ควรทำความไม่ประมาทในฐานะ 4 1. พึงทำความไม่ประมาท โดยการรักษาจิตด้วยสติว่า ขอจิตของเราอย่าได้กำหนัดในอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
2. พึงทำความไม่ประมาท โดยการรักษาจิตด้วยสติว่า ขอจิตของเราอย่าได้เกิดโทสะในอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ
3. พึงทำความไม่ประมาท โดยการรักษาจิตด้วยสติว่า ขอจิตของเราอย่าได้เกิดลุ่มหลงในอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความลุ่มหลง
4. พึงทำความไม่ประมาท โดยการรักษาจิตว่า ขอจิตของเราอย่าได้เกิดมัวเมาในอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา
ในกาลใด จิตของภิกษุไม่เกิดกำหนัดในอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เพราะปราศจากความกำหนัดอันเกิดจากการเจริญสติระลึกได้ฉับไว ทำให้สัมปชัญญะรู้เท่าทัน ในกาลนั้น ภิกษุนั้นย่อมไม่หวั่นไหว ไม่สะดุ้ง ไม่คลั่งไคล้ อันอารมณ์นั้นๆจะครอบงำได้ แม้ในฐานะที่ 2-4 ก็มีนัยนี้แล (องฺ.จตุกฺก. 21/161/117)
อีกนัยหนึ่ง พระพุทธองค์ตรัสสอนให้ทำความไม่ประมาทในการละกายทุจริต ด้วยการประพฤติกายสุจริต ในการละวจีทุจริต ด้วยการประพฤติวจีสุจริต ในการละมโนทุจริต ด้วยการประพฤติมโนสุจริต และในการละความเห็นผิด ด้วยการทำความเห็นให้ถูกตรงต่อความเป็นจริง (องฺ.จตุกฺก. 21/160/116)
@@@@@@@
ถามว่า : ความไม่ประมาท คืออะไร.?
ตอบว่า : คือ ความระวัง อันจะมีขึ้นได้ ก็ด้วยกำลังของสติที่ระลึกได้ฉับไว ทำให้สัมปชัญญะรอบรู้ได้เท่าทันกิเลสนั้นเอง สติที่ระลึกได้ฉับไวอันเกิดจากอบรมภาวนาจึงเป็นประธานในการระวัง เพราะถ้าสติไม่มีกำลังระลึกได้ฉับไว สัมปชัญญะก็ไม่มีโอกาสรอบรู้ได้เท่าทันกิเลส
เมื่อจัดเป็นศีล ข้อ 161 สติเป็นไปในทวารอินทรีย์ 6 มีทางตา ทางหู เป็นต้น เพื่อรับรู้อารมณ์ทางทวารนั้นๆ พร้อมกับทำกิจระวังจิตไม่ให้กำหนัดในอารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เป็นต้น ท่านเรียกว่า อินทรีย์สังวรศีล
ส่วนสติที่มีกำลังระลึกฉับไว ข้อ 160 ที่เป็นไปทางทวารกรรม พร้อมกับทำกิจระวังไม่ทำทุจริตทางกาย เป็นต้น ท่านเรียกว่า ปาติโมกขสังวรศีล (นิสสยอักษรปัลลวะ และอักษรสิงหล)ขอบคุณ :
dhamma.serichon.us/2020/12/08/ควรทำความไม่ประมาทในฐา/ พระไตรปิฎกศึกษา ,บทความของ สมเกียรติ พลเดชอุดมคุณ ,8 ธันวาคม 2020 ,posted by admin.