ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้ชายที่แต่งงาน แล้ว เวลาบวช บุญจะถึงพ่อแม่ หรือ ไม่ ครับ  (อ่าน 20926 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

pamai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1

ผู้ชายที่แต่งงาน แล้ว เวลาบวช บุญจะถึงพ่อแม่ หรือ ไม่ ครับ
  คือ เห็นว่าเวลาจะบวช ต้องให้ภรรยา อนุญาต ถ้าไม่อนุญาต ก็บวชไม่ได้ แสดงว่าบุญ ต้องเป็นของภรรยา ใช่หรือไม่ครับ พ่อแม่ จะได้บุญหรือไม่ครับ กรณี อย่างนี้

    :c017:
บันทึกการเข้า

somchit

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 71
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
บุญหลัก น่าจะเป็นของตนเองนะครับ บุญรอง น่าจะเป็น บิดา มารดา ผู้ัให้กำิิเินิด บุญสุดท้าย เป้นของ ภรรยา
 ส่วนบุญของสรรพสัตว์ น่่าจะเป็นเพราะว่า ท่านเป็น สุปฏิปันโน


  :s_good: st12

บันทึกการเข้า

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ก็แล้วใครเป็นคนบอกโยมละจ๊ะ

 ปัญหานึง ที่มักจะเป็นปัญหา คือเราหาที่ไปที่มาของการกล่าวบอกเรื่องนั้น ๆ ไม่ได้

  นี้เป็นหนึ่งในกาลามสูตร

      ไม่ให้เชื่อ โดย เชื่อ ๆ กันตามมา

       ก็จะสามารถได้คำตอบในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะกับเรื่องการกล่าวหากัน อย่างนี้เป็นต้น

  เรื่องการออกบวช ในเวลาที่พระเรียนแปลพระบาลี จะเจออยู่บ่อย อย่างเช่นในเรื่องหนุ่ง  ในธรรมบท ภาค ๑ ในเรื่องแห่งพระเถระชื่อว่าจักขุบาล ตอนออกบวช ความว่า

    ตํ  สุตฺวา  มหาปาโล  กุฏุมฺพิโก  จินฺเตสิ  "ปรโลกํ  คจฺฉนฺตํ  ปุตฺตธีตโร  วา  โภคา  วา  นานุคจฺฉนฺติ,  สรีรํปิ  อตฺตนา  สทฺธึ  น  คจฺฉติ;  กึ  เม  ฆราวาเสน,  ปพฺพชิสฺสามีติ.  โส  เทศนาปริโยสาเน  สตฺถารํ  อุปสงฺกมิตฺวา  ปพฺพชฺชํ  ยาจิ.  อถ  นํ  สตฺถา  "นตฺถิ  เต  โกจิ  อาปุจฺฉิตพฺพยุตฺตโก  ญาตีติ  อาห.  กนิฏฺฐภาตา  เม  อตฺถิ  ภนฺเตติ.  "เตนหิ  ตํ  อาปุจฺฉาหีติ.  โส  "สาธูติ  สมฺปฏิจฺฉิตฺวา  สตฺถารํ  วนฺทิตฺวา  เคหํ  คนฺตฺวา  กนิฏฺฐํ  ปกฺโกสาเปตฺวา  " ตาต  ยํ  อิมสฺมึ  กุเล  สวิญฺญาณกาวิญฺญาณกํ  ธนํ  กิญฺจิ  อตฺถิ,  สพฺพพนฺตํ  ตว  ภาโร,  ปฏิปชฺชาหิ  นนฺติ.

                                    แปลโดยการยกศัพท์ที่ละตัว
     กุฏุมฺพิโก   อ. กุฏุมพี   มหาปาโล   ชื่อว่ามหาปาละ   สุตฺวา   ฟังแล้ว  ตํ (ธมฺมํ)   ซึ่งธรรมนั้น   จินฺเตสิ   คิดแล้วว่า  "ปุตฺตธีตโร  วา   อ. บุตรและธิดา ท.  หรือ   โภคา  วา   หรือว่า  อ. โภคะ ท.   น  อนุคจฺฉนฺติ   ย่ิอมไม่ไปตาม   ปุคฺคลํ   ซึ่งบุคคล   ปรโลกํ  คจฺฉนฺตํ   ผู้ไปอยู่  สูโลกอื่น,   สรีรํปิ   แม้ อ. สรีระ   น  คจฺฉติ   ย่อมไม่ไป   อตฺตนา  สทฺธึ   กับ ด้วยตน,   กึ  (ปโยชนํ)   อ. ประโยชน์อะไร   เม   แก่เรา   ฆราวาเสน   ด้วยการอยู่ครองซึ่งเรือน,   (อหํ)   อ. เรา   ปพฺพชิสฺสามิ   จักบวช   อิติ   ดังนี้ ฯ
     เทสนาปรโยสาเน   ในกาลอันเป็นที่สุดลงรอบแห่งเทศนา   โส (มหาปาโล)   อ. กุฏุมพีชื่อว่ามหาปาละนั้น   อุปสงฺกมิตฺวา   เข้าไปเฝ้าแล้ว   สตฺถารํ   ซึ่งพระศาสดา   ยาจิ   ทูลขอแล้ว   ปพฺพชฺชํ   ซึ่งการบวช ฯ
     อถ   ครั้งนั้น   สตฺถา   อ. พระศาสดา   อาห   ตรัสแล้วว่า   "ญาติ   อ. ญาติ   โกจิ   ไร ๆ  เต  อาปุจฺฉิตพฺพยุตฺตโก   ผู้ควารแล้วแก่ความเป็นแห่งญาติอันเธอพึงอำลา   นตฺถิ   ย่อมไม่มี   (กึ)   หรือ   อิติ   ดังนี้   นํ  (กุฏุมฺพิกํ)   กะกุฏุมพีนั้น ฯ   (มหาปาโล)   อ. น้องชายผู้น้อยที่สุด   เม   ของข้าพระองค์   อตฺถิ   มีอยู่   อิติ   ดังนี้ ฯ   (สตฺถา)   อ. พระศาสดา   (อาห)   ตรัสแล้วว่า   "เตนหิ   ถ้าอย่างนั้น   (ตฺวํ)   อ. เธอ   อาปุจฺฉาหิ   จงอำลา   ตํ  (กนิฏฺฐภาตรํ)   ซึ่งน้อยชายผู้น้อยที่สุดนั้น  อิติ   ดังนี้ ฯ
     โส  (มหาปาโล)    อ.กุฏมพีชื่อว่ามหาปาละนั้น    สมฺปฏิจฺฉิตฺวา   ทูลรับพร้อมเฉพาะแล้วว่า   "สาธุ   อ.ดีละ   อิติ   ดังนี้   วนฺทิตฺวา   ถวายบังคมแล้ว   สตฺถารํ   ซึ่งพระศาสดา   คนฺตฺวา   ไปแล้ว   เคหํ   สู่เรื่อน   (ปุคฺคลํ)   ยังบุคคล   ปกฺโกสาเปตฺวา   ให้เรียกมาแล้ว   กนิฏฺฐํ   ซึ่งน้องชายผู้น้อยที่สุด   (อาห)   กล่าวแล้วว่า   "ตาต   ดูก่อนพ่อ   ธนํ   อ.ทรัพย์   ยํ  กิญฺจิ   อย่างใดอย่างหนึ่ง   สวิญฺญาณกาวิญฺญาณกํ   อันเป็นไปกับด้วยวิญญาณและอันมีวิญญาณหามิได้  อตฺถิ   มีอยู่   กุเล   ในตระกูล   อิมสฺมึ   นี้,   ตํ (ธนํ)   อ. ทรัพย์นั้น   สพฺพํ   ทั้งปวง   ตว  ภาโร   จงเป็นภาระ  ของเธอ   (โหตุ)   จงเป็น,   (ตฺวํ)   อ. เธอ   ปฏิปชฺชาหิ   จงปฏิบัติ   นํ (ธนํ)   ซึ่งทรัพย์นั้น   อิติ   ดังนี้ ฯ
     (โส  กนิฏฺโฐ)   อ. น้องชายผู้น้อยที่สุดนั้น   (ปุจฺฉิ)   ถามแล้วว่า   "สามิ   ข้าแต่นาย   ตุมฺเห  ปน   ก็ อ. ท่านเล่า   อิติ   ดังนี้ ฯ    (มหาปาโล)   อ. กุฏุมพีชื่อว่ามหาปาละ   (อาห)   กล่าวแล้วว่า   "อหํ   อ. เรา   ปพฺพชิสฺสามิ   จักบวช   สนฺติเก   ในสำนัก  สตฺถุ   ของพระศาสดา  อิติ   ดังนี้ ฯ

  เป็นต้น
       
       

     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 22, 2013, 04:34:00 pm โดย ธรรมะ ปุจฉา »
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
กระทู้แนะนำ : อยากทราบ อานิสงค์ การบวช ครับ ? ทำไม สมัยนี้ เราจึงต้องบวช ครับ ?
           ที่ : http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7327.msg27162#msg27162

และ : ทำไมการทำสมาธิ จึงมีผลบุญมากกว่า การบวช ครับ ?           
  ที่ : http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=6297.msg23361#msg23361

บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ผู้ชายที่แต่งงานแล้ว เวลาบวช ต้องให้ภรรยาอนุญาต แสดงว่าบุญต้องเป็นของภรรยา ใช่หรือไม่ครับ พ่อแม่ จะได้บุญหรืออย่างนี้

ชายที่เบียดเสียก่อนแล้ว จักบวชต้องขออนุญาติภรรยา เหตุด้วยภรรยาเป็นเจ้ากรรมผูกวาสนากันมา บุญอันจักได้ในการบวชเรียน คุณเธอย่อมต้องมีส่่วนร่วมในบุญเหตุด้วยต้องขวนขวายในกิจแห่งผู้ใกล้ชิดมีสิทธิในการขอเป็นผู้อุปัฏฐากส่งภัตต์เช้า-เพล อาศัยบิดา,มารดา ผู้ชราก็มิเป็นการสะดวก หากจะถามว่าพ่อแม่ได้บุญนั้นน้อยเพราะต้องแบ่งก็ด้วยเหตุฉะนี้แหละท่านทั้งหลาย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 22, 2013, 05:38:52 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


เกาะชายผ้าเหลือง…พ่อแม่ได้บุญจริงหรือ
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

บุญเกาะชายผ้าเหลือง
ตัวอย่างในพระสูตรที่มีมา ในเรื่องของเณรสุบิน ท่านกล่าวว่า เณรสุบินคนนี้ปรากฎว่าบิดามารดาเป็นพราน แต่ว่าลูกชายมีจิตใจเลื่อมใสในศาสนาขององค์สมเด็จพระ พิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามีคติไม่ตรงกัน พ่อชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แม่ก็มีอารมณ์จิตเหมือนกับพ่อ แต่ว่าสำหรับลูกชายกลับเป็นคนที่มีจิตน้อมไปในกุศลใน พระพุทธศาสนา หนีพ่อหนีแม่ไปบรรพชาเป็นสามเณร เป็นอันว่าพ่อแม่สามเณรไม่มีโอกาสจะพบกัน

ต่อมา เมื่อกาลเวลาเข้ามาถึง พ่อและแม่ก็ตายจากความเป็นคน ด้วยอำนาจกรรมที่เป็นอกุศล พระยายมก็สั่งคนมาเชิญไปเป็นแขกรับเชิญ คือเชิญไปในขุมนรก เชิญไปในสำนักพระยายม ก็สอบสวนตามความเป็นจริงว่า ทำกรรมที่เป็นอกุศลอะไรบ้าง แกก็รับทุกอย่างว่าได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ตั้งแต่สัตว์เล็กถึงสัตว์ใหญ่ อาศัยกฎของกรรมอันนี้ ก็ปรากฎว่าท่านทั้งสองจะต้องลงนรก เขาจึงนำไป เมื่อนำไปแล้ว ตามธรรมดาสัตว์นรกที่มีกรรมที่เป็นอกุศลทั้งหมด เมื่อเข้าเขตของนรกแล้ว ก็ต้องลงขุมได้ทันที

แต่ว่าบิดามารดาของสามเณรนี้ลงไม่ได้ นายนิรยบาลจึงจับโยนลงไปเข้าขุมนรก ก็ปรากฎว่ามีหวายใหญ่มารองรับ เป็นหวายร่างแหรองรับเข้าไว้ ไม่ตกลงไปในนรก ทำอย่างนี้ถึง 3 วาระ คนทั้งสองลงนรกไม่ได้ เพราะอะไร เพราะว่าในเมื่อพ่อและแม่เห็นแสงไฟ ก็คิดขึ้นมาในใจว่า แสงไฟนี้คล้ายจีวรของพ่อเณรน้อย

เพราะว่าเณรไปบวช ทราบว่าบวชก็ไปทวงให้สึก เณรก็ไม่สึก เห็นภาพเณรเพียงนิดเดียวเท่านั้น จิตใจนึกขึ้นมาได้ว่า เณรลูกชายของเรามีสีจีวรคล้ายเปลวไฟ เพราะไปบางตอนมันมีสีเหลือง จิตคิดเป็นอย่างนี้ เป็นอันว่าบิดามารดาทั้งสองศรีลงนรกไม่ได้ นายนิรยบาลก็นำกลับมาสำนักพระยายม

พระยายมก็สอบถามว่า “กรรมใดที่เป็นกุศลนะ ท่านไม่เคยทำบ้างเลยหรือ”

สำหรับบิดามารดาของสามเณรก็กล่าวว่า “กรรมใด ๆ ที่เป็นกุศล ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งตาย ไม่เคยทำ มีอย่างเดียวคือมีลูกชายอยู่คนหนึ่งชื่อสุบิน เธอไม่พอใจในการทำอกุศลกรรมความชั่ว สอนให้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เธอก็ไม่ทำ ในที่สุดเธอก็หนีไปบวชเป็นสามเณรน้อยในพระพุทธศาสนา”





เป็นอันว่า พระยายมก็ทราบว่านี่บุญลูกชายบวชเณร ท่านจึงกล่าวว่า “ในเมื่อลูกชายบวชเณร เราสอบสวนในตอนก่อนทำไมเจ้าจึงไม่บอก”

บิดามารดาของสามเณรบอกว่า “นึกไม่ออก เพราะกรรมที่เป็นอกุศลบัง มันกดปากเข้าไว้ บังใจไม่ให้นึกถึง”

เป็นอันว่าในเมื่อพระยายมทราบอย่างนั้น จึงได้กล่าวว่า เพราะอำนาจกุศลที่ลูกชายของท่านบวชเป็นสามเณรในพระพุ ทธศาสนา จึงเป็นเหตุบันดาลให้ลงในขุมนรกไม่ได้ ฉะนั้น ท่านจงได้รับผลของกรรม คือความดีต่อไป ก็หมายความว่าไปเกิดบนสวรรค์

นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน สำหรับพระสูตรนี้ความจริงยาวมากกว่านี้ เวลามันมีจำกัด ที่องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์แสดงให้เห็นว่า ท่านทั้งหลายที่มีบุตรชายบวชเป็นสามเณรก็ดี บวชเป็นพระก็ดี ในพระพุทธศาสนา

แม้ว่าท่านจะไม่ยินดีหรือไม่ทราบ ท่านก็มีอานิสงส์มาก จะนั่งเทศน์ถึงอานิสงส์ถามกันไปตอบกันมาสิ้นเวลา 1 กัป ก็ไม่จบ ฉะนั้น องค์สมเด็จพระนราสภจึงได้ทรงสรุปไว้ว่า “การอุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา ย่อมเป็นปัจจัยเข้าถึงพระนิพพาน”

บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ย่อมทราบดีว่าการอุปสมบทบรรพชานี้มีอานิสงส์มาก แล้วสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่าเป็นสามัญผล คือเป็นผลที่เสมอกัน คนที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนานี้ ย่อมมีสิทธิเสมอกันในการทรงสิกขาบท และสามารถที่จะกำหนดจิตปฏิบัติสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐานได้เสมอกัน ฉะนั้น จึงจัดว่ามีอานิสงส์มาก

ในที่สุดนี้ อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนา ทั้งสามประการ ขอจงบันดาลให้บรรดาพุทธบริษัททุกท่านที่บำเพ็ญกุศลแล้ว จงมีแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล และจงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัยทั้ง 4 ประการ มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ หากทุกท่านปรารถนาสิ่งใด ก็ขอให้ได้สิ่งนั้นจงสมความปรารถนาทุกประการ





ลูกบวช..พ่อแม่ได้บุญโดยอัตโนมัติ
แม้ไม่รู้ ไม่อนุญาต ไม่รู้จักกัน และไม่ได้เป็นเจ้าภาพ

อานิสงส์การบวช
ต่อแต่นี้ไป จะนำเอาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าด้วยเรื่อง อานิสงส์การบรรพชา มาคุยกับบรรดาท่านพุทธบริษัท ความมีว่า องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์เมื่อทรงพระชนม์อยู่ องค์สมเด็จพระบรมปรารภเรื่องการอุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสว่า การอุปสมบทบรรพชานี้มี อานิสงส์พิเศษ

     อานิสงส์อย่างอื่น มีการสร้างวิหารทานก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี ทอดกฐินผ้าป่าก็ดี
     จัดว่าเป็นอานิสงส์สำคัญ แต่อานิสงส์นี้นั้น บุคคลที่จะพึ่งได้ต้องโมทนาก่อน
     หมายความว่า ถ้าบุตรธิดาของตนบำเพ็ญกุศล บิดามารดาไม่โมทนาย่อมไม่ได้
     แต่ว่าการอุปสมบมบรรพชานี้แปลกกว่านั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า

     สมมุติว่า บุตรชายของท่านผู้ใดออกจากครรภ์มารดาวันนั้น
     บิดามารดาก็จากกัน ลูกกับพ่อ ลูกกับแม่ย่อมไม่รู้จักกัน เวลาที่บรรพชานั้น บิดามารดาก็ไม่ทราบ
     แต่ทว่าถึงอย่างก็ดี องค์สมเด็จพระชินศรีตรัสว่า บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์โดยสมบูรณ์


    นี่เป็นอันว่า อานิสงส์แห่งการการอุปสมบทบรรพชานี้แปลกจากบุญกุศลอย่างอื่นเป็นอันว่าขอพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า
   บุญอย่างอื่นลูกทำไปแล้ว พ่อแม่ไม่โมทนาย่อมไม่ได้อานิสงส์นั้น
    แต่ว่าการอุปสมบทและบรรพชา บิดามารดาซึ่งคลอดบุตรมาแล้ว ต่างคนต่างจากกันไป
    พ่อแม่ไม่ทราบว่าบุตรมีรูปร่างหน้าตาเป็นประการใด เพราะจากกันไปตั้งแต่คลอดใหม่ๆ
    สำหรับลูกชายก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า บิดารมารดาเป็นใคร
    แต่ว่าอุปสมบรรพชาเมื่อไร บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์สมบูรณ์
    เหตุนี้การอุปสมบทบรรพชาจึงจัดว่า เป็นกุศลพิเศษ ที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ทรงบัญญัติไว้





อานิสงส์แห่งการอุปสมบทบรรพชา
     คำว่า บรรพชา นี้หมายความว่า บวชเป็นเณร
    คำว่า อุปสมบท นี้หมายความว่า บวชเป็นพระ
สำหรับท่านที่บรรพชาในพุทธศาสนาเป็นสามเณร อันนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ท่านผู้ บรรพชาเองคือเณร ถ้าประพฤติปฏิบัติดี นี่เอากันถึงด้านการประพฤติปฏิบัติดี ถ้าปฏิบัติเลวการการบวชเณรก็ถือว่าเป็นการซื้อนรก ถ้าปฏิบัติดีนั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า ท่านที่บวชเข้ามาเป็นเณรในพุทธศาสนาแล้วปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามระบอบพระธรรมวินัย

สำหรับเณรผู้นั้น ย่อมมีอานิสงส์คือ ถ้าตายจากความเป็นคน ถ้าจิตของตนมีกุศลธรรมดา ไม่สามารถจะทรงจิตเป็นฌาน องค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสว่า ท่านผู้นั้นจะเสวยความสุขบนโลกมนุษย์ได้ถึง 30 กัป เช่นเดียวกัน

การนับกัปหนึ่ง… คำว่ากัปหนึ่งนั้น มีปริมาณนับปีไม่ได้ องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงเปรียบเทียบไว้อย่างนี้ว่า

มีภูเขาลูกหนึ่ง เป็นหินล้วนไม่มีดินเจือปน ถึงเวลา 100 ปี เทวดาเอาผ้ามีเนื้ออ่อนเหมือนสำลีมาปัดยอดเขานั้นครั้งหนึ่ง ทำอย่างนี้ 100 ปีปัด 1 ครั้ง 100 ปีปัด 1 ครั้ง จนกระทั่งหินนั้นหมดไป หาหินไม่ได้ เหลือแต่ดินล้วน นั่นจึงจะมีอายุได้ครบ 1 กัป

และอีกประการหนึ่ง ท่านพรรณนาไว้ในพระวิสุทธิมรรคว่า มีอุปมาเหมือนกับว่ามีถังใหญ่ลูกหนึ่งมีความสูง 1 โยชน์ กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์เหมือนกัน มีคนเอาเมล็ดพันธุ์ผัดกาดมาใส่ในถังนั้นจนเต็ม ถึงเวลา 100 ปีก็เอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดนั้นออก 1 เมล็ด ทำอย่างนี้จนกว่าเมล็ดพันธุ์ผัดกาดนั้นจะหมดไป เป็นการเปรียบเทียบกันได้กับระยะเวลา 1 กัป

นี่เป็นอันว่า กัปหนึ่งเราจะนับเวลาประมาณไม่ได้ เช่นกัปหนึ่งเราจะนับเวลาประมาณไม่ได้ เช่นกัปในปัจจุบันนี้สามารถจะทรงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ถึง 10 พระองค์ เป็นระยะยาวนานมาก


องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า ท่านที่บวชเป็นเณรเอง และมีความประพฤติปฏิบัติดี ต้อง เป็นเทวดาหรือพรหมอยู่ถึง 30 กัป นั่นก็หมายความว่า อายุเทวดาหรือพรหมย่อมีกำหนดไม่ถึง 30 กัป และเมื่อหมดอายุแล้วจะเกิดเป็นพรหมใหม่ อยู่บนนั้นไปจนกว่าจะถึง 30 กัป หรือมิฉะนั้นก็ต้องเข้านิพพานก่อน

สำหรับ บิดามารดาของบุคคลผู้บวชเป็น สามเณร ย่อมได้อานิสงส์คนละ 15 กัป คือครึ่งหนึ่งของเณร หมายความว่าบิดารมีอานิสงส์ 15 กัป มารดามีอานิสงส์เสวยความสุขบนสวรรค์หรือพรหมโลก 15 กัป เช่นเดียวกัน เป็นอันว่า บรรพชากุลบุตรของตนไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นสามเณรมีอานิสงส์อย่างนี้





องค์สมเด็จพระมหามุนีตรัสต่อไปว่า บุคคล ผู้ใดมีวาสนาบารมีคือมีศรัทธาแก่กล้า ตั้งใจอุปสมบทในพุทธศาสนาเป็นพระสงฆ์ แต่ว่าเมื่อบวชแล้วก็ต้องปฏิบัติชอบ ประกอบไปด้วยคุณธรรม คือมีพระธรรมวินัยเป็นสำคัญ อันนี้องค์สมเด็จ พระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า

ท่านที่บวชเป็นพระด้วยตนเองจะมีอานิสงส์พิเศษที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ตรัสไว้
แต่ทว่า ภิกษุสามเณรท่านใดผิดบทบัญญัติในพระพุทธศาสนาก็พึงทราบว่า เมื่อเวลาตายก็มีอเวจีเป็นที่ไปเหมือนกัน อานิสงส์ที่พึงได้ใหญ่เพียงใด โทษก็มีใหญ่เพียงนั้น


สำหรับบรรดาท่านผู้ไม่ใช่บิดามารดาของบุตร กุลธิดาที่อุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา เป็นผู้ช่วยในการบวชนี่ หมายความว่า เวลาเขาจะบวชพระครั้งหนึ่ง เราทราบเข้าก็ไปบำเพ็ญกุศลร่วมกับเข้าด้วยจตุปัจจัยมากบ้างน้อยบ้าง ให้สิ่งของบ้าง ช่วยขวยขวายในกิจการงานในการที่จะอุปสมบทบ้าง หมายความว่า

เขาจะบวชลูกบวชหลานของเขา เราไม่มีลูกหลานจะบวช เขามาบอกบุญมาหรือไม่บอกบุญก็ตาม เอาจตุปัจจัยบ้าง เอาของที่จะพึ่งจะใช้ในงานบ้าง ไปช่วยในงานด้วยความเลื่อมใส ถ้าไม่มีจตุปัจจัย ไม่มีของ ก็เอากายไปช่วย ช่วยขวนขวายในกิจการงาน


อย่างนี้องค์สมเด็จพระ พิชิตมารบรมศาสดากล่าวว่าท่านผู้นั้นจะมีอานิสงส์เสวยความสุขอยู่บนสวรรค์ หรือในพรหมโลก คนละ 8 กัป แต่ถ้าหากเป็นคนฉลาด อย่างเช่นเขาบวชพระกัน 42 องค์ เราก็ช่วยกันบำเพ็ญกุศลช่วยในการบวชพระ ไม่เจาะจงท่านผู้ใดผู้หนึ่ง เรียกว่าช่วยหมดทั้ง 42 องค์ ก็ต้องเอา 42 ตั้งเอา 8 คูณ
นี่เป็นอันว่า…อานิสงส์ที่ที่จะพึงได้ในการอุปสมบทบรรพาชา กุลบุตรกุลธิดาในพระพุทะศาสนาสำหรับผู้ช่วยงาน

แต่สำหรับท่านผู้เป็น เจ้าภาพ ในฐานะ คนที่บวชไม่ได้เป็นบุตรของเรา แต่ว่าเป็นผู้จัดการขวยขวายในการอุปสมบทบรรพชาให้ อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดากล่าวว่า ท่านผู้จัดการบวชจะ ได้อานิสงส์ 12 กัป จะมีผลหลั่นซึ่งกันและกัน



อ้างอิง
โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ธรรมปฏิบัติเล่ม 1 หน้า 29-35
http://www.dhammatan.net/2010/07/เกาะชายผ้าเหลือง/
ขอบคุณภาพจาก http://www.dhammatan.net/,http://www.watpa.com/,http://www.watpaknam.org/,http://www.rd1677.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 24, 2013, 07:10:36 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

อานิสงส์ถวายสัพพทาน

   ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทานของสัปบุรุษเหล่านี้ ๘ อย่าง คือ
      ๑. ให้ของที่สะอาด
      ๒. ให้ของประณีต
      ๓. ให้ถูกกาล
      ๔. ให้ของที่สมควร
      ๕. เลือกให้
      ๖. ให้เสมอ ๆ
      ๗. กำลังให้ยังจิตให้เลื่อมใส 
      ๘. ครั้นให้แล้วปลื้มใจ
   สัปปุริสทาน ๘ อย่างนี้ประเสริฐยิ่งนักหนา


   ในกาลครั้งนั้น องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าก็สถิตสำราญอยู่ในป่าเชตวันอันเป็นอารามของนายอนาถปิณฑิกมหาเศรษฐีอยู่ในที่ใกล้ ๆ นครสาวัตถี ในกาลครั้งนั้นมีพระยาองค์หนึ่ง ชื่อ มหานามะ ก็เอา ประธูปประทีปคันธรสของหอมแล้วพาหมู่บริวารทั้งหลายเข้าไปสู่ที่เฝ้าพระสัพพัญญูเจ้า แล้วก็นั่งในที่ควรแห่งหนึ่ง จึงทูลถามพระสัพพัญญูเจ้าว่า “ภนฺเต ภควา” ข้าแต่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าบุคคลผู้ใดเลื่อมใสศรัทธา มาก่อสร้างสัพพาทานหลาย ๆ ชนิด ก็จักมีอานิสงส์ดังรือพระเจ้าข้า “ภควา” อันว่าองค์

     สมเด็จพระศาสดาจารย์เจ้าจึงเทศนาว่า ดูกรมหาบพิตร นรชนหญิงชายทั้งหลายมีใจเลื่อมใสศรัทธามาก่อสร้างสัพพาทานหลายๆ ชนิดเป็นต้นว่า




     
       สร้างพระพุทธรูปก็จักได้อานิสงส์ ๙ กัลป
       สร้างพระไตรปิฏกธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ก็ได้อานิสงส์ ๑๐ กัลป
       ผู้ใดได้บวชตนเป็นสามเณร ก็จักได้อานิสงส์ ๑๒ กัลป
       ผู้ไดได้บวชตนเป็นพระภิกษุ ก็จักได้ อานิสงส์ ๒๔ กัลป


       ผู้ใดได้สร้างพระธาตุเจดีย์ก็จักได้อานิสงส์ ๘๐ กัลป
       ผู้ใดได้ปลูกไม้ศรีมหาโพธิ์ ก็จักได้อานิสงส์ ๙ กัลป
       ผู้ใดให้โภชะนังยังข้าวน้ำ โภชนะอาหารให้เป็นทานแก่ภิกษุสามเณร ก็จักได้บริวารแสนหนึ่ง
       ผู้ใดได้สร้างเจดีย์ทรายก็จักได้อานิสงส์ ๖๐ กัลป

       ผู้ใดสร้างกุฏีให้เป็นทานก็จักได้อานิสงส์ ๔๐ กัลป
       ผู้ใดสร้างอุโบสถให้เป็น ทานก็จักได้อานิสงส์ ๔๐ กัลป
       ผู้ใดสร้างกฐินให้เป็นทานก็จักได้อานิสงส์ ๘๐ กัลป
       ผู้ใดสร้างอารามให้เป็นทานก็จักได้อานิสงส์ ๔๐กัลป
       ผู้ใดสร้างพัทธสีมาให้เป็นทานก็จักได้อานิสงส์ ๑๐๐ กัลป


       ผู้ใดได้บวชบุรุษผู้อื่นให้เป็นพระภิกษุก็จักได้อานิสงส์ ๘ กัลป
       บวชบุตรตนเองให้เป็นภิกษุ ก็จะได้อานิสงส์ ๑๖ กัลป

       ภรรยาบวชสามีของตนให้เป็นสามเณร ก็จักได้อานิสงส์ ๑๖ กัลป
       ภรรยาบวชสามีของตนให้เป็นพระภิกษุ ก็จักได้อานิสงส์ ๓๒ กัลป

       สามีบวชภรรยาให้เป็นภิกษุณี ก็จักได้อานิสงส์ ๖๔ กัลป


ที่มา http://www.84000.org/anisong/38.html
ขอบคุณภาพจาก http://mediacenter.mcu.ac.th/,http://static.cdn.thairath.co.th/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 24, 2013, 07:08:58 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ask1

ผู้ชายที่แต่งงาน แล้ว เวลาบวช บุญจะถึงพ่อแม่ หรือ ไม่ ครับ
  คือ เห็นว่าเวลาจะบวช ต้องให้ภรรยา อนุญาต ถ้าไม่อนุญาต ก็บวชไม่ได้ แสดงว่าบุญ ต้องเป็นของภรรยา ใช่หรือไม่ครับ พ่อแม่ จะได้บุญหรือไม่ครับ กรณี อย่างนี้

    :c017:

    ans1 ans1 ans1
   
    การบวชของลูกนั้น พ่อแม่จะได้รับบุญโดยสมบูรณ์ โดยไม่ต้องอนุโมทนา
    แม้จะไม่ทราบ แม้จะไม่อนุญาต แม้จะไม่รู้จักกัน และแม้จะไม่ได้เป็นเจ้าภาพ
    อานิสงส์ของการบวชสำหรับพ่อแม่แล้ว เป็นอานิสงส์พิเศษ


    การบวชในพุทธศาสนานั้น ในพระวินัยระบุเอาไว้ว่า ต้องได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ ไม่ใช่ภรรยา
    พุทธบัญญัตินี้เกิดขึ้นภายหลังจาก พระพุทธองค์มีสาวกนับหมื่น
    และเกิดขึ้นหลังจาก พระสารีบุตรได้บรรพชาสามเณรราหุลแล้ว
    โดยพุทธบิดาเป็นคนขอร้องให้กำหนดขึ้นมา เนื่องจากมีปัญหาทางด้านการสืบสันติวงศ์


    อย่างไรก็ตาม หากภรรยาเป็นเจ้าภาพบวชสามีจะได้อานิสงส์ดังนี้
       - ภรรยาบวชสามีของตนให้เป็นสามเณร ก็จักได้อานิสงส์ ๑๖ กัลป
       - ภรรยาบวชสามีของตนให้เป็นพระภิกษุ ก็จักได้อานิสงส์ ๓๒ กัลป


    ขอคุยเท่านี้ครับ

     :25:

   

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

เสริมสุข

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 223
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 thk56 thk56 thk56

 ท่านที่มาตอบมากครับ มีรายละเอียด ดีครับ

 
บันทึกการเข้า
อยากได้รับความสุข จาก ธรรมะ อยากได้รับ ..... แหมก็อยากนี้จ๊ะ

bomp

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 72
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
   - ภรรยาบวชสามีของตนให้เป็นสามเณร ก็จักได้อานิสงส์ ๑๖ กัลป
       - ภรรยาบวชสามีของตนให้เป็นพระภิกษุ ก็จักได้อานิสงส์ ๓๒ กัลป
ask1

 ชอถามเพิ่มเติม ครับ เพราะสนใจเรื่องนี้มากครับ
 
 ไม่เข้าใจ คำว่า อานิสงค์ 16 กัลป์ ครับ

   อานิสงค์ มีอะไร บ้างครับ
 
  และ กัลป์ นี้เป็น เครื่องวัดผล คือระดับ ใช่หรือ ไม่ ครับ วัดอย่างไร ครับ

  thk56
บันทึกการเข้า

ก้านตอง

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +4/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 195
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
แล้วการที่เราห้าม เขา บวช ไม่อนุโมทนา กับการบวช ของ ผู้อื่น นี้มีผลกรรมอย่างไร คะ พอดี มี ญาติเพื่อน ต่างศาสนา คะ มักจะพูดด่าคนที่บวช และ ห้ามทุกคนไปร่วมงานบวช และห้ามกล่าวถึงอนุโมทนา เรื่องบวช ด้วยคะ

 ไม่ทราบผู้ที่กระทำอย่างนี้ ถ้าเป็นชาวพุทธ มีผลกรรมอย่างไร
  ถ้าเป็นคนต่างศาสนา มีผลกรรมอย่างไร คะ

  thk56 :58:
บันทึกการเข้า

pornpimol

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 152
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คุณ kantong ถามคำถามที่น่าสนใจ มากคะ

  :13:
บันทึกการเข้า