ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

โพลล์

คุณสมบัติทั้ง ๓ ข้อ มีในสัตว์โลกจำพวกใด

พรหม
- 0 (0%)
เทวดา
- 0 (0%)
มนุษย์
- 25 (100%)
เดรัจฉาน
- 0 (0%)
เปรต และอสูรกาย
- 0 (0%)
มีอยู่ทุกจำพวก
- 0 (0%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 25

ผู้เขียน หัวข้อ: สมบัติของมนุษย์  (อ่าน 10368 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Mahajaroon

  • 1.บรรพชิต
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 63
  • ข้างนอกต้องแก้ไข ข้างในต้องปล่อยวาง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
สมบัติของมนุษย์
« เมื่อ: สิงหาคม 17, 2011, 09:05:10 am »
0
               สมบัติ คือ ความสมบูรณ์แห่งผลสำเร็จที่ให้ได้สมความปรารถนา
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ ว่ามีอยู่ด้วยกัน ๓ ประการ คือ
๑. มนุษย์สมบัติ  ๒. สวรรค์สมบัติ  ๓. นิพพานสมบัติ
ประการที่ ๑ มนุษย์สมบัติ ได้แก่ การมีทรัพย์สมบัติ ยศถาบรรดาศักดิ์ การยกย่องและความสุขกายสบายใจ คนผู้ที่จะได้มนุษย์สมบัตินี้จะต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาทในคุณธรรม ๔ประการ คือ
๑.ด้วยความหมั่น พยายามไม่ให้เป็นอันตราย
๒.รักษาการงานที่ได้ทำไว้ไม่ให้เสื่อมเสียไป
๓. ความมีเพื่อนเป็นคนดี คือ การรู้จักคบคนดีเป็นเพื่อน เลือกคบหา เสวนากับคนที่สามารถแนะนำในสิ่งที่ถูกที่ควรได้
๔. ความเลี้ยงชีวิตตามสมควร คือ รู้จักเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หามาได้ ไม่ให้ฝืดเคือง ไม่ให้ฟุ่มเฟือยจนเกินไป
            มีเรื่องเล่าในอดีตเป็นตัวอย่างว่า คนรับใช้ของเศรษฐีคนหนึ่ง ทำการค้าขายครั้งแรกด้วยการลงทุนด้วยหนูตายเพียงตัวเดียว ได้ทรัพย์สินเงินทองมากมาย คือ ครั้งแรก เขาขายหนูตายนั้นแล้วได้เงินมาจำนวนหนึ่ง จึงนำเงินนั้นไปซื้อดอกไม้มาขาย นำกำไรที่ขายดอกไม้ได้ไปซื้อไม้แล้วนำไปขายให้กับคนเผาภาชนะดิน นำผลกำไรที่ได้เพิ่มขึ้นอีก ไปซื้อหญ้าแล้วนำไปขายให้คนเลี้ยงม้า ได้เงินมาแล้วก็นำไปเก็บรักษาไว้ ต่อมาได้ทำการค้าขายทางเรือกับพวกพ่อค้า ได้เงินทองมากขึ้นตามลำดับ ต่อมาระลึกถึงเศรษฐีที่เคยมีอุปการะแก่ตนมาก่อน ด้วยความกตัญญู จึงนำทรัพย์สินเงินทองครึ่งหนึ่งที่ตนหามาได้มอบให้แก่เศรษฐี ท่านเศรษฐีคิดว่า คนที่ฉลาด ขยันหมั่นเพียรเช่นนี้ ไม่สมควรที่จะเป็นคนรับใช้ของเรา จึงได้ยกธิดาคนหนึ่งให้และมอบเงินทองให้อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งต่อมาเมื่อเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว เขาก็ได้รับตำแหน่งเศรษฐีต่อไป
 
    :25:   ยังมีต่อครับ      :s_laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 18, 2011, 08:57:17 pm โดย Mahajaroon »
บันทึกการเข้า
พุทธะนับหมื่นอยู่ที่ใจ

สมภพ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 485
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมบัติของมนุษย์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2011, 10:33:27 am »
0
ตอบมนุษย์ ครับ
 :25:
บันทึกการเข้า

pichai

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 99
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมบัติของมนุษย์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2011, 05:08:48 pm »
0
ติดตามอยู่นะครับ

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

pongsatorn

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 242
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมบัติของมนุษย์
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2011, 07:03:55 am »
0
รออ่าน ตอนต่อไปอยู่ ครับ

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

pimpa

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 138
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมบัติของมนุษย์
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2011, 07:04:55 am »
0
ร่วมโหวต ด้วยแล้วคะ

 :s_hi:
บันทึกการเข้า

aom-jai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 134
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมบัติของมนุษย์
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2011, 07:06:04 am »
0
 :welcome:
บันทึกการเข้า

จตุพร

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 94
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมบัติของมนุษย์
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2011, 09:45:33 am »
0
ปัญหาอาจจะดูง่ายไป ครับ
ผลโหวต 100 %

 :25:
บันทึกการเข้า

Mahajaroon

  • 1.บรรพชิต
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 63
  • ข้างนอกต้องแก้ไข ข้างในต้องปล่อยวาง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: สมบัติของมนุษย์
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กันยายน 05, 2011, 07:15:21 pm »
0
ประการที่ ๒ สวรรค์สมบัติ ได้แก่ สมบัติในสวรรค์ หรือทิพยสมบัติ คือ สมบัติที่มีความสุข
กายสบายใจ อันละเอียด ประณีต วิจิตรตระการตากว่ามนุษย์สมบัติมากมาย ซึ่งผู้ที่จะประสบสวรรค์สมบัติได้นั้น จะต้องประกอบด้วยความไม่ประมาทในคุณธรรม ๔ ประการ คือ
๑. ถึงพร้อมด้วยศรัทธา คือ เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ เช่น เชื่อว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น
๒. ถึงพร้อมด้วยศีล คือ การรักษากาย วาจาให้เรียบร้อย
๓. ถึงพร้อมด้วยการบริจาคทาน คือ การเสียสละแบ่งปัน
๔. ถึงพร้อมด้วยปัญญา คือ รู้จักความดี ความชั่ว เป็นต้น
มีเรื่องเล่าเป็นอุทาหรณ์เรื่องหนึ่งว่า อุบาสกคนหนึ่ง ชื่อว่านันทิยะ เป็นผู้มีศรัทธาอย่างแรงกล้าในพระพุทธศาสนา ได้ให้ทาน รักษาศีล และทำอุโบสถกรรมเป็นประจำ ต่อมาได้สร้างศาลาจัตุรมุขขึ้นหลังหนึ่ง ถวายไว้ในพระพุทธศาสนา ซึ่งในที่สุดแห่งการทำอนุโมทนาของพระพุทธเจ้า วิมานจัตุรมุขก็ได้ผุดขึ้นในเทวโลกเพื่อต้อนรับอุบาสกนั้น พระมหาโมคคัลลานะได้ไปเยี่ยมเทวโลก เห็นวิมานนั้นว่างเปล่า ไม่มีเทพบุตรหรือเทพธิดาประจำอยู่ จึงไต่ถามกับเทพบุตรในวิมานใกล้เคียงก็ทราบว่า เป็นวิมานที่ผุดขึ้นเพื่อต้อนรับนันทิยอุบาสก ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ พระมหาโมคคัลลานะจึงนำข่าวมาแจ้งแก่นันทิยอุบาสก เมื่อเขาได้ฟังแล้วก็เกิดปีติยินดีเป็นอย่างมาก ได้สละทรัพย์บำเพ็ญกุศลในพระพุทธศาสนาอีกเป็นจำนวนมาก เมื่อเขาสิ้นชีวิตแล้ว ก็ได้ไปบังเกิดในวิมานนั้น


 ประการที่ ๓ นิพพานสมบัติ ได้แก่ สมบัติคือพระนิพพาน คือการดับกิเลสและกองทุกข์ทั้งปวง คนผู้ถึงพระนิพพาน ย่อมไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายอีกต่อไป เป็นความสุขที่ยอดเยี่ยม ไม่มีความสุขอื่นยิ่งไปกว่า สมตามพระพุทธภาษิตที่ตรัสเอาไว้ว่า "นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง" ซึ่งแนวทางปฏิบัติเพื่อให้ถึงพระนิพพานนั้น ก็ได้แก่
บุญกิริยาวัตถุ ๓ ประการ คือ
๑. ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน   
๒. สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
๓. ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญจิตตภาวนา     
  (บุญกิริยาอย่างหนาต้อง ๑๐  ประการแล)
ดังนั้น ผู้ที่ปรารถนาสมบัติ คือ ความถึงพร้อมทั้ง ๓ ประการนี้ ควรที่ปฏิบัติตน ประพฤติตามหลักธรรมดังที่กล่าวมา อันจักทำให้ได้รับสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง สมตามความปรารถนาแล

จิตเกษมชั่วคราวเราทำได้
เจริญสติรู้กายใจคลายโมหันต์
จิตผ่องใสชั่วขณะรู้ปัจจุบัน
จิตอรหันต์เกษมสุขทุกเวลา

ใครมีอะไรแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมบัติอีกไหมครับ  ?  เชิญได้ทางนี้เลยครับ
บันทึกการเข้า
พุทธะนับหมื่นอยู่ที่ใจ

Mahajaroon

  • 1.บรรพชิต
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 63
  • ข้างนอกต้องแก้ไข ข้างในต้องปล่อยวาง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: สมบัติของมนุษย์
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กันยายน 06, 2011, 02:55:34 pm »
0
ปัญหาแม้ว่าจะดูง่าย แต่ปฏิบัติลองดูซิครับ
หากปัญหายากไปคงตอบไม่ถูก เรื่องปฏิบัติไม่ต้อเอ๋ยถึงหรอกครับ
คนไหนเป็นมนุษย์ คือผู้มีใจสูงคงรู้แล้วว่าข้อไหนถูก เลยตอบไปอย่างมั่นใจ
ส่วนพรหมและเทวดาคงไม่ลงมาตอบหรอกครับ  และที่เหลือคงไม่มีโอกาสมารับรู้เรื่องนี้



                                                                    :08:
บันทึกการเข้า
พุทธะนับหมื่นอยู่ที่ใจ

Mahajaroon

  • 1.บรรพชิต
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 63
  • ข้างนอกต้องแก้ไข ข้างในต้องปล่อยวาง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: สมบัติของมนุษย์
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2011, 04:24:42 pm »
0
ประการที่ ๒ สวรรค์สมบัติ ได้แก่ สมบัติในสวรรค์ หรือทิพยสมบัติ

 ดังนั้น ผู้ที่ปรารถนาสมบัติ คือ ความถึงพร้อมทั้ง ๓ ประการนี้ ควรที่ปฏิบัติตน ประพฤติตามหลักธรรมดังที่กล่าวมา อันจักทำให้ได้รับสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง สมตามความปรารถนาแล

จิตเกษมชั่วคราวเราทำได้
เจริญสติรู้กายใจคลายโมหันต์
จิตผ่องใสชั่วขณะรู้ปัจจุบัน
จิตอรหันต์เกษมสุขทุกเวลา

ใครมีอะไรแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมบัติอีกไหมครับ  ?  เชิญได้ทางนี้เลยครับ


บทกลอนชุดนี้ขอมอบให้แก่สมาชิก  24  ท่านแรก ที่เข้ามาโหวด
เหตุผลที่ให้เพราะท่านเป็นมนุษย์ ย่อมรู้ใจมนุษย์ด้วยกัน

สาธุ  สาธุ  สาธุ   ขอให้พระธรรมคุ้มครอง

                                                         :25:
บันทึกการเข้า
พุทธะนับหมื่นอยู่ที่ใจ

udom

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 97
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมบัติของมนุษย์
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ตุลาคม 09, 2011, 07:13:14 pm »
0
จิตเกษมชั่วคราวเราทำได้
เจริญสติรู้กายใจคลายโมหันต์
จิตผ่องใสชั่วขณะรู้ปัจจุบัน
จิตอรหันต์เกษมสุขทุกเวลา


 จิต อรหันต์ .........

   :13:
บันทึกการเข้า

Mahajaroon

  • 1.บรรพชิต
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 63
  • ข้างนอกต้องแก้ไข ข้างในต้องปล่อยวาง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: สมบัติของมนุษย์
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ตุลาคม 29, 2011, 02:39:58 pm »
0
มนุษย์ผู้มีใจสูง

     สัตว์โลกที่ชื่อว่า มนุษย์ เพราะอรรถว่าเป็นเหล่ากอแห่งพระมนู ก็พระโบราณาจารย์ทั้งหลายย่อมกล่าวว่า สัตว์โลกทั้งหลายที่ชื่อว่ามนุษย์ เพราะเป็นผู้มีใจสูง.
     มนุษย์เหล่านั้นมี ๔ จำพวกคือ 
     พวกมนุษย์ชาวชมพูทวีป  ๑ 
     พวกมนุษย์ชาวอมรโคยาน (อปรโคยานทวีป) ๑ 
     พวกมนุษย์อุตตรกุรุ ๑ 
     พวกมนุษย์ชาวปุพพวิเทหะ  ๑

     ในสังยุตตนิกาย กล่าวความเกิดเป็นมนุษย์แสนยาก ความว่าแผ่นดินใหญ่นี้แลมากกว่า ฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนไว้ที่ปลายพระนขามีประมาณน้อย เมื่อเทียบกับแผ่นดินใหญ่ ฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนไว้ที่ปลายพระนขา (เล็บ) ย่อมไม่ถึงซึ่งการนับ การเปรียบเทียบ หรือแม้ส่วนเสี้ยว
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติในพวกมนุษย์แล้วกลับมาเกิดในพวกมนุษย์มีน้อย โดยที่แท้สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้วกลับไปเกิดในนรกมีมากกว่า ฯลฯ.
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้ว จะกลับมาเกิดในพวกมนุษย์มีน้อย โดยที่แท้สัตว์ที่จุติจากมนุษย์ไปแล้ว กลับไปเกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานมีมากกว่า ฯลฯ.
     สาเหตุที่ได้มาเกิดในโลกแล้วเป็นมนุษย์ต้องอาศัยปฏิปทาดังนี้
     ปฏิปทาให้มาเกิดเป็นมนุษย์สิกขาบท  ๕  อย่าง  ศีล ๕
     ๑.  ปาณาติปาตา  เวรมณี    [เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการฆ่าสัตว์] 
     ๒. อทินนาทานา  เวรมณี   [เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการลักทรัพย์]
     ๓. กาเมสุมิจฉาจารา  เวรมณี  [เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม] 
     ๔. มุสาวาทา  เวรมณี  [เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการพูดเท็จ]
     ๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา  เวรมณี  [เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท] 
 ในภูมิกสูตร พระผู้มีพระภาคได้ตรัสความว่าสมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปาวาริกอัมพวัน ใกล้เมืองนาฬันทา ครั้งนั้นแล นายบ้านนามว่าอสิพันธกบุตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกพราหมณ์ชาวปัจฉาภูมิ มีคณโฑน้ำติดตัวประดับพวงมาลัยสาหร่าย อาบน้ำทุกเช้าเย็น บำเรอไฟ พราหมณ์เหล่านั้น
ชื่อว่า ยังสัตว์ที่ตายทำกาละแล้วให้เป็นขึ้น ให้รู้ชอบ ชวนให้เข้าสวรรค์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถกระทำให้สัตว์โลกทั้งหมด เมื่อตายไป พึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ได้หรือ
     พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนายคามณี ถ้าอย่างนั้นเราจักย้อนถามท่านในข้อนี้ ปัญหาควรแก่ท่านด้วยประการใด ท่านพึงพยากรณ์ปัญหา ข้อนั้นด้วยประการนั้น ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
     บุรุษในโลกนี้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มากไปด้วยอภิชฌา มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิด หมู่มหาชนมาประชุมกันแล้ว  พึงสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบผู้นั้นว่า ขอบุรุษนี้เมื่อตายไป จงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษนั้นเมื่อตายไป พึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะเหตุการสวดวิงวอน เพราะเหตุการสรรเสริญ หรือเพราะเหตุการประนมมือเดินเวียนรอบดังนี้หรือ ฯ
     คา. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
     พ. ดูกรนายคามณี เปรียบเหมือนบุรุษโยนหินก้อนหนาใหญ่ ลงในห้วงน้ำลึก หมู่มหาชนพึงมาประชุมกันแล้วสวดวิงวอนสรรเสริญ ประนมมือ  เดินเวียนรอบหินนั้นว่า ขอจงโผล่ขึ้นเถิดท่านก้อนหิน ขอจงลอยขึ้นเถิดท่านก้อนหิน ขอจงขึ้นบกเถิดท่านก้อนหิน ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ก้อนหินนั้นพึงโผล่ขึ้น พึงลอยขึ้น หรือพึงขึ้นบก เพราะเหตุการสวดวิงวอน สรรเสริญประนมมือเดินเวียนรอบของหมู่มหาชนบ้างหรือ ฯ 
     คา. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
     พ. ดูกรนายคามณี ฉันนั้นเหมือนกัน บุรุษคนใดฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มากไปด้วย อภิชฌา มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิด หมู่มหาชนพึงมาประชุมกันแล้วสวด  วิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า ขอบุรุษนี้เมื่อตายไป  จงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ซึ่งความจริงบุรุษนั้นเมื่อตาย พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ  วินิบาต นรก ฯ
     ดูกรนายคามณี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษในโลกนี้เว้นจากปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท ปิสุณาวาจา  ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ ไม่มากไปด้วยอภิชฌา มีจิตไม่พยาบาท มีความเห็นชอบหมู่มหาชนพึงมาประชุมกันแล้วสวดวิงวอนสรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า ขอบุรุษนี้เมื่อตายไป จงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
     บุรุษนั้นเมื่อตายไป พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต  นรก เพราะเหตุการสวดวิงวอน สรรเสริญ หรือเพราะเหตุการประนมมือเดิน เวียนรอบของหมู่มหาชนบ้างหรือ ฯ 
     คา. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
     พ. ดูกรนายคามณี เปรียบเหมือนบุรุษลงยังห้วงน้ำลึกแล้ว พึงทุบหม้อเนยใสหรือหม้อน้ำมัน ก้อนกรวดหรือก้อนหินที่มีอยู่ในหม้อนั้น พึงจมลง เนยใสหรือน้ำมันที่มีอยู่ในหม้อนั้นได้ลอยขึ้น หมู่มหาชนพึงมาประชุมกัน แล้วสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบเนยใสหรือน้ำมันนั้นว่าขอจงจมลงเถิดท่านเนยใสและน้ำมัน ขอจงดำลงเถิดท่านเนยใสและน้ำมัน ขอจงลงภายใต้เถิดท่านเนยใสและน้ำมัน ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เนยใสและน้ำมันนั้นพึงจมลง พึงดำลง พึงลงภายใต้ เพราะเหตุการสวดวิงวอนสรรเสริญ หรือเพราะเหตุการประนมมือเดินเวียนรอบของหมู่มหาชนบ้างหรือ
     คา. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ 
     พ. ดูกรนายคามณี ฉันนั้นเหมือนกัน บุรุษใดเว้นจากปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท ปิสุณาวาจา ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ ไม่มากไปด้วยอภิชฌา มีจิตไม่พยาบาท มีความเห็นชอบ หมู่มหาชนจะพากันมาประชุมแล้วสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า ขอบุรุษ  นี้เมื่อตายไป จงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก แต่ความจริง บุรุษนั้นเมื่อตายไป พึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์.
     ในตมสูตรได้กล่าวถึงบุคคล ๔ จำพวก ความว่า
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน คือ 
     ผู้มืดมาแล้ว มีมืดต่อไปจำพวก ๑
     ผู้มืดมาแล้ว มีสว่างต่อไปจำพวก ๑
     ผู้สว่างมาแล้ว มีมืดต่อไปจำพวก ๑
     ผู้สว่างมาแล้ว มีสว่างต่อไปจำพวก ๑ }

     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้มืดมาแล้ว มีมืดต่อไปเป็นอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดมาในตระกูลต่ำ คือ ตระกูลจัณฑาล ตระกูลช่างสาน  ตระกูลนายพราน ตระกูลช่างเย็บหนัง หรือในตระกูลคนเทหยากเยื่อ อันเป็นตระกูล เข็ญใจ มีข้าว น้ำและโภชนะน้อย เป็นอยู่โดยฝืดเคือง หาของบริโภคและผ้านุ่งห่มได้โดยฝืดเคือง
     อนึ่ง เขามีผิวพรรณทราม ไม่น่าดู เป็นคนแคระ มีโรคมาก เป็นคนตาบอด เป็นคนง่อย เป็นคนกระจอก หรือพิการไปแถบหนึ่ง ไม่ได้ข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ยานพาหนะ ระเบียบดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีป ตามสมควร เขาซ้ำประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจาและด้วยใจ ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก บุคคลเป็นผู้มืดมาแล้ว มีมืดต่อไปอย่างนี้แลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มืดมาแล้ว มีสว่างต่อไปเป็นอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดมาในตระกูลต่ำ คือ ตระกูลจัณฑาล ตระกูลช่างสาน ตระกูลนายพราน ตระกูลช่างเย็บหนัง หรือตระกูลคนเทหยากเยื่อ อันเป็นตระกูลเข็ญใจ มีข้าว น้ำและโภชนะน้อย เป็นอยู่โดยฝืดเคือง หาของบริโภคและผ้านุ่งห่มได้โดยฝืดเคือง 
     อนึ่ง เขามีผิวพรรณทราม ไม่น่าดู เป็นคนแคระ มีโรคมาก เป็นคนตาบอด เป็นคนง่อย เป็นคนกระจอก หรือเป็นคนพิการไปแถบหนึ่ง ไม่ได้ข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ยานพาหนะ ระเบียบดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีป ตามสมควรแต่เขาประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจาและด้วยใจ ครั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ บุคคลเป็นผู้มืดมาแล้วมีสว่างต่อไป อย่างนี้แล ฯ
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้สว่างมาแล้ว มีมืดต่อไปเป็นอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดมาในตระกูลสูง คือ ตระกูลกษัตริย์มหาศาล ตระกูลพราหมณ์มหาศาล หรือตระกูลคหบดีมหาศาล อันเป็นตระกูล มั่งคั่งมีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองและเงินมาก มีเครื่องใช้ที่น่าปลื้มใจมากมาย มีทรัพย์สินเหลือล้น
     อนึ่ง เขามีรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยความเป็นผู้มีผิวพรรณงามยิ่งนัก เป็นผู้มีปรกติได้ข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ยานพาหนะ ระเบียบดอกไม้ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีป แต่เขาประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา และด้วยใจ ครั้นประพฤติทุจริต ด้วยกาย วาจา และใจแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก บุคคลเป็นผู้สว่างมาแล้วมีมืดต่อไปอย่างนี้แล ฯ
 :88:     :25:    :88:      :25:
บันทึกการเข้า
พุทธะนับหมื่นอยู่ที่ใจ