ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - because
หน้า: [1]
1  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / พระอริยเถราจารย์สอนเรื่องตัดขันธ์ เรื่อง การเิดินจิต โพชฌงค์ 7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2012, 07:48:20 pm
พระอริยเถราจารย์สอนเรื่องตัดขันธ์


    (พรรษาที่ ๑๕ สถิตวัดท่าหอย ยุคธนบุรี)ณ วัดท่าหอย พรรษาที่ ๑๔ พระอาจารย์สุก พระองค์ท่าน ทรงเจริญสมณะธรรมทุกคืน ก็จะมีพระอริย เถราจารย์มา กล่าวสอน พร่ำสอน พระกรรมฐานพระองค์ท่านทุกคืน คืนนี้ก็เช่นกัน มีพระเถราจารย์พระองค์หนึ่งล่วงมาแล้ว เข้ามาหาพระอาจารย์สุกด้วยกายทิพย์อันละเอียดประณีต

  พระอริยเถราจารย์ พระองค์นั้นมาถึงแล้วก็กล่าวกับพระองค์ท่านว่า ข้าฯชื่อ คำมา ข้าจะมาสอนเรื่องการตัดขันธ์ จะได้เอาไว้ใช้กับตัวเอง และเอาไว้ใช้สอนผู้อื่น เวลาเกิดทุกขเวทนาในเวลาใกล้ตาย ท่านสอนว่าการตัดขันธ์นี้ ต้องมีสมาธิจิตกล้าแข็งสามารถลืมทุกสิ่ง ทุกอย่างได้ ไม่เอาสังขารร่างกายแล้ว ให้ตัดจากขันธ์หยาบก่อน โดยพิจารณาวิปัสสนา คือ ๑.ตัดอาโปธาตุก่อน ๒.ตัดเตโชธาตุ ๓.ตัดปฐวีธาตุ ๔.ตัดวิญญาณธาตุ ดับความยึดมั่นในร่างกาย สุดท้ายให้ตัด วาโยธาตุ เวลามรณะกรรม ทุกขเวทนา จะไม่มี ไม่ปรากฏ แต่ต้องมีสมาธิจิตกล้าแข็ง จึงจะทำได้
พระอริยเถราจารย์ ยังกล่าวสอนต่อไปอีกว่า ระหว่างทุกข์เวทนาเกิดขึ้นมากนั้น

    ให้ตั้งสติให้กล้าแข็ง องค์แห่งธรรมสามัคคี คือโพชฌงค์ ๗ จะเกิดขึ้น
   คือสติสัมโพชฌงค์ ๑ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ๑ วิริยะสัมโพชฌงค์ ๑ ปีติสัมโพชฌงค์ ๑ ปัสสัทธิ
สัมโพชฌงค์ ๑ สมาธิสัมโพชฌงค์ ๑ อุเบกขาสัมโพชฌงค์ ๑

     เมื่อมีสติรู้ต่อทุกข์เวทนา ทั้งภายใน ภายนอก เรียกว่า สติสัมโพชฌงค์เกิด มีสติแล้วระลึกถึง การตัดซึ่งขันธ์ห้า เรียกว่า ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์เกิด เริ่มทำความเพียรในการตัดขันธ์ เรียกว่า วิริยสัมโพชฌงค์เกิด เมื่อตัดขันธ์ได้ครบองค์แล้ว ดับความยึดมั่นในร่างกายได้ ปีติสัมโพชฌงค์ก็เกิด ความสงบทั้งภายในภายนอกก็ตามมา ปัสสัทธิ
สัมโพชฌงค์ จึงเกิด ความไม่มีทุกข์เวทนา ก็หายไป จิตก็ตั้งมั่น จึงเกิดสมาธิสัมโพชฌงค์ วางเฉยในอกุศลธรรมทั้งปวง จึงเกิดอุเบกขาสัมโพชฌงค์เมื่อท่าน เจริญโพชฌงค์แล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเข้าถึงเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ
อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งจริงแท้ ด้วยตนเองในปัจจุบันอยู่ ธรรมเหล่านี้มีอยู่ ๗ อย่างตามที่กล่าวมาแล้ว พระอริยเถราจารย์ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า เจริญอย่างไรจึงจะหลุดพ้น คือ

    ๑.ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธอันน้อมไปเพื่อความปลดปล่อย
    ๒.ย่อมเจริญธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะอาศัยนิโรธอันน้อมไป เพื่อความปลดปล่อย
    ๓.ย่อมเจริญวิริยสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธอันน้อมไป เพื่อความปลดปล่อย
    ๔.ย่อมเจริญปีติสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธอันน้อมไปเพื่อความปลดปล่อย
    ๕.ย่อมเจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธอันน้อมไป เพื่อความปลดปล่อย
    ๖.ย่อมเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธอันน้อมไป เพื่อความปลดปล่อย
    ๗ .ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธอันน้อมไป เพื่อความปลดปล่อย ท่านเจริญโพชฌงค์ ๗ อย่างนี้แล้ว ทำให้มากแล้ว เป็นเหตุให้เข้าถึงเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันอยู่ ฯ
   
      คืนต่อมาพระอริยเถราจารย์ หรือหลวงปู่คำมา ท่านก็กล่าวสอนอีกว่า ข้าฯจะสอนวิชา ผ่อนคายจิต ท่านสอนว่า ขณะที่จิตกำลังมีความสับสนวุ่นวาย ขอให้ตั้งสติแล้วหายใจให้ลึกๆ พุ้งสมาธิจิตไปที่ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือพระพุทธรูป ให้เพ่งดูนิ่งๆนานๆ สักครู่หนึ่ง แล้วภาวนาสวดพระพุทธคุณ คืออิติปิโส ฯลฯ ภควาติ ๑จบ หรือหลายจบก็ได้ ความวุ่นวายใจ และสับสนใจ ก็จะคลายลง แล้วหายไปเองคืนต่อมาพระอริยเถราจารย์ หรือหลวงปู่คำมา ท่านก็สอนต่อไปอีกว่า วิชชาสยบทุกข์เวทนา ท่านบอกว่าเมื่อมีทุกขเวทนาเกิดขึ้นแก่เรา ขอให้เราตั้งสติแล้ว ยอมรับทุกขเวทนานั้นก่อน คือให้มีสติกำหนดรู้ทุกข์นั้นเอง ให้รู้ว่าทุกข์เกิดจากอะไร แล้วนึกถึงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เรามีกรรมเป็นของ ของตนเอง เรามีกรรมเป็นมรดก เรามีกรรมเป็นกำเนิด เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย แล้วมีสติกำหนดรู้ ความวางเฉยในทุกข์เวทนานั้นด้วยถ้าทำดังนี้ได้ ทุกขเวทนาที่มีอยู่ใน ใจ และกาย ก็จะบรรเทา เบาบางลง และหายไปในที่สุด หรือให้มีสติรู้เวทนา เช่นทุกข์เวทนาเกิด ก็รู้ว่าทุกข์เวทนาเกิด ทุกข์เวทนาไม่มี ก็รู้ว่าทุกขเวทนาไม่มี ดังนี้ ก็จะสามารถแยกจิต กับทุกขเวทนาออกไปได้ ไม่รู้สึกทุกข์ ถ้ารู้ไม่เท่าทันทุกข์เวทนา เราก็ไม่สามารถสยบทุกขเวทนาได้ ท่านบอกว่า นี้เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพร่ำสอนพระสาวก และสืบต่อมาจนถึงข้าฯและถึงท่านนี่แหละ

     พระอาจารย์สุกพระองค์ท่าน ทรงออกจากสมาธิแล้ว ทรงทบทวนการตัดขันธ์ทบทวนโพชฌงค์ ๗ ทบทวนวิชาสยบทุกข์เวทนา เป็นเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ทุกวันในพรรษานี้ พระองค์ท่านก็สามารถตัดทุกขเวทนาได้ และชำนาญใน พระคัมภีร์โพชฌงค์ ๗ อีกด้วย  คืนต่อมาในพรรษานั้น พระอริยเถราจารย์ องค์ที่สอนพระอาจารย์สุก เรื่องการตัดขันธ์ อันประกอบด้วย โพชฌงค์ ๗ ประการ ได้มาบอกท่านในสมาธิอีกว่า ข้าฯจะ
สอนวิชาโพชฌงค์ ๗ เป็นวิชาโลกุดร สยบมาร ท่านกล่าวอีกว่า

    มาร คือ กิเลสมาร  สังขารมาร อภิสังขารมาร เทวปุตมาร และมัจจุมาร ท่านบอก นอกจากจะสยบมารทั้ง
ห้าแล้ว ยังใช้รักษาโรคกาย โรคจิต ให้แก่ตัวเอง และผู้อื่นได้อีกด้วย ต่อมาท่านจึงบอก

วิธีทำ ฌานโลกุดร สยบมาร ดังนี้
๑.ท่านให้ตั้งสติสัมโพชฌงค์ ที่กลางสะดือ องค์ธรรมนาภี จุดชุมนุมธาตุ
๒.ให้ตั้งธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ที่จุดเหนือสะดือ หนึ่งนิ้ว จุดธาตุดิน
๓.ตั้งวิริยสัมโพชฌงค์ ที่จุดหทัย จุดองค์ธรรม พระพุทโธ
๔.ตั้งปีติสัมโพชฌงค์ ที่จุดคอกลวง องค์ธรรม ของพระปีติ
๕.ตั้งปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ที่โคตรภูมิท้ายทอย องค์ธรรมนิโรธ ธาตุลม
๖.ตั้งสมาธิสัมโพชฌงค์ ที่กลางกระหม่อม องค์ธรรมของพระพุทธเจ้า
๗.ตั้งอุเบกขาสัมโพชฌงค์ ที่หว่างคิ้ว องค์ธรรมของพระสังฆราชา
เมื่อจิตมีกำลัง ปราณีตดีแล้ว ตรงอุเบกขาสัมโพชฌงค์ ให้เปลี่ยนคำภาวนาเป็น
โลกุตตะรัง ฌานัง อันเป็นไปเพื่อจิตหลุดพ้น

ในกาลต่อมาพระอาจารย์สุก พระองค์ท่านก็ทรงนำวิชาโลกุดร สยบมาร มาสั่ง
สอนศิษย์ มากมายในกรุงรัตนโกสินทร์ มีชื่อเสียงโด่งดังมากมายหลายองค์



  พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร มหาเถรเจ้า (สุกไก่เถื่อน) หน้า 154 - 157
  เรียบเรียงโดย พระครูสิทธิสังวร ผช.จล. วัดราชสิทธาราม  เจ้าคณะ 5
  http://www.somdechsuk.com
2  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://thumkhaophukatemple.blogspot.com/ วัดเขาภูคาจุฬามณี เมื่อ: มกราคม 25, 2012, 06:43:55 pm


http://thumkhaophukatemple.blogspot.com/
วัดเขาภูคาจุฬามณี
3  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เซ็น โกอานคืออะไร เมื่อ: สิงหาคม 14, 2011, 06:11:08 pm
โกอานคืออะไร
   
    คำว่า โกอาน ออกเสียงตามภาษาญี่ปุ่น จีนกลางออกเสียงว่า กงอั้น ภาษาแต้จิ๋วว่า กงอั่ว แปลตามตัวหนังสือ คำว่า กง คือ ราชการ คำว่า อั่ว คือ เอกสาร กงอั่ว มักจะหมายความถึง สำนวนคดี  หรือ เอกสารเรื่องหนึ่งของทางราชการ เซ็นได้ยืมมาใช้สำหรับคำพูดประโยคหนึ่งหรือเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งพระอาจารย์พูดหรือเล่าให้ฟัง เพื่อให้ศิษย์นำไปคิดทบทวนเพื่อเห็นแจ้งในธรรม


ฐานะของโกอาน
   
    เซ็นใช้ความตื่นตัวของตน ปรับปรุงเจตจำนงของตน ให้ความไม่เป็นอิสระของเจตจำนงให้เป็นเจตจำนงที่มีความเป็นอิสระ เปลี่ยนแปลงนิสัยเก่าให้เป็นนิสัยใหม่ ให้แนวคิดเก่าเป็นแนวคิดใหม่ นี่แหละคือเซ็น และโดยโกอานทำหน้าที่นี้
   
    เซ็นอาศัยโกอานทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดมีชีวิตใหม่ขึ้น แล้วก็นำมาแสดงด้วยโกอานอีก โกอานเป็นชีวิตของเซ็น การสืบธรรมและการประกาศธรรมก็อาศัยโกอาน ทุกสิ่งของนิกายเซ็นซึ่งนอกจากโกอานแล้ว ล้วนแต่เป็นส่วนประกอบที่ทำให้เซ็นมีรูปแบบเป็นศาสนาเท่านั้น
   
    อาจารย์บางท่าน พยายามทำให้รูปแบบของเซ็นสมบูรณ์ขึ้น แล้วลืมโกอานไป บางท่านคิดจะทำให้เซ็นมีความเหมาะสมกับยุคสมัย ละเลยโกอานไปก็มี นับเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง

    ถ้าละเลยโกอานหรือถึงแก่ละทิ้ง เซ็นก็จะถูกทำลายหมด เซ็นถือว่า รูปแบบศาสนาเป็นสิ่งสำคัญ แต่รูปแบบนี้ต้องมาจากภายในของชีวิตเซ็น จึงมีคุณค่าสำหรับเซ็นและก็จะสามารถยืดชีวิตเซ็นให้อยู่ต่อไปได้


ความหมายของโกอาน

    การบรรยายเซ็นคือการเสนอแนะ และก็คือการเสนอโกอาน การเสนอโกอานเป็นการเสนอให้เข้าถึงพุทธจิต

    โกอาน รวมทั้งการ “ชูดอกไม้” ก็คือโกอานเซ็น นอกจากโกอานแล้ว นอกนั้นไม่มีวิธีใดที่จะเข้าถึงเซ็น

    โกอานไม่มีแบบแผน แล้วแต่อาจารย์จะให้ตามเอกลักษณ์ของแต่ละคน

    การเทศน์ของอาจารย์ และหนังสือชุมนุมโอวาทของอาจารย์รุ่นก่อนๆก็คือโกอาน เซ็นใช้โกอานประกาศธรรมมาตลอดเวลา ซึ่งผิดกับนิกายอื่นที่มีพระสูตรหรือพระอภิธรรมเป็นที่อ้างอิงประจำนิกาย เซ็นใช้โกอานในธรรมนองเดียวกับการใช้พระสูตรพระอภิธรรมของนิกายอื่น

    โกอานอาจจะเป็นหัวข้อหนึ่งที่อาจารย์องค์ก่อนๆได้กล่าวไว้ ในหัวข้อนั้นเป็นสัจธรรมที่ท่านได้เข้าถึงจึงเป็นแนวปฏิบัติได้ และก็เป็นหลักที่จะตรวจพินิจความถูกผิดของเซ็นได้

    โกอานกับการนั่งสมาธิ เป็นการปฏิบัติของเซ็นซึ่งเหมือนกับปีกนก จะขาดข้างใดข้างหนึ่งไปมิได้

    โกอานมีกริยาการเป็น 2ทาง ในแง่ลบ คือการปฏิเสธวิชาความรู้ที่แยกแยะรู้เห็นสรรพธรรม ในแง่บวกคือปลุกให้พลังแรงแห่งเจตจำนงทำความพยายามเป็นครั้งสุดท้าย

    ประโยชน์ของโกอาน คือการเข้าถึงที่กำเนิดแห่งธรรม ตรงต้องตามวิสัยที่หลุดพ้นของพระพุทธองค์ เข้าถึงพุทธภูมิ

4  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / อยู่กับคนที่ทำให้เครียด นี้ควรทำอย่างไรคะ เมื่อ: มิถุนายน 10, 2011, 05:38:32 pm
ทุกวันนี้อยู่กับพี่สาวซึ่งเธอเป็นคนชอบมองโลกมองคนในแง่ร้าย
จำแต่เรื่องเก่าๆที่คนนั้นคนนี้กระทำไม่ดีกับเธอ

แล้วก็ชอบขุดมาด่าเวลาทะเลาะกัน
เราเป็นน้องไม่อยากเถียงเพราะเธอไม่ฟังแถมยังยิ่งทำให้โกรธโมโหร้ายขึ้นอีก
เราก็ได้แต่เงียบๆๆๆๆจนบางทีมันไม่ไหวแล้วได้แต่แอบร้องไห้
ถ้าเธออารมณ์ดีเธอจะเป็นคนดีแสนดีมากเลยตลกเฮฮา
แต่เธอทำให้เราเครียดมากเลยคะควรจะฝึกภาวนาหรือใช้หลักธรรมอะไรดีคะ
ถึงจะอยู่กับคนแบบนี้ได้โดยไม่เครียด ไม่ปวดหัว

 :s_hi: :c017: :03:
5  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / งานหล่อพระประทานหน้าตัก 49 นิ้ว ในวันที่ 19 มิถุนายน 2554 วัดทรัพย์จันทร์ เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2011, 07:09:56 pm
วัดทรัพย์จันทร์   ต. นายายอาม  อ.นายายอาม   จ. จันทบุรี

จะจัดงานหล่อพระประทานหน้าตัก 49  นิ้ว

 ในวันที่  19  มิถุนายน 2554  เวลา 10.00 น.

เพื่อนำมาประดิษฐาน ณ ศาลาอเนกประสงค์

ต้องการติดต่อร่วมเป็นเจ้าภาพได้ที่

พระครูพิลาสปัญญาภรณ์  โทร  0892173133,   0882135945

โอนผ่านทางธนาคารได้ที่  ธนาคารกรุงไทย  สาขานายายอาม 

เลขที่บัญชี  2371029408  ชื่อบัญชี  วัดทรัพย์จันทร์
6  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / หลักตัดสินวินัย เรียกว่า มหาปเทส 4 ที่มาของการลดวินัยในฝ่ายมหายาน เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2011, 07:07:29 pm
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสประทานสำหรับอ้าง   ๔  ข้อ   ดังต่อไปนี้.

          ๑.   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า  สิ่งนี้ไม่ควร     หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย.

          ๒.   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร       หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร   ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร   สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย.

          ๓.  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า  สิ่งนี้ควร      หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย.

          ๔.  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า  สิ่งนี้ควร      หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย.

 :93:


ขออนุญาตคุณ because แจ้งที่มา(อ้างอิง) ข้อความด้านบนมาจาก

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๕
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒
7  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.mahaphotitaam.com/ วัดมหาโพธิธรรม สระบุรี เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2011, 01:35:41 pm


http://www.mahaphotitaam.com/

เป็นวัดที่มีบรรยากาศ มีการสอนกรรมฐาน ด้วยคะ

อยู่แถววัดป่าสว่างบุญรับรองเรื่องอากาศ คะ

8  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://watphrabuddhabat.org/home/ วัดพระพุทธบาท สระุบุรี เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2011, 01:27:49 pm


http://watphrabuddhabat.org/home/
วัดพระพุทธบาท สระุบุรี

ถ้าแนะนำเว็บ วัดพระพุทธฉาย แล้วไม่แนะนำวัดพระพุทธบาท ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ตราประจำจังหวัดดูจะไม่ครบนะคะ

9  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ทำอย่างไร ดี เพื่อนเรา กำลังแย่ง สามี ของเราไป เมื่อ: ธันวาคม 03, 2010, 02:12:49 pm
ในชีวิตส่วนตัวของ เรา นั้นก็มีเพื่อนไม่มาก

คบกันมาตั้งแต่เรียน ชั้น มัธยม ถึงปัจจุบัน

จนกระทั่ง เราแต่งงาน มีลูกชาย 1 คนแล้ว

ตอนนี้ เพื่อนของเราำกำลัง แย่งสามีของเราไป ทำไม เราควรทำอย่างไร ดี

  ถึงจะยุติ เรื่องนี้ได้

 ทำไม เืพื่อนทั้งที่ ตัวเอง ก็สวย เรียนจบก็สูง ทำงานเป็น ราชการ แล้ว ทำไมต้องมาแย่งสามีของเราด้วย

 จะใช้พระธรรม ช่วยเหลือ ทำอย่างไรดีคะ

     :'( :'( :a102:
หน้า: [1]