ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: แก่แล้วไง.? 5 ข้อดีของความชรา ที่คนหนุ่ม-สาวไม่มีวันเข้าใจ  (อ่าน 1132 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28420
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


แก่แล้วไง.? 5 ข้อดีของความชรา ที่คนหนุ่ม-สาวไม่มีวันเข้าใจ

ไม่มีใครในโลกนี้อยากแก่ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากฉุดกระชากความอ่อนวัยไว้ให้ได้นานที่สุด แต่..คนทุกคนต้องแก่ เจ็บ และตายด้วยกันทั้งนั้น ต่อให้ดีแค่ไหน ทำบุญมามากขนาดไหน ก็ต้องแก่และตายไปอยู่ดี เพราะฉะนั้นอย่าไปกังวลกับอีแค่ “ความแก่”

ความชราไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คิด ไม่ได้ทำให้เจ็บป่วย เดินเหินไปช้าลง หรือเป็นภาระ แต่อายุที่มากขึ้น ได้ทิ้งร่องรอยแห่งชีวิตเอาไว้มากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านั้นแหละคือ #ข้อดีของความแก่

@@@@@@@

◎ รู้ว่าควรใช้เวลาไปกับอะไร

เพราะเราต่างผ่านอะไรมาในชีวิตกันเยอะแยะ เมื่ออายุมากขึ้นเราจะรู้ว่าเวลาเป็นของมีค่าเพราะฉะนั้นต้องใช้มันให้คุ้มค่า ความชราจะทำให้รู้ว่าควรใช้เวลาไปกับเรื่องอะไรและกับใคร

ความหนุ่มสาว เป็นวัยรุ่น หรือเป็นเด็กก็เลยคิดว่ายังมีเวลาเหลืออีกเยอะ ยังไม่ต้องรีบคิด รีบทำก็ได้ มีเวลาเหลือเฟือที่จะลองคิด ลองใช้เวลากับใครหรืออะไรสักอย่างไปก่อน ขณะที่คนสูงวัยผ่านเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้มาแล้ว เรียกว่าลองผิด ลองถูกมาหมดแล้ว ตัดคนที่ไม่จำเป็นและสิ่งที่ไม่มีประโยชน์กับชีวิตไปบ้างแล้ว ก็เลยรู้ว่าควรใช้เวลาไปกับเรื่องอะไรและกับใคร

บางคนอยู่มาตั้งนาน ไม่เคยรู้ว่าคนที่คบด้วย สิ่งที่ทำอยู่มีแต่ทำให้เสียเวลาในชีวิตไปเปล่า ๆ โดยไม่เกิดประโยชน์อะไร แถมยังต้องทนกับคนที่มีนิสัยเป็นพิษแทบจะตลอดเวลา ดังนั้นการรู้ว่าจะใช้เวลาไปกับเรื่องอะไรและกับใครเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน จะเด็ก จะวัยรุ่น จะผู้ใหญ่ หรือจะแก่ก็ควรต้องมีมาตรฐานในการเลือกคบคนหรือเลือกทำสิ่งต่าง ๆ ไม่งั้นเราจะเสียเวลาอันมีค่าไปฟรีโดยไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

◎ ผิดพลาดเยอะ บทเรียนก็เยอะ

ในชีวิตคนเราไม่ว่าจะสูง ต่ำ ดำ ขาว หรือยาก ดี มี จนแค่ไหน ก็ต้องเจอกับบทเรียนสำคัญในชีวิตทั้งนั้น บทเรียนเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ จะยอมหรือไม่ยอมก็ต้องจำใจเรียนและผ่านมันไปให้ได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนอายุมากกว่าจะมีประสบการณ์มากกว่า เพราะผ่านมาแล้วทั้งบทเรียนง่าย ๆ และยากลำบาก

ทั้งสองบทเรียนนี้ให้แง่คิดที่ต่างกัน อะไรง่าย ๆ ไม่ได้แปลว่าไม่ดีเสมอไป บางทีความง่ายอาจแค่ผ่านเข้ามาเพื่อสอนให้เรารู้จักทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพราะการได้ทบทวนตัวเอง ก็ทำให้ชีวิตเราชัดเจนขึ้น ส่วนอะไรที่ยากลำบากก็มักจะฝากร่องรอยความคิด ความทรงจำ และประสบการณ์อันล้ำค่าเอาไว้ด้วยเสมอ

ไม่ว่าวันหนึ่งเราจะเจอบทเรียนที่ยากหรือง่าย บทเรียนเหล่านี้ก็คือประสบการณ์ที่ทุกคนได้รับมาในแง่มุมที่ต่างกัน เด็กก็มีบทเรียนแบบหนึ่ง ผู้ใหญ่ก็มีอีกแบบ ซึ่งคงมาเทียบกันไม่ได้ว่าบทเรียนของใครล้ำค่ากว่า เพราะสุดท้ายแล้วทุกบทเรียนมักสอนเราให้หันกลับไปมอง แต่ต้องไม่ย้อนกลับไปเดิน

◎ นิ่งขึ้น ภูมิคุ้มกันเยอะขึ้น

ภูมิคุ้มกันก็คือสภาพที่ร่างกายมีแรงต่อต้านเชื้อโรคหรือในที่นี้ก็คือบางสิ่งบางอย่างที่อาจเป็นภัยไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย ถ้าเป็นเรื่องสุขภาพ เราก็แค่ไปฉีดภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านเชื้อโรค แต่สำหรับการใช้ชีวิตเราไม่สามารถหาอะไรมาฉีดเพื่อต้านภัยอันตรายหรือความผิดหวังที่จะเกิดขึ้นได้ มีแต่ต้องผ่านมันไปด้วยตัวเอง เราถึงจะได้ภูมิคุ้มกันที่ว่านี้กลับมา

ดังนั้นโอกาสที่คนสูงวัยจะมีค่าพลังคุ้มกันก็เลยมีมากกว่า เพราะผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายเจอเรื่องอะไรเข้ามากระทบ อาจแค่เป๋ไปบ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นล้มลุกคลุกคลาน หรือลุกขึ้นมาไม่ได้ซึ่งน่าจะเป็นข้อดีเฉพาะตัวของคนที่อายุมากขึ้นที่ผ่านบทเรียน ประสบการณ์ต่าง ๆ มาบ้างแล้ว

ทีนี้พอมีค่าพลังคุ้มกันก็เลยสามารถรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ยิ่งเป็นเรื่องแนวเดิม ๆ ที่เคยผ่านมาแล้ว ยิ่งทำให้ระบบคุ้มกันทำงานได้ดี จากที่เคยทุกข์ เคยผิดหวัง ก็อาจจะแค่วิง ๆ เล็กน้อย หรือถ้ามีค่าพลังมากหน่อย ก็อาจถึงขั้นข้ามความผิดหวังเหล่านั้นไปได้เลย

@@@@@@@

◎ คิดเยอะขึ้น ความฉาบฉวยในชีวิตลดลง

เป็นธรรมดาที่พอเราอายุมากขึ้น เราจะมีความคิดที่ต่างออกไป ไม่เฉพาะแค่คนสูงวัย..ตัวเราในวันนี้ กับตัวเราในอดีตยังคิดไม่คิดเหมือนกันเลย เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาสลองมองตัวเองย้อนกลับไปเมื่อก่อน เราจะรู้เลยว่าตัวเราในอดีตมักจะทำอะไรไม่เข้าท่าเสมอ ทำไมตอนนั้นคิดแบบนี้ ทำอะไรแบบนั้นลงไป นี่ผ่านการคิดมาแล้วจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย พร้อมกับคำพูดอีกมากมายที่อยากบอกตัวเองในตอนนั้น

เพราะอายุและประสบการณ์ชีวิตทำให้ความคิดเราเปลี่ยนไป ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งต้องเจอปัญหารอบด้าน ทั้งการใช้ชีวิต ความเครียด เงินทอง ลูก ผัว (เมีย) การงาน และสารพัดอย่างที่มากขึ้นตามตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้อะไรก็ตามที่เราเคยคิดแบบง่าย ๆ ตามประสาเด็กหรือคนที่อายุน้อยกว่านี้เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ประสบการณ์สอนให้เราต้องใช้เวลากับความคิดและการตัดสินใจให้มากขึ้น เพื่อลดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด

ดังนั้นอะไรง่าย ๆ ฉาบฉวย คิดปุ๊บ ทำปั๊บ จะค่อย ๆ ลดลงเมื่ออายุขึ้น เปลี่ยนมาเป็นกลไกความคิดที่มีเหตุ มีผล มีรายละเอียดต่าง ๆ รอบด้านแทน ซึ่งของแบบนี้มันเป็นไปตามอายุ และจะเรียกว่าเป็นข้อดีของการอายุมากก็คงไม่ผิด

◎ เข้าใจโลกได้ดี

บอกก่อนว่า..ไม่ได้หมายความว่าเด็กหรือคนที่อายุยังน้อยจะไม่เข้าใจโลก เพราะคนอายุมากที่แก่แบบกะโหลกะลาก็มีเยอะแยะ แต่กำลังจะบอกว่าเด็กหรือคนอายุน้อยจะเข้าใจโลกในบริบทของตัวเอง เราอยู่ตรงไหน อายุเท่าไหร่ เราก็จะเข้าใจโลก เข้าใจชีวิตในมุมของเรา ซึ่งโอกาสที่มันจะไม่ใช่ความจริงของชีวิตก็ใช่ว่าไม่มีเลย

แต่สำหรับคนอายุมากที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ความเข้าใจโลกของพวกเค้าจะเปลี่ยนไป คนสูงวัยจะมองโลกในแบบที่มันควรจะเป็น ไม่ได้มองแค่จากมุมของตัวเอง เพราะเข้าใจแล้วว่ามุมนั้นไม่ใช่มุมเดียวของโลกใบนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะประสบการณ์ ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น ช่วยสอนให้รู้ว่ายิ่งเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งใช้ชีวิตง่ายขึ้นเท่านั้น

@@@@@@@

มาถึงตรงนี้ บางคนอาจคิดว่าคนแก่กะโหลกกะลา แก่แล้วแก่เลยก็มีตั้งมากมาย หรืออาจแย้งว่าคนหนุ่มสาวบางคนก็คิดและมีพฤติกรรมที่ดีแบบนี้ได้ ถ้าเค้ามีความคิดที่ดีพอ ซึ่งมันก็จริง…แต่อย่าลืมว่าแม้วัยวุฒิอาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่คงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าการผ่านร้อนผ่านหนาวมาครึ่งค่อนชีวิตก็เป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมให้คนสูงวัยมีวิธีคิดและพฤติกรรมที่มั่นคงมากกว่า



ขอบคุณ : https://today.line.me/th/v2/article/แก่แล้วไง%20 5 ข้อดีของความชรา ที่คนหนุ่มสาวไม่มีวันเข้าใจ-e5JxpD
LINE TODAY ORIGINAL ,เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เพื่อนตุ้ม
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ