แต่เรามีความไม่สบายใจ พอหมอกดเข็มเข้าไปในเนื้อเรา นึกว่าเราเจ็บ แต่ที่จริงถ้าเราเพ่งใจลงไปในขณะเข็มกดลงไปในเนื้อ จะพบว่ามันยังไม่เจ็บ ความทุกข์ทางกายยังไม่มี แต่เมื่อเข็มมันลงไปลึกพอประมาณแล้ว และเมื่อหมอเริ่มกดยาเข้าไป ความเจ็บมันจะมี

"ถ้ามีสติอยู่กับปัจจุบัน เจ็บที่แล้วไปอย่าไปนึกถึงมันอีก เจ็บที่กำลังเจ็บดูมัน เจ็บที่ยังไม่มา อย่าเพิ่งไปเจ็บก่อน เราจะพบว่าความเจ็บได้เป็นทุกข์ก้อนใหญ่ที่เราจะต้องแบกไว้ แต่ความเจ็บนั้นมันเป็นชั่วขณะๆ พอหมอถอนเข็มออกแล้วขยี้ตอนนั้นเราจะเจ็บมากชั่วขณะ แล้วก็จะชา แต่ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้นจะรู้สึกว่าความเจ็บจริงๆ กับความที่ใจเราเป็นทุกข์มันปนเปกันไปหมด ไม่รู้ส่วนไหนเป็นทุกข์ทางกาย ส่วนไหนเป็นทุกข์ทางใจ

"ถ้าเป็นเด็ก เด็กจะร้องก่อนเข็มจะถูก เมื่อถูกเข็มแทงก็ร้องลั่น พอหมอถอนเข็มออกก็ยังร้องอยู่ เพราะโกรธหมอ นี่คือตัวอย่างที่ยกขึ้นมาเพื่อให้เห็นกลไกของสิ่งที่เรียกว่าความทุกข์"

"ความทุกข์ทั้งหลายที่เป็นความทุกข์ทางใจนี้ เป็นเพราะว่าเรามองดูปรากฏการณ์ในชีวิตด้วยความไม่ชัดเจน ทำอย่างไรจะเห็นสภาวะชัดเจน ทำอย่างไรจะรู้ทัน"

โจทย์นี้หาคำตอบได้ไม่ยาก!

 

**********

คอลัมน์ ร้อยเหลี่ยมพันมุม

โดย วีณา โดมพนานคร
36  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บำบัดความเครียด.......... สมาธิบำบัด เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:19:27 am



ขอบคุณที่มาภาพ http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7623.0
เครดิต คุณ ประสิทธิ์

บำบัดความเครียด.......... สมาธิบำบัด


เครียด เครียด เครียด .........
เครียด เครียด เครียด ชีวิตประจำวันของคนทำงานทำให้ดัชนีความเครียดของคนไทยพุ่งสูงปรี๊ด ความเครียดทำให้สุขภาพเราแย่ลง ทำให้เราป่วยง่ายขึ้น ที่สำคัญสำหรับสาวๆ เครียดมากๆทำให้หน้าแก่ก่อนวัยได้นะ เมื่อเรารู้สึกเครียดร่างกายเราจะหลั่งฮอร์โมน Adrenaline จากต่อมหมวกไต ถ้าเครียดมากก็หลั่ง Adrenaline มากขึ้นฮอร์โมนความเครียดก็จะไปยับยั้งการทำงานของอวัยวะสำคัญทั้งหมด เช่นหัวใจ ไต ตับ ปอด ทำให้อวัยวะสำคัญของเราเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็พร้อมใจกันหยุดทำงานเพราะฮอร์โมนความเครียดไปทำให้ภูมิต้านของร่างกายเราต่ำลง ต่ำลง เรียกว่าโรคเครียดนอกจากทำแก่ง่ายแล้วยังทำให้ถึงตายได้นะเนี่ย

 


- ผ่อนคลายความเครียดด้วยการทำสมาธิ
การทำสมาธิถือได้ว่าเป็นการผ่อนคลายความเครียดที่ลึกซึ้งที่สุด สมาธิทำให้จิตใจสงบนิ่ง แต่มีสติ หยุดความคิดที่ฟุ้งซ่าน วิตกกังวล หรืออารมณ์ด้านลบทั้งหลาย เมื่อเราทำสมาธิจะรู้สึกสบายขึ้นเพราะจะมี Hormoneชื่อ Endorphins หลั่งออกมาในขณะที่จิตใจสงบนิ่ง ฮอร์โมน Adrenaline จากต่อมหมวกไต ก็จะหยุดหลั่ง และในขณะนั้นเองเมื่อจิตสงบสมองส่วน Hypothalamus จะสั่งให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรงขึ้น ภูมิต้านทานของเราก็จะสร้างเพิ่มขึ้นหลังจากถูกยับยั้งด้วยฮอร์โมนความ เครียด การทำสมาธินี้ดีมาก มาก สำหรับคนที่กำลังบำบัดมะเร็งเพราะ เมื่อภูมิต้านทานกระเตื้องขึ้นการกำจัดcell มะเร็งก็จะเป็นไปตามที่ต้องการ


- ทำสมาธิแบบไหนดี?
การทำสมาธิที่สามารถบำบัดโรคที่เกิดจากความเครียด ความกังวล ไม่ใช่โรคที่เกิดจากเชื้อโรคโดยตรง แต่สามารถรักษาใจที่เป็นทุกข์อันเกิดจากโรคได้ วิธีฝึกสมาธิบำบัดมีหลายวิธี ได้แก่ การนั่งภาวนา เดินจงกรม การแผ่เมตตา การอธิษฐานจิต การฝึกใช้พลังภายในร่างกาย การใช้พลังภายนอก การฝึกเพ่งลูกแก้ว และอย่างน้อยควรทำวันละ 2 ครั้ง ถ้าทำได้


- ท่าที่สบายที่สุด
จะนั่งขัดสมาธิหรือจะนอนหงายวางแขนไว้ข้างตัวก็ได้ ให้เป็นท่าที่เรารู้สึกสบายตัวที่สุด แล้วก็เลือกสถานที่ที่เรารู้สึกผ่อนคลาย สบายๆไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป อุณหภูมิในห้องสบาย ๆ
หลับตาลงจะได้ตัดตัวเองออกจากโลกภายนอก จิตจะได้สงบง่ายขึ้น แล้วเริ่มด้วยการกำหนดลมหายใจโดยสูดหายใจเข้าช้า ๆ ให้ท้องพอง หายใจออกช้า ๆให้ท้องแฟบ สัก 3 ครั้ง ให้สังเกตลมที่ผ่านเข้าออกทางจมูกว่ากระทบถูกอะไรบ้าง

จากนั้นให้หายใจให้สบาย กำหนดจิตของตนไปรับรู้ลมหายใจเข้าออก โดยไม่ต้องสนใจเสียงรอบข้าง ให้รับรู้เฉย ๆ ถ้าจิตมันจะวอกแวกนึกนั่นนึกนี่ แว่บไปหาเพื่อนคนโน้นคนนี้ นึกห่วงงานที่นั่นที่นี่บ้างก็ดึงสมาธิกลับมาอยู่กับลมหายใจ แรก ๆ อาจทำยากมาก เหมือนเราหัดเดินตั้งไข่ครั้งแรก ล้มบ้าง ลุกบ้างแต่ถ้าพยายามเข้าในที่สุดเราก็จะเดินได้การทำสมาธิก็เช่นกัน ถ้าเราพยายามขยันดึงจิตกลับมาอยู่กับลมหายใจ ทำซ้ำ ๆ สม่ำเสมอ ในที่สุดจิตก็จะเชื่อง และเริ่มนิ่ง เมื่อเข้าถึงสมาธิก็จะได้ความรู้สึกปีติรู้สึกสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมา ก่อน เพราะ ฮอร์โมนEndorphins หลั่งออกมา และ ฮอร์โมนความเครียด Adrenaline ที่ต่อมหมวกไตก็จะหยุดหลั่งออกมา และเมื่อเข้าสมาธิได้แล้วก็ควรทำเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ๆ ละไม่ต่ำกว่า 15 นาที

- เทคนิคการฝึกหายใจ
โดยปกติแล้วการหายใจด้วยอก ชีพจรจะเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย ต้องหายใจถี่ๆแต่ถ้าหายใจด้วยท้องชีพจรจะเต้นช้า ในทางวิทยาศาสตร์เราอธิบายได้ว่าเป็นการกระตุ้นกะบังลม ที่กะบังลมจะมีเส้นประสาทวากัส (Vagus) ซึ่งเส้นประสาทตัวนี้เป็นพาราซิมพาเทติก เป็นเส้นประสาทมีผลต่อการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อ เพิ่มการทำงานของลำไส้ เส้นประสาทวากัส (Vagus) จะส่งคลื่นไปที่สมอง ทำให้หลอดเลือดขยาย ความดันเลือดลดลง ชีพจรเต้นช้า หายใจช้า ดังนั้นเราจึงต้องฝึกหายใจลงไปที่ท้องแทน
เทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ความเครียดทำให้กล้ามเนื้อทุกระบบในร่างกายหดตัว เวลาเครียดเรามักจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด กำหมัด กัดฟัน ทุกครั้งที่รู้สึกเครียด ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวเกิดอาการเจ็บปวด เช่น ปวดต้นคอ ปวดหลัง ปวดไหล่

- การฝึกคลายกล้ามเนื้อ

จะช่วยลดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลง เพราะในขณะที่ฝึก จิตใจ ของเราจะจดจ่ออยู่กับการคลายกล้ามเนื้อ ความคิดฟุ้งซ่าน และความวิตกกังวลก็ลดลง ช่วยให้จิตใจจะมีสมาธิมากขึ้น

วิธีการฝึก  เลือกนั่งในท่าที่สบาย เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ถอดรองเท้า หลับตา ทำใจให้ว่าง ตั้งใจจดจ่ออยู่ที่กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ 10 กลุ่ม โดยการปฏิบัติดังนี้คือ

1. มือและแขนขวา โดยกำมือ เกร็งแขน แล้วคลาย
2. มือและแขนซ้าย ทำเช่นเดียวกัน
3. หน้าผาก เลิกคิ้วสูงแล้วคลาย ขมวดคิ้วแล้วคลาย
4. ตา แก้ม จมูก ให้หลับตาแน่น ย่นจมูก แล้วคลาย
5. ขากรรไกร ลิ้น ริมฝีปาก โดยกัดฟัน ใช้ลิ้นดันเพดานปากแล้วคลาย เม้มปากแน่นแล้วคลาย
6. คอ โดยก้มหน้าให้คางจรดคอแล้วคลาย เงยหน้าจนสุดแล้วคลาย
7. อก ไหล่ และหลัง โดยหายใจเข้าลึกๆกลั้นไว้ แล้วคลาย ยกไหล่สูงแล้วคลาย
8. หน้าท้องและก้น โดยการแขม่วท้อง แล้วคลาย ขมิบก้นแล้วคลาย
9. เท้าและขาขวา โดยเหยียดขา งอนิ้ว แล้วคลาย เหยียดขา กระดกปลายเท้าแล้วคลาย
10. เท้าและขาซ้าย ทำเช่นเดียวกัน

ข้อแนะนำ
ระยะเวลาที่เกร็งกล้ามเนื้อ ให้น้อยกว่าระยะเวลาที่ผ่อนคลาย เช่น เกร็ง 3-5 วินาที ผ่อนคลาย 10-15 วินาที
ควรฝึกประมาณ 8-12 ครั้ง เพื่อให้เกิดความชำนาญ
เมื่อคุ้นเคยกับการผ่อนคลายแล้ว ให้ฝึกคลายกล้ามเนื้อได้เลยโดยไม่ต้องเกร็งก่อนหรืออาจเลือกคลายกล้ามเนื้อ เฉพาะส่วนที่มีปัญหาก็ได้ เช่น บริเวณใบหน้า คอ หลัง ไหล่ เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องคลายกล้ามเนื้อทั้งตัวแต่ถ้ามีเวลาทำได้ทั้งหมดก็จะดีมากมาก สำหรับตัวคุณเอง


- ฝึกสมาธิประจำ แก้ได้หลายโรค
หากฝึกสมาธิเป็นประจำ จิตใจก็เบิกบาน สมองแจ่มใส จิตใจเข้มแข็ง อารมณ์เย็น พร้อมตลอดเวลาไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรมากระทบ สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยความมั่นใจในตัวเอง เมื่อมีสมาธิที่เข้มแข็ง ปัจจุบันมีการวิจัยและค้นพบข้อดีของการทำสมาธิเช่น

    ช่วยปรับสภาวะสมดุลของร่างกายให้เป็นปกติ ทำให้อัตราการหายใจและชีพจรช้าลง
    ทำให้คลื่นสมองสงบ กล้ามเนื้อผ่อนคลายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ระดับฮอร์โมนที่ถูกระตุ้นจากความเครียดลดลง
    แก้ปัญหานอนไม่หลับได้ถึงร้อยละ 75 และ
    ช่วยให้ผู้ที่ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ใช้ยาแก้ปวดลดลงจาก เดิมร้อยละ 34
    ช่วยให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคเอดส์ มีอาการทุกข์ทรมานลดน้อยลงกว่าการรักษาเฉพาะทางทางยา
    ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรน ความถี่หรือความรุนแรงของอาการจะลดลงร้อยละ 32

และยังพบอีกว่าในการรักษาผู้ป่วยโรค หลอดเลือดหัวใจตีบตัน ผู้ที่มีความเชื่อมั่นในศาสนาจะหายเร็ว กว่า ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย จะมีอัตราการตายมากกว่าผู้นับถือศาสนาถึง 3 เท่า

ในสหรัฐอเมริกา มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยวิสคอนซิล และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย พบผลตรงกันว่า ชาวพุทธที่นั่งสมาธิเป็นประจำ สมองในส่วนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับอารมณ์ที่ดี และ ความคิดด้านบวกจะทำงานกระฉับกระเฉงกว่า ช่วยผ่อนคลายความเครียด และทำให้สมองส่วนที่เป็นศูนย์กลางความทรงจำด้านร้ายสงบลง และการนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้อารมณ์แปรปรวน ตกใจ เกรี้ยวกราด หรือหวาดกลัวลดลงด้วย

แพทย์โรคหัวใจจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ให้คนไข้โรคหัวใจฝึกสมาธิระหว่างบำบัดด้วยยาไปด้วยและได้ผลเป็นที่น่าพอ ใจ เพราะทำให้ความดันโลหิตและความเครียดลดลงอย่างมาก

ฉะนั้นถ้าอยากมีสุขภาพดี ไม่แก่ง่าย ตายเร็ว ก็ต้องเริ่มการฝึกทำสมาธิและต้องเริ่มทำตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย อย่าได้ผัดผ่อนเด็ดขาด

..................

บทความจาก

http://kullastree.com
37  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / พระพุทธศาสนาในประเทศไทย สมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:16:06 am
พระพุทธศาสนาในประเทศไทย สมัยรัตนโกสินทร์
พระพุทธศาสนา สมัยรัตนโกสินทร์


ขอบคุณภาพประกอบจาก http://1.bp.blogspot.com/

  รัชกาลที่ ๑ (๒๓๒๕ - ๒๓๕๒)
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๒๕ ต่อจากพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงย้ายเมืองจากธนบุรี มาตั้งราชธานีใหม่ เรียกชื่อว่า "กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์" ทรงสร้างและปฏิสังขรณ์วัดต่าง ๆเช่นสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดสุทัศนเทพวราราม วัดสระเกศ และวัดพระเชตุพน ฯ เป็นต้น ทรงโปรดให้มีการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๙ และถือเป็นครั้งที่ ๒ ในประเทศไทย ณ วัดมหาธาตุ ได้มีการสอนพระปริยัติธรรมในพระบรมมหาราชวัง ตลอดจนตามวังเจ้านายและบ้านเรือนของข้าราชการผู้ใหญ่ ทรงตรากฎหมายคณะสงฆ์ขึ้น เพื่อจัดระเบียบการปกครองของสงฆ์ให้เรียบร้อย ทรงจัดให้มีการสอบพระปริยัติธรรมทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์แรกของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยสถาปนา พระสังฆราช (ศรี)  เป็นสมเด็จพระสังฆราช เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๕๒

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.thaigoodview.com/
   รัชกาลที่ ๒ (๒๓๕๒- ๒๓๖๗) 
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๒ เป็นทรงทำนุบำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนาเหมือนอย่างพระมหากษัตริย์ไทยแต่โบราณ ในรัชสมัยของพระองค์ได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชถึง ๓ พระองค์ คือ สมเด็จพระสังฆราช( สุก )   สมเด็จพระสังฆราช( มี )  และ สมเด็จพระสังฆราช ( สุก ญาณสังวร) 
   ในปี พ.ศ. ๒๓๕๗ ทรงจัดส่งสมณทูต ๘ รูป ไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศลังกา ได้จัดให้มีการจัดงานวันวิสาขบูชาขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๐ ซึ่งแต่เดิมก็เคยปฏิบัติถือกันมาเมื่อครั้งกรุงสุโขทัย แต่ได้ขาดตอนไปตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า จึงได้มีการฟื้นฟู วันวิสาขบูชา ใหม่ ได้โปรดให้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขวิธีการสอบไล่ปริยัติธรรมขึ้นใหม่ ได้ขยายหลักสูตร ๓ ชั้น คือ เปรียญตรี -โท - เอก เป็น ๙ ชั้น คือชั้นประโยค ๑ - ๙

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.thaigoodview.com
   รัชกาลที่ ๓ (๒๓๖๗ - ๒๓๙๔) 
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้มีการสร้างพระไตรปิฎกฉบับหลวงเพิ่มจำนวนขึ้นไว้อีกหลายฉบับครบถ้วนกว่ารัชกาลก่อน ๆ โปรดให้แปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามหลายแห่ง และสร้างวัดใหม่ คือวัดเทพธิดาราม วัดราชนัดดา และวัดเฉลิมพระเกียรติ ได้ตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อสอนหนังสือไทยแก่เด็กในสมัยนี้ได้เกิดนิกายธรรมยุติขึ้น โดยพระวชิรญาณเถระ (เจ้าฟ้ามงกุฏ) ขณะที่ผนวชอยู่ได้ทรงศรัทธาเลื่อมใสในจริยาวัตรของพระมอญ ชื่อ ซาย ฉายา พุทฺธวํโส จึงได้ทรงอุปสมบทใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๒ ได้ตั้ง คณะธรรมยุติ ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๓๗๖ แล้วเสด็จมาประทับที่วัดบวรนิเวศวิหาร และตั้งเป็นศูนย์กลางของคณะธรรมยุติ

   รัชกาลที่ ๔ (๒๓๙๔ -๒๔๑๑) 
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ เมื่อทรงเป็นเจ้าฟ้ามงกุฎได้ผนวช ๒๗ พรรษาแล้วได้ลาสิกขาขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุ ๕๗ พรรษา ใน พ.ศ. ๒๒๓๙๔ ด้านการพระศาสนา ทรงพระราชศรัทธาสร้างวัดใหม่ขึ้นหลายวัด เช่นวัดปทุมวนาราม วัดโสมนัสวิหาร วัดมกุฎกษัตริยาราม วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และ วัดราชบพิตร  เป็นต้น ตลอดจนบูรณะวัดต่าง ๆ อีกมาก โปรดให้มีพระราชพิธี  "มาฆบูชา"  ขึ้นเป็นครั้งแรก ใน พ.ศ. ๒๓๙๔ ณ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนได้ถือปฏิบัติสืบมาจนถึงทุกวันนี้

   รัชกาลที่ ๕ (๒๔๑๑ - ๒๔๕๓) 
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๑ ทรงยกเลิกระบบทาสในเมืองไทยได้สำเร็จ ทรงสร้างวัดใหม่ขึ้น คือวัดวัดราชบพิตร วัดเทพศิรินทราวาส วัดเบญจมบพิตร วัดอัษฎางนิมิตร วัดจุฑาทิศราชธรรมสภา และวัดนิเวศน์ธรรมประวัติ ทรงบูรณะวัดมหาธาตุ และวัดอื่น ๆ อีก ทรงนิพนธ์วรรณกรรมทางพุทธศาสนาจำนวนมาก โปรดใหั้มีการเริ่มต้นการศึกษาแบบสมัยใหม่ในประเทศไทย โดยให้พระสงฆ์รับภาระช่วยการศึกษาของชาติ ครั้น พ.ศ. ๒๔๒๗ ได้จัดตั้งโรงเรียนสำหรับราษฎรขึ้นเป็นแห่งแรก ณ วัดมหรรณพาราม ถึงปี พ.ศ. ๒๔๑๔ โปรดให้จัดการศึกษาแก่ประชาชนในหัวเมือง โดยจัดตั้งโรงเรียนในหัวเมืองขึ้น
   เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๕ มีพระบรมราชโองการประกาศตั้งกรมธรรมการเป็นกระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการปัจจุบัน) โปรดให้มีการพิมพ์พระไตรปิฎกด้วยอักษรไทย จบละ ๓๙ เล่ม จำนวน ๑,๐๐๐ จบ พ.ศ. ๒๔๓๒ โปรดให้ย้ายที่ราชบัณฑิตบอกพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณร จากในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ออกมาเป็นบาลีวิทยาลัย ชื่อมหาธาตุวิทยาลัย ที่วัดมหาธาตุ และต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ได้ประกาศเปลี่ยนนามมหาธาตุวิทยาลัยเป็นมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นที่ศึกษาพระปริยัติธรรมและวิชาการชั้นสูงของพระภิกษุสามเณร
   ปี พ.ศ. ๒๔๓๖ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงจัดตั้ง "มหามกุฏราชวิทยาลัย" ขึ้น เพื่อเป็นแหล่งศึกษาพระพุทธศาสนาแก่พระภิกษุสามเณรฝ่ายธรรมยุตินิกาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเปิดในปีเดียวกัน

   รัชกาลที่ ๖ (๒๔๕๓- ๒๔๖๘) 
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงพระปรีชาปราดเปรื่องในความรู้ทางพระศาสนามาก ทรงนิพนธ์หนังสือแสดงคำสอนในพระพุทธศาสนาหลายเรื่อง เช่น เทศนาเสือป่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร เป็นต้น ถึงกับทรงอบรมสั่งสอนอบรมข้าราชการด้วยพระองค์เอง ทรงโปรดให้ใช้ พุทธศักราช (พ.ศ.) แทน ร.ศ. เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ ให้เปลี่ยนกระทรวงธรรมการเป็นกระทรวงศึกษาธิการ
   ในปี พ.ศ. ๒๔๕๔ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเปลี่ยนวิธีการสอบบาลีสนามหลวงจากปากเปล่ามาเป็นข้อเขียน เป็นครั้งแรก
   พ.ศ. ๒๔๖๙ ทรงเริ่มการศึกษาพระปริยัติธรรมใหม่ขึ้นอีกหลักสูตรหนึ่ง เรียกว่า "นักธรรม" โดยมีการสอบครั้งแรกเมื่อ เดือนตุลาคม ๒๔๕๔ ตอนแรกเรียกว่า "องค์ของสามเณรรู้ธรรม"
   พ.ศ. ๒๔๖๒ ถึง พ.ศ. ๒๔๖๓ โปรดให้พิมพ์คัมภีร์อรรถกถาแห่งพระไตรปิฎกและอรรถกถาชาดก และคัมภีร์อื่น ๆ เช่นวิสุทธิมรรค มิลินทปัญหา เป็นต้น

   รัชกาลที่ ๗ (๒๔๖๘ - ๒๔๗๗) 
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้มีการทำสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้น ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๘ - ๒๔๗๓ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เป็นการสังคายนาครั้งที่ ๓ ในเมืองไทย แล้วทรงจัดให้พิมพ์พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ ชุดละ ๔๕ เล่ม จำนวน ๑,๕๐๐ ชุด และพระราชทานแก่ประเทศต่าง ๆ ประมาณ ๕๐๐ ชุด โปรดให้ย้ายกรมธรรมการกลับเข้ามารวมกับกระทรวงศึกษาธิการ และเปลี่ยนชื่อกระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงธรรมการอย่างเดิม โดยมีพระราชดำริว่า "การศึกษาไม่ควรแยกออกจากวัด" ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๗๑ กระทรวงธรรมการประกาศเพิ่มหลักสูตรทางจริยศึกษาสำหรับนักเรียน ได้เปิดให้ฆราวาสเรียนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม โดยจัดหลักสูตรใหม่ เรียกว่า "ธรรมศึกษา" ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๗ ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งยิ่งใหญ่ของไทย เมื่อคณะราษฎร์ได้ทำการปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ ๘

     รัชกาลที่ ๘ (๒๔๗๗ - ๒๔๘๙) 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่อยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชเป็นรัชกาลที่ ๘ ในขณะพระพระชนมายุ เพียง ๙ พรรษาเท่านั้น และยังกำลังทรงศึกษาอยู่ในต่างประเทศ จึงมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
   ในด้านการศาสนาได้มีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ
   ๑. พระไตรปิฎก แปลโดยอรรถ พิมพ์เป็นเล่มสมุด ๘๐ เล่ม เรียกว่าพระไตรปิฎกภาษาไทย แต่ไม่เสร็จสมบูรณ์ และได้ทำต่อจนเสร็จเมื่องานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐
   ๒. พระไตรปิฎก แปลโดยสำนวนเทศนา พิมพ์ใบลาน แบ่งเป็น ๑๒๕๐ กัณฑ์ เรียกว่า พระไตรปิฎกฉบับหลวง เสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒
   พ.ศ. ๒๔๘๔ ได้เปลี่ยนชื่อกระทรวงธรรมการเป็นกระทรวงศึกษาธิการ และกรมธรรมการเปลี่ยนเป็น กรมการศาสนา และในปีเดียวกัน รัฐบาลได้ออก พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม เพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์มีความสอดคล้องเหมาะสมกับการปกครองแบบใหม่
   พ.ศ. ๒๔๘๘ มหามกุฎราชวิทยาลัย ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๖ ได้ประกาศตั้งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ ชื่อ "สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย" เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม
   พ.ศ. ๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลได้ถูกลอบปลงพระชนม์ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นครองราช เป็นรัชกาลที่ ๙ รัชกาลปัจจุบัน

    สมัยรัชกาลที่ ๙ (ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๙ สืบมา) 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นราชกาลที่ ๙ สืบต่อมา ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นศาสนูปถัมภก ทรงให้การอุปถัมภ์แก่ทุกศาสนา และทรงปกครองบ้านเมืองโดยสงบร่มเย็น ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในรัชสมัยรัชกาลปัจจุบัน ได้มีการส่งเสริมพุทธศาสนาด้านต่าง ๆ มากมาย ดังนี้
   - ด้านการศึกษา ประชาชนได้สนใจศึกษาพุทธศาสนามากขึ้นตามลำดับ ได้มีการจัดตั้งสมาคม มูลนิธิทางพุทธศาสนาเพื่อการศึกษามากมาย มีการจัดตั้งชมรมพุทธศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ พ.ศ. ๒๔๙๐ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๓๒ ได้ประกาศตั้งเป็นมหาวิทยาลัยฝ่ายพระพุทธศาสนาขึ้น เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๔๙๐ และเปิดการศึกษาเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๔๙๐ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนการศึกษาของพระสงฆ์ได้มีการยกระดับมาตรฐานการศึกษา เช่นยกระดับมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง ๒ แห่ง คือมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้เปิดการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษาแก่พระภิกษุสามเณรในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และมีนโยบายจะเปิดระดับปริญญาเอกในอนาคต ได้มีการรับรองวิทยฐานะเทียบเท่ากับมหาวิทยาลัยสากลทั่วไป และได้ออกกฏหมาย พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง ๒ แห่ง โดยรัฐสภาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๐ มีชื่อว่า "มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ "มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย" ปัจจุบันนี้ได้มีวิทยาเขตต่างจังหวัดอีกหลายแห่ง เช่น เชียงใหม่ พะเยา แพร่ ลำพูน นครสวรรค์ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา หนองคาย นครปฐม นครศรีธรรมราช เป็นต้น ส่วนการศึกษาด้านอื่น ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมแผนกสามัญ ระดับประถมปลาย และ ม.๑ ถึง ม.๖ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนพุทธศาสนาวัดอาทิตย์ขึ้นเป็นแห่งแรก ณ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพื่อเปิดการสอนพุทธศาสนาแก่เด็กและเยาวชน จนได้แพร่ขยายไปทั่วประเทศ
   - ด้านการเผยแผ่ ได้มีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ทั้งในและต่างประเทศ ในประเทศไทยได้มีองค์กรเผยแผ่ธรรมในแต่ละจังหวัด โดยได้จัดตั้งพุทธสมาคมประจำจังหวัดขึ้น ส่วนพระสงฆ์ได้มีบทบาทในการเผยแผ่มากขึ้น โดยใช้สื่อของรัฐ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ เป็นต้น กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดเอาวิชาพระพุทธศาสนาเป็นวิชาภาคบังคับแก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ตั้งแต่ ม. ๑ ถึง ม. ๖ พระสงฆ์จึงได้มีบทบาทในการเข้าไปสอนในโรงเรียนต่าง ๆ มีการประยุกต์การเผยแผ่ธรรมในรูปแบบต่าง ๆ เช่นการบรรยาย ปาฐกถา และเขียนหนังสืออธิบายพุทธธรรมมากขึ้น ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เช่นมีพระเถระนักปราชญ์ชาวไทยในยุคนี้ ได้แก่ ท่านพุทธทาสภิกขุ และพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เป็นต้น ในต่างประเทศได้มีการสร้างวัดไทยในต่างประเทศหลายวัด เช่นวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นวัดไทยแห่งแรกในต่างประเทศ ต่อจากนั้นได้มีการสร้างวัดไทยในประเทศตะวันตก คือวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเปิด เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ นับเป็นวัดไทยวัดแรกในประเทศตะวันตก ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้มีการสร้างวัดแห่งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอเนีย ชื่อว่า วัดไทยลอสแองเจลิส ปัจจุบันมีวัดไทยในสหรัฐอเมริกา ประมาณ ๑๕ วัด นอกจากนั้นได้มีองค์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศของคณะสงฆ์ไทย ได้จัดให้มีการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศขึ้นประจำทุกปี เพื่อส่งไปเผยแผ่พุทธศาสนาในต่างประเทศ โดยเฉพาะทางตะวันตก ปัจจุบันนี้ชาวตะวันตกได้หันมาสนใจพุทธศาสนากันมาก ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ได้มีการจัดตั้งสำนักงานองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกขึ้น ณ ประเทศไทย ( พ.ส.ล. ) เพื่อเป็นศูนย์กลางของชาวพุทธทั่วโลก
   - ด้านพิธีกรรม ได้มีการเปลี่ยนแปลงพระราชพิธีต่าง ๆ ที่เป็นพระราชพิธีของพระมหากษัตริย์ ให้เป็นพิธีของรัฐบาล เรียกว่า "รัฐพิธี" โดยให้กรม กระทรวงต่าง ๆ เป็นผู้จัด จัดให้มีงานส่งเสริมพระพุทธศาสนาช่วงวันวิสาขบูชาของทุกปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จแทนพระองค์ในพิธีเวียนเทียนในวันสำคัญทางพุทธศาสนาเช่นวันวิสาขบูชา มาฆบูชา อาสาฬหบูชา ณ พุทธมณฑล ซึ่งสร้างขึ้น เมื่อคราว ฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ
   - ด้านวรรณกรรม ได้มีวรรณกรรมทางพุทธศาสนาเกิดขึ้นมากมาย มีปราชญ์ทางพุทธศาสนาเกิดขึ้นหลายรูป จึงได้เกิดวรรณกรรมทั้งประเภทร้อยแก้วและร้อยกรองมากมายหลายเล่ม เช่นพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ ของท่านพุทธทาสภิกขุ หนังสือ พุทธธรรม ของพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เป็นต้น
38  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / 10 อันดับ Virus Computer อันตราย เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:06:24 am
10 อันดับ Virus Computer อันตราย

อันดับ10 : .vbs

เด็กเส้น AMD (ไม่นิยมอินเทล).vbs ไฟล์ขนาด 5.0 K ความร้ายแรงไม่บอก ? อาการแสดงเมื่อติดเชื้อ AMD (ไม่นิยมอินเทล).vbs

1. ทุกไดร์ฟจะเป็น Autoplay หมดจะดับเบิ้ลคลิกเปิดไดร์ฟตามปกติไม่ได้

2. ทุกไดร์ฟจะมีไฟล์ AMD (ไม่นิยมอินเทล).vbs และไฟล์ autorun.inf อยู่

3. เมื่อเอาแฟล๊ตไดร์เสียบจะติดเชื้อทันที

4. เมื่อเปิด IE Browser... ที่ไตเติ้ลบาร์จะมีชื่อ HELLO By AMD (ไม่นิยมอินเทล)

5. คุณจะฝันถึงแต่ AMD (ไม่นิยมอินเทล) ทุกคืน (เพราะความแค้น)

อันดับ9 : Trojan Downloader.OQN (SCVHOST.exe)

ขนาดไฟล์ 245 K มีความร้ายกาจระดับปานกลาง อาการแสดงออกเมื่อติดเชื้อ Trojan Downloader.OQN

1. ดับคลิกเปิดไฟล์ .BAT ไม่ได้

2. ใช้ Regedit ไม่ได้

3. ใช้ Msconfig ไม่ได้

4. ใช้ Task Manger ไม่ได้

5. Folder Option หายไป

6. ใช้ CMD ไม่ได้

อันดับ8 : Win32 VB.NBB worm หรือ W32 Vinet.A.worm



ไฟล์ ขนาด 56 K ไม่ร้ายแรง แต่ก่อให้เกิดความลำคาญมากกว่า ด้วยการสร้างโฟลเดอร์จำลองตัวเองใช้ชื่อเหมือนกับโฟล เดอร์จริงแต่มีนามสกุล .EXE สร้างโฟลเดอร์ชื่อ Ghost.bat และไฟล์ชื่อ Nethoot.htm และไฟล์ชื่อ Folder.htt และไฟล์ชื่อ desktop.ini รวม 5 ไฟล์ทุกโฟลเดอร์ที่เราคลิกเข้าไป อาการแสดงเมื่อติดเชื้อไวรัส Win32 VB.NBB worm

1. เมื่อเปิดไดร์ฟต่างๆ จะเห็นโฟลเดอร์ชื่อ Windows.exe แต่มีขนาดใหญ่กว่าโฟลเดอร์ทั่วไป

2. จะมีโฟลเดอร์นามสกุล .EXE ชื่อเหมือนกับโฟลเดอร์จริง และไฟล์ Ghost.bat, Nethoot.htm, Folder.htt, desktop.ini รวม 5 ไฟล์เสมอเมื่อเปิดโฟลเดอร์ต่าง ๆ

3. จะทำให้เครื่องทำงานช้าลง

อันดับ7 : W32 FlashDown.A.worm (Msmsgs.exe)

ไฟล์ขนาด 210 K ความร้ายแรงระดับปานกลาง อาการแสดงเมื่อติดเชื้อ W32 FlashDown.A.worm

1. ใช้ Regedit จะรีสตาร์ททันที

2. ใช้ Msconfig จะรีสตาร์ททันที

3. ใช้ Task Manager ไม่ได้

4. Folder Option หายไป

5. Search ในเมนู Start หายไป

6. ใช้ CMD ไม่ได้

อันดับ6 : WebCam.wmv.exe

ขนาดไฟล์ 72.0 K ความร้ายแรงระดับปานกลาง อาการเมื่อติดไวรัส WebCam.wmv.exe

1. Folder Options... หายไป

2. ใช้ Task Manager ไม่ได้

3. ใช้ Regedit ไม่ได้

4. ไดร์ฟ C: หายไป

5. คลิกเปิด Mannage ที่คลิกขวา My Computer มันจะปิดทันที

6. คลิกที่ Device Manager มันจะปิดทันที

7. เปิดใช้ Add or Remove Programs in Control Panel มันจะปิดทันที

8. เปิดใช้ Change the way sacurity center alerts Me มันจะปิดทันที

9. ใช้ CMD ไม่ได้

อันดับ5 : W32 writU.A.worm (syssetup.exe)

ขนาด ไฟล์ 80.0 K ดูไม่ค่อยร้ายแรงเท่าไหร่ แต่ก็สร้างความเสียหายได้ไม่น้อย มันจะทำให้ทุกไดร์เป็น Autoplay หมด เมื่อเราดับเบิ้ลคลิกที่ไดร์ไหนก็เหมือนทำให้มันขยาย พันธุ์ไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันตาย และมันจะสแกนหาพอร์ตในเครือข่ายไปเรื่อยๆ ทุกๆ 1 วินาที เมื่อเจอมันจะเข้าไปขัดขวางการทำงานทันที อาการแสดงออกเมื่อติดเชื้อ W32 writU.A.worm

1. คลิกขวาที่ไดร์ต่าง ๆ บรรทัดบนสุดจะเป็นตัวหนังสือ ?? แทนที่จะเป็น Open

2. ถ้าโชว์ Hidden File ไว้ จะเห็นไฟล์ชื่อ Autorun.inf และ syssetup.exe ซ่อนอยู่ระดับ System เมื่อเราลบมันทิ้งไปมันจะเกิดขึ้นมาใหม่เองอีก แต่จะไม่เกิดที่ไดร์ C:

3. ที่ Task Manager จะเห็น Image Name PING.EXE ทำงานอยู่ แต่ไม่สามารถ End Process ได้ เพราะมันใช้คำสั่ง PING พอร์ตในทุกๆ 1 วินาที

4. ระบบพอร์ตต่าง ๆ จะรวนไปหมด เช่น พิมพ์งานอาจจะเพี้ยน หรือใช้ต่ออินเตอร์เน็ตอาจจะมีปัญหาแฮ้งค์หรือหลุด

อันดับ4 : W32/Sohanat.DZ.worm (SCVVHSOT.EXE)

ขนาดไฟล์ 495 K มีความร้ายกาจระดับสูง แต่ฆ่าได้ไม่ยาก อาการแสดงออกเมื่อติดเชื้อ W32/Sohanat.DZ.worm

1. ดับคลิกเปิดไฟล์ .BAT ไม่ได้

2. ใช้ Regedit ไม่ได้

3. ใช้ Msconfig ไม่ได้

4. ใช้ Task Manger ไม่ได้

5. Folder Option หายไป

6. ใช้ CMD ไม่ได้

7. มันจะสร้างโฟลเดอร์เลียนแบบโฟลเดอร์เดิม แต่จะมีนามสกุล .EXE ไว้ทุกโฟลเดอร์

อันดับ3 : WIN32 Wukill.B worm

ขนาดไฟล์ 52.2 K ตัวนี้ร้ายกาจมาก สามารถหลบหนีได้ อาการแสดงเมื่อติดเชื้อ WIN Wukill.B worm

1. มันจะสร้างโฟลเดอร์ .EXE และ comment.htt, desktop.ini ทั่วไปหมด


2. เมื่อ Search เจอมันจะหนีไปได้


3. ใน Task Manager มันจะเปลี่ยนชื่อไปเรื่อย ๆ


4. เมื่อเราไปเปิดเจอตัวมันในโฟลเดอร์ใดก็ตาม มันจะหนีไปทันที มันจะมีที่อยู่ไม่แน่นอน จึงยากที่จะผสมยาแผนโบราณ

อันดับ2 : Brontok.B worm

Brontok.B worm ขึ้นไป เช่น Brontok.B ขนาดไฟล์ 19.5 K, Brontok.AQ ขนาดไฟล์ 41.6 K ยังมีอีกหลายรุ่นความร้ายแรงระดับสูง อาการที่แสดงเมื่อติดเชื้อไวรัส Brontok.AQ หรืออื่น ๆ อาการจะคล้าย ๆ กัน

1. Folder Option หายไป


2. ใช้ Task Manger ไม่ได้


3. ใช้ Regedit ไม่ได้


4. ใช้ Msconfig ไม่ได้


5. ใช้ CMD ไม่ได้


6. คลิกไฟล์ หรือโฟลเดอร์ที่ชื่อว่า VIRUS หรือความหมายที่เกี่ยวกับไวรัส หรือตามข้อ 2 - 5 มันจะรีสตาร์ทเครื่องทันที


อันดับ1 : W32 VB.UT.worm

W32 VB.UT.worm ขนาดไฟล์ 88.0 K ความร้ายแรงระดับสูง มันจะเปลี่ยนไฟล์ CMD.EXE, Taskmgr.exe, regedit.exe, msconfig.exe ให้เป็นไฟล์ของมันแทน คือ ขนาด 88.0 K เมื่อเราดับเบิ้ลคลิกใช้ไฟล์พวกนี้ ก็เท่ากับคลิกตัวมันให้ทำงานนั่นเอง เมื่อใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสฆ่ามัน ได้แล้ว แต่โปรแกรมพวกนี้ก็ยังใช้งานไม่ได้อยู่ดี ต้องไปหาไฟล์พวกนี้ CMD.EXE, Taskmgr.exe, regedit.exe, msconfig.exe จากเครื่องอื่น ๆ มาใส่แทนจึงจะใช้งานได้ อาการแสดงออกเมื่อติดเชื้อ W32 VB.UT.worm

1. Folder Option จะหายไป


2. ใช้ Task Manger ไม่ได้


3. ใช้ Regedit ไม่ได้


4. ใช้ Msconfig ไม่ได้


5. ใช้ CMD ไม่ได้ (จากข้อ 2 - 5 เพราะมันเปลี่ยนเอาไฟล์ของมันมาใส่แทนไว้)


6. เมื่อเปิด IE Browser... บนไตเติ้ลบาร์จะมีชื่อ Hacked by 1BYTE


7. ทุกไดร์ฟจะเป็น Auto หมด จะดับเบิ้ลคลิกเปิดไดร์ฟตามปกติไม่ได้ (ดับเบิ้ลคลิกเท่ากับทำให้มันทำงานต่อไป)


8. จะดับเบิ้ลคลิกไฟล์ .BAT บนเดสท๊อบไม่ได้


9. บางครั้งถ้าเราพยายามจะฆ่ามัน อาจจะมีรูปหัวกระโหลกไขว้ขึ้นมา หน้าจอจะเป็นสีดำกระพริบ ต้องรีบปิดเครื่องทันที ไม่เช่นนั้นมันจะฟอร์แมตไดร์ฟต่าง ๆ ทิ้งทั้งหมด

ที่มาท็อปเทนไทยแลนด์
39  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / การที่เราบอกกับตัวเองว่า เป็นพระอริยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระก็ได้ เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2012, 11:11:25 am
การที่เราบอกกับตัวเองว่า เป็นพระอริยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระก็ได้ นั่นหมายถึงความเชื่อว่า เราสามารถปฏิบัติธรรมเป็นพระอริยะบุคคลได้ในเพสฆราวาส ซึ่งผมเองมีความเชื่อว่าเป็นไปได้ยากนะครับ ...

  เพระาอะไรครับ .....
    ขนาดพระสงฆ์ ยังหา พระอรหันต์ได้ยาก หรือ พระโสดาบัน ขึ้นไปยังหายากเลยครับ แล้วไฉน ฆราวาส จะมีพระอริยะบุคคลมากกว่า พระสงฆ์ ที่ผมเชื่ออย่างนี้เพราะว่า ยุคนี้ เป็นยุคศิวิไลซ์ คือ ยุคแห่งตัณหาเป็นเครื่องนำ ถ้าเทียบไปในสมัยครั้งพุทธกาลแล้ว ผู้คนและชาวบ้าน อยู่กับความสงบมากกว่า แต่ปัจจุบันนี้ ผมว่าไม่ใช่นะครับ เพราะส่ิงสื่อล่อจิตให้ปรุงแต่งตัณหา มีมากกว่า เอาง่าย ๆ แค่ ทีวี นี่ก็นำตัณหาให้เกิดมากกว่าแล้ว

   ดังนั้นผมว่า คนที่คิดว่า ปฏิบัติในเพศฆราวาสแล้วจะเป้นพระอริยะบุคคลได้ง่าย ๆ นั้นผมว่า อาจจะทำได้ยากนะครับ เพราะว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่พระอริยะบุคคลจะใช้ชีวิตอยู่กับคนปุถุชน ได้ง่าย ๆ นะครับ


   การที่เราบอกกับตัวเองว่า เป็นพระอริยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระก็ได้ อย่างนี้ อาจจะเป็นเรื่องที่ปรามาสพระรัตนตรัยได้นะครับ

    ใครเห็นด้วย หรือ เห็นแย้งแสดงความเห็นได้เต็มที่นะครับ เพื่อชำระสิ่งที่ผมคิดไว้อาจจะผิดก็ได้นะครับ

 :s_hi: :smiley_confused1: :67: :13:
40  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มีวิธีตรวจสอบพระอรหันต์ หรือไม่ครับ .... เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2012, 11:05:12 am
พวกเพื่อน ๆ ผมชอบมาชักชวนผมว่า ไปกราบไหว้ ฟังธรรม จากพระอรหันต์กัน พอไปแล้วก็ผิดหวังจริง ๆครับเพราะผมมีความรู้สึกว่าไม่ใช่พระอรหันต์ ครับ ถ้าจะถามผมก็คิดว่า มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวที่มีญาณตรวจรู้จัก พระอรหันต์ ( อันนี้คิดไว้มานานแล้วครับ )

   ดังนั้นสงสัยว่า ถ้าเราจะตรวจสอบพระอรหันต์ ด้วยหลักการอะไรได้ครับ ว่าใช่ หรือ ไม่ใช่ ครับ

  :s_hi: :smiley_confused1:
หน้า: [1] 2