ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สวดมนต์ เป็นบาลี กับ สวดมนต์ เป็นจีน ธิเบต หรือ ไทย อย่างไหนได้บุญมากกว่ากันครับ  (อ่าน 3729 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

GodSider

  • ผู้อุปถัมภ์
  • กำลังแหวกกระแส
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 121
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สวดมนต์ เป็นบาลี กับ สวดมนต์ เป็นจีน ธิเบต หรือ ไทย อย่างไหนได้บุญมากกว่ากันครับ

คือมีผู้กล่าวว่าการสวดมนต์ เป็นบุญ ผมก็เลยไปสวดเป็นภาษาบาลีกับเพื่อน ๆ กันครับ แต่ต่อมาก็มีผู้พูดกับกลุ่มพวกเราว่า สวดบาลีไม่ได้บุญหรอก ต้องสวดแปล หรือ เป็นไทย จะได้บุญมาก พวกเราก็เลยมาสวดมนต์แปล แต่ต่อมาก็มีคนเอา ซีดี สวดมนต์ภาษาธิเบต และ จีนมาบอก ฟัง สวดแบบนี้ จะได้บุญมากกว่า

  พวกเราก็เลยเกิดความสงสัยว่า สวดมนต์แบบไหน จะได้บุญมากกว่ากันครับ

   :c017: :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า
สุดเขต เสลดเป็ด ไกลสุดกู่ ใกล้แค่ ปลายจมูก

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
                               

การสวดมนต์ เป็นการเจริญอนุสสติอย่างหนึ่ง หากแต่บุคคลรู้ใช้ฉลาดชีวิตก็พลาดน้อย ทีนี้มีข้อสังเกตอยู่อย่างว่า

หลากหลายสำนักต่างก็มีแบบแผนเฉพาะซึ่งก็พิศดารประยุกต์นำมาใช้บ้างก็ไม่ผิด เพียงเราสนใจจัดลำดับเรียงบท

ก็คละใช้ไปกันได้ อย่ากังวล! สิ่งสำคัญในคำถามมีอยู่เพียงว่าแปลดีหรือไม่ ก็ขอบอกอย่างนี้ครับว่า ไม่แปลแล้ว

สวดเป็นสมถะ สวดแปลเป็นวิปัสสนา ในส่วนตัวผมนั้นชอบไม่แปล และไม่ต้องเข้าใจความหมาย พจน์วจนะผูก

แล้วด้วยใจที่หมดจดด้วยมคธภาษาผู้ใดใช้เจริญสติแห่งตนแก่ตนย่อมเป็นมงคล เพราะสิ่งนี้คนสวดเทวดาฟังผีสาง

หนี ดังนั้นสวดเจริญไว้เนืองเนืองไปไหนไม่มีภัยครับ สำหรับภาษาวัฒนธรรมนำบทสวดที่ต่างสำนวนกันก็สามารถ

นำมาคละได้ถ้าชอบสวดได้ใจสงบ ฟังแล้วหย่อนคลายได้ไม่ฟุ้งก็เห็นดีด้วย จุดหลักสำคัญใจต้องผยุงรักษาให้

ผ่องแผ้วคติจะดีแก่ตัว สำหรับศิษย์กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นั้นสวดกันแบบไม่แปลครับ



                    



http://phooza.exteen.com/20110902/entry-1
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=chomporn&month=23-11-2011&group=20&gblog=26
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 29, 2012, 08:47:11 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ถ้าเรามาดูกันใน ส่วนที่ ๑ ในสมัยพุทธกาล ก็มีหลากหลายภาษา แต่พระพุทธองค์ก็เลือกที่จะใช้ภาษามคธในการเผยแผ่ (เหล่าเทวดา และสัตว์ในภพภูมิต่างๆก็ใช้กัน) น่าจะเป็นที่สุดของการตัดสินถ้าเราเคารพในการตัดสินใจของพุทธองค์

ในส่วนที่ ๒ ตั้งแต่สมัยพุทธกาล จนถึงสมัยล้านนาไทยเรา ก็ยังคงเป็นภาษาบาลี (มคธ)

ในส่วนที่ ๓ ส่วนสุดถ้าย แม้ปัจจุบัน ไทยเราก็คงยังสวดกันเป็นภาษาบาลี

มีข้อสังเกตุอยู่อีกอย่าง : คือ เวลา ว่า คาถา ก็มักจะเป็นบาลี เช่น นะ โม พุท ธา ยะ

หรืออย่างที่มีมาในพระไตรปิฏก : ในเรื่องของอาฏาอาฏิยะสูตร ที่ท้าวสักกะเทวราช ได้ให้มนต์กับพุทธองค์ไว้ ก็เป็นภาษาบาลี (มคธ)

เคยอ่านเจออยู่ว่า ในอดีต ได้มีครูบาอาจารย์  ได้ท่อง ได้อ่าน ได้สวด เป็นบาลีมิใช่น้อย (พลังได้ถูกสะสมอยู่มาก)จึงมีความสักสิทธิมาก

แต่ถ้าผู้สวดมิได้รู้มิได้เข้าใจในภาษาบาลี ต้องการให้เกิดปัญญา เพื่อจะได้นำไปใช้นำไปปฏิบัติ จึงจะอาศัยการแปลไว้ด้วย เพื่อให้ได้รู้ จะได้นำไปปฏิบัติ ก็เข้าถ้าอยู่  อย่างเช่น บทมังคะละสุตตัง(มงคล๓๘ประการ)พระสูตรที่ว่าด้วยความเป็นมงคล ที่ในอดีตทั้งมนุษย์และเทวดาได้เถียงกัน ว่าอะไรเป็นมงคล 

ถ้าสวดบทนี้แล้วแต่ทำตรงกันข้าม คือไม่ได้นำไปใช้ นำไปปฏิบัติตาม ความเป็นมงคลคงจะเกิดได้น้อย
แต่ถ้านำเอาคำสอนในพระสูตรไปปฏิบัติ คงจะเห็นประโยชน์จากการสวดมนต์ จากการทวนมนต์  จากการทวนคำสอน ทบทวนคำสอน ได้ประโยชน์มากได้บุญมาก

แต่ถ้าจะสวดแปลกันอย่างเดียวเลย มิมีบาลีเลย เกรงของเก่าจะหาย

แต่ถ้ารู้และเข้าใจในบาลีได้ดีอยู่แล้ว ก็ดี ครบเลย ไม่เกิดปัญหาใดๆ เพราะรู้ที่สวดอยู่แล้ว ไม่ต้องแปล

ถ้าผู้รู้ภาษามากกว่าหนึ่งภาษามาคุยกัน ก็คงจะเข้าใจว่า  บางครั้ง  คำบางคำ ในภาษานึงไม่มีคำแปลที่จะแปลในอีกภาษานึงได้ตรงอย่างถูกต้อไม่ผิดเพี้ย  คงต้องใช้หาคำำที่ไกล้เคียงมาแปลแทน  อย่างเช่น คำว่า เกรงใจ ในภาษาไทย  ตอนที่มีโอกาสได้ไปอยู่ที่ต่างประเทศ ก็ถามฝรั่งว่า จะพูดว่า ผมนะเกรงใจเขาเหลือเกินไม่อยากจะไปที่บ้านเขา  ได้รับคำตอบมาว่า "ไม่มี" ฝรั่งไม่มีเกรงใจ ( :85: ) คือวัฒนธรรมฝรั่ง ถ้าเขาไม่ได้อยากให้เราไปเขาก็จะไม่เอ่ยปากชวน แต่ถ้าได้เอ่ยปากชวนเลย ก็เป็นมารยาทที่เขาทำกันถ้าชวนแล้วก็ต้องไป  ถ้าไม่ไปนี้สิเรื่องใหญ่เขาถือว่าไม่ให้เกียรติเขา  แต่คนไทยเราถ้าจะมีมารยาท คือต้องรู้จักเกรงใจ ฝรั่งเขาก็เลยเข้าไม่ถึง ความคิดความรู้สึกของคนไทย

และก็ เช่นกัน ในภาษาบาลี  ผู้ที่เข้าใจเข้าถึง ก็จะรู้สึกถึงของอารมณ์ของสัจจะ เกิดปิติธรรมได้ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 30, 2012, 07:17:35 pm โดย Mr. งังจัง »
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒

      [๑๘๐] สมัยนั้น ภิกษุสองรูปเป็นพี่น้องกัน ชื่อเมฏฐะและโกกุฏฐะเป็นชาติพราหมณ์ พูดจาอ่อนหวาน เสียงไพเราะ เธอสองรูปนั้นเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคม นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลว่า

      พระพุทธเจ้าข้า บัดนี้ ภิกษุทั้งหลายต่างชื่อ ต่างโคตร ต่างชาติ ต่างสกุลกันเข้ามาบวช
      พวกเธอจะทำพระพุทธวจนะให้ผิดเพี้ยนจากภาษาเดิม ผิฉะนั้น
      ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จะขอยกพระพุทธวจนะขึ้นโดยภาษาสันสกฤต

      พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า
      ดูกรโมฆะบุรุษทั้งหลาย ไฉน พวกเธอจึงได้กล่าวอย่างนี้ว่า ผิฉะนั้น
      ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จะขอยกพระพุทธวจนะขึ้นโดยภาษาสันสกฤต ดังนี้เล่า


      ดูกรโมฆะบุรุษทั้งหลาย การกระทำของพวกเธอนั่น
      ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ...
      ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า

      ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงยกพุทธวจนะขึ้นโดยภาษาสันสกฤต
      รูปใดยกขึ้น ต้องอาบัติทุกกฏ
      เราอนุญาตให้เล่าเรียนพุทธวจนะตามภาษาเดิม ฯ



อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ บรรทัดที่ ๑๓๑๕ - ๑๓๒๗. หน้าที่ ๕๔ - ๕๕.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=7&A=1315&Z=1327&pagebreak=0
ขอบคุณภาพจาก http://www.henghengheng.com/


    พุทธฝ่ายเถรวาท จะไม่สวดมนต์เป็นภาษาอื่นๆ...ขอรับ
    เพราะในพระวินัยได้บัญญัติเอาไว้ ใ่ห้ใช้ภาษาเดิมเท่านั้น คือ บาลี


    ส่วนเรื่องบุญที่ได้จากการสวดมนต์ ขอตอบง่ายๆว่า
    ขณะสวดจิตเป็นสมาธิก็จะได้บุญมากกว่า การทำทานและถือศีล
    แต่ถ้าสวดแล้วจิตยกขึ้นสู่วิปัสสนาได้ ก็จะได้บุญมากกว่าจิตที่เป็นสมาธิ

     :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 29, 2012, 09:14:34 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

sayamol

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 95
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
พุทธฝ่ายเถรวาท จะไม่สวดมนต์เป็นภาษาอื่นๆ...ขอรับ
    เพราะในพระวินัยได้บัญญัติเอาไว้ ใ่ห้ใช้ภาษาเดิมเท่านั้น คือ บาลี

    ส่วนเรื่องบุญที่ได้จากการสวดมนต์ ขอตอบง่ายๆว่า
    ขณะสวดจิตเป็นสมาธิก็จะได้บุญมากกว่า การทำทานและถือศีล
    แต่ถ้าสวดแล้วจิตยกขึ้นสู่วิปัสสนาได้ ก็จะได้บุญมากกว่าจิตที่เป็นสมาธิ

 คำตอบ ยอดเยี่ยมใส กระจ่างแจ้ง เลยคะ
 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
จริงใจ อ่อนน้อม พรั่งพร้อมด้วยความรู้
อัตตาหิ อัตตโนนาโถ
ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน