คือ เวลาแผ่เมตตา ทุกคำที่พูดก็มาจากใจ และเข้าใจความหมายแบบตรงๆ
แต่บทสวดมนต์ เวลาสวด รู้สึกแค่ท่อง แต่ไม่ได้มาจากความรู้สึก เพราะไม่รู้ว่า ที่สวดคืออะไร หมายความว่าอะไร แบบนี้ มีประโยชน์ไหมคะ
ประโยชน์ของการสวดมนต์ และ ข้อควรระวัง
ประโยชน์
๑. เพื่อความตั้งมั่นของพระสัทธรรม //อํ. ปญฺจก. ๒๒ /๑๖๑ /๑๕๕
๒. เป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ //อํ. ปญฺจก. ๒๒ /๒๓ /๒๖
๓. เป็นอาหารของความเป็นพหูสูตร //อํ. ทสก. ๒๔ /๑๒๐ /๗๓
๔. เป็นองค์ประกอบของการเป็นบริษัทที่เลิศ //อํ. ทุก. ๒๐ /๖๘ /๒๙๒
๕. ทำให้ไม่เป็นมลทิน //อํ. อฎฺฐก. ๒๓ /๑๔๙ /๑๐๕
๖. เป็นบริขารของจิตเพื่อความไม่มีเวรไม่เบียดเบียน //ม. มู. ๑๓ /๕๐๐ /๗๒๘
๗. เป็นเหตุให้ละความง่วงได้ //อํ. สตฺตก. ๒๓ /๗๓ /๕๘
หนังสือทำวัตรสวดมนต์แปล ฉบับของสวนโมกข์
เริ่มใช้ในสวนโมกข์ราว ๆ ปี ๒๔๙๖
ครั้งแรกแปลแล้วให้คัดลอกลงในกระดาษสมุด
ให้ชาวบ้านซ้อมสวดกันก่อน
แล้วแก้ไขขัดเกลา ให้เสียงลงกันและฟังลื่นไม่ขัดหู
จนเป็นที่พอใจ จึงพิมพ์เป็นเล่ม (ครั้งแรก ๒๔๙๗)
ปรากฏว่าได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วประเทศ
นับเป็นหนังสือของสวนโมกข์
ที่มีสถิติการพิมพ์จำหน่ายจ่ายแจกมากที่สุด
ข้อควรระวัง
" ...ภิกษุทำการสาธยายธรรม ตามที่ฟังได้เรียนมาโดยพิสดาร
แต่เธอไม่รู้ทั่วถึงความหมายอันยิ่งแห่งธรรมนั้นๆ ด้วยปัญญา
ภิกษุนี้ เราเรียกว่า ผู้มากด้วยการสวด ยังมิใช่ ธรรมวิหารี (ผู้อยู่ด้วยธรรม)...
...เธอไม่ใช้วันทั้งวันให้เปลืองไปด้วยการเรียนธรมมนั้นๆ
ไม่เริดร้างจากการหลีกเร้น ประกอบตามซึ่งธรรมเป็นเครื่องสงบใจในภายในเนืองๆ
ภิกษุอย่างนี้แล ชื่อว่า ธรรมวิหารี "
อํ. ปญฺจก. ๒๒/๙๙-๑๐๐/๗๓-๗๔
*จากพระสูตร แสดงว่า เน้นปฏิบัติ
ถ้าสวดแบบไม่รู้ความหมาย แนะนำให้สวดคำของพระพุทธศาสดา
โดยเลือกสวดบทใดบทหนึ่งก็ได้ เลือกมาท่องจำสักหนึ่งบท แล้ว ทำในใจให้แยบคาย
"เพราะเหตุว่า ถึงแม้เขาจะเข้าใจธรรมที่เราแสดงสักบทเดียว นั้นก็ยังจะเป็นไปเพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ชนทั้งหลายเหล่านั้น ตลอดกาลนาน"
สฬา. สํ. ๑๘/๓๘๗/๖๐๓