ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะสู้ได้” สามพี่น้องสู้ชีวิตทำงานเลี้ยงยายและหาทุนเร  (อ่าน 467 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28413
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



“เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะสู้ได้” สามพี่น้องสู้ชีวิตทำงานเลี้ยงยายและหาทุนเรียน

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกทางเดินชีวิตเองได้ เหมือนอย่างเรื่องราวของ สามพี่น้องสู้ชีวิต ซัน-ชัชวาล สุธีพงษ์ พี่ชายคนโตวัย 15 ปี ก้อง-ด.ช.อดิศัย สุธีพงษ์ วัย 12 ปี และ บาส-ด.ช.จตุรภัทร สุธีพงษ์ วัย 10 ปี เป็นกำพร้า​ พ่อแม่เสียชีวิตทั้งคู่ ต้องช่วยยายขายพวงมาลัยและข้าวเกรียบว่าว บริเวณสี่​แยกแก่งเสี้ยน​ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี​


เด็กชายทั้งสามกำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ลาดหญ้า ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และชั้นประถมปีที่ 6 ตามลำดับ

ซัน เกิดและเติบโตที่ จ.ลพบุรี พ่อมีอาชีพตั้งแผงขายของเล่น ต่อมาถูกโจรปล้นและทำร้ายจนเสียชีวิต ซันจึงต้องช่วยเหลือครอบครัวตั้งแต่ชั้น ป.2 ด้วยการเป็นลูกมือช่วยน้าขายข้าวเกรียบว่าวอยู่ริมถนน  แต่พอย้ายมาอยู่ที่ อ.แก่งเสี้ยน จ.กาญจนบุรี  ตอนป.6 ได้เกือบปี แม่ก็ป่วยเป็นมะเร็งและเสียชีวิตในเวลาต่อมา



ถึงแม้จะรู้สึกเศร้าโศกและเคว้งคว้างเพียงใด แต่คำพูดของแม่ก่อนเสียชีวิตที่ว่า “หนูเป็นพี่คนโต ต้องดูแลน้อง ๆ และยายด้วยนะลูก” ทำให้เด็กชายคนนี้ฮึดสู้และลุกขึ้นมาเป็นแกนหลักของครอบครัว แต่ด้วยความที่อายุยังน้อย ทำอะไรไม่ได้มาก จึงช่วยคุณยายทำงานเท่าที่ทำได้ เพราะ “ผมเหลือยายคนเดียว ก็พยายามทำให้ดีที่สุดได้แต่ช่วยยายร้อยมาลัยส่ง”



เมื่อเวลาผ่านไป น้อง ๆ เติบโตขึ้น ในขณะที่คุณยายอายุมากขึ้น สุขภาพก็อ่อนแอลงเพราะโรคภัยต่าง ๆ ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รายได้จากการร้อยมาลัยส่งเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพออีกต่อไป ซันเริ่มคิดหารายได้เพิ่มเพื่อจุนเจือครอบครัว จึงหันมาเป็นพ่อค้าพวงมาลัยสี่แยก และทำข้าวเกรียบว่าวขายคู่ไปกับพวงมาลัยด้วย

น้องซันบอกกับนักข่าวว่า

“ถามว่ามีอย่างอื่นได้เงินกว่านี้ แต่ผิดกฎหมาย มันเสี่ยง ผมมีคนข้างหลังอีกเยอะ ผมก็ต้องเลือกสู้แบบนี้”

สามพี่น้องขายพวงมาลัยและข้าวเกรียบมาได้ 2 ปีแล้ว ในวันธรรมดาจะมาขายหลังเลิกเรียนตั้งแต่ 16.30 น. ถึง 1 ทุ่ม ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์จะขายตั้งแต่ 7 โมงเช้า และมีน้อยครั้งมากที่จะขายข้าวเกรียบว่าว 100 ถุง และพวงมาลัย 50 พวงได้หมดเกลี้ยง

หลังจากขายของเสร็จ พอกลับถึงบ้าน สามพี่น้องจะช่วยกันย่างข้าวเกรียบว่าวต่อเลยจนถึง 4 ทุ่มกว่า ๆ แล้วจึงร้อยพวงมาลัย จากนั้นทำการบ้าน พอ 5 ทุ่มกว่า ๆ ก็อาบน้ำเข้านอนเตรียมไปโรงเรียนในวันรุ่งขึ้น



นี่จึงเป็นเหตุผลที่เด็กชายทั้งสามไม่เคยไปเล่นสนุกสนานเหมือนเด็กอื่น ๆ แต่ก็ไม่มีใครปริปากบ่น ซันบอกว่า

“ยายบอกเราเก่งเหมือนพ่อ แต่ก็มีบ้างที่ผมและน้องเดินหลับเข้าโรงเรียน แต่เราต้องอดทนเพราะว่าอยากจะเรียนสูง ๆ จะได้มีชีวิตที่ดีและมีเงินทุนการศึกษาให้ก้องที่ตอนนี้ ม.1 และบาส ป.6”

รายได้เฉลี่ยต่อวันประมาณ 500 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน โชคดีที่ทางโรงเรียนมองเห็นความดีงามของสามพี่น้อง จึงชื่นชมและยกให้เด็กอื่นดูเป็นแบบอย่าง และได้ยกเว้นค่าเล่าเรียนให้อีกด้วย ซันกล่าวกับนักข่าวทิ้งท้ายว่า

“ผมขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลืออุดหนุน ผมก็ดีใจครับ อยากให้สู้ครับ อย่าท้อครับ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกสู้ได้ ”




สำหรับผู้ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือน้อง ๆ สามารถโอนเงินเข้าบัญชี
ชื่อบัญชี โครงการช่วยเหลือ ด.ช.ชัชวาล สุธีพงษ์ ด.ช.อดิศัย สุธีพงษ์ และด.ช.จตุรภัทร สุธีพงษ์
เลขที่บัญชี 020297543058
ธนาคารออมสิน สาขาลาดหญ้า ประเภทบัญชี เงินฝากเผื่อเรียก​


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก  เพจ ฅ.อวดดี ,   Posttoday
Secret Magazine (Thailand)
ขอบคุณ ; https://goodlifeupdate.com/inspiration/177808.html
By ying ,8 October 2019
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ