ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ขอยกคุณแห่งครูอาจารย์ ว่าท่านเป็นผู้แสดงปฏิเวธ บ่อยครั้งมาก  (อ่าน 4745 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์

นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา
นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร วาสะมะกัปปะยีติ
ข้าพเจ้าขอกราบขอขมา ต่อ สมเด็จพระสังฆราชพระญาณสังวร หลวงปู่สุก ไกเถื่อน และ ตลอดถึง หลวงพ่อพระครูสิทธิสังวร อาจารย์ใหญ่ฝายกรรมฐาน คณะ 5 วัดราชสิทธาราม องค์ปัจจุบันผู้เรียบเรียงประวัติสมเด็จสุก โปรดอย่าได้เป็นโทษแก่ข้าพเจ้าด้วยข้อความวันนี้เป็นข้อความตรงที่ ศิษย์ พยายามนำประวัติครูอาจารย์ มาแสดงแก่สาธุชน หากกล่าวพาดพิง เกิดเป็นการปรามาส โดยความประมาท ขอท่านทั้งสองโปรดยกโทษนั้นให้แก่ข้าพเจ้า ด้วยเถิด
อุปัชฌาอาจริยัง คุณัง วันทามิ
วันนี้จะได้มายกย่อง คุณแห่งครูอาจารย์ในสายกรรมฐาน มีหลวงปู่สุกเป็นปฐมาจารย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยจะยกประวัติคุณธรรมที่ยังความศรัทธาและความเลื่อมใสให้เกิดขึ้นแก่สาธุชน ด้วยคำว่า สัมมา อรหัง สัมมา อรหัง สัมมา อรหัง อรหัง อรหัง อรหัง
ในสมัย พรรษาที่ 15 เป็นยุคกรุงธนบุรี หลวงปู่สุกยังอยู่ที่วัดท่าหอย มีใจความปรากฏในหนังสือ ประวัติหลวงปู่ โดยพระครูสิทธิสังวรเป็นผู้เรียบเรียง หน้า 167 มีการเล่าถึง การได้เรียน กรรมฐานพิเศษ เพื่อการตัดขันธ์ โดยพระอริยะที่เถราจารย์ที่มาสอนหลวงปู่ในนิมิตขณะนั้น หลวงพ่อพระครูได้ให้ชื่อ สมมุติบัญญัติว่า คำมา หรือถ้าเราจะเรียกก็ต้องเรียกว่าหลวงปู่คำมา ( ไม่ต้องหลวงทวด แค่หลวงปู่ก็เป็นการให้เกรียติสุด ๆ แล้ว ) ดังนั้ันข้าพเจ้าก็จะขอเรียกว่า หลวงปู่คำมา ซึ่งให้ความเคารพไม่ย่ิงหย่อนกว่า หลวงปู่สุกเช่นกัน สำหรับวิชาที่หลวงปู่คำมา นำมาสอนนั้น ท่านทั้งหลายสามารถอ่านรายละเอียดวิชาได้ทีหนังสือประวัติหลวงปู่ (ใครไม่มีก็ติดต่อขอซื้อได้ที่ คณะ 5 หรือ สนพ.สัปชัญญะ ราคา 250 บาท ) แต่ชือวิชาโดยตรง ก็คือ วิชาโลกุดรสยบมาร มีเนื้อหาใจความเป็นไปตามลำดับ ตั้งแต่เรื่องการตัดขันธ์ ตัวหลักวิชาการเดินจิต ผ่อนคลายจิต สยบเวทนา และ ฌานโลกุตร ซึ่งก็เป็นวิธีเดียวกันทั้งหมด แต่จุดประสงค์การเดินจิตตามหลักวิชานั้น ก็แตกต่างตามระดับที่ยกมาแสดง
ในที่นี้จะไม่พูดถึงหลักวิชา แต่จะพูดไปยาวเลยว่า วิชาโลกุดรสยบมาร หลวงปู่สุกท่านใช้บ่อยมาก ท่านใช้เพื่อการเข้าผลสมาบัติ และหลวงปู่เป็นพระภิกษุที่เข้าผลสมาบัติบ่อย ๆ การเข้าผลสมาบัติเป็นข้อยืนยัน ปฏิเวธ ดังนั้นคนที่เคารพศรัทธาหลวงปู่ ก็เพราะว่าเห็นการปฏิบัติ และ ปฏิเวธของท่าน ท่านเข้าผลสมาบัติบ่อยมากขนาดไหนก็ต้องกล่าวว่า เมื่อท่านมาสถิตย์ที่วัดพลับ หลังฉันภัตร์เสร็จ ก็เข้าผลสมาบัติในวันเลย นี่เป็นคุณอันยิ่งใหญ่อีกคุณหนึ่งแห่งคุณครูอาจารย์ที่แสดงปฏิเวธให้ปรากฏเป็นแบบอย่างแก่ศิษย์ ดังนั้นใครที่เรียนกรรมฐานเข้าประจักษ์แล้ว ไม่เข้าผลสมาบัติเลยภายในสองปี จึงเป็นเรื่องไม่สมควรเพราะปฏิเวธ เป็นสิ่งที่ต้องแสดงเหมือน ปริยัติ และ ปฏิบัตินั่นเอง ดังนั้นจะกล่าวว่า การเข้าผลสมาบัติเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำบ่อยไม่ถูกต้องเพราะครูอาจารย์ในสายกรรมฐานที่สืบทอดกันมานั้น ท่านเข้ากันแทบทุกอาทิตย์ทุกเดือนไม่ใช่ ปีหนึ่งทำครั้ง ดังนั้นป่วยการที่จะไปกล่าวไม่เข้า ไม่ทำเลย เป็นไปไม่ได้ เพราะ ปฏิเวธ เป็นสิ่งที่ต้องกระทำให้ประจักษ์เป็นการแสดงธรรม เช่น ปริยัติ และ ปฏิบัติ เช่นกัน
แถมท้าย เรื่องของคาถาพระยาไก่เถื่อน ( พญาไก่แก้ว ) อยู่ในหนังสือ ประวัติหลวงปู่ หน้าที่ 215 ผู้สอนคาถา คือ ครูบารุ่งเรือง สอนท่าน ในะระหว่างที่หลวงปู่ออกจากลำพูน กำลังจะถึงเชียงใหม่ ซึ่งมีรายละเอียดอานุภาพ ในหนังสือหลวงพ่อพระครูสิทธิสังวรท่านได้เล่าไว้แล้ว
วันนี้จึงถือว่าเป็นโอกาสได้ยกครูอาจารย์มาเป็นแบบอย่างในการภาวนาให้ศิษย์ และท่านผู้มีศรัทธาในกรรมฐาน ได้มั่นคงในพระกรรมฐาน ภาวนากันอย่าได้ว่อกแว่ก มัวแต่ไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นกันมาก ให้หาเวลามาดูแลตนเองปรับปรุงจิตใจของเราให้ได้คุณธรรมให้เร็ว อย่าได้เป็นคนกลวง เป็นโมฆะบุรุษ ชื่อว่าได้เรียนธรรมของพระพุทธเจ้า มีครูอันเลิศ แต่หาคุณธรรมไม่ได้ เป็นคนกลวงอย่างนี้ไม่ดีเลย ดังนั้นขอให้ท่านทั้งหลายจงใคร่ครวญแม้แต่ครูยังฉันยังยอมเสียเวลากักตนเองฝึกฝนภาวนา ไม่ยุ่งภาระกิจโลก เอาแต่ภาระกิจแห่งพรหมจรรย์ เวลาเราไม่รู้ว่าเหลือมาก หรือเหลือน้อย แต่เราจะใช้เวลานี้ ขณะนี้ ให้เป็นประโยชน์ในการดับกิเลส
เพราะการดับกิเลสไม่ได้ทำเพื่อให้คนอื่น มาสรรเสริญยกย่องบูชากราบไหว้ หรือมอบสักการะให้ แต่การดับกิเลสจะทำให้เราหนีจากความวุ่นวายของโลก ไม่ต้องมาเผชิญกับดีหรือชั่วต่อไป ในอนาคต แม้ที่สุดปัจจบันก็จะไม่ยุ่งกับโลกเป็นผู้อยู่เหนือโลก
สมดังพรรณนามานี้ เห็นว่าสมควรแก่คุณแห่งครูอาจารย์แล้ว จึงขอจบการอ้างอิงคุณแห่งครูอาจารย์ลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้ โทษอันใดที่ข้าพเจ้าประมาทพลาดพลั้งเล่าผิด ไป ขอครูอาจารย์อย่าตำหนิเป็นโทษแก่ข้าพเจ้า ด้วยคุณแห่งข้าพเจ้าต้องการยกย่อง คุณแห่งครูอาจารย์เป็นที่ปรากฏให้มากขึ้น นั้นด้วย เทอญ
สัพพะ โสตถิ ภะวันตุเม ขอความสวัสดีจงมีแก่ข้าพจ้า
เอวัง ก็มี ด้วยประการฉะนี้
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
ทำไมปรามาส มีผลน่ากลัว
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2016, 11:50:50 am »
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 21, 2016, 11:59:05 am โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
ตอบคำถาม ศิษย์สายตรงของพระอาจารย์ คือ อย่างไร ?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2016, 11:59:45 am »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
    • ดูรายละเอียด
ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
    • ดูรายละเอียด
อ่านแล้วน้ำตา จะไหล เลยคะ ไพเราะมาก

  st11 st12 st12
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น