ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมสาระวันนี้ "มุนี 6 ประเภท ท่านเลือกเป็น ก็ต้องบำเพ็ญบารมีให้ตรง"  (อ่าน 8522 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
พระสุตตันตปิฏก  ขุททกนิกาย  มหานิทเทส  [อัฎฐกวรรค]
 ๒.  คุหัฏฐกสุตตนิทเทส


(สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า)
         บัณฑิตทั้งหลาย    เรียกบุคคลผู้เป็นมุนีทางกาย
         เป็นมุนีทางวาจา    เป็นมุนีทางใจ    ผู้ไม่มีอาสวะ
         ว่าเป็นมุนีผู้สมบูรณ์ด้วยโมเนยยธรรม    ละกิเลสทั้งปวงได้
           บัณฑิตทั้งหลาย    เรียกบุคคลผู้เป็นมุนีทางกาย
         เป็นมุนีทางวาจา    เป็นมุนีทางใจ    ผู้ไม่มีอาสวะ
         ว่าเป็นมุนีผู้สมบูรณ์ด้วยโมเนยยธรรม    ล้างบาป(๑)    ได้แล้ว(๒)

            มุนีผู้ประกอบด้วยโมเนยยธรรม    ๓    ประการเหล่านี้    มี    ๖    จำพวก    คือ   
     (๑) อาคารมุนี   
     (๒) อนาคารมุนี   
     (๓) เสขมุนี   
     (๔) อเสขมุนี   
     (๕) ปัจเจกมุนี   
    (๖) มุนิมุนี(๓)
            อาคารมุนี    เป็นอย่างไร
            คือ    บุคคลผู้ครองเรือน    เห็นทาง(นิพพาน)แล้ว    รู้แจ้งหลักคำสอนแล้ว    เหล่านี้
ชื่อว่าอาคารมุนี
            อนาคารมุนี    เป็นอย่างไร
            คือ    บุคคลผู้เป็นบรรพชิต    เห็นทาง(นิพพาน)แล้ว    รู้แจ้งหลักคำสอนแล้ว
เหล่านี้ชื่อว่าอนาคารมุนี
            พระเสขะ    ๗    จำพวก    ชื่อว่าเสขมุนี
            พระอรหันต์ทั้งหลาย    ชื่อว่าอเสขมุนี
            พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย    ชื่อว่าปัจเจกมุนี

         

๑ ล้างบาป  หมายถึงล้างบาปด้วยมัคคญาณ  (ขุ.ม.อ.  ๑๔/๑๗๓)
๒ ได้แล้ว ขุ.อิติ.  ๒๕/๖๗/๒๘๒,  ขุ.จู.  ๓๐/๒๑/๗๗
๓ มุนิมุนี  พระอรรถกถาจารย์แก้ว่า  มุนิมุนโย  วุจฺจนฺติ  ตถาคตาติ  พระตถาคตท่านเรียกว่า  มุนิมุนี
   เพราะมีความหมาย  ๘  อย่าง  คือ
   (๑)  พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น  คือเสด็จมาทรงบำเพ็ญพุทธจริยา
   (๒)  พระผู้เสด็จไปแล้วอย่างนั้น  คือทรงทำลายอวิชชา  สละปวงกิเลสเสด็จไปเหมือนอย่างพระพุทธเจ้าองค์
   ก่อน ๆ
   (๓)  พระผู้เสด็จมาถึงตถลักษณะ  คือทรงมีญาณหยั่งรู้เข้าถึงลักษณะที่แท้จริงของสิ่งทั้งหลาย
   (๔)  พระผู้ตรัสรู้ตถธรรมตามที่มันเป็น  คือ  ตรัสรู้อริยสัจ  ๔  หรือปฏิจจสมุปบาท
   (๕)  พระผู้ทรงเห็นอย่างนั้น  คือทรงรู้เท่าทันสรรพอารมณ์ที่ปรากฏแก่หมู่สัตว์ทั้งเทพและมนุษย์  ทั้งสัตว์โลก
   เทพและพรหมได้ประสบและพากันแสวงหา
   (๖)  พระผู้ตรัสอย่างนั้น  หรือมีพระวาจาแท้จริงถูกต้องไม่เป็นอย่างอื่น
   (๗)  พระผู้ทำอย่างนั้น  คือตรัสอย่างใด  ทำอย่างนั้น  ทำอย่างใด  ตรัสอย่างนั้น
   (๘)  พระผู้เป็นยิ่ง  คือทรงเป็นผู้ใหญ่ยิ่งเหนือกว่าสรรพสัตว์ตลอดถึงพระพรหมที่สูงสูด  เป็นผู้เห็นถ่องแท้
   ทรงอำนาจเป็นราชาที่พระราชาทรงบูชา  เป็นเทพแห่งเทพ  เป็นอินทร์เหนือพระอินทร์  เป็นพรหมเหนือ
   พรหม  ไม่มีใครอาจจะวัดหรือจะทัดเทียมพระองค์ด้วย  ศีล  สมาธิ  ปัญญา  วิมุตติ  และวิมุตติญาณทัสสนะ
   (ขุ.ม.อ.  ๑๔/๑๗๓-๑๘๑)



บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


ก็ตอบคำถาม เรื่อง เป็น พระ เป็น มุนี ต้องบวชอย่างเดียวใช่หรือไม่
พระพุทธเจ้า ตรัสแสดง ประเภท ของ มุนี มี 6 ประเภท แต่ปัจจุบันจะเหลือ อยู่ 4 ประเภท คือ

(๕) ปัจเจกมุนี 
        พระปัจเจกพุทธเจ้า จะไม่มีในช่วงพระพุทธศาสนา มีอยู่
(๖) มุนิมุนี(๓)
        พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงดับขันธปรินิพพานแล้ว


   ดังนั้นท่าน จะเป็น มุนี แบบไหน ก็เลือกเอา เพราะความเป็นจริงแล้ว การภาวนาอยู่ที่สัปปายะ บางท่านสัปปายะ ดีกว่าบรรพชิต ด้วยซ้ำไป ไม่มีเรื่องรบกวน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อาวาส อากาศ อาหาร อารมณ์ อาการ อาเพท เห็นหลาย ๆท่าน ก็มีความสะดวกมากกว่า อาตมา ซึ่งเป็นบรรพชิต ด้วยซ้ำไป

    ดังนั้น มุนี ผู้สงบ เป็นได้ทุกท่าน ที่มีความปรารถนา แต่การเป็น มุนี นั้นไม่ใช่ เพื่อ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ นะจ๊ะ อันนี้จะถูกทางเป็นอย่างยิ่ง ขอให้ทุกท่านเข้าใจตามนี้ก็จะเข้าถึงธรรม ที่ควรได้ของตนเอง

  เจริญธรรม / เจริญพร


บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ดรุณี

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 96
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา เจ้าคะ อันนี้อานแล้วพอจะเข้าใจ คะ

ขอบคุณมากคะ ที่พระอาจารย์ยังออกบทความ

 อยากจะสอบถาเพิ่มคะ ว่า

    อาคารมุนี ต้องทำอย่างไรบ้าง คะ มีคุณสมบัติ ในการภาวนาอย่างไรบ้าง คะ

  :c017: :25:
บันทึกการเข้า
อยากให้ทุกชีวิต มีความสุข และ ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

timeman

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 91
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา กับทุกท่านที่ปรารถนา เป็น มุนี อย่างน้อยผมก้เลือกเป็น อาคารมุนี ในตอนนี้ สาธุ สาธุ
ผมชอบเวลาที่พระอาจารย์นำบทความ มาเสนอซึ่ง หาทางแย้งไม่ได้ เลยครับ เพราะเป็นข้อความในพระไตรปิฏกด้วย ถูกกาละเทศะ ด้วยครับ

 :coffee2: :coffee2:
บันทึกการเข้า
ทะลุมิติ มาหา ความจริง ของตัวเอง

TC9

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 137
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อาคารมุนี เป็นคำตอบสำหรับ การภาวนา ในครั้ง นี้ อย่างน้อย อาจจะได้ติด เสขมุนี 1 ใน 7 ก็ยังดี คะ

 สาธุ อนุโมทามิ ครับ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
อาคารมุนี เป็นคำตอบสำหรับ การภาวนา ในครั้ง นี้ อย่างน้อย อาจจะได้ติด เสขมุนี 1 ใน 7 ก็ยังดี คะ

 สาธุ อนุโมทามิ ครับ

  :25: :25: :25:

อนุโมนทา คะ เลือกเป็นอาคารมุนี เหมือนกัน นะคะ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น

มะเดื่อ

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 181
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อันนี้อ่านง่าย ครับ ผมเองไม่คิดว่า จะมี มุนี ในบ้านได้นะครับ แต่อ่านจากพระสูตรที่นำเสนอไว้นั้นแสดง ว่า เราชาวบ้านที่อยู่บ้าน ก็สามารถเป็น มุนี ได้

  แต่ อาคารมุนี เป็นได้อย่างไร ต้องทำอย่างไร บ้างครับ ต้องนุ่งขาว ห่มขาว ทุกวันหรือไม่ ต้องมีห้องพระต่างหาก ต้อง สมาทานศีล 8 ใช่หรือไม่ครับ ถึงจะเป็น อาคารมุนี ได้

  ขอให้ช่วยแนะนำเพิ่มด้วยครับ

 :25: :c017:
บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
โอกาส ของ อาคารมุนี มีได้ยาก เพราะ อาคารมุนี ต้องยุ่งกับกิจการ เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นโอกาสที่ อาคารมุนี จึงหาได้ยาก นับคนได้ มีไม่มาก

    คิดว่า คุณธรรม พื้นฐาน ก็กุศลกรรมบถ 10 ประการ

   :25: :88:
                   
บันทึกการเข้า

sakol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 242
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
โอกาส ของ อาคารมุนี มีได้ยาก เพราะ อาคารมุนี ต้องยุ่งกับกิจการ เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นโอกาสที่ อาคารมุนี จึงหาได้ยาก นับคนได้ มีไม่มาก

    คิดว่า คุณธรรม พื้นฐาน ก็กุศลกรรมบถ 10 ประการ

   :25: :88:
                 


ถ้าโอกาสมีน้อย ควรอ่านกระทู้นี้ ด้วยครับ

เรียนถามว่า พระ กับ โยม ใครจะสามารถรับธรรมเป็น พระอริยะบุคคลได้ก่อนกันครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7361.0

คือผมขอนุญาตนะครับ อ่านมาแล้วหลายกระทู้ ถึงกระทู้บางอันพระอาจารย์จะตอบสั้น หรือ ตอบยาว แต่ทุกกระทู้ที่ตอบผมยอมรับได้เลยว่า ควรอ่าน ครับ และบางอันก็ตอบได้ดีมากครับ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุ สาธุ สาธุ ไม่ถึงกับหมดกำลังใจ ยังมีผู้ให้กำลังใจในการภาวนา อยู่นะคะ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ข้อเสีย ของผู้ภาวนา นั้น

 1.คาดหวัง คนรอบข้างกันมากเกินไป

     เมื่อมาภาวนา แล้วอยากให้คนรอบตัวเราสนับสนุนบ้าง เป็นคนดีบ้าง ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่แก่น เป็นเพียงโลกธรรม ภายนอก เพราะภายในการภาวนาเป็นเพื่อตัวเราที่จะสิ้นสุดภพชาติต่างหาก ดังนั้นคนที่มาภาวนา เพื่อให้คนอื่นยอมรับ นั้นจึงลำบากด้วยเหตุโลกธรรมอย่างนี้

 2.ยึดติดรูปแบบ ในวัด กันมากเกินไป
   
     ถ้าจะนั่งกรรมฐาน ต้องมีห้องพระ จะเดินจงกรม ก็ต้องทำลานเดินจงกรม แบบวัดจึงทำให้เกิดความลำบากในที่อยู่อาศัย สุดท้ายก็ต้องไปพึ่งพาสถานที่ปฏิบัติธรรมตามที่ต่าง ๆ แต่เมื่อกลับมาที่พักอาศัย ก็จะทำไม่ได้ เหตุเพราะยึดติดในรูปแบบ

     นั่งกรรมฐาน บนที่นอนได้ หรือไม่ ? คำถามฮิตทางเมล
        ก็ตอบว่าได้
     นั่งกรรมฐาน แค่ 5 นาทีได้ หรือไม่ ? อันนี้ก็ถามกันมามาก
        ก็ตอบว่าได้

    แต่จะถามอย่างไร ? ก็ควรจะถามกับไปที่ใจเของเราว่า แล้ว เราจะทำกรรมฐาน สมาธิ เหล่านี้ทำไม ?
   ถ้ายังหากคำตอบไม่ได้ ก็นอนซะเถอะ ตรง ๆ ก็เป็นอย่างนั้น

 3.ฝึกภาวนาเพื่อ อำนาจพิเศษ
   
    อันนี้พบได้มาก เพราะเท่าที่รับขึ้นกรรมฐานกันมานั้น ผู้ที่มาฝึกมุ่งเรื่อง ฤทธิ ทางสมาธิเป็นส่วนใหญ่มิได้ตั้งเป้าหมายเพื่อการภาวนา เพื่อิสิ้นภพสิ้นชาต อันนี้ก็หนักเพราะสอนท่าไหร่ ก็ยังไม่ค่อยจะเปลี่ยน เป็นกลุ่มที่ต้องสอนมาก เป็นพิเศษ จึงจะเห็นแจ้งในธรรม

  4.เมื่อสั่งให้ปฏิบัติภาวนา แบบใดแบบหนึ่งแล้วไม่ทำตามที่บอก

    เพราะบางท่านก็จะสงสัย ว่าทำไมต้องสั่งแบบนี้ ทำแบบนี้ ดังนั้นผู้ที่ฝึกกรรมฐานที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็จะมาส่งผลให้เห็นตอนแจ้งกรรมฐาน บางครั้งผุ้ฟังต้องการเหตุผลมากเกินไป ในขณะที่ครูอาจารย์ก็ไม่ค่อยอยากจะพูดให้เป็นความจำดังนั้น สิ่งสำคัญความพร้อมมาถึง ก็ควรปฏิบัติตามครูอาจารย์สั่ง เพราะครูอาจารย์สอนท่านทั้งหลาย เพียงต้องการให้ท่านบรรลุธรรม สำเร็จเป็นพระอริยะบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันเป็นต้นไป

   
   อาคารมุนี แม้จะกล่าวว่ามีอยู่ แต่ก้ไม่ได้มีอยู่มาก นะจ๊ะ ส่วนใหญ่ จะเป้น โยคี ( โยคาวจร )

  เจริญพร / เจริญธรรม
 
   ;)

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 22, 2012, 01:37:16 pm โดย vichai »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ