ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จิตประภัสสรของมนุษย์กล ในปี พ.ศ.4900  (อ่าน 3509 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28431
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
จิตประภัสสรของมนุษย์กล ในปี พ.ศ.4900
« เมื่อ: สิงหาคม 17, 2015, 10:29:26 am »
0



จิตประภัสสรของมนุษย์กล
โดย เคียงพิณ

ในปี พ.ศ.4900 (2,342 ปี ในอนาคต ซึ่งมนุษย์สามารถสร้างหุ่นยนต์ได้ราวกับมีชีวิตจริงๆ)

เมื่อพระภิกษุผู้ทำหน้าที่เผยแผ่พุทธศาสนาเหลือเพียงไม่กี่รูป เมื่อความถูกต้อง ความดีงาม สำหรับโลกใบนี้เป็นวาระที่ต้องหยิบยกขึ้นมาโต้เถียงกัน และในอนาคตอันใกล้จะเป็นเช่นไรหากผู้สอนศาสนาไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป หากแต่เป็นสมองกล เป็นหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนข้อมูลมากมายตามหลักศาสนาเพื่อเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ มนุษย์ถูกจำกัดให้เป็นเพียงผู้รับคำสอนและนำไปยึดถือปฏิบัติเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้เผยแผ่คำสอนของศาสนาอีกต่อไป

เรื่องนี้เป็นที่โต้เถียงกันในระดับนานาชาติ บ้างก็เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะให้หุ่นยนต์มาเป็นผู้สอนเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ สอนเรื่องเวร เรื่องกรรม และการเวียน ว่าย ตาย เกิด ทั้งที่ผู้สอนนั้นก็เพียงแค่ถูกตั้งโปรแกรมมาให้เข้าใจตามหน้าหนังสือ ตามองค์ความรู้ที่มีอยู่ในหน้ากระดาษ ไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งถึงปัญญาที่รู้เฉพาะตน ไม่ได้มีจิตผู้รู้ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างแท้จริง

บทเรียนที่ผ่านมาตลอด 4,900 ปีนั้น ทำให้รู้ว่าผู้ที่ทำให้ศาสนาค่อยๆ ห่างหายออกไปจากใจเรื่อยๆ ก็คือผู้เผยแผ่ที่ฝ่าฝืนพระวินัยเสียเอง จึงทำให้พุทธศาสนาอ่อนแอลงเรื่อยๆ หากผู้เผยแผ่เป็นหุ่นยนต์หลายคนเชื่อว่าศาสนาจะอยู่ต่อไปได้ เพราะหุ่นยนต์จะทำตามข้อปฏิบัติตามพระวินัยอย่างถูกต้องเคร่งครัด และไม่มีวันบิดเบือน หรือทำให้ศาสนาคงอยู่ต่อไปได้อีกนานแสนนานแต่...


 ask1 ask1 ask1 ask1

อาตมาในฐานะพระภิกษุผู้สอนพุทธศาสนารูปหนึ่ง รู้สึกไม่เห็นด้วยที่จะให้หุ่นยนต์มาเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ นั่นก็เพราะว่าหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึก เพียงแค่ถูกป้อนโปรแกรมและองค์ความรู้เรื่องศาสนาเข้าไปเท่านั้น ไม่ได้เข้าถึงแก่นแท้ของหลักคำสอนเลยแม้แต่น้อย แม้พระภิกษุในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะต้องหมดไป แต่ทุกอย่างก็ล้วนเป็นไปตามหลักคำสอน นั่นก็คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แม้แต่พระพุทธศาสนาเองก็เป็นเช่นนั้น มียุครุ่งเรือง มียุคเสื่อมถอย และมันเป็นไปเช่นนั้นเอง

ครั้งแรกที่ด๊อกเตอร์สิทธิชัยนักพัฒนาหุ่นยนต์สมองกลระดับโลกผู้หนึ่ง นำเรื่องนี้มาถกเถียงถึงการพัฒนาหุ่นยนต์ที่จะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณนั้น ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากทั้งภาครัฐและประชาชน บ้างก็เห็นชอบด้วย บ้างก็คัดค้าน จนในที่สุด เรื่องนี้ก็นำมาถกเถียงกับอาตมาในฐานะพระภิกษุเพียงไม่กี่รูปที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้
"ยังไงอาตมาก็ไม่เห็นด้วย ถึงแม้โลกใบนี้จะเหลืออาตมาซึ่งเป็นพระภิกษุเพียงรูปเดียวก็ตาม"

    "แต่...พระคุณเจ้าครับ มันจะไม่ดีกว่าเหรอหากเราสามารถต่ออายุพระพุทธศาสนาออกไปได้อีก ด้วยสมองกลที่มีองค์ความรู้ในเรื่องพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง" โยมสิทธิชัยพนมมือขึ้นกล่าวอย่างนอบน้อม "และตอนนี้หุ่นยนต์ก็ทำอะไรแทนมนุษย์ได้มากมายเหลือเกิน แล้วเหตุใดกันเราถึงนำสิ่งนี้มาเป็นผู้เผยแผ่คำสอน ต่ออายุพระพุทธศาสนาไม่ได้"





อาตมภาพส่ายหน้าเบาๆ ก่อนตอบโยมสิทธิชัยกลับไปว่า "หากจะให้สอนอย่างเดียวหรือโต้ตอบเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในเรื่องธรรมะ ศีล สมาธิ และข้อปฏิบัติทั่วไป มันก็ได้อยู่หรอกคุณโยม ข้อนี้อาตมาไม่ได้คัดค้าน แต่จะให้หุ่นยนต์มาห่มเหลืองกราบไหว้แทนพระสงฆ์จริงๆ นั้นออกจะเกินหน้าที่ไปสักหน่อย ถึงแม้จะทำเช่นนั้นได้ คุณโยมจะแน่ใจได้อย่างไรว่าหุ่นยนต์ซึ่งเป็นพระภิกษุรูปนั้นจะทำหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม นำพาผู้คนพ้นทุกข์ได้อย่างจริงจัง"

โยมสิทธิชัยใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง "ด้วยเหตุนี้ไงครับพระคุณเจ้า กระผมจึงได้พัฒนาสมองกลอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าจิตประภัสสรเทียม"


 :25: :25: :25: :25:

    "จิต ประภัสสรเทียม งั้นเหรอ"
     ได้ยินดังนั้นก็ทำเอาอาตมารู้สึกทึ่งจริงๆ วิวัฒนาการที่ก้าวหน้าสมัยนี้ทำได้ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ แต่ใจจริงก็ยังรู้สึกเป็นกังวลอยู่มาก เพราะจิตประภัสสรโดยแท้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผ่านการฝึกฝนวิปัสสนากรรมฐาน อย่างถูกต้อง จนผู้ฝึกมีจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วมีสติปัญญาที่สามารถนำพาตนเองและชี้นำ ผู้อื่นให้พ้นทุกข์ได้ แต่หุ่นยนต์ที่ถูกป้อนข้อมูลด้วยผู้สร้าง จะมีสติปัญญาและความบริสุทธิ์เกินองค์ความรู้ของผู้สร้างไปได้อย่างไรกัน
     เพราะทุกอย่างที่ว่ามานั้นล้วนเป็นความรู้เฉพาะตัวที่ผ่านประสบการณ์การ ฝึกฝน มีความรู้เฉพาะตนที่เกี่ยวกับทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น ทั้งกายและใจ รู้เท่าทันความคิดที่ถูกครอบงำด้วยอวิชชา ตัณหาและอุปาทาน มันเป็นไปไม่ได้ที่หุ่นยนต์ซึ่งเป็นเครื่องจักรจะถูกประกอบขึ้นด้วยจิตผู้ รู้ หรือจิตประภัสสรที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง เพราะหุ่นยนต์ไม่เคยถูกกิเลสเล่นงานมาก่อนจะเอาประสบการณ์ที่ถูกต้องมาสั่ง สอนได้อย่างไร

    "เป็นไปได้หรือคุณโยม ที่สามารถทำให้หุ่นยนต์มีจิตผู้รู้เฉกเช่นเดียวกับพระภิกษุที่ผ่านการฝึกฝนวิปัสสนากรรมฐานมาอย่างจริงจัง"


     ยังมีต่อ......



มติชนสุดสัปดาห์ 7-13 ตุลาคม 2558
ประกวดเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ มติชน อวอร์ด 2015 สัปดาห์ที่ 10
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1439465518
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28431
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: จิตประภัสสรของมนุษย์กล ในปี พ.ศ.4900
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2015, 10:40:42 am »
0


    โยมสิทธิชัยปลายยิ้มที่มุมปากเหมือนเฝ้ารอคำถามนั้นจากอาตมาอยู่นานแล้ว
    "ได้สิครับพระคุณเจ้า" เขาพยักหน้าพลางหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเอกสารข้างตัว มันเป็นผลึกแก้วรูปทรงเหมือนสมองมนุษย์เว้นเสียแต่ข้างในมองเห็นโครงข่ายเป็นเส้นใยเล็กๆ นับไม่ถ้วน เสมือนหนึ่งเงยหน้ามองดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า อีกทั้งมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านตลอดเวลา

    "นี่เรียกว่าจิตประภัสสรเทียมครับ พระคุณเจ้า"
    "นี่น่ะหรือ จิตประภัสสรเทียม"
     อาตมาย้ำประโยคนั้นอย่างรู้สึกลังเล
    "ใช่ครับ เส้นใยเล็กๆ ที่พระคุณเจ้าเห็นข้างในคือการสั่งสม องค์ความรู้ ประสบการณ์ทางสภาวะจิต สภาวธรรมของพระภิกษุที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบครับ หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าจิตผู้รู้เทียมก็ได้"


      :96: :96: :96: :96: :96:

     สิ่งที่โยมด๊อกเตอร์สิทธิชัยบอกกับอาตมานั้น ทำให้ได้รู้ว่าวิทยาการในตอนนี้สามารถทำได้แม้กระทั่งดึงองค์ความรู้ที่ผ่านการฝึกฝนสภาวะจิตมาได้เช่นกัน จริงอยู่ที่ตอนนี้สามารถโอนถ่ายความทรงจำของผู้ที่ตายแล้วไปยังหุ่นยนต์ได้ แต่ไม่คิดมาก่อนว่าสภาวะจิตใจที่ผ่านการปฏิบัติธรรมจะสามารถถ่ายโอนได้เช่นกัน จากที่เคยคิดว่าการปฏิบัติธรรมคือองค์ความรู้เฉพาะตน ใครปฏิบัติผู้นั้นก็ได้ยึดถือนำไปใช้ในชีวิต แต่ตอนนี้กลับโอนถ่ายให้กันได้ราวกับเป็นมรดกตกทอด แต่เรื่องเช่นนี้มันเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อนัก
     จิตประภัสสร จิตเดิมแท้ จิตผู้รู้ ทั้งหมดทั้งมวลนั้นล้วนมีอยู่ในมนุษย์ทุกผู้อยู่แล้ว เพียงแต่หายไปเพราะถูกกิเลส ตัณหา และความไม่รู้โคจรเวียนว่ายเข้ามากระทบจึงทำให้มัวหมอง ผู้ที่ได้ฝึกฝนย่อมนำสภาวะจิตที่บริสุทธิ์ดังกล่าวกลับมาใช้ได้อีกครั้งตามที่ใจปรารถนาเพื่อขจัดกิเลส ส่วนผู้ไม่รู้ก็จะเต้นเร่าเหมือนคนที่งมหาทางสว่าง ปัญญาจึงไม่เกิดเฉกเช่นผู้ที่ได้ฝึกฝนอย่างจริงจัง
     ดังนั้นแล้ว หากสิ่งที่โยมสิทธิชัยบอกอาตมาเป็นเรื่องจริง มันก็คงจะดีไม่น้อยที่เราสามารถถ่ายโอนสภาวะจิตใจให้หุ่นยนต์ได้





     เมื่อความสงสัยนั้นแสดงออกทางสีหน้าของอาตมาโยมสิทธิชัยจึงพนมมือขึ้นอีกครั้ง
     "หากพระคุณเจ้าไม่เชื่อกระผมล่ะก็ กระผมมีหุ่นยนต์ต้นแบบที่จะให้พระคุณเจ้าได้ทดสอบสภาวะจิตครับ หากหุ่นยนต์ตัวนั้นสอบผ่านกระผมก็จะสร้างหุ่นยนต์พระภิกษุรุ่นแรกขึ้นมาอย่างจริงจัง"

     อาตมายกมือปรามเอาไว้อย่างทันท่วงที เพราะรู้สึกว่าเรื่องที่พูดมาทั้งหมดนั้นยังมีรูรั่วที่ต้องแก้ไขอยู่อีกข้อหนึ่ง
     "เดี๋ยวก่อนคุณโยม จะมีประโยชน์อันใดกันเล่าหากหุ่นยนต์พระภิกษุรูปนั้นเกิดมาเพื่อทำหน้าที่สั่งสอนเพียงอย่างเดียว แล้วจะเอากำลังจิต กำลังใจที่ไหนไปปฏิบัติเพื่อเพิ่มพูนสติปัญญา เพราะขาดเรื่องราวและประสบการณ์ในวัยเยาว์ อาตมาเองก่อนจะตัดสินใจออกบวช ก็มีเรื่องราวต่างๆ มากมายเกิดขึ้นในชีวิตเหมือนกัน ทั้งได้ศึกษาและเห็นทางพ้นทุกข์ เมื่อคิดดีแล้วจึงออกบวชเพื่อจะได้ไม่ต้องเบียดเบียนใคร มีบิดา มารดา ที่เป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเสมือนหนึ่งอาจารย์คนแรก"


      :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

     เมื่อท้วงติงในเรื่องนี้ จึงเป็นอีกครั้งที่อาตมาเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของโยมสิทธิชัยเหมือนครั้งแรกที่ตั้งคำถาม
     "ข้อนั้นไม่ต้องกังวลเลยครับพระคุณเจ้า หุ่นยนต์ทุกตัวบนโลกในตอนนี้เราสามารถป้อนความทรงจำเทียมเข้าไปได้ทั้งนั้น นั่นหมายความว่าไม่ว่าเรื่องราวประเภทไหน ความทรงจำสวยงามเช่นใด เราก็สามารถหยิบเสริมเติมแต่งป้อนข้อมูลใส่ไปได้ทั้งหมด ราวกับเป็นภาพมายาในความฝันที่เสมือนจริงเชียวล่ะครับ"

     ถึงแม้อาตมาจะได้ยินเรื่องนี้ แต่ทุกอย่างก็ยังคงค้างคาอยู่ในใจเช่นเดิม เพราะจำได้ว่าครั้งแรกที่ออกบวชและเริ่มฝึกฝนสภาวะจิตอย่างจริงจังนั้น ล้วนมีอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างมากระทบทำให้เกิดองค์ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นความเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นกับร่างกาย หรือทุกขเวทนาขั้นละเอียดนั้นก็เป็นการสั่งสมจากประสบการณ์การปฏิบัติธรรมแทบทั้งสิ้น เพราะเมื่อเกิดทุกข์หากเรามีสติวิเคราะห์รู้เท่าทันต้นเหตุแห่งทุกข์ก็จะเกิดปัญญาตามมา มันจึงเป็นองค์ความรู้ที่บอกปากต่อปาก หรือป้อนข้อมูลให้กันไม่ได้ หากแต่ต้องปฏิบัติเองเท่านั้น แล้วหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนโปรแกรมองค์ความรู้เทียมจะรู้แจ้งแทงตลอดได้อย่างไร


    ยังมีต่อ......


มติชนสุดสัปดาห์ 7-13 ตุลาคม 2558
ประกวดเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ มติชน อวอร์ด 2015 สัปดาห์ที่ 10
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1439465518
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 17, 2015, 10:48:35 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28431
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: จิตประภัสสรของมนุษย์กล ในปี พ.ศ.4900
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2015, 10:48:01 am »
0



ในวันนี้อาตมาจึงถูกนิมนต์มายังที่แห่งหนึ่ง มันเสมือนเป็นห้องแล็บขนาดใหญ่ ในนั้นประกอบด้วยเครื่องจักรต่างๆ มากมาย เป็นห้องสีขาวสะอาดสะอ้าน มีหุ่นยนต์รับใช้เดินถือน้ำดื่มมาหยุดลงตรงหน้า เมื่อเจ้าหุ่นยนต์ตัวนั้นเห็นว่าอาตมาเป็นพระสงฆ์จึงประเคนน้ำให้อย่าง นอบน้อมและก้มลงกราบสามครั้งแล้วจากไป ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ หุ่นยนต์ในนี้ทันสมัยถึงขนาดวิเคราะห์ได้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเป็นบุคคล ทั่วไปหรือพระภิกษุสงฆ์ แต่จะว่าแปลกเสียทีเดียวก็เห็นจะไม่ได้เพราะถึงขนาดสร้างจิตผู้รู้เทียมขึ้น มาได้ก็คงไม่ยากที่จะสร้างหุ่นยนต์ที่วิเคราะห์ทุกอย่างได้เอง

โยมด๊อกเตอร์สิทธิชัยเคาะแป้นพิมพ์สองสามครั้งจึงปรากฏบางอย่างบนหน้าจอ มอนิเตอร์ ในหน้าจอนั้นปรากฏโครงหน้าของมนุษย์ศีรษะล้านเหมือนพระภิกษุสงฆ์เป็นโพลิกอ นสามมิติ ถัดจากจอมอนิเตอร์มองเห็นจิตประภัสสรเทียมในตู้กระจกทรงเหลี่ยมที่เชื่อมต่อ กับสายไฟยุ่งเหยิงหลายเส้นเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดมโหฬาร โยมสิทธิชัยเคาะแป้นพิมพ์อีกสองสามครั้งแล้วจึงหันมากล่าวกับอาตมา


      ask1 ask1 ask1 ask1

    "พระคุณเจ้าลองทดสอบสิ่งนี้ไปพลางๆ ก่อนนะครับ กระผมขอตัวไปทำธุระข้างนอกแล็บสักครู่ แล้วจะมาขอทราบผลจากพระคุณเจ้าอีกครั้ง"

     อาตมาพยักหน้าโดยไม่ขัดข้องใจ คิดว่าคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรนัก คงเหมือนเราสนทนาธรรมกับพระภิกษุรูปหนึ่ง แต่ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะเริ่มต้นด้วยประโยคทักทายแบบไหน จะแทนสมองกลเบื้องหน้าว่าอะไร แต่ในเมื่ออีกฝ่ายก็อาจจะได้ทำหน้าที่เป็นพระภิกษุสงฆ์เรียกว่าท่านก็คงจะไม่มีปัญหากระมัง

     "นมัสการครับท่าน"
     "นมัสการเช่นกันครับ" อีกฝ่ายตอบด้วยกระแสเสียงนอบน้อมราวกับมีตามองเห็นอาตมาเสียอย่างนั้น จึงพลอยทำให้ช่องว่างที่รู้สึกกังวลแคบลงมาอีกนิด จากนั้นจึงเริ่มต้นด้วยคำถามทั่วไปดูก่อนเพื่อดูว่าพระภิกษุสมองกลผู้นี้จะตอบไปในทิศทางไหน

     "ท่านครับ ท่านคิดว่ามนุษย์เมื่อตายไปแล้วไปไหน บ่อยครั้งที่ผมถูกตั้งคำถามเช่นนี้ หากเป็นท่านซึ่งทำหน้าที่เป็นพระภิกษุสงฆ์จะให้คำตอบโยมผู้นั้นว่าอย่างไร"


     


     หุ่นยนต์หัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างสุขุมราวกับมีชีวิตชีวาก่อนจะให้คำตอบ
     "ผมก็จะถามโยมคนนั้นกลับไปว่า ยามที่เปลวไฟบนเทียนไขดับลงนั้นคุณโยมคิดว่าเปลวไฟดวงนั้นไปไหน แต่น่าแปลกเหลือเกินที่เปลวไฟดวงนั้นเราก็ยังสามารถจุดขึ้นมาใหม่ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เว้นเสียแต่ว่าไม่ใช่ไฟดวงเดิมเท่านั้น"

ทว่าคำตอบที่จิตประภัสสรเทียมเบื้องหน้าตอบออกมานั้นทำให้อาตมาพลอยยิ้มไปด้วย ซึ่งถือว่าเป็นคำตอบที่ดีทีเดียว เปลวไฟก็เหมือนชีวิตมนุษย์ เราไม่รู้ว่ามันดับไปไหน แต่มันก็ยังจุดติดใหม่ได้อีกครั้ง

     "ท่านครับ ท่านทราบหรือเปล่าว่าจิตมนุษย์ที่ขาดการฝึกฝนมีลักษณะอย่างไร"
     "จิตมนุษย์ไม่มีรูปแบบ มีลักษณะที่เกิดดับอย่างรวดเร็ว เกิดดับอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเร็วกว่าแสง ต้องใช้สติปัญญาหรือจิตผู้รู้เพ่งมองกระแสเกิดดับนั้น เพื่อจะได้เห็นมันอย่างชัดเจน เฉกเช่นเดียวกับกิเลสและตัณหา หากรู้เท่าทันความคิดก่อนที่มันจะเกิดก็ตัดรากถอนโคนอวิชชาเหล่านั้นได้เช่นกัน"


      :25: :25: :25: :25:

สมบูรณ์แบบเหลือเกินนั่นคือสิ่งที่รบกวนใจอาตมาในตอนนี้ จิตประภัสสรดวงนี้รู้และเข้าใจถึงสภาวะเกิดดับของมนุษย์ทุกผู้ ในระดับที่พอจะทำให้ผู้รับฟังเกิดปัญญาได้ระดับหนึ่ง ถือว่าน่าพอใจทีเดียว แต่จะจริงแท้หรือไม่นั้นอีกเรื่องหนึ่ง คงต้องตามพิสูจน์ต่อไปอีก ถ้าเช่นนั้นลองปรึกษาสภาวะจิตที่อยู่ในขั้นตอนฝึกฝนคงไม่เสียหายอะไรนัก เมื่อคิดได้ดังนั้นอาตมาจึงตั้งคำถามที่สาม

     "เมื่อวานนี้มีโยมคนหนึ่งมาปรึกษาปัญหาเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน โยมผู้นั้นถามผมว่าเขาปฏิบัติกรรมฐานอย่างสม่ำเสมอทุกวัน แล้วมีอยู่คืนหนึ่งระหว่างที่นอนหลับรู้สึกคล้ายกับว่ากำลังจ้องมองตัวเองจากบนยอดตึก มองเห็นร่างกายของตัวเองทุกสัดส่วนราวกับล่องลอยออกจากร่าง รู้สึกเป็นกังวลมากจึงไม่ทราบว่าสภาวะเช่นนี้เรียกว่าอะไร และไม่รู้ว่าตนเองปฏิบัติมาถูกทางหรือไม่ หากเป็นท่านจะให้คำตอบต่อโยมผู้นั้นว่าอย่างไรครับ"

     หน้าจอมอนิเตอร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งในใจอาตมานั้นคิดว่าคงไม่ได้รับคำตอบเสียแล้ว จนในที่สุดหน้าจอมอนิเตอร์ก็ตอบกลับ
     "ผมก็จะตอบโยมผู้นั้นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเรียกว่าอุปาทาน เป็นอวิชชา เป็นความไม่รู้ เป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติต้องก้าวข้ามไปให้ได้ เหตุที่เกิดความรู้สึกเช่นนั้นก็เพราะผู้ปฏิบัติฝักใฝ่ในการเพ่งกายมากจนเกินไปจึงทำให้เกิดสมาธิในระดับหนึ่ง แต่ไม่เกิดปัญญายิ่ง เป็นความทุกข์ที่ต้องใช้ปัญญาเพื่อหาเหตุ ใช้จิตผู้รู้เพื่อเฝ้าดูและสังเกตการณ์ แล้วจึงจะเห็นความเกิดดับของสภาวะเช่นนั้น"


     ยังมีต่อ......


มติชนสุดสัปดาห์ 7-13 ตุลาคม 2558
ประกวดเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ มติชน อวอร์ด 2015 สัปดาห์ที่ 10
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1439465518
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: จิตประภัสสรของมนุษย์กล ในปี พ.ศ.4900
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2015, 10:49:35 am »
0
 st11 st12 อีกตั้งสองพันกว่าปีคงเกิดได้อีกหลายชาติ
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28431
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: จิตประภัสสรของมนุษย์กล ในปี พ.ศ.4900
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2015, 10:55:26 am »
0


หลังจากที่ตั้งคำถามที่สามจบลง อาตมาบอกกับตัวเองว่าจิตประภัสสรเทียมที่สร้างขึ้นนี้ใช้ได้ มันใช้ได้จริงๆ และเป็นเรื่องดียิ่งเหลือเกินที่จะนำมาใช้สืบทอดต่ออายุพระพุทธศาสนา ในขณะที่กำลังใคร่ครวญเพื่อจะตั้งคำถามต่อไป โยมสิทธิชัยก็เข้ามาในห้องแล็บพอดี พร้อมกับตั้งคำถามถึงผลลัพธ์

    "เป็นยังไงบ้างครับพระคุณเจ้า คิดว่าสิ่งนี้พอจะช่วยแบ่งเบาภาระพระคุณเจ้าได้บ้างหรือเปล่า จิตประภัสสรเทียมสอบผ่านหรือไม่ครับ หรือมีจุดอ่อนอย่างอื่นที่กระผมจำเป็นต้องรู้"

     อาตมายิ้มที่มุมปากให้กับโยมสิทธิชัย และรู้สึกยินดียิ่งที่สมองกลซึ่งละเมียดละไมเช่นนี้เข้าใจสภาวธรรมได้ระดับหนึ่ง คิดว่าต่อไปในอนาคตอาจจะดีขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้ ความกังวลที่รู้สึกมีมาแต่แรกก็พลอยเบาลงราวกับปุยนุ่นในอากาศ อีกทั้งยังรู้สึกสนับสนุนและเห็นชอบด้วย


     ask1 ask1 ans1 ans1

     "อาตมาแปลกใจจริงๆ ที่โยมทำได้ถึงขนาดนี้"

     "ใช่ครับ พระคุณเจ้า กระผมเองก็รู้สึกทึ่งเหมือนกันที่ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจทีเดียว จนแทบอยากจะให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบโดยเร็วที่สุด ลองนึกภาพตามนะครับพระคุณเจ้า หุ่นยนต์พระภิกษุจำนวนมหาศาลกระจายกันออกไปรอบโลกเพื่อเผยแผ่หลักธรรมคำสอน หุ่นยนต์ที่สามารถวิเคราะห์พระธรรมวินัยได้อย่างแตกฉาน และไม่มีวันมัวหมองเพราะกิเลสเป็นอันขาด ช่างเป็นหุ่นยนต์ที่งดงามในธรรมเป็นอย่างยิ่ง ทั้งน่าเลื่อมใสและกราบไหว้ได้อย่างสบายใจ"

     "ถ้าเช่นนั้นหุ่นยนต์พระภิกษุรุ่นแรก ที่สามารถเดินเหินและทำหน้าที่ได้นั้นจะสร้างเสร็จเมื่อไหร่หรือคุณโยม อาตมาเองก็อยากเห็นโดยเร็วที่สุดเช่นกัน คงช่วยแบ่งเบาในเรื่องการเผยแผ่ศาสนาได้ดีทีเดียว"

     โยมสิทธิชัยเหมือนจะใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งคล้ายไม่กล้าจะเอ่ยออกมาโดยตรง ราวกับติดปัญหาบางอย่าง
"ผมแอบผลิตออกมาร่างหนึ่งแล้วครับพระคุณเจ้า แต่ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากอาณาประเทศ"





     "จริงหรือโยมสิทธิชัย ช่วยพาอาตมาภาพไปชมหุ่นยนต์ตนนั้นได้หรือไม่"
      อาตมาเร่งเร้าจนออกนอกหน้าเพราะอยากเห็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบโดยเร็วที่สุด
     "หุ่นยนต์พระภิกษุรุ่นแรกอยู่ตรงหน้าผมนี่ไงครับ"
     "เอะ...คุณโยมหมายความว่า..."

     "ใช่แล้วครับ หุ่นยนต์พระภิกษุรุ่นแรกก็คือตัวพระคุณเจ้านั่นเอง ช่างสมบูรณ์แบบที่สุด สมบูรณ์แบบเหลือเกิน ตั้งคำถามในเชิงหลักธรรม วิเคราะห์เหตุและปัจจัยด้วยตนเองได้ เสียก็แต่ว่าตอนนี้พระคุณเจ้ารู้แล้วว่าท่านไม่ใช่มนุษย์ ผมจึงจำเป็นต้องปิดระบบพระคุณเจ้าสักครู่ก่อน เพื่อลบความทรงจำในช่วงนี้ออกไป เช่นนั้นคงต้องกราบนมัสการลาพระคุณเจ้าตรงนี้แล้วครับ"


      -จบ-


มติชนสุดสัปดาห์ 7-13 ตุลาคม 2558
ประกวดเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ มติชน อวอร์ด 2015 สัปดาห์ที่ 10
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1439465518
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: จิตประภัสสรของมนุษย์กล ในปี พ.ศ.4900
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2015, 11:51:19 am »
0
ผลงาน ไซไฟ เชียวนะเรื่องนี้

  like1 like1 like1 st12
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

kittisak

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +42/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 653
  • พุทธัง อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: จิตประภัสสรของมนุษย์กล ในปี พ.ศ.4900
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2015, 01:13:18 pm »
0
 like1
บันทึกการเข้า
ความสุขอันเกิดจากการแบ่งปัน ดีกว่าความทุกข์ที่มีแต่จะเอา

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: จิตประภัสสรของมนุษย์กล ในปี พ.ศ.4900
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2015, 02:40:59 pm »
0
 thk56 thk56 like1 like1
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: จิตประภัสสรของมนุษย์กล ในปี พ.ศ.4900
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2015, 06:26:20 pm »
0
 st12 :welcome: :s_good: :c017: :035: :035: :035:
        ..
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา