ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ประเทศไทย ตอนนี้ มีพระอรหันต์ กี่รูป ครับ  (อ่าน 6655 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

mitdee

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 67
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ฮั่นแน่ อย่ามาบ่นกับผมว่า จะหา และ รู้ัไป ทำไม ก็อยากถาม และ อยากรู้จริง ๆ นะครับ

 จุดประสงค์ก็ต้องมีอยู่แล้ว ครับ

ช่วยตอบหน่อย ครับ

  st11 thk56
บันทึกการเข้า

saieaw

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 271
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประเทศไทย ตอนนี้ มีพระอรหันต์ กี่รูป ครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2013, 07:28:50 pm »
0
พระอรหันต์ มีสององค์ ที่เราได้เจอทุกวัน คือ พ่อ และ แม่

 แต่ข้างบ้าน ลูกเรียกว่า พญามาร เพราะถูกพ่อแม่ เมาเหล้า ตบ ตีทุกวัน

  :s_good: 55 55 5 5 55
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ประเทศไทย ตอนนี้ มีพระอรหันต์ กี่รูป ครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2013, 10:07:26 am »
0

ผู้บริโภคกาม ยากที่จะรู้ว่า..ใครเป็นอรหันต์
ปฏิสัลลานสูตร

    [๑๓๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปุพพารามปราสาทของนางวิสาขามิคารมารดา ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล ในเวลาเย็น พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่เร้น ประทับนั่งอยู่ภายนอกซุ้มประตู ลำดับนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ทรงถวายบังคม พระผู้มีพระภาคแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

    ก็สมัยนั้น ชฎิล ๗ คน นิครนถ์ ๗ คน อเจลก ๗ คน เอกสาฎก ๗ คน และปริพาชก ๗ คน มีขนรักแร้และเล็บงอกยาว หาบบริขารหลายอย่าง เดินผ่านไปในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาค พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทอดพระเนตรเห็นชฎิล ๗ คน นิครนถ์ ๗ คน อเจลก ๗ คน เอกสาฎก ๗ คน และปริพาชก ๗ คนเหล่านั้น ผู้มีขนรักแร้และเล็บงอกยาว หาบบริขารหลายอย่าง เดินผ่านไปในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาค


     :25: :25: :25:

    ครั้นแล้วทรงลุกจากอาสนะ ทรงกระทำผ้าห่มเฉวียงบ่าข้างหนึ่งแล้วทรงคุกพระชานุมณฑลเบื้องขวาลงที่แผ่นดิน ทรงประนมอัญชลีไปทางที่ชฎิล ๗คน นิครนถ์ ๗ คน อเจลก ๗ คน เอกสาฎก ๗ คน และปริพาชก ๗ คนแล้วทรงประกาศพระนาม ๓ ครั้งว่า     
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ข้าพเจ้าคือ พระเจ้าปเสนทิโกศล
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ข้าพเจ้าคือพระเจ้าปเสนทิโกศล
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ข้าพเจ้าคือพระเจ้าปเสนทิโกศล

    ลำดับนั้นแล เมื่อชฎิล ๗ คน นิครนถ์ ๗ คน อเจลก ๗ คน เอกสาฎก ๗ คน และปริพาชก ๗ คน เหล่านั้นหลีกไปแล้วไม่นาน พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ทรงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
    ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ท่านเหล่านั้น เป็นคนหนึ่งในจำนวนพระอรหันต์ หรือ ในจำนวนท่านผู้บรรลุอรหัตตมรรคในโลก ฯ





    [๑๓๓] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมหาบพิตร มหาบพิตรเป็นคฤหัสถ์บริโภคกาม ทรงครองฆราวาสอันคับคั่งด้วยพระโอรสและพระมเหสีอยู่ ทรงใช้สอยผ้าแคว้นกาสีและจันทน์อยู่ ทรงทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเครื่องประเทืองผิวอยู่ ทรงยินดีเงินและทองอยู่ ยากที่จะทรงทราบได้ว่า ท่านเหล่านี้เป็นพระอรหันต์ หรือว่าท่านเหล่านี้บรรลุอรหัตตมรรค ฯ

     ans1 ans1 ans1

    ๑. ดูกรมหาบพิตร ศีล พึงทราบได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน และศีลนั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยกาลนิดหน่อย เมื่อมนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ ฯ
    ๒. ความเป็นผู้สะอาด พึงทราบได้ด้วยการปราศรัย และความเป็นผู้สะอาดนั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยกาลนิดหน่อย มนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ ฯ
    ๓. กำลังใจ พึงทราบได้ในเพราะอันตราย และกำลังใจนั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยการนิดหน่อย มนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ ผู้มีปัญญาพึงทราบได้  ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ ฯ
    ๔. ปัญญา พึงทราบได้ด้วยการสนทนา ก็ปัญญานั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยการนิดหน่อย มนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ ฯ





     [๑๓๔] ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญไม่เคยมีมา พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระดำรัสนี้ว่า
     ดูกรมหาบพิตร มหาบพิตรเป็นคฤหัสถ์บริโภคกาม ทรงครองฆราวาสอันคับคั่งด้วยพระโอรสและพระมเหสีอยู่ ทรงใช้สอยผ้าแคว้นกาสีและจันทน์อยู่ ทรงทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเครื่องประเทืองผิวอยู่ ทรงยินดีเงินและทองอยู่ ยากที่จะรู้ได้ว่า ท่านเหล่านั้นเป็นพระอรหันต์ หรือว่าท่านเหล่านี้บรรลุอรหัตตมรรค

      :96: :96: :96:

     ดูกรมหาบพิตร
     - ศีล พึงทราบได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน และศีลนั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยกาลนิดหน่อย มนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ ผู้มีปัญญาพึงทราบได้  ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ
     - ความเป็นผู้สะอาด พึงทราบได้ด้วยการปราศรัยและความเป็นผู้สะอาดนั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยกาลนิดหน่อยมนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ
     - กำลังใจ พึงทราบได้ในเพราะอันตราย และกำลังใจนั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยกาลนิดหน่อย มนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ
     - ปัญญาพึงทราบได้ด้วยการสนทนา และปัญญานั้นแลพึงทราบได้โดยกาลนาน ไม่ใช่โดยนิดหน่อยมนสิการพึงทราบได้ ไม่มนสิการไม่พึงทราบ ผู้มีปัญญาพึงทราบได้ ผู้มีปัญญาทรามไม่พึงทราบ


     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกราชบุรุษปลอมตัวเป็นนักบวชเที่ยวสอดแนมของหม่อมฉันเหล่านี้ ตรวจตราชนบทแล้วกลับมา พวกเขาตรวจตราก่อน หม่อมฉันจักตรวจตราภายหลัง
     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ พวกเขาลอยธุลีและมลทินแล้ว อาบดีแล้ว ไล้ทาดีแล้ว ปลงผมและหนวดแล้ว นุ่งผ้าขาวผู้อิ่มเอิบพรั่งพร้อมด้วยกามคุณ ๕ บำเรอตนอยู่ ฯ

     st12 st12 st12

     ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
        บรรพชิตไม่ควรพยายามในบาปกรรมทั่วไป
        ไม่ควรเป็นคนใช้ของผู้อื่น ไม่ควรอาศัยผู้อื่นเป็นอยู่
        ไม่ควรแสดงธรรมเพื่อประโยชน์แต่ทรัพย์นั้นๆ ฯ


     จบสูตรที่ ๒

___________________________________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๓๔๑๒ - ๓๔๗๙. หน้าที่ ๑๔๙ - ๑๕๑.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=25&A=3412&Z=3479&pagebreak=0             
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=132
ขอบคุณภาพจาก http://www.flickr.com/photos/90000460@N08/with/8174856134/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ประเทศไทย ตอนนี้ มีพระอรหันต์ กี่รูป ครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2013, 10:30:20 am »
0
 
หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ วัดป่าบ้านค้อ ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี


การดูพระอริยเจ้านั้นดูได้ยาก (หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญโญ)

การดูพระอริยเจ้านั้น ส่วนมากจะสุ่มเดาตามกิริยาที่แสดงออกมาทางกายและวาจา การดูในลักษณะอย่างนี้ก็ยากที่จะถูกต้องได้ เพราะพระอริยเจ้ากับผู้ยังเป็นปุถุชนมีกิริยามรรยาทการแสดงออกมาทางกายและวาจาเหมือน ๆ กัน ถึงท่านผู้นั้นจะได้บรรลุธรรมถึงขั้นเป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม จะตัดนิสัยเดิมของท่านเองไม่ได้ นิสัยเป็นมาอย่างไรก็เป็นไปอย่างนั้น
     เช่น พระสารีบุตรในชาติก่อนมา เคยเป็นลิง นิสัยลิงก็ยังติดตัวมา ฉะนั้น พระสารีบุตรจึงชอบกระโดดโลดเต้นอยู่เป็นนิสัย เห็นกิ่งไม้ใดพอจะกระโดดจับโหนตัวเล่นก็ต้องทำ หรือเห็นน้ำบ่อพอจะกระโดดข้ามได้ก็ต้องกระโดดไปมา จนพระองค์อื่นเห็นก็เกิดความแปลกใจ ทำไมพระสารีบุตรจึงแสดงในกิริยามรรยาทที่ไม่เหมาะสมอย่างนี้ ไม่สมศักดิ์ศรีที่ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่า เป็นพระอรหันตสาวกข้างขวาของพระพุทธเจ้าเลย จึงมีพระองค์อื่นโจษขานกันขึ้น และเล่าเรื่องของพระสารีบุตรถวายแด่พระพุทธเจ้า

       ans1 ans1 ans1

      พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นิสัยเดิมของพระสาวกนั้นละไม่ได้ นิสัยเคยเป็นมาในอดีตมีอย่างไร การแสดงออกมาทางกายและวาจา ก็ชอบแสดงออกมาอย่างนั้น
      ฉะนั้น จึงได้เปรียบนิสัยของพระอริยเจ้าและปุถุชนไว้ดังนี้
          ๑. น้ำลึกเงาลึก
          ๒. น้ำลึกเงาตื้น
          ๓. น้ำตื้นเงาลึก
          ๔. น้ำตื้นเงาตื้น
     ทั้ง ๔ ข้อนี้ เป็นวิธีตัดสินได้ยากมาก เพราะไม่มีญาณหยั่งรู้พิเศษเฉพาะตัว นอกจากจะสุ่มเดาไปเท่านั้น





ข้อ ๑ คำว่า น้ำลึกเงาลึก นั้น หมายความว่า ท่านผู้นั้นมีคุณธรรมอยู่ในใจแล้ว และก็ยังมีนิสัยกิริยามรรยาทการแสดงออกมาทางกายและวาจามีความสุขุมลุ่มลึก เป็นนิสัยเดิมของท่านเป็นมาอย่างนั้น ถ้าลักษณะอย่างนี้ก็พอจะเดาถูกบ้าง

ข้อ ๒ คำว่า น้ำลึกเงาตื้น หมายความว่า ท่านผู้นั้นมีคุณธรรมอยู่ภายในใจแล้ว แต่กิริยามรรยาทการแสดงออกมาทางกายและวาจาไม่มีความสำรวมเลย อยากแสดงตัวอย่างไร อยากพูดอย่างไร ก็เป็นในความไม่สำรวมทั้งสิ้น แต่ก็ไม่ผิดในพระธรรมวินัย ไม่มีอกิริยาภายในใจ แต่เป็นเพียงกิริยาที่แสดงออกมาเท่านั้น ถ้าหากไปพบเห็นผู้ที่ท่านเป็นนิสัยอย่างนี้ ก็จะเดาภายในใจไปเลยว่า ท่านผู้นี้ยังเป็นปุถุชนทันที เพราะมีนิสัยไม่น่าเคารพเชื่อถือได้เลย

ข้อ ๓ น้ำตื้นเงาลึก หมายความว่า ท่านผู้นั้นยังไม่มีคุณธรรมภายในใจ แต่กิริยามรรยาทการแสดงออกมาทางกายและวาจานั้นมีความสุขุมลุ่มลึกมาก การสำรวมทางกาย การสำรวมทางวาจาน่าเลื่อมใส ใครได้พบเห็นแล้วจะเกิดความเชื่อถือเป็นอย่างมาก เพราะความบกพร่องในความชั่วร้ายในตัวท่านไม่มี ถ้าได้พบเห็นผู้ที่ท่านมีนิสัยอย่างนี้ ก็จะเดาไปว่าเป็นพระอริยเจ้าทันที

ข้อ ๔ น้ำตื้นเงาตื้น หมายความว่า ท่านผู้นั้นยังไม่มีคุณธรรมภายในใจเลย กิริยามรรยาทการแสดงออกทางกายทางวาจาไม่มีความสำรวมแต่อย่างใด ทำไปพูดไปตามใจชอบ ถ้าหากพบเห็นท่านผู้ใดมีกิริยาการแสดงออกมาอย่างนี้ ก็จะพอเดาถูกอยู่บ้าง

     st12 st12 st12

    ถ้าจะดูนิสัยน้ำลึกเงาตื้น หรือดูนิสัยน้ำตื้นเงาลึก คิดว่าท่านจะต้องเดาผิดอย่างแน่นอน ฉะนั้น การสุ่มเดาว่าใครเป็นพระอริยเจ้า และใครเป็นปุถุชนนั้น จึงยากที่จะสุ่มเดาให้ถูกทั้งหมดได้ ถึงพระอริยเจ้าด้วยกันก็ยังไม่รู้กันทั้งหมดได้
    เช่น พระอริยเจ้าขั้นพระโสดาบัน ก็ยังไม่สามารถดูภูมิธรรมของพระอริยเจ้า ขั้นพระสกิทาคามี
    พระอริยเจ้าขั้นพระสกิทาคามี ก็ไม่สามารถดูภูมิธรรมของพระอริยเจ้า ขั้นพระอนาคามีได้
    พระอริยเจ้าขั้นพระอนาคามี ก็ไม่สามารถดูภูมิธรรมของพระอริยเจ้า ขั้นพระอรหันต์ได้
    แม้พระอรหันต์องค์ที่ท่าน ไม่มีญาณพิเศษส่วนตัว ก็ไม่สามารถรู้ภูมิธรรมขององค์อื่นได้


     gd1 gd1 gd1

    แต่เมื่อได้สนทนาธรรมกันแล้ว ท่านจะรู้ทันทีว่า ท่านผู้นั้นมีภูมิธรรมขั้นนั้นขั้นนี้ทันที ในบางกรณีพระอรหันต์ก็ย่อมรู้กันได้ หรือรู้ภูมิธรรมของพระอริยเจ้าขั้นอื่นได้ด้วย นั่นคือ เป็นผู้มีนิสัยเกี่ยวข้องกันมาในอดีต เคยสร้างบารมีร่วมกันมา และเคยร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาหลายภพหลายชาติ
    ถ้าในกรณีอย่างนี้ก็พอรู้กันบ้าง ถึงจะรู้ท่านก็ไม่โฆษณา
    นอกจากว่าจะพูดเป็นนัย ๆ ให้ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดฟังบางโอกาสเท่านั้น เช่นว่า เพชรน้ำหนึ่งอยู่ที่โน้นที่นี้ หรือพูดว่า ท่านองค์นั้นมีสติดีแล้วนะ อย่างนี้เป็นต้น


ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=296085 โพสต์โดย ตื่น
ขอบคุณภาพจาก
http://3.bp.blogspot.com/
http://www.dhammajak.net/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ประเทศไทย ตอนนี้ มีพระอรหันต์ กี่รูป ครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2013, 11:39:06 am »
0
ฮั่นแน่ อย่ามาบ่นกับผมว่า จะหา และ รู้ัไป ทำไม ก็อยากถาม และ อยากรู้จริง ๆ นะครับ

 จุดประสงค์ก็ต้องมีอยู่แล้ว ครับ

ช่วยตอบหน่อย ครับ

  st11 thk56


    ans1 ans1 ans1

    เรื่องนี้ตอบไม่ได้ เพราะไม่ทราบจริงๆ ถึงทราบ ก็ไม่กล้าบอกหรอกครับ
    ในสมัยพุทธกาลพระเจ้าปเสนทิโกศล ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า จะรู้อย่างไรว่า พวกนอกศาสนาที่เดินผ่านไปมีคนไหนเป็นพระอรหันต์บ้าง
    พระองค์ไม่ได้บอกตรงๆ บอกอ้อมๆ ว่า ผู้บริโภคกามอยู่ ยากที่จะรู้ได้ และบอกอ้อมๆ ต่อไปว่า
      - การดูผู้มีศีล
      - การดูผู้สอาด
      - การดูผู้มีกำลังใจ
      - การดูผู้มีปัญญา
    ต้องเข้าใกล้ ต้องสนทนาด้วย ต้องใช้เวลาไม่น้อย ผู้มีความรู้จริงๆ จึงจะทราบได้
    ถึงตรงนี้หากตีความตามตัวอักษรกันแล้ว ท่านก็ไม่ได้บอกวิธีดูอรหันต์ และไม่ได้บอกว่าใครเป็นอรหันต์


    ask1 ask1 ask1

    ถามว่า พระพุทธองค์เคยตรัสบอกสาวกของท่าน ว่าใครเป็นอรหันต์หรือไม่.?
    ตอบว่า เคยตรัสบอกไว้ใน "ปวารณาสูตรที่ ๗" ดังนี้

    ท่านพระสารีบุตรจึงกราบทูลอีกว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หากว่าพระผู้มีพระภาคไม่ทรงติเตียนกรรมไรๆ อันเป็นไปทางกาย หรือทางวาจาของข้าพระองค์ไซร้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคจะไม่ทรงติเตียนกรรมไรๆ อันเป็นไปทางกายหรือทางวาจาของภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านี้บ้างหรือ ฯ
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
    สารีบุตร เราไม่ติเตียนกรรมไรๆ อันเป็นไปทางกายหรือทางวาจา ของภิกษุ ๕๐๐ รูปแม้เหล่านี้
    สารีบุตร เพราะบรรดาภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านี้
       - ภิกษุ ๖๐ รูป เป็นผู้ได้วิชชา ๓
       - อีก ๖๐ รูป เป็นผู้ได้อภิญญา ๖
       - อีก ๖๐ รูป เป็นผู้ได้อุภโตภาควิมุติ
       - ส่วนที่ยังเหลือเป็นผู้ได้ปัญญาวิมุติ ฯ


   st12 st12 st12

   หากนำอายุของศาสนาพุทธ ๕,๐๐๐ ปีมาคุยกัน ความในอรรถกถา ภิกขุนิกขันธก วรรณนา กล่าวไว้ว่า

   (พันปีแรก)แต่คำว่า พันปี นั้น พระองค์ตรัสด้วยอำนาจพระขีณาสพผู้ถึงความ แตกฉานในปฏิสัมภิทาเท่านั้น.
   (พันปีทีสอง)แต่เมื่อจะตั้งอยู่ยิ่งกว่าพันปีนั้นบ้าง จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระขีณาสพสุกขวิปัสสกะ,
   (พันปีที่สาม)จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระอนาคามี,
   (พันปีที่สี่)จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจแห่งพระสกทาคามี,
   (พันปีที่ห้า)จักตั้งอยู่สิ้นพันปี ด้วยอำนาจพระโสดาบัน,
   รวมความว่า พระปฏิเวธสัทธรรมจักตั้งอยู่ตลอดห้าพันปี ด้วยประการฉะนี้.


    ข้อความในอรรถกถานี้ระบุชัดเจนว่า พันปีที่สามนั้น พระปฏิเวธสัทธรรมจักตั้งอยู่ด้วยอำนาจแห่งพระอนาคามี
    หากตีความกันตรงๆ ก็แสดงว่า ยุคนี้ไม่มีพระอรหันต์
    ปัญหานี้หลวงพ่อฤาษีลิงดำอธิบายไว้ว่า พันปีที่สามจะมากด้วยอนาคามี แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอรหันต์
    ส่วนเพื่อนๆ จะตีความอย่างไร ก็ตามอัธยาสัยครับ

     ans1 ans1 ans1

    สุดท้าย..ขอปิดด้วย "มหาปรินิพพานสูตร" พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า

    “ในธรรมวินัย (ศาสนา) ใด ไม่มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น
        - ไม่มีสมณะที่ ๑ (พระโสดาบัน)
        - สมณะที่ ๒ (พระสกทาคามี)
        - สมณะที่ ๓ (พระอนาคามี)
        - หรือสมณะที่ ๔ (พระอรหันต์)
     ในธรรมวินัยใด มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น
        - มีสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ หรือที่ ๔

     ดูกรสุภัททะ ในธรรมวินัยนี้ มีอริยมรรคประกอบด้วย องค์ ๘ ในธรรมวินัยนี้เท่านั้น มีสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ หรือที่ ๔  ลัทธิอื่นๆ ว่างจากสมณะผู้รู้ทั่วถึง
     ก็ภิกษุเหล่านี้พึงอยู่โดยชอบ โลกจะไม่พึงว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย ฯ”


      :25: :25: :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 13, 2013, 11:42:46 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

MICRONE

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 310
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประเทศไทย ตอนนี้ มีพระอรหันต์ กี่รูป ครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2013, 04:28:09 pm »
0
ตอนนี้ก็มีหลายรูปครับ
   หลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน
   สมเด็จรัชมังคลา วัดปากน้ำ
   หลวงพ่อปราโมทย์ วัดสันติธรรม
   หลวงพ่อเกษม  วัดป่าสามแยก
   หลวงพ่อพยอม วัดสวนแก้ว
   หลวงพี่ หลวงตา หลวงอา หลวงน้า อีกหลายรูป นึกไม่ออก แล้ว

     ที่มีชื่อเสียง ก็น่าจะเป็นพระอรหันต์ ใช่หรือ ไม่ครับ ส่วนที่ไม่มีชื่อเสียง ไม่ใช่หรอก


 :49:
   
บันทึกการเข้า
อบอุ่นใจด้วยคุณธรรม จุดเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

DANAPOL

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 332
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประเทศไทย ตอนนี้ มีพระอรหันต์ กี่รูป ครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2013, 04:30:00 pm »
0
ท่าน Microne รวมหลวงปู่ เณรคำ หรือ ยัง มีชื่อเสียง นะ

  :49:
บันทึกการเข้า
รหัสธรรม ต้องใช้ปัญญาคือความรู้ ผู้ถือกุญแจคือใครหนอ...

KIDSADA

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 439
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประเทศไทย ตอนนี้ มีพระอรหันต์ กี่รูป ครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2013, 10:02:06 pm »
0
ท่าน Microne รวมหลวงปู่ เณรคำ หรือ ยัง มีชื่อเสียง นะ

  :49:

 :smiley_confused1: :smiley_confused1: :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า
เราชอบ ป่วนแก็งค์ อ๊บ อ๊บ

drift-999

  • ศิษย์ตรง
  • พอพึ่งพาได้
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 239
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประเทศไทย ตอนนี้ มีพระอรหันต์ กี่รูป ครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2013, 10:04:09 pm »
0
ผมว่า เสี่ยงปรามาส นะครับ เดี่ยวเจอตอเข้า นะครับ ระวัง หน่อยก็ดี นะครับ

 :08: :welcome:
บันทึกการเข้า

samapol

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 304
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ประเทศไทย ตอนนี้ มีพระอรหันต์ กี่รูป ครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2013, 05:26:15 am »
0
ผมว่าน่าจะยังมีอยู่จำนวนมากนะครับ แต่ ท่านไม่ค่อยจะมายุ่งกับพวกเรา ชาวโลกีย์ เท่าไหร่ นะครับ

  :49: :49: :49:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ประเทศไทย ตอนนี้ มีพระอรหันต์ กี่รูป ครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2013, 10:16:09 am »
0
ตอนนี้ก็มีหลายรูปครับ สมเด็จ หลวงพ่อ หลวงพี่ หลวงตา หลวงอา หลวงน้า อีกหลายรูป ที่มีชื่อเสียง ก็น่าจะเป็นพระอรหันต์ ใช่หรือไม่ ครับ ส่วนที่ไม่มีชื่อเสียง ไม่ใช่หรอก

ครั้งหนึ่งผมและสหายได้มีโอกาสไปกราบสงฆ์อรหันต์รูปหนึ่งแถบอีสานใต้ ครั้นขากลับต่างก็ปิติวิพากย์วิจารณ์หาความเป็นที่สุดแห่งสงฆ์ว่าสงฆ์รูปใดบ้างเป็นอรหันต์ ซึ่งต่างก็ยกอ้างครูอาจารย์ท่านนั้นรูปนั้นตามแต่ที่ตนนับถือว่าเป็นอรหันต์ สหายท่านหนึ่งอ้างเอาหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรํสี วัดมเหยงค์ ว่าเป็นอาจารย์ตนนี่อรหันต์แท้ สหายอีกท่านกลับกล่าวแย้งตามจริตชอบของตนว่าหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สวนสันติธรรม นี่ซิพระแท้แน่กว่าตามรู้ดูจิตมีเหตุผล สหายท่านที่สามคนขุขันธ์กล่าวว่าในนาทีนี้ใครจะเด่นดังเกินกว่าหลวงปู่เณรคำ ฉตฺติโก วัดขันติธรรม เป็นไม่มีใครใครเขาก็ยอมรับกันทั่วบ้านทั่วเมือง ผมเองนั้นนั่งฟังเงียบไม่ปริปากต่อปากต่อคำกับเขา แต่ใจก็นึกว่าทำไมไม่กล่าวถึงหลวงพ่อพระครูสิทธิสังวรกันบ้างทั้งๆที่ทุกคนก็ไปกราบขมาขึ้นพระกรรมฐานกันที่คณะ ๕ มากันแล้วทั้งนั้น ผมจึงกล่าวเปรยถึงครูอาจารย์วัดราชสิทธารามบ้างว่าท่านก็เป็นหนึ่งที่อย่ามองข้ามเราล้วนศิษย์วัดพลับ คณะ ๕ ต้องเชิดชูคุณครูอาจารย์ แต่กลับได้รับการสวนคำว่า อย่าไปกล่าวถึง ใครใครเขาก็ขวนขวายไปหาพระดังกันทั้งนั้นตอนนี้ ครับ! นี่ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่ผมพยายามจะกล่าวในความไม่มีหลักยึดในปัญญาตนเที่ยวค้นหาอรหันต์กันสะเปะสะปะที่สุดปรามาสก็เขลาอนาถรับวิบากไปอยู่พักใหญ่ๆกันทั่วหน้า
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา