ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - pamai
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ผู้ชายที่แต่งงาน แล้ว เวลาบวช บุญจะถึงพ่อแม่ หรือ ไม่ ครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2013, 10:22:19 am
 ask1

ผู้ชายที่แต่งงาน แล้ว เวลาบวช บุญจะถึงพ่อแม่ หรือ ไม่ ครับ
  คือ เห็นว่าเวลาจะบวช ต้องให้ภรรยา อนุญาต ถ้าไม่อนุญาต ก็บวชไม่ได้ แสดงว่าบุญ ต้องเป็นของภรรยา ใช่หรือไม่ครับ พ่อแม่ จะได้บุญหรือไม่ครับ กรณี อย่างนี้

    :c017:
2  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ลำปาง-รวบแล้ว 2 โจร สามี-ภรรยา งัดตู้บริจาควัด 7 แห่ง เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2012, 11:21:18 am




ตำรวจลำปางคลี่คลายคดีงัดตู้บริจาควัด 7 แห่งได้แล้ว ผู้ต้องหาเป็น 2 สามี-ภรรยา อ้างขโมยเงินวัดเพื่อใช้หนี้จัดงานแต่งงาน

ผู้ต้องหาคือ นายพงษ์ศิริ โพธิ์แก้ว อายุ 31 ปี และนางสาวอิ๋ว ทรัพย์ชูงาม อายุ 21 ปี ถูกจับได้พร้อมของกลางเงินสดกว่า 4,000 บาท รถจักรยานยนต์อีก 1 คัน สำหรับพฤติกรรมจะขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนไปตามวัดสำคัญต่างๆ และแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้าไปกราบไหว้พระ ก่อนที่นายพงษ์ศิริ จะใช้อุปกรณ์เข้าไปงัดตู้บริจาค ส่วนนางสาวอิ๋ว ทำหน้าที่ดูต้นทาง ซึ่งพฤติกรรมของทั้ง 2 นั้น ถูกกล้องวงจรปิดของวัดต่างๆ บันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน เจ้าหน้าที่จึงแกะรอยตามจับกุมได้ในที่สุด

นายพงษ์ศิริ บอกว่า เคยต้องโทษคดีพยายามฆ่าผู้อื่นที่เรือนจำจังหวัดชลบุรี เป็นเวลา 4 ปี หลังจากนั้นก็ได้มาพบรักและแต่งงานกับนางสาวอิ๋ว ที่อำเภอห้างฉัตร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา จัดงานแต่งใช้เงินไปกว่า 5 หมื่นบาท แต่เนื่องจากยังไม่มีงานทำและต้องหาเงินมาใช้หนี้ที่ใช้ในงานแต่งงาน ทำให้ออกตระเวนงัดตู้บริจาคดังกล่าว อย่างไรก็ตามก่อนถูกจับกุม ทั้ง 2 ยังได้ฝันเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้นำของที่ขโมยไปคืน อีกทั้งยังได้ยินเสียงดนตรีไทย คล้ายๆ กันอีกด้วย

 ดูวีดีโอ ที่เกี่ยวข้อง และ ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
 www.krobkruakao.com/ข่าว/59597/ลำปาง-รวบแล้ว-2-โจร-สามี-ภรรยา-งัดตู้บริจาควัด-7-แห่ง.html
3  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / เวลาที่สับสน เปล่าเปลี่ยว เงียบเหงา ใจเป็นทุกข์ เพื่อน ๆ แก้ไขปัญหานี้กันอย่างไร เมื่อ: มีนาคม 23, 2012, 08:25:39 am



เวลาที่สับสน เปล่าเปลี่ยว เงียบเหงา ใจเป็นทุกข์ เพื่อน ๆ แก้ไขปัญหานี้กันอย่างไร คะ

บางครั้งรู้สึก ว้าเหว่ เงียบเหงา โดยเฉพาะช่วงปิดเทอม อย่างนี้เหมือนไม่มีความสุข ....

 หรือ จะเหมือนว่าชอบพบปะ ผู้คน .....


 เพื่อน ๆ ท่านผู้รู้นักภาวนา ผ่านช่วงนี้กันอย่างไร คะ ช่วยแชร์ประสบการณ์ ด้วยคะ

  :c017:
4  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / โปรแกรม พระไตรปิฏก ฉบับต่าง ๆ เมื่อ: ตุลาคม 10, 2011, 10:45:27 am
โหลดกันตามอัทธยาศัยครับ  เอาไปแจกเป็นธรรมทานแก่ผู้ใดก็ได้นะครับ

ผมโหลดมาจากเวบ torrent แล้วก็เอามาอัพโหลดขึ้นมีเดียไฟร์ จะได้โหลดกันได้ง่ายๆ



Program พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

http://www.mediafire.com/?c53zxccxnb672fc


หากงงกับศัพท์ ทางพระธรรม แล้วล่ะก็ ผมมีพจนาณุกรมให้ด้วยครับ
ของท่านพระธรรมปิฏก(ป.อ.ปยุตฺโต)  ดังนี้

พจนานุกรมพุทธศาสน์ - ฉบับประมวลศัพท์

http://www.mediafire.com/?cbp6icdo191zkdx

และ

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม

http://www.mediafire.com/?a3y3960fuwqhfl5



ขอขอบคุณคณะผู้จัดทำโปรแกรม และ ท่านพระธรรมปิฏก(ป.อ.ปยุตฺโต) ที่รวบรวมความหมายของคำศัพท์ต่างๆครับ

สาธุ สาธุ ครับ  -/\-

จากคุณ    : x-philes
5  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ฟังเรื่องเล่า กฏแห่งกรรม 76 เรื่อง ที่นี่คะ เมื่อ: สิงหาคม 25, 2011, 12:07:03 pm



ฟังเรื่องเล่า กฏแห่งกรรม 76 เรื่อง ที่นี่คะ

http://www.dhammajak.net/kram/2.html
6  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / วิธีทำจิตให้ร่าเริง มีปีติ ในการภาวนา ควรทำอย่างไร คะ เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 09:55:14 am
วิธีทำจิตให้ร่าเริง มีปีติ ในการภาวนา ควรทำอย่างไร คะ

ตามหัวข้อเลยคะ เพราะส่วนใหญ่ จะท้อแท้ เบื่อหน่าย อยากหนี ออกจากที่ต่าง ๆ เสมอ คะ

ไม่รู้ว่าตั้งคำถาม ไ้ด้ถูกหรือไม่คะ

 ช่วยด้วยคะ

 :25:
7  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / กฎธรรมชาติ ที่พึงทราบ เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 02:06:36 pm



กฎธรรมชาติ

อิมัส๎มิง สะติ อิทัง โหติ;
เมื่อสิ่งนี้ “มี” สิ่งนี้ ย่อมมี

อิมัสสุปปาทา อิทัง อุปปัชชะติ;
เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น

อิมัส๎มิง อะสะติ อิทัง นะ โหติ;
เมื่อสิ่งนี้ “ไม่มี” สิ่งนี้ ย่อมไม่มี

อิมัสสะ นิโรธา อิทัง นิรุชฌะติ.
เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป

นิทาน. สํ. ๑๖/๘๔/๑๕๔.



8  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / สติ กับ มหาสติ ต่างกันอย่างไร คะ เมื่อ: มิถุนายน 16, 2011, 10:15:39 am
สติ กับ มหาสติ ต่างกันอย่างไร คะ

ขอบคุณคะ

 :c017:
9  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / คุณคิดอย่างไร ถ้ามีคนกำลังพูดถึง คนที่คุณเคารพในแง่ที่ไม่ดี เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2011, 12:47:44 pm
มีเรื่องจะเล่าให้ เพื่อน ๆ สมาชิกฟัง ถือว่าปรึกษากันไปในตัว

  ดิฉันได้รับมอบหมาย จาก ผอ. ให้ดำเนินการจัดงานเข้าค่ายธรรมะให้นักเรียน ดิฉันมีความศรัทธากับพระสงฆ์รูปหนึ่งที่ทำหน้าที่ ๆ สอนงานเข้าค่ายมารูปหนึ่ง จึงได้ไปนิมนต์ท่าน และ ท่านก็รับนิมนต์

  ปรากฏมีคณะครู ในทีม 2 ท่าน ไม่ชอบ พระรูปนี้อยู่ ได้กล่าวในแง่ไม่ดีของท่าน ต่าง ๆ นา ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องนิมนต์ และเปลี่ยนพระรูปนี้ เป็นองค์อื่น ๆ  ตอนที่เขาพูดในแง่ไม่ดีของท่าน ในตอนนั้น รู้สึกว่าเรื่องอย่างนี้เรายังไม่รู้เลย รู้สึกศรัทธากับท่านตก ทันที ทำให้หัวใจ ต่อต้าน ยากจะเลิกเรื่องนิมนต์กับท่าน แต่สุดท้ายเพื่อนในทีมก็ให้กำลังใจว่า พระรูปนี้ไม่น่าจะเป็นอย่างที่เขาพูด จึงฮึดขึ้นอีก เพราะเพื่อน ๆ ช่วยให้เหตุผล ก็เลยนิมนต์ท่านเหมือนเดิม ทำให้ครูอีก 2 - 3 คน ขอปฏิเสธร่วมงาน นี้จากทีมช่วยเหลือ กลายเป็นทีมควบคุม นร. ห่าง ๆ

   หลังจากเสร็จสิ้นงาน ก็ได้รับการตอบรับดีในเรื่องธรรมะจากนักเรียน และได้นำความปรึกษาคนใกล้ชิด ของพระรูปนี้ จึงได้ทราบความจริงว่า เรื่องที่ครูกล่าวมานั้นเป็นเรื่องไม่จริง เลย .....

  รู้สึก ว่าอารมณ์ ตนเองยังไม่มั่นคงต่อธรรมะ ทันที ที่เชื่อจากการบอกเล่า โดยไม่เชื่อจากจริยาวัตรที่ท่านดำเนินตนเอง

  เพื่อน ๆ สมาชิก คงจะประสพปัญหา เช่นเดียวกับ ผาใหม่ ด้วยใช่หรือไม่คะ

  เช่น มีคนมากล่าวหา พ่อแม่ เราในทางที่ไม่ดี แล้ว เราไม่รู้ความจริง เพียงเพราะการวิเคราะห์แต่จากอารมณ์เองก็มักทำให้เืรื่องดี ๆ เสียได้

  ถ้าเป็นอย่างนี้ ควรจะเสริมธรรมะ อย่างไรดีคะ ที่จะทำให้ใจมั่นคง ไม่กวัดแกว่งไปมา ตามลมปากของคนอื่น คะ ควรเจริญธรรมะ อะไรเป็นพิเศษคะ

 :58: :c017:


 
10  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ภาวนาแล้ว จิตชอบหลุดจากพุทโธ ไปอยู่นิ่ง ๆ เมื่อ: มีนาคม 29, 2011, 05:07:39 pm
ภาวนาแล้ว จิตชอบหลุดจากพุทโธ ไปอยู่นิ่ง ๆ ไม่ทราบว่าอันนี้เป็นสมาธิหรือยังคะ

ถ้ายังควรแก้ไขอย่างไร คะ

 :s_hi:
11  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แพทยสภาเปิดรับสมัคร"แพทย์อาสาช่วยญี่ปุ่น" เมื่อ: มีนาคม 18, 2011, 08:53:21 am
แพทยสภา ได้ใช้ สังคมออนไลน์ สื่อสาร รับสมัครแพทย์อาสา แสดงความจำนง ไปช่วยผู้ประสบภัยพิบัติและสึนามิที่ญี่ปุ่น

นาวาอากาศเอก (พิเศษ) นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา ใช้ทวิตเตอร์ @DrIttaporn ทวิตข้อความ แพทยสภารับสมัคร"แพทย์อาสา"ช่วยเหลือญี่ปุ่น-ลงทะเบียนได้ที่ www.tmc.or.th โดยรายชื่อจะส่งให้สถานทูต/หน่วยเกี่ยวข้อง มีผู้แสดงความจำนงแล้ว 61 ชื่อ

และ แพทย์ทอ.แจ้งว่าจะส่งเครื่อง C130 ไปญี่ปุ่นชุดแรก 2เที่ยวบิน นำแพทย์/พยาบาล/ยา/อาหารไปช่วยเซนได-เที่ยวแรก วันนี้ (17 มีค.) เวลา 22.00น. โดย ขากลับจะรับคนไทยกลับด้วย สำหรับผู้ต้องการกลับเครื่องทอ.ให้ติดต่อสถานทูตไทย
12  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ความจริงที่เกิดใน hi5 และ face book เมื่อ: มีนาคม 15, 2011, 01:44:45 pm








ขอบคุณภาพจาก

 http://www.clipmass.com
 http://www.fwdder.com
13  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / เมื่อเพื่อนมาขอคำปรึกษาด่วน เรื่องถูกพ่อแม่บังคับให้แต่งงาน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2011, 12:13:30 pm
ส่วนตัวก็ยังไม่คิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ในยุคนี้ แต่เพื่อนคนนี้ก็เป็นครูด้วยกัน

มาขอคำปรึกษาว่า ตอนนี้ พ่อแม่ บังคับให้แต่งงานเนื่องด้วยอายุ 30 แล้วกลัวลูกสาวจะขึ้นคาน

โดยการจัดหาเจ้าบ่าว จากเพื่อน ๆ กันมีการมาสู่ขอเป็นทางการแล้ว แต่ตนเองก็ไม่ได้ไปจนกระทั่ง

รับขันหมากไว้แล้วกำหนดวันแต่งงานแล้ว ในปีนี้

 ส่วนเพื่อนสาว นั้นไม่อยากแต่ง มาถามควรทำอย่างไรดี ไ่ม่กลับบ้านดีกว่าไหม เพราะพ่อก็ขู่

แม่ก็ร้องไห้ เพื่อให้แต่ง จะแก้ปัญหาอย่างไรดีนี่

  ขอความเห็นกันหน่อยนะคะ เพื่อมีคำพูดดี ๆ ให้เพื่อนเป็นทางออก หรือ สบายใจ ได้คะ

  :17: :17: :17:
14  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การดูกายทิพย์และวิธีการทรงกายจักรพรรดิ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2011, 10:45:55 pm
เป็นบทความจากเวปวัดถ้ำฯเก่าครับผมเก็บไว้  แล้วจำผู้เขียนไม่ได้ต้องขออนุญาตนำมาให้พี่น้องศิษย์วัดถ้ำฯ
ได้ศึกษากันครับ อนุโมทนากับท่านผู้เขียนด้วยครับ.
การดูกายทิพย์และวิธีการทรงกายจักรพรรดิ
________________________________________
 
ขอ นำเรื่องราวบางอย่างที่ได้เรียนรู้มาจาก หลวงตาม้าสมัยบวชเรียนอยู่กับท่านที่วัดถ้ำเมืองนะ นำมาถ่ายทอดเรียบเรียงเป็นบทความนี้เป็นธรรมทานครับ  หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
-----------------------------
การดูกายทิพย์และวิธีการทรงกายจักรพรรดิ
ร่าง กายที่เราใช้ในการดำเนินชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เป็นแค่     ธาตุ 4 ที่รวมตัวกันขึ้นมา ประกอบเป็นสิ่งที่โลกๆเรียกว่า เราแต่แท้จริงแล้วนี้ไม่ใช่เรา ไม่มีส่วนไหนในร่างกายอันเน่าเหม็นสกปรกนี้     ที่เป็นเราแม้แต่อย่างเดียว ทุกอย่างกำลังแก่ตัวลงตามกาลและเวลาและในไม่ช้า จะสลายตัวคืนสู่ธรรมชาติไปในที่สุด
กายทิพย์ คือรูปและนามที่ประกอบขึ้นจากจิตและมีความเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะอารมณ์ของ จิต กายทิพย์คือกายที่ซ้อนอยู่ในกายเน่าๆกายนี้ กายเน่าๆกายนี้ที่กายทิพย์ซ้อนอยู่เป็นเพียงเปลือกเท่านั้น ทุกวันนี้เราเหมือนตัวทากที่อาศัยอยู่ในเปลือก ซึ่งเปลือกนี้แลที่เป็นสิ่งสำคัญที่จะดำรงอยู่ในภพมนุษย์ได้ เมื่อเปลือกแตกไปจิต กายทิพย์นี้ก็ไม่อาจทรงอยู่ในภพมนุษย์ได้อีกต่อไป ซึ่งเป็นที่ๆเราเอาร่างกายเนื้อมารับกรรม ใช้กรรม หรือ มาสร้างบุญบารมีมาปฎิบัติ ฯลฯ   ต่อไปนี้จะลงลึกในส่วนกายทิพย์ซึ่งเป็นรูปและนามที่ประกอบขึ้นถูกตกแต่งจาก อำนาจกรรม (ใครจะใหญ่เกินกรรม) และ สภาวะจิต   ที่ส่งผลต่อกายทิพย์โดยตรงว่าจะมีรูปร่างเช่นไร
กำหนดดูกายทิพย์
หาก กำหนดดู ทำใจให้สบายๆ อธิษฐานขอกำลังหลวงปุ่ ขอดูเพื่อศึกษา แล้วกำหนดไป จับอารมณ์แรก จิตจะเห็นถึงกายทิพย์ที่ซ้อนอยู่ ไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องเกร็งวางใจสบายๆทรงอารมณ์กระแสหลวงปู่ที่ไหลผ่านเข้าสู่จิตเราให้มี กำลังแล้วน้อมไปอารมณ์คล้ายการนึกแล้วเห็นแต่ไม่ใช่อุปาทาน ขอแค่ใจสบายและอาราธนากำลังหลวงปุ่ มาก่อนกำหนดทุกครั้ง แล้วไม่ต้องลังเลไม่ต้องสงสัย ให้มีความกล้า นึกกำหนดไป หลวงตาเมตตาสอนว่าอุปาทานต่างๆ หลวงปู่ท่านคุมปิดให้หมด เราไม่ต้องกังวล นิมิตที่เห็นนั้นจริงทุกประการ ซึ่งหลักการนี้ยังใช้กับการกำหนดดูภพภูมิด้วย และที่สำคัญที่สุดและเป็นพื้นฐานหัวใจที่สำคัญที่สุดของวิชาเปิดโลกทั้งหมด คือ พรหมวิหาร ซึ่งหลักการง่ายๆ ไม่มีอะไรมากเลยหลวงตาสอนว่า " รักทุกคน ไม่เกลียดใคร ไว้ใจบางคน" ซึ่งแปลถึงว่าเราไม่มีอคติใดกับใครๆ รักทุกคนโดยไม่มีสิ่งใดแฝง แต่ในทางเดียวกันก็เป็นการมีเมตตาอย่างมีปัญญาทั้งนี้ในการทรงอารมณ์หลวงปู่ ในการน้อมไปดูนั้น การกำพระผงจักรพรรดิ  จะช่วยได้มากสำหรับคนที่ฝึกใหม่ๆ ที่อำนาจจิตยังทรงกำลังหลวงปู่ได้ไม่นิ่งพอ
หลวงปู่ดู่ เป็นพระมหาบรมโพธิสัตว์เจ้าบารมีรวมทั้งก่อนและหลังรับพยากรณ์ถึง 80 อสงไขย กับเศษแสนมหากัป  และ สร้างบารมีพิเศษด้านกำลังจักรพรรดิ และเป็นผู้ที่จักมาตรัสรู้เป็นพระศรีอาริยเมตไตรยในอนาคตกาลอีกประมาณล้านปี มนุษย์ ขอจงมั่นใจในกำลังและเมตตาท่านเถิด
คำแนะนำ - อย่าทิ้งการปฎิบัติภาวนา ตลอดชีวิต   จนกว่าลมหายใจจะหมดไป
ประเภทของกายทิพย์
1. กายสัตว์นรก
       - เป็นกายทิพย์ที่จะปรากฎกับผู้ที่อำนาจจิตใจอยู่ในกิเลศอย่างเข้มข้น มีจิตใจที่เร่าร้อน ไม่สงบ วุ่นวายมีความคิดที่น้อมไปสู่อกุศล กายสัตว์นรกยังจำแนกออกไป ตาม อบาย ขั้นต่างๆ เช่นเปรต หรือนรกชั้นต่างๆซึ่งความน่าเกลียดน่ากลัวของกายทิพย์เหล่านี้ก็แตกต่างกัน ออกไป
ตามชั้นของสถาวะจิตที่อยู่ในอารมณ์แห่งบาปเพียงใดเมื่อเราสามารถที่จะกำหนดดูกายทิพย์เหล่านี้ได้ เมื่อเราเห็นกายสัตว์นรกเราก็สามารถ
น้อมกระแสดูต่อได้ว่า เมื่อเขาตายไป จะไปตกนรก ชั้นใดแต่ในทางกลับกัน แทนที่จะปล่อยให้เขาตกนรก เราก็สัพเพครอบวิมาน
ให้ เขาเพื่อปรับพื้นฐานจิตใจเขาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อครอบวิมานกำลังบารมีบุญตัวนี้จักไหลเข้าสู่กายทิพย์เขาทำให้เขาจะมี โอกาสที่จะดีขึ้นเรื่อยๆได้
หากไม่พ้นวิสัยของกรรมก็อาจรอดนรกได้ในที่สุด


2.กายในของสัตว์
            - เมื่อพูดถึงกายในของสัตว์คนส่วนใหญ่คงนึกกันว่าจะมีลักษณะเหมือนสัตว์ชนิด นั้นๆ เช่นเมื่อสุนัขตายไป ก็ จะมีวิญญานในรูปร่างลักษณะ ของสุนัข แต่แท้จริงแล้วหาใช่เป็นยังงั้นเลย สุนัขที่เราเห็นนั้น แท้จริงกายในก็มีลักษณะคล้ายกับรูปร่างมนุษย์ที่ขดตัวลงไปคลาน 4 ขาในร่างของสุนัข และนับว่าเป็นความทรมานอย่างยิ่ง ภูมิของสัตว์พระพุทธเจ้าจึงจัดเป็นอบายภูมิชนิดหนึง แต่ทั้งนี้กายทิพย์ที่อยู่ในร่างของสัตว์ก็ยังมีลักษณะความหยาบละเอียดแตก ต่างกันไป เช่นหากเห็นสุนัขเรื้อนตามวัดวา พวกนี้ส่วนใหญ่คือสัตว์นรกที่ขึ้นมาชดใช้กรรมต่อในภูมิของสัตว์ ส่วนสุนัขที่เราเห็นอยู่ดีกินดี ก็ จะมีกายทิพย์ที่ยังเป็นกลางๆอยู่ ส่วนหากเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบุญญาบารมีหรือผู้มีธรรม โดนกรรมวิสัย
ทำ ให้ต้องเกิดเป็นสัตว์ เช่นเกิดเป็นช้าง นก ฯลฯ จะมีความบริสุทธิ์ของกายทิพย์ที่มากกว่าสัตว์ทั่วไป แต่ทั้งนี้สำหรับโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มแล้ว
จะไม่มีการไปเกิดเป็นสัตว์ หรืออบายภูมิใดๆ อีกเลย จักขึ้นลงเพียง ภูมิมนุษย์ กับภูมิ เทวดา พรหม
3. กายมนุษย์
           - มีความคล้ายคลึงกับร่างกายที่เราครองอยู่ในชาติปัจจุบันมากที่สุด เพราะกรรมตกแต่ง กายทิพย์มนุษย์ คือกายที่อยู่ตรงกลางของประเภทกายทิพย์ทั้งหมด โดยกายทิพย์มนุษย์โดยทั่วไปสภาวะ อารมณ์จะอยู่กลางๆ คาบเกี่ยวระหว่างบาปและบุญ ขึ้นๆลงๆ ไม่คานกันมากนัก แต่ทั้งนี้ก็ยังแตกต่างกันอยู่ในเรื่อง ความหมองคล้ำ หรือความใสของกายทิพย์ สำหรับกายทิพย์มนุษย์ที่หมองคล้ำนั้น เหตุเกิดจาก ศีล 5 ไม่ครบ ยิ่ง มากข้อก็ยิ่งหมองและสุดท้ายนำพาไปสู่การเป็นกายทิพย์สัตว์นรกในที่สุดส่วน สำหรับมนุษย์ที่มีศีล 5 เป็นพื้นฐาน กายทิพย์จะมีความละเอียดมากกว่ายิ่งสถาวะอารมณ์ดีด้วย ก็ยิ่งมาก และเข้าใกล้สู่การเป็นกายทิพย์เทวดาต่อไป
4.กายเทวดา
            - คือผู้ที่สามารถทำสภาวะจิตจนตั้งมั่นอยู่ในบุญตลอดเวลา เป็นปกติ มีหิริโอตะปะ ความละอายในบาป เป็นปกติมีศีลบริสุทธิ์ และมี อารมณ์เมตตาระดับหนึง แม้จะมีอารมณ์ขุ่นเคืองบ้างในบ้างครั้งแต่ก็เบาบางมาก และหายไปทันทีและจิตก็กลับมาทรงอารมณ์ที่อยู่ในบุญทันที กายทิพย์ตั้งแต่ระดับเทวดาขึ้นไปจะมีเครื่องทรงที่มาจากอำนาจบุญที่เคยกระทำ ไว้ ไม่ว่าทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขาและรวมถึงความเข้มข้นของอารมณ์จิตที่ตั้งมั่นในบุญและความละเอียดของ จิต ซึ่งจะส่งผลต่อความะเอียดของกายเทวดาว่าจะสามารถเข้าถึงสวรรค์ชั้นใดได้ จาก 6 ชั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับบุญบารมี ด้วย จึงขึ้นอยู่กับเราที่จะทรงกายเทวดาได้ละเอียดแค่ไหนวิมานของเทวดาเองก็มี ความละเอียดประณีตแตกต่างกันตามกำลังบุญของเจ้าของวิมานนั้นๆ
5.กายพรหม
            - มีความคล้ายคลึงกับกายทิพย์เทวดาแต่จะมีความละเอียดกว่ามากเครื่องทรงจะมี ความละเอียดกว่ามากและเบาบางลึกซึ้งสุขุม การจะทรงกายทิพย์ของพรหมได้จักต้องมีอารมณ์ตั้งมั่นและสมาธิของจิตที่ดีมาก อารมณ์ใจสบายอย่างที่สุด และ มีพรหมวิหาร เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาอย่างเข้มข้นครบถ้วน ซึ่งเป็นพรหมวิหารธรรม ความหมายตรงตามชื่ออยู่แล้ว
6.จิตพรหมลูกฝัก
           - ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากเป็นเรื่องของคนที่เล่นณานสมาบัติขั้นสูงๆกัน พบมากในฤาษีและผู้ปฎิบัติบางสายที่เข้าใจผิดขั้นสุดท้ายว่านี้คือนิพพาน สถาวะนี้จิตจะไร้รูปไร้ร่าง ฯลฯ เมื่อตายไปจะไปติดแหง่กอยู่ในอรูปพรหม 4 ไปไหนไม่ได้ นิ่งอยู่อย่างนั้นไปไหนไม่ได้จนกว่าจะหมดกำลัง พอหมด หากมีกรรมบาปที่เคยทำเผลอๆดิ่งลงนรกต่อภูมินี้ให้อธิษฐานไว้เลยว่านับแต่บัด นี้ ตราบเข้านิพพานเราขอ ปิด อรูปพรหม 4 อย่างเด็ดขาด รวมถึงอบายภูมิ 4 แต่อธิษฐานอย่างนี้ ก็ต้องปฎิบัติด้วยต้องทำด้วยไม่งั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร
7.กายทิพย์ของพระอริยะเจ้า
            - มีเครื่องทรงที่ใสคล้ายแก้วมีความบริสุทธิและละเอียดสูงส่ง ยิ่งตัดกิเลสมากข้อเท่าใดเข้าใกล้ความเป็นอรหันต์เพียงใดไล่ไปตั้งแต่ พระโสดาบัน พระ สกิทาคามี พระอนาคามีกายทิพย์รวมถึงเครื่องทรงก็ยิ่งใสเป็นแก้วมากขึ้นเท่านั้นส่วนถ้า ถึงกายทิพย์พระอรหันต์นั้นกายจะใสบริสุทธิ์หมดจดเป็นแก้วเป็นสภาวะกายทิพย์ ที่อยู่เหนืออำนาจของโลกสมมุติใดๆ และเมื่อละสังขารไป ก็จักเข้าสุ่แดนพระนิพพาน วิมานเป็นแก้วกายทิพย์ก็จักเป็นกายทิพย์พระวิสุทธิเทพ รูปลักษณ์กายพระอริยะเจ้านอกจากจะเป็นแบบมีเครื่องทรงโดยส่วนใหญ่
ก็พบว่าจะอยู่ในลักษณะพระสงฆ์ได้ด้วย คือกายทิพย์ห่มบวชเป็นพระเลยก็อยู่ที่ความประสงค์ของพระอริยะองค์นั้นๆ แต่ส่วนมากครูบาอาจารย์
ที่เป็นพระเวลาท่านไปโปรดใครท่านจะไปในรูปลักษณ์พระเป็นส่วนใหญ่
8.กายทิพย์พระวิสุทธิเทพที่ประทับที่พระนิพพาน
             เครื่องทรงแตกต่างกันตาม สาวกภูมิ ปัจเจกภุมิ พุทธภูมิ แต่ความบริสุทธิ์เหมือนกันวิมานที่พระนิพพานก็แตกต่างกันตาม สาวกภูมิ ปัจเจกภุมิ พุทธภูมิ สภาวะนิพพานทุกอย่างเป็นแก้ว บริสุทธิ์ลักษะเหมิอนเพชรประกายพรึกเมื่อต้องแสงแดด เป็นแดนทิพย์และสภาวะทิพย์พิเศษที่อยู่นอกเหนือจากอำนาจใดๆ ทั้งสิ้นไม่ใช่อัตตา และไม่ใช่อนัตตา ไม่ไช่สูญ เป็นวิมุติเหนือโลกเฉพาะผู้เข้าถึงจักเข้าใจถึงอารมณ์นี้อย่างถ่องแท้ปถุชน ทั่วไปก็ฟังเอาตามผู้ที่เข้าถึงแล้ว แต่ทั้งนี้พระวิสุทธิเทพหากท่านจะโปรดใครหรือใครกำหนดไปหาท่านท่านก็จะแสดง เป็นรูปลักษณ์พระพุทธเจ้าห่มจีวร(หากเป็นพระวิสุทธิเทพพุทธภูมิ)หรือเป็นรูป ลักษณ์พระสงฆ์หากเป็นพระวิสุทธิสาวกภูมิ เรื่องวิมานนี้ก็นิยามได้ว่าพลังงานนั้นต้องมีทั้งรูปและนามถึงจะทรงตัวอยู่ ได้วิมานแต่ละแบบที่จะรองรับกายทิพย์เรา ณ สวรรค์แต่ละชั้นนั้น
ก็เป็น เหมือนภาชนะรองสภาวะจิตตามกำลังนั้นๆ เป็นทั้งรูปและนามเกาะกันอยู่ แต่นั้นยังเป็นแบบสมมุติ วิมานแก้วที่พระนิพพานนั้นก็เป็นเหมือนภาชนะรองรับสภาวะธรรมที่เป็นที่สุด แล้ว มีทั้งรูปและนามประกอบกัน แต่เป็นรูปนาม แบบวิมุติและสุดท้ายจริงๆแล้ว รูปนามแบบวิมุตินี้ก็คือไม่มีอะไร นิพพานคือนิพพาน สภาวะอันปราศจากทุข์ แต่ไม่ใช่สูญ ที่สูญไปคือกิเลศ
-------------------------------------------
วิธีการทรงกายจักรพรรดิ
ก่อนจะเข้าสุ่การทรงกายจักรพรรดิ   ให้ฝึกการบวชจิตให้เป็นปกติ
การบวชจิต-บวชใน
หลวงปู่ปรารภว่า...   จะเป็นชายหรือหญิงก็ดี ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติมีศีล    รักในการปฏิบัติจิตมุ่งหวังเอาการพ้นทุกข์เป็นที่สุด
ย่อมมีโอกาสเป็นพระกันได้ทุกๆ คนมีโอกาสที่จะบรรลุมรรค ผล นิพพาน  ได้เท่าเทียมกันทุกคนไม่เลือกเพศ เลือกวัย หรือฐานะ แต่อย่างใด
ไม่มีอะไรจะมาเป็นอุปสรรคในความสำเร็จได้ นอกจากใจของผู้ปฏิบัติเอง   ท่านได้แนะเคล็ดในการบวชจิตว่า.....
" ในขณะที่เรานั่งสมาธิเจริญภาวนานั้น    คำกล่าวว่า
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ      ให้นึกถึงว่าเรามีพระพุทธเจ้าเป็นพระอุปัฌาย์ของเรา
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ...    ให้นึกว่าเรามีพระธรรมเป็นพระกรรมวาจาจารย์
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ...     ให้นึกว่าเรามีพระอริยสงฆ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
แล้วอย่าสนใจขันธ์ 5 หรือร่างกายเรานี้ ให้สำรวมจิตให้ดี     มีความยินดีในการบวช
ชายก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุ     หญิงก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุณี
อย่างนี้จะมีอานิสงส์สูงมาก     จัดเป็นเนกขัมบารมีขั้นอุกฤษฎ์ทีเดียว "
กาย ทิพย์ของเรานั้นหากก่อนภาวนาเราได้ตั้งจิตบวชพระแล้ว     ระหว่างที่ภาวนาอยู่กายทิพย์เราก็เป็นพระมีรัศมีกายทิพย์สว่างมากอย่างนี้จะ มีอานิสงส์พลังบุญสูงมาก    ภาวนาได้ง่าย เนื่องจากตั้งจิตไว้ในศีลและฐานะอันสูง   อย่างนี้เรียกว่าบวชจิต ซึ่งการบวชจิตด้วยใจกุศลศรัทธานั้น    มีอานิสงค์ดีกว่าผู้ที่บวชรูปลักษณ์ภายนอกแล้วไม่บวชจิตเสียอีก     แต่หากบวชได้ทั้งนอกและในอานิสงค์ก็ทวีคูณแต่สำหรับฆราวาสผู้ครองเรือนนั้น เวลาสวดมนต์หรือภาวนาทำสมาธิ   ตั้งจิตบวชเป็นพระแล้วอานิสงค์มากภาวนาได้ง่าย    หลวงตาท่านสอนไว้ว่าหากเราภาวนาคาถาจักรพรรดิสบายๆ ทรงไว้ ภาวนาบ่อยๆ กายทิพย์จิตจะทรงเครื่องจักรพรรดิ  เพราะว่าเป็นไปตามพลังงานที่เราสวด พอเป็นเช่นนี้แล้วอารมณ์สภาวะทิพย์นั้นจะทรงตัวได้เข้มขึ้นส่งผลดีต่อการปฎิ บัติ
การทรงกายจักรพรรดิ
เราสามารถจะทรงกายพระจักรพรรดิได้ก็ต่อเมื่อเราสามารถปรับสภาวะจิตให้เข้าถึงกายทิพย์ตั้งแต่กายเทวดาขึ้นไป คุณสมบัติพิเศษของกายทิพย์
คือ เมื่อเราทรงกายเทวดา หรือ พรหม เราก็ทรงเครื่องจักรพรรดิเข้าไปอีกซึ่งจะทำให้มีกำลังบุญมาก เครื่องทรงจักรพรรดินี้ก็จะทรงที่กายทิพย์
ตั้งแต่ชั้นเทวดาขึ้นไปตราบใดที่อารมณ์จิตยังไม่ตก สำหรับผู้ที่ฝึกบ่อยๆเข้าจนชำนาญแล้ว ก็จะสามารถทรงเครื่องจักรพรรดิเป็นปกติไปเลย
เวลา ไปที่ไหน เมื่อเราทรงกำลังบุญเปิดโลก รัศมีจะแผ่ในโลกทิพย์กว้างไกล การสัพเพมีกำลังมาก ฯลฯเรียกได้ว่าหากจะชำนาญในวิชาขั้นสูงของวิชาเปิดโลกได้ก็ต้องฝึกทรง เครื่องจักรพรรดิให้ชำนาญ ที่สำคัญอารมณ์ต่างๆ อย่าไปหมายมั่นว่าฉันจะทรง ให้เราทำอารมณ์ใจสบายๆ ก็พอ พยายามทำใจให้ถึงสภาวะของกายทิพย์ที่อธิบายไว้ตั้งแต่ชั้นเทวดาขึ้นไป ทำไปเพื่อความดี เพื่อความระงับกิเลศ เดี๋ยวก็ได้เองถึงเอง
การทรง คือการทรงคาถาจักรพรรดินั้นเอง คาถาจักรพรรดิหลวงปู่เข้าถึงได้หลายระดับเมื่อเราเข้าถึงระดับที่ทรงคาถาจักรพรรดิจน
เป็น อารมณ์ เราไม่ต้องมานั่งไล่ กายทิพย์ เพราะศีล อารมณ์ สภาวะกำลังบุญ พระไตรรัตน์ อยู่ในคาถาจักรพรรดิ หมดแล้ว ขอเพียงทำใจให้สบาย นึกถึงหลวงปุ่   ขอบารมีท่าน ตั้งท่านเป็นอารมณ์ พระพุทธเจ้าทรงเครื่องจักรพรรดิ   อยู่บนหัว หลวงปู่ทวดอยู่บ่าซ้ายหลวงปุ่ดุ่อยู่บ่าขวา ภาวนา คาถาจักรพรรดิให้ใจสบายๆ อารมณ์สบายๆ คาถาจักรพรรดิเป็นอารมณ์ยิ่งดีเข้าเท่าไร    โดยไม่ต้องสนใจว่าถึงไหนๆ เดี๋ยวก็ค่อยๆทรงได้เอง
คาถาจักรพรรดิ หลวงปู่ดู่  คือ คาถาทรงกายจักรพรรดิ
เมื่อ ภาวนาคาถาจักรพรรดิจนเป็นอารมณ์    ฝึกบ่อยๆ ทำให้เป็นนิสัย ให้เป็นปกติ ฝึกให้ชำนาญ ใช้เวลา   มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับ ความตั้งใจของคุณเอง    ข้อคิดที่ฝากไว้คือ อย่าเหลิง ไม่ว่าได้ถึงไหน อย่าหลงตนเอง  ไม่ว่าคนจะสรรเสริญตนเช่นไร ให้มีสติ ตั้งใจภาวนา ไม่ประมาท  ไม่มีใครจะใหญ่เกินกรรมเมื่อทำได้ คุณก็จะได้ พลังเหนือพลัง ที่จะสร้างประโยชน์สืบไป กำลังพระ+จักรพรรดิหลวงตาท่านเองก็ทรงเครื่องจักรพรรดิ  กายในท่านก็บวชพระจึงเป็นกำลังเหนือกำลัง  และที่สำคัญที่สุด อย่าทิ้งหลวงปู่เป็นอันขาด ไม่งั้นทุกอย่างที่กล่าวมา  คุณจะไม่มีกำลังของตนเองที่จะทำได้แม้แต่ข้อเดียว เราปฎิบัติไปโดย  ตั้งให้ท่านคุมเราทุกขณะจิตให้อธิษฐานไว้ยังนี้เลย    วิชาต่างๆที่อธิบายมานี้ให้ไว้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่มีจริตแบบนี้   เป็นตัวเลือกหนึ่งในการฝึกปฎิบัติในสายเปิดโลก  ไม่ปฎิบัติแบบนี้ก็ไปต่อถึงจุดหมายได้เหมือนกันบางคนชอบแบบลึกซึ้งบางคนชอบ แบบเรียบง่ายก็ว่ากันไปเสมือนว่ามีถนน 10 สาย ที่จุดสุดท้ายถึงที่เดียวกันไม่ว่าปฎิบัติไปแบบไหน ขอให้ถูกตามที่หลวงปู่หลวงตาสอนเป็นพอ ถนนแต่ละสายจะแตกต่างกันที่ลีลาการเดินทางและประโยชน์ที่ สร้างทิ้งไว้ระหว่างเดินทาง มากน้อย แตกต่างกันอยู่ที่ตัวเรา  ใครที่เน้นอยากจะช่วยผู้อื่นให้มากๆ ช่วยสรรพวิญญาณอย่างลึก  ส่วนมากเป็นพุทธภูมิหรือสาวกภูมิพิเศษก็จะเดินอีกสายหนึง  กับท่านที่มุ่งตัดกิเลศเพื่อพระนิพพานซึ่งทุกสายทุกทางย่อมถึง   ที่หมายเดียวกัน บริสุทธิ์เหมือนกัน ขอโมทนา
จะอ่านไว้เป็นความรู้หรือจะ เอาข้อที่ตนสนใจลองปฎิบัติดูก็ได้    ไม่ว่าปฎิบัติเน้นแบบใดจุดสุดท้ายก็เหมือนกัน   ทุกคนมีหลวงปู่ สุดท้ายสำคัญที่สุด  อยู่ที่ความสบายของใจนั้นและธรรมรักษา


http://www.watthummuangna.com/home/community/index.php?topic=241.0
15  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เกี่ยวกับการเดินจงกรม ใส่รองเท้า หรือ ถุงเท้า เดินได้หรือป่าวคะ เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 03:34:57 pm
เกี่ยวกับการเดินจงกรม ใส่รองเท้า หรือ ถุงเท้า เดินได้หรือป่าวคะ

คือไม่ทราบธรรมเนียม คะ ว่าการเดินจงกรม จริง ๆ แล้วถอดรองเท้า หรือ ใส่รองเท้า หรือ ถุงเท้า

อันไหนถูกต้องคะ

  เพราะเคยไปฝึกเดิน พระคุณเจ้าบอกใ้ห้ถอดรองเท้าเดิน ถามว่าทำไม ท่านก็ไม่ตอบ ๆ แต่เพียงว่า

ครูบาอาจารย์ ไม่ฝึกเดินใส่รองเท้ากัน อันนี้ก็คือที่วัดที่ไปฝึกนะคะ

  ที่นี้พอมาฝึกที่บ้าน อากาศหนาว บางครั้งเราก็เดินใส่รองเท้า บางครั้ง ก็เดินใส่ถุงเท้า

  อยากจะถามว่า ที่ถูกต้องนั้น ควรเป็นแบบไหนในการเดินจงกรม

   :c017:
16  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ถ้าเราทำบุญไว้ดี เกิดมาทุกภพ ทุกชาติ ถ้ามีคู่ครอง จะได้บุคคลที่มีศีลเสมอกัน เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 03:29:41 pm
เป็นคนชอบทำบุญ ทำทาน ปกติไม่เคยปฏิเสธ จะเล็กจะน้อย จะใหญ่ ก็จะทำตามกำลังศรัทธา

ถ้าเราทำบุญไว้ดี เกิดมาทุกภพ ทุกชาติ ถ้ามีคู่ครอง จะได้บุคคลที่มีศีลเสมอกัน ใช่หรือไม่คะ

 :58:
17  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ร่วมไว้อาลัย ต่อการจากไปของ หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป จ.สกลนคร เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 03:25:00 pm

หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป
วัดป่าประทีปปุญญาราม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร

หลวงปู่ผ่าน มรณะภาพแล้วครับ
เมื่อเที่ยงคืนครึ่งที่ผ่านมา

ข้าพเจ้าขอนอบกราบหลวงปู่สู่พระนิพพานด้วยเทอญ...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป เจ้าอาวาสวัดป่าปทีปปุญญาราม ต.เซือม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร ได้มรณภาพแล้วหลังจากมีอาการอาพาธอย่างต่อเนื่อง สิริรวมอายุได้ 89 ปี ทั้งนี้ หลวงปู่ผ่าน เกิดเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2465 ที่ บ้านเซือม ต.โพนแพง อ.อากาศอำนวย ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุฝ่ายมหานิกาย เมื่ออายุครบ 20 ปี ก่อนจะญัตติเป็นฝ่ายธรรมยุตในเวลาต่อมา


หลวงปู่ผ่านได้เข้าศึกษาธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และได้ร่วมจำพรรษาฝึกปฏิบัติภาวนากับศิษย์องค์สำคัญในสายหลวงปู่มั่น อาทิ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่หลุย จันทสาโร หลวงปู่หล้า เขมปัตโต


หลวงปู่ผ่านเป็นพระมหาเถระสายพระป่ากรรมฐาน ที่มีศีลาจารวัตรที่งดงาม มีลูกศิษย์เคารพเลื่อมใสเป็นจำนวนมาก โดยทุกครั้งที่ญาติโยมขอพรขอศีล ท่านมักจะบอกว่า มีหลักอยู่ 3 อย่าง คือ "ขออย่าได้เจ็บ อย่าได้ป่วยไข้ และสุดท้ายอย่าลืมหายใจ"
18  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ทอดผ้าป่าสามัคคี ณ ที่พักสงฆ์ป่าช้าหนองกราด หนองกี่ บุรีรัมย์ 19 ก.พ.54 เมื่อ: มกราคม 22, 2011, 05:09:55 pm

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี
ณ ที่พักสงฆ์ป่าช้าหนองกราด หมู่ ๕ ต.ท่าโพธิ์ชัย อ. หนองกี่ จ. บุรีรัมย์
ในวันเสาร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๓ ปี เถาะ
เพื่อสมทบทุนสร้างศาลาการเปรียญ ณ ที่พักสงฆ์ป่าช้าหนองกราด ฯ

     
    เนื่อง ด้วย ที่พักสงฆ์ป่าช้าหนองกราด ได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้น เพื่อประโยชน์ในการประกอบกิจกรรมทางพระศาสนา และใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว  และ ยังติดค้างค่าวัสดุก่อสร้างอยู่บางส่วน        ดังนั้นผู้มีจิตศรัทธาจึงได้ร่วมกันจัดทอดผ้าป่าสามัคคีขึ้นในครั้งนี้  เพื่อสมทบทุน  และร่วมกันเป็นเจ้าภาพในการสร้างศาลาการเปรียญ ดังกล่าวแล้วนั้น
      ดังนั้น จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ได้ร่วมบริจาคทรัพย์และจตุปัจจัยตามกำลังศรัทธา  ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีโดยพร้อมเพรียงกัน   ในวันเสาร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์  ๒๕๕๔                เวลาประมาณ ๗.๓๐ น. ทำบุญตักบาตรตอนเช้า เวลาประมาณ  ๑๐.๐๐ น. พร้อมกันทำพิธีทอดผ้าป่า ถวายแด่ ท่านเจ้าคุณ พระพิศาลศาสนกิจ    (หลวงพ่อเยื้อน ขนฺติพโล) แห่งวัดเขาศาลาอตุละฐานะจาโร ซึ่งเป็นประธานในพิธี  และพระประยุทธ์ มหาวิริโย ผู้เป็นประธานดูแลที่พักสงฆ์วัดป่าช้าหนองกราดแห่งนี้ พร้อมด้วยคณะสงฆ์ที่มาร่วมในพิธี       และขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบวชเนกขัมมะถือศีลแปด    ตั้งแต่วันขึ้น ๑๔ค่ำ วันที่๑๗ ถึงวันแรม ๑ ค่ำ วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เพื่อปฏิบัติธรรมเสริมบารมี อบรมจิตใจ บูชาวันมาฆะ ณ ที่พักสงฆ์ ป่าช้าหนองกราด หมู่ ๕ ต. ท่าโพธิ์ชัย อ. หนองกี่ จ. บุรีรัมย์
     ท้ายสุดนี้ขออวยพร ให้ทุกท่าน จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ปราศจากโรคาพยาธิเบียดเบียน   มีจิตผ่องใส ได้ในสิ่งที่ปรารถนา มีดวงใจถึงธรรมทุกๆคนเทอญฯ
รายชื่อประธานและกรรมการในสายต่างๆ
ประธานสายวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ
๑.     พระอาจารย์ สว่าง จรณธมฺโม                ๔. คุณ สุชาญา  นัชกุล (พร้อมครอบครัว)
๒.     คุณแม่เพ็ญทิพา   บุญแนน                    ๕. คุณ นครินทร์  คุณบุษบา พึ่งพร(พร้อมครอบครัว)
๓.     พลตรีวิชัย  อ.สายทิพย์ สุวรรณรัตน์ (พร้อมครอบครัว)ฯ
ประธาน สายสมุทรสาคร  บริษัท โพลีอาร์ต ครีเอท ดีไซน์ จำกัด.      คุณ สันธนา  คุณ นันทิยา วัยชนะ (และครอบครัว)
ประธาน สายชลบุรี
๑.     คุณแม่ อรวรา   พันจ่าเอก ปรีชา น.ส. พัชรพร มัชฌิมะ (และครอบครัวมัชฌิมะ)
๒.       อ. สรศักดิ์   อ. รสสุคลณ์  กุสลานุภาพ (พร้อมครอบครัว)
ประธานสาย จ.หาดใหญ่
๑.       คุณ กฤษณ์ ประธานราษฎร์นิกร     และครอบครัว
๒.       พันโท ธนู   คุณนาย สงวน  ฉันทกุล และครอบครัว
๓.       คุณ วิสูตร   คุณ สุรัชนา   ฉันทกุล     และครอบครัว
๔.       คุณ เปรมชัย  คุณ กมลวรรณ ต้นครองจันทร์  และครอบครัว
๕.     พันตำรวจเอก พิทักษ์  คุณนาย กัญณุภัทร  พุทธวิโร
๖.       ผศ.ดร.ทพญ.นัทธมน  วัฒนอรุณวงศ์
๗.       รศ.ดร.ทพญ. กนพร ปางสมบูรณ์
๘.       รศ.ดร. วรกรณ์  ตันรัตนกุล
๙.       รศ.ดร.ทพญ. ดวงพร  เกิดผล
๑๐.  คุณ วิเชียร  คุณ เหวียน  จันทรโชค  และครอบครัว
๑๑.  คุณ สมหวัง  คุณ ธารี  ลิ่มเซง     และครอบครัว
๑๒.  คุณ ประดิษฐ์ คุณ ชะอ้อน  ฟูพงศ์ศิริพันธ์  และครอบครัว
๑๓.  คุณ นวพล คุณ จีรภัทธิ์     ฟูพงศ์ศิริพันธ์  และครอบครัว
๑๔.  คุณ วันชัย คุณ ประไพศรี  ขุมบัวมาศ   และครอบครัว
๑๕.  คุณ กิตพิทักษ์  บัวลอย      และครอบครัว
๑๖.   คุณภัย  รักเล่ง                  และครอบครัว
๑๗.   คุณ ณิฏญา  หวังสวาสดิ์    และครอบครัว
๑๘.   คุณ ฐิติรัตน์  ลาพัสสุวรรณ และครอบครัว
๑๙.   คุณ วิรัตน์  ประวัติวงศ์       และครอบครัว
๒๐.   คุณ วีระ  ประวัติวงศ์     และครอบครัว
๒๑.   คุณวิชิต คุณ ยุพเรศ  แซ่เต็ง และครอบครัว
๒๒.   คุณแม่ กิมจู  รัยสุวรรณสกุล  และครอบครัว
๒๓.   คุณ วิชัย     รัยสุวรรณสกุล  และครอบครัว
๒๔.   คุณ สมชัย  คุณ ดลฤดี รัยสุวรรณสกุล และครอบครัว
๒๕.   คุณ สุมิตร   คุณ พรรณวิไล  มิตรปวงชน และครอบครัว
๒๖.   คุณ วีระ คุณ ธีรวา รัยสุวรรณสกุล และครอบครัว
๒๗.   คุณ โกศล ธาตุทอง
๒๘.   คุณ สาธิต คุณ ชนาการ  ด.ญ. รัตน์มณี  อ้อคำ  และครอบครัว
๒๙.   คุณ บุญค้ำจอน (Mr.Ngchinghee) และครอบครัว
๓๐.   คุณ วีราภรณ์   รัยสุวรรณสกุล
๓๑.   คุณ อิงอรพรรณ  รัยสุวรรณสกุล
๓๒.   คุณ สุทิพย์  ฆังคมโณ
๓๓.   น.ส. อภิศา  อั้งกี่  และครอบครัว
๓๔.   คุณ อนุรักษ์  คุณ ศิริวรรณ โฆษิตพันธวงศ์  และครอบครัว
๓๕.   คุณ อนันต์  อ่อนลามัย  และครอบครัว
๓๖.  คุณ บรรจง คุณ จันทิมา ปั้นแป้น  และครอบครัว
ประธาน สาย จ. สุรินทร์      พ่อเยือน และ แม่เทิน  ปันหอม และครอบครัว
 สายพัทยา Duncan’s Bar
๑.     Boss Chales  Smoult และ คุณ รุ่งรัตน์  ปันหอม     เป็นประธาน
๒.     Dr. Martyn Green  และ คุณ จุฬา     เชิดกาย          เป็นรองประธาน
๓.     Mr.  Ole  Petter  Volden  และคุณสุดา  สมจิต         เป็นรองประธาน
๔.     คุณ สุรีรัตน์    เรืองศรี ( Bobby Bar)                          เป็นรองประธาน
กรรมการ  Duncan’ s  Bar
       ๑.    คุณ รัชดากาญจน์  สมอ่อน     ๒.    คุณ นงนุช   จิตรวงศา           ๓.    คุณฐานิสา  อารมณ์
       ๔.    คุณ ชญานันทน์  ปันตะยัง      ๕.     คุณ สังเวียน   มีวงษ์              ๖.   คุณ ฉวีวรรณ  คุณรู้
       ๗.    ทิพวรรณ    นามภู่                   ๘.      คุณ นัทชา    แถมดี              ๙.   คุณ ดาว   แถมดี
๑๐.  คุณ  ดลฤดี  อัครพงษ์          ๑๑.   คุณไก่   เจือจันทร์ และครอบครัว  ๑๒. คุณ เกตช์นิภา อยู่บัว   ๑๓.  คุณจริยา   เปรื่องการกิจ  และครอบครัว               ๑๔.  คุณ ประสิทธิ์  นาคทอง
๑๕.  คุณวิรัช  ทิศกระโทก  และครอบครัว                    ๑๖.   คุณโสภีร์  น้อยนนท์
๑๗.   คุณ สุรัตน์       ชูอิ่ม                                            ๑๘.  คุณวิไล ประเสริฐ  และครอบครัว
ประธานสายกาญจนบุรี          คุณ ภัชรพร  แสงกระจุย
ประธาน สาย จ. มหาสารคาม    คุณ เจนวิทย์    สุขสวัสดิ์
 ประธานสาย จ.กระบี่             คุณ ไพศาล   คุณ สุดาพร  ศาสตร์สุวรรณ
ประธานสาย จ. สตูล     อันดามัน รีสอร์ท (เกาะหลี่เป๊ะ)คุณ ลดาวัลย์ อังโชติพันธ์ (พร้อมครอบครัว)
ประธานสาย จ. ร้อยเอ็ด  น.ส. วิชญา  ศรีวงศ์
ประธาน คณะบ้านหนองกราด
๑.   พ่อ เสาร์  แม่ถนอม นามโคตร (พร้อมครอบครัว)     ๕. พ่อสงวน แม่เลียบ นามโคตร (พร้อมครอบครัว)
๒.   พ่อปัน แม่อ่อน บุระคร (พร้อมครอบครัว)                ๖. นาย หนอนไหม นามโคตร
๓.   พ่อ สำลี แม่ปุ่น  เมืองจันทร์ (พร้อมครอบครัว)        ๗.  นาย ลิตร นามโคตร (พร้อมครอบครัว)
๔.   แม่ วัน ศรีภูวงศ์ (พร้อมครอบครัว)                         ๘.  นายไพโรจน์ นางปริฉัตร บุญทูล (พร้อมครอบครัว)
ประธานคณะ บ้านหนองปรือ ต.ก้านเหลือง
๑.     แม่ สอน บุญทัน (พร้อมครอบครัว)       ๓. นาย สงวน บุญทัน
๒.     นาย สรวง  ชัยชนะ
ประธานสายบ้านโคกกระพี้              พ่อ จิระ แม่ ลำไย เฉียงกลาง (พร้อมครอบครัว)
รายชื่อประธานเพิ่มเติม
๑.     คุณ ชนาภา  คีรีรักษ์                                ๔. คุณ  กชนันท์   เชาวนาศิริ
๒.     คุณ วรากร สติสิทธิ์                                  ๕. น.ส. จำนง   ศรีภูวงศ์
๓.             คุณ อรัญญาลักษณ์ ภาคาเนตร                ๖. นาย ราเชน  นางอมร เหล่าผาเกลี้ยง(พร้อมครอบครัว)
ที่มาข่าวสาร
http://www.mahaviriyoteam.co.cc/2011/01/19-2554.html
19  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หมาลำปางซวย หน้าร้อนโดนปล่อย หน้าหนาวโดนจับไปกิน เมื่อ: มกราคม 22, 2011, 09:40:45 am
 รายงานข่าวจากจังหวัดลำปาง แจ้งว่า ในช่วงที่สภาพอากาศในหลายจังหวัดของไทยยังหนาวเหน็บอยู่นี้ ที่วัดม่อนพระยาแช่ ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง ซึ่งเคยมีสุนัขที่คนนำมาปล่อยทิ้งไว้มากกว่า 400 ตัว ถูกคนลักขโมยไปเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการขโมยไปทำอาหารเพราะเชื่อว่าการกินเนื้อสุนัขจะช่วย คลายหนาวได้
     
       พระครู วอ อติธัมโม เจ้าอาวาสวัดม่อนพระยาแช่ เล่าว่า เดิมมีสุนัขอยู่กว่า 400 ตัว ล่าสุดตอนนี้เหลืออยู่ประมาณ 100 ตัว และยืนยันว่าเห็นกับตาตัวเองขณะที่อยู่ในกุฏิ มีชาย 2 คนขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดไว้หน้ากุฏิแล้วอุ้มสุนัขตัวโปรดที่เลี้ยงไว้ใส่รถ จักรยานยนต์ขับหลบหนีออกไปจากวัดทันที เมื่อเห็นก็วิ่งออกมาเรียกแต่ไม่ทัน
     
       จากนั้นวันต่อมาก็ยังพบชายคนดังกล่าวเดินทางมาที่วัดอีก ทำทีจะมาขอสุนัขไปเลี้ยง แต่เจ้าอาวาสจำหน้าได้ จึงถามและขอให้พาไปดูที่บ้านว่าที่บ้านมีการเลี้ยงสุนัขจริงหรือไม่ แต่ชาย 2 คนก็บ่ายเบี่ยงแล้วขับรถหนีไป
     
       พระครูวอ อติธัมโม บอกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา คือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 53 เป็นต้นมา มีสุนัขในวัดหายมาตลอด จนถึงขณะนี้รวมยอดสุนัขหายกว่า 70 ตัวแล้ว
     
       ทั้งนี้ เจ้าอาวาสวัดได้ขอร้องคนที่จะเข้ามาจับสุนัขและคิดจะทำอย่างอื่นโดยไม่เอาไป เลี้ยงว่า ขอให้เห็นแก่ชีวิตสัตว์ร่วมโลกด้วยกัน ซึ่งสุนัขที่อยู่ที่วัดก็ล้วนแล้วมีเจ้าของมาปล่อยทิ้งไว้ทั้งสิ้น และวัดแห่งนี้ก็เป็นที่พึ่งสุดท้ายของสุนัขจรจัดเหล่านี้ ทั้งนี้ ความเชื่อเรื่องการกินเนื้อสุนัขแล้วคลายหนาวนั้นเป็นความเชื่อที่ผิด





ที่มาเนื้อหา
http://www.lampang108.com/wb/read.php?tid-6136.html
หน้า: [1]