ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ศรัทธาชาวพุทธ  (อ่าน 1061 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28436
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ศรัทธาชาวพุทธ
« เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2016, 10:24:03 pm »
0



ศรัทธาชาวพุทธ

ในคราวที่บ้านเมืองไม่ปกติ สังคมชาวบ้านจะสับสนวุ่นวาย เพราะผู้มีอำนาจในบ้านเมืองจะดำเนินการบางอย่าง เพื่อความสงบสุขของประชาชน สถาบันสงฆ์ไม่เคยมีความเดือดร้อน แต่มาวันนี้ บ้านเมืองผิดปกติ ประชาชนแตกสามัคคี ความไม่สงบสุขของบ้านเมืองได้ลามเข้าไปในสถาบันสงฆ์ด้วย ชาวบ้านทำการรุกรานพระสงฆ์ แม้ท่านจะเป็นอาบัติที่ปลงได้ แก้ไขได้ พวกเราชาวพุทธไม่เคยที่จะบังอาจโพนทะนาว่าท่านเป็นอาบัติอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ทุกวันนี้ได้ทำกันแล้วเพราะความแตกสามัคคีกันแท้ๆ

มิเพียงโพนทะนากันในหมู่ชาวบ้านด้วยกันเท่านั้น ถึงกับไปฟ้องทางการด้วยว่า พระเป็นอาบัติเพราะรับเงินรับทอง หรือบางกรณี ชาวบ้านเขาถวายที่ดินให้กับท่านเป็นส่วนตัว ก็พยายามกล่าวหาท่านว่าโกงที่ดินวัด ทางคณะสงฆ์ก็ยืนยันว่าท่านไม่ผิด คราวนี้จะหาว่าท่านรับของโจร แต่ที่พระบางองค์เป็นอาบัติปาราชิกในคดีกรรโชกทรัพย์ (ขอให้เปิดวินัยมุข เล่ม 1 หน้า 36 ดู) ทั้งที่มีผู้ฟ้องแล้ว ทางการกลับเฉย แต่กลับมารุกรานพระที่ท่านไม่เป็นอาบัติหนัก การทำของทางการเช่นนี้ ทำให้พระที่เป็นปุถุชนมีความโกรธ เมื่อท่านโกรธ การพูด การกระทำ ก็จะผิดปกติ นั่น! จะทำให้เสื่อมเสียยิ่งขึ้น

แต่สำหรับพระอรหันต์ เมื่อผู้ปกครองบ้านเมืองไม่นับถือท่าน ท่านจะหลบเงียบในป่า ท่านจะไม่แสดงอาการเรียกร้องให้เขามาเคารพนับถือเหมือนเดิม การหลบเงียบของท่านจะเป็นประโยชน์ต่อท่านและพระศาสนาในภายหลัง

ขอให้ดูตัวอย่างที่เกิดขึ้นในแคว้นวัชชี ที่เมื่อพระราชาองค์ใหม่ไม่นับถือพระพุทธศาสนา แถมทำการรุกรานพระ เบียดเบียนพระ พระอรหันต์ และพระอื่นๆ ท่านจึงหลบจากเมืองไปอยู่ป่า ดังเรื่องที่จะเล่าดังต่อไปนี้


 :25: :25: :25: :25:

เมื่อพระราชาแห่งแคว้นวัชชีสิ้นพระชนม์ พระราชาองค์ใหม่ที่มีวาระขึ้นครองราชย์ ก็ขึ้นครองราชย์ ณ เมืองเวสาลีซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นวัชชี เนื่องจากแคว้นวัชชี เป็นแคว้นที่พระพุทธองค์เสด็จประทับเป็นเนืองนิตย์ ดังนั้นพระราชาและประชาชนชาววัชชี จึงนับถือพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์อย่างมั่นคง

กาลต่อมา เมื่อพระราชาพระนามว่า พระเจ้าอัมพสักขระ ขึ้นครองราชย์ พระองค์กลับเป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นว่า บุญไม่มี บาปไม่มี เมื่อมีอำนาจ จึงชอบแกล้งคนพิการ กลั้นแกล้งบรรพชิต ตอนขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ เห็นคนตาบอดถือไม้เท้า ก็แย่งไม้เท้าไปทิ้งเสีย แล้วบังคับให้คนตาบอดเดินไปโดยไม่มีไม้เท้า เมื่อคนตาบอดเดินไปชนต้นไม้ พระองค์ก็ตบพระหัตถ์หัวเราะ ทอดพระเนตรเห็นบรรพชิตเดินบิณฑบาต ก็ไปแย่งบาตรของท่านทุ่มทิ้งเสีย บางคราวเห็นบรรพชิตเดินไม่เรียบร้อย ก็ให้ข้าราชบริพารจับบรรพชิตเหล่านั้นห้อยหัวลง เมื่อเห็นบรรพชิตดิ้น พระองค์ก็ตบพระหัตถ์ทรงพระสรวลอย่างสำราญพระทัย คราวนั้นจึงไม่มีคนพิการและบรรพชิตมาเดินเฉียดพระราชนิเวศน์อีก

แต่พระราชาองค์นี้นับว่ามีโชคอยู่ เพราะมีอาหลานคู่หนึ่งก่อเหตุการณ์บางอย่างอันเป็นเหตุให้พระราชาทรงกลับพระทัยเป็นสัมมาทิฐิเสียได้ทันการ

เรื่องดังว่านั้น ท่านกล่าวไว้ในอรรถกถาว่า ในเมืองเวสาลีนั้น มีพ่อค้าคนหนึ่งเป็นคนมีศีล พูดจาอ่อนหวาน ไม่เป็นคนขี้โกรธ คนไหนทำความดี ก็ระบุความดีของเขาอย่างเต็มปาก ไม่ปกปิดความดีของคนอื่น แต่มีนิสัยชอบแกล้งคน แล้วตนก็นั่งหัวเราะ ข้างบ้านของพ่อค้าคนนี้ มีเปือกตมอยู่ที่ทางเดินของคนทั่วไป เมื่อประชาชนเดินไปเดินมา เมื่อถึงจุดนั้น บางคนก็กระโดดข้ามพ้น บางคนกระโดดข้ามไม่พ้น ก็ต้องเปื้อนโคลนเป็นที่ลำบากเป็นอย่างยิ่ง


 st12 st12 st12 st12 st12

พ่อค้าท่านนี้จึงรำพึงว่า ประชาชนอย่าลำบากอีกเลย จึงนำศีรษะโคที่ขาวสะอาดปราศจากกลิ่นเหม็นมาวางที่เปือกตม มหาชนก็เดินข้ามเหยียบศีรษะโคไปอย่างสะดวกสบาย เพราะเป็นคนชอบล้อเพื่อน วันหนึ่งเห็นเพื่อนไปอาบน้ำ แต่ได้วางเสื้อผ้าไว้อย่างเปิดเผย โดยไม่คิดว่าจะมีคนมาแกล้ง พ่อค้าท่านนี้จึงหยิบเสื้อผ้าของเพื่อนไปซ่อนเสีย เจ้าของเสื้อผ้าเมื่อไม่เห็นเสื้อผ้า ก็ไม่กล้าขึ้นจากหนองน้ำ มีความอับอาย จึงตะโกนด่าอย่างโกรธเคือง

ฝ่ายพ่อค้าหัวเราะชอบใจในพฤติกรรมของเพื่อน พอสะใจแล้วก็นำเสื้อผ้ามาคืนให้ ส่วนหลานของพ่อค้าคนนี้ ไปขโมยของบ้านอื่น เจ้าของเขาตามมา จึงทิ้งของนั้นที่บ้านของอาผู้เป็นพ่อค้า เจ้าของตามมาพบ จึงจับอาหลานไปฟ้องพระราชา

พระราชาเข้าใจว่าอาเป็นหัวหน้าโจร จึงให้ประหารชีวิตอา ส่วนหลานสั่งให้เสียบประจานไว้ที่กำแพงเมืองจนกว่าจะตายไปเอง พ่อค้าตายแล้วไปเกิดเป็นภุมมเทวดามีรัศมีสวยงาม แต่เปลือยกายเพราะกรรมที่แกล้งเพื่อน เขามีม้าทิพย์เป็นพาหนะ เพราะกรรมที่เอาศีรษะโคทอดสะพานให้คนเดิน มีกลิ่นหอมฟุ้งออกจากกาย เพราะกรรมที่สรรเสริญความดีของคนอื่น

พ่อค้าเป็นห่วงหลาน รู้ว่าถ้าหลานตายไป จะต้องไปเกิดในนรกแน่ พอเที่ยงคืนจึงขี่ม้าทิพย์ไปปรากฏกายใกล้หลานที่ถูกเสียบอยู่ แล้วประกาศว่า ท่านอย่าเพิ่งตาย การมีชีวิตอยู่ของท่านประเสริฐที่สุด!


 st11 st11 st11 st11

ก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ พระเจ้าอัมพสักขระไปหลงเมียชายคนหนึ่ง จึงสั่งให้สามีนางนั้นไปเอาดินสีอรุณและดอกบัวแดงมาให้พระองค์ โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องกลับภายในวันนี้และก่อนปิดประตูเมืองด้วย คนมีอำนาจเมื่ออยากได้อะไร มิได้คำนึงผิดถูก พระองค์แอบสั่งนายประตูว่า ถ้าคนผู้นี้มันกลับมาทันประตู ก็รีบปิดประตูเสีย อย่าให้มันเข้ามาในเมืองได้ ข้างฝ่ายสามีผู้เคราะห์ร้ายคิดในใจว่า กูตายแน่! เพราะความกลัวตาย จึงรีบกลับมาทันประตูเมือง นายประตูเห็นเขากลับมาทัน จึงรีบปิดประตูเมือง

คนเคราะห์ร้ายเพราะมีเมียสวย ไม่ยอมแพ้ เขาเห็นนักโทษถูกเสียบประจานยังไม่ตาย จึงขว้างดินและดอกบัวแดงเข้าในเมือง แล้วตะโกนบอกนักโทษว่า ท่านเป็นพยานให้ข้าด้วย ข้าได้นำดินและดอกบัวให้พระราชาก่อนปิดประตูเมือง

ฝ่ายหลานของพ่อค้าจึงตอบว่า เราจะตายวันนี้วันพรุ่ง ขอท่านจงเอาเปรตที่จะมาปรากฏตอนเที่ยงคืนเป็นพยานเถิด ทั้งนี้หลานนั้นหารู้ไม่ว่า นั่น! คืออาของตัว ผู้เคราะห์ร้ายจึงคอยจนเวลาเที่ยงคืน เมื่อเห็นเปรตเปลือย มีรัศมีบรรเจิดจ้าแต่เปลือยกาย จึงขอให้เขาเป็นพยานให้ ภุมมเทวดานั้นก็รับคำ


 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

รุ่งขึ้นพระราชาเรียกผู้เคราะห์ร้ายมาเฝ้าแล้วตรัสว่า ท่านมาผิดเวลา โทษถึงประหาร เขากราบทูลว่า ข้าพระองค์มาถึงก่อนประตูเมืองปิด พระราชาตรัสถามว่า ท่านมีพยานยืนยันหรือไม่ เขาตอบว่า เขามีเปรตเปลือยรัศมีบรรเจิดที่มาปรากฏตอนเที่ยงคืนเป็นพยาน ขอพระองค์ส่งคนไปดูพร้อมกับข้าพระองค์ พระราชาทรงสนพระทัยที่เปรตเปลือยปรากฏกาย จึงได้เสด็จไปพร้อมกับชายผู้นั้นด้วยพระองค์เอง เมื่อทอดพระเนตรเห็นเปรตและได้ฟังคำพูดที่เปรตเปลือยพูดแล้ว จึงตรัสถามเปรตว่า ท่านเป็นอะไรกับคนนอนถูกหลาวเสียบนี้ และคำพูดของท่านมีความหมายอย่างไร?

เปรตตอบว่า คนผู้นี้เป็นหลานของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้ชัดว่า ถ้าหลานผู้นี้ตาย เขาจะไปเกิดในนรกอันร้ายกาจ ข้าพเจ้าจึงประกาศให้เขารู้ว่า การที่เขาถูกหลาวเสียบนอนทรมานอยู่อย่างนี้ ประเสริฐกว่าตาย เพราะถ้าตายไปแล้ว เขาจะตกนรกทรมานยิ่งกว่าหลาวเสียบเสียอีก

พระราชาสดับแล้วทรงหวาดกลัว จึงตรัสถามเปรตเปลือยว่า ท่านเป็นใคร? เพราะอะไรท่านจึงเป็นคนเปลือย? เพราะอะไร ท่านจึงมีรัศมีกายบรรเจิดจ้า? เพราะอะไร ท่านจึงมีกลิ่นหอมฟุ้งมาจากกาย และเพราะอะไร ท่านจึงมีม้าสีขาวอันเป็นทิพย์เหินไปในอากาศ

ภุมมเทวดาเปลือยจึงตอบว่า ข้าพเจ้าเป็นอาของบุรุษผู้ถูกหลาวเสียบ ข้าพเจ้าเกิดเป็นเทวดาเปลือย เพราะแกล้งนำเสื้อผ้าของเพื่อนไปซ่อนให้เขาทรมานใจ ข้าพเจ้ามีรัศมีกายบรรเจิด เพราะเป็นคนไม่ขี้โกรธ และมีศีล ข้าพเจ้ามีกลิ่นหอมฟุ้งออกจากกาย เพราะสรรเสริญความดีของผู้มีพระคุณ และสรรเสริญความดีของคนอื่นๆ ข้าพเจ้ามีม้าขาวอันเป็นทิพย์ เพราะนำศีรษะโคที่ขาวสะอาดมาเป็นสะพานให้มหาชนเดินข้ามเปือกตม พระราชาสดับแล้วตรัสถามต่อไปว่า ท่านทำบาปเล่นๆ ยังได้รับผลขนาดนี้ แล้วคนที่ทำกรรมอันเป็นบาปจริงๆ เขาจะรับผลอย่างไร? เทวดาเปลือยตอบว่า คนผู้ทำกรรมชั่ว ตายไปแล้วเขาย่อมไปเกิดในนรกอย่างไม่ต้องสงสัย


 ans1 ans1 ans1 ans1

พระราชาไม่หายสงสัยจึงตรัสถามต่อไปว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ผลนี้เป็นของกรรมนี้ ผลนั้นเป็นของกรรมนั้น หรือเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ผลนี้เป็นของกรรมเก่า เทวดาเปลือยจึงตอบว่า ขอให้ท่านดูกรรมของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่เคยให้ทานเสื้อผ้ามาในอดีตชาติเลย ชาติที่ผ่านมาข้าพเจ้าเพียงล้อเพื่อนเก็บผ้าไปซ่อนเท่านั้น ข้าพเจ้าต้องเกิดเป็นเทวดาเปลือย ในชาติปัจจุบันนี้ ผู้ที่จะบริจาคเสื้อผ้า ข้าวน้ำ แก่สมณะแล้วอุทิศส่วนบุญให้ข้าพเจ้ามิได้มี ข้าพเจ้าจึงทรมานใจที่เปลือยกาย และอดอยาก

พระราชาประสงค์จะช่วยเหลือเขา จึงถามเทวดาเปลือยว่า การเปลือยกายของท่าน ข้าพเจ้าพอจะช่วยได้หรือไม่ ขอให้ท่านโปรดบอก

เทวดาเปลือยจึงตอบว่า ในเมืองเวสาลีนี้ มีพระอรหันต์อยู่รูปหนึ่ง นามว่า พระกัปปิตกะ ถ้าพระองค์น้อมผ้าถวายท่าน แล้วอุทิศส่วนบุญนั้นให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะมีผ้านุ่งห่มทันที

พระเจ้าอัมพสักขระอยากจะพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ จึงถามเทวดาเปลือยว่าพระอรหันต์ท่านอยู่ที่ไหน ข้าพเจ้าจะไปช่วยท่านเดี๋ยวนี้ เทวดาเปลือยจึงตอบว่า เวลานี้ไม่ควรไปพบสมณะ ขอพระองค์จงไปในเวลาอันควรเถิด พระราชาฟังคำของเทวดาแล้วจึงรีบกลับพระราชนิเวศน์ วันรุ่งขึ้นให้ราชบุรุษถือผ้า 8 คู่ ไปยังเมืองกปินัจจนา ถวายผ้าแก่พระอรหันต์กัปปิตกะ ฝ่ายพระอรหันต์กัปปิตกะมีความสงสัย จึงถามพระราชาว่า เมื่อก่อนพระองค์ไม่ให้ทาน ชอบแกล้งพระสงฆ์ พระสงฆ์ทั้งหลายจึงหายไปจากพระราชวัง แล้วคราวนี้อะไรเป็นเหตุ! พระองค์จึงน้อมผ้าถวายอาตมา

 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

พระราชาเล่าเรื่องเทวดาเปลือยถวายท่าน แล้วตรัสว่า ปรารถนาจะช่วยเทวดาเปลือยนั้น ขอพระคุณเจ้าโปรดสงเคราะห์เถิด! ตรัสแล้วก็น้อมผ้าเข้าไปถวายพระเถระ เมื่อพระเถระรับผ้าแล้ว พระราชาได้อุทิศส่วนบุญนั้นให้เทวดาเปลือย ฉับพลันนั่นเอง เทวดานั้นก็นุ่งผ้าทิพย์ปรากฏตัวพร้อมม้าขาวต่อหน้าพระเถระและพระราชา เมื่อพระเจ้าอัมพสักขระ เห็นเหตุการณ์นั้นแล้ว เกิดปีติโสมนัส อุทานออกมาว่า เราได้เห็นผลกรรมด้วยตาของเราแล้ว เราจะไม่ทำกรรมชั่วอีก

ฝ่ายเทวดาบนหลังม้าได้แจ้งแก่พระราชาว่า ขอให้พระองค์ช่วยบุรุษถูกเสียบให้รอดชีวิตด้วย พระราชาเสด็จกลับพระราชวัง เชิญเจ้าลิจฉวีทั้งปวงประชุม ขออนุญาตปลดปล่อยนักโทษถูกประหาร ที่ประชุมฟังเรื่องแล้วตื่นเต้นยินดี ยอมให้พระราชาปลดปล่อยนักโทษแล้วทำการรักษาจนหายดี กาลต่อมาเขาผู้ถูกเสียบนี้สลดใจในเรื่องของตัวเอง จึงออกบวชและสำเร็จพระอรหันต์ในที่สุด

การกลั่นแกล้งคนธรรมดายังได้ผลขนาดนี้ แล้วการกลั่นแกล้งผู้มีศีลจะไม่มีผลบาปหรือ พระเจ้าอัมพสักขระโชคดีที่มีเหตุบางอย่างเข้าช่วยเหลือ จึงพ้นจากวังวนของความชั่วร้าย ที่ร้ายไปกว่านั้น ขณะนี้บางคนหาทางทำลายชื่อเสียงของพระ หาทางบีบบังคับให้ถอดผ้ากาสาวพัสตร์ออก เขาไม่รู้เลยว่า นั่น! คือ พวกเบียดเบียนพระสงฆ์ผู้มีศีล เขาจะตกนรกชื่อโลหะกุมภีเร่าร้อนอยู่ในหม้อทองแดงที่มีน้ำทองแดงเดือดพล่านนั้นอย่างทารุณร้ายกาจ เหมือนที่เทวดากล่าวแนะนำหลานว่า การถูกหลาวเสียบนี้ดีกว่าตกนรกอันร้ายกาจ ขอให้รักษาชีวิตไว้อย่าเพิ่งตายเลย ตามที่กล่าวไว้ในเรื่องฉะนั้น




ผู้เขียน: รศ.ทวี ผลสมภพ
ที่มา : มติชนรายวัน
เผยแพร่ : 26 พ.ค. 59
http://www.matichon.co.th/news/149159
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

The-ring

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ศรัทธาชาวพุทธ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2016, 09:46:54 pm »
0
ยามที่ ศาสนาเสื่อม พระดี ๆ ก็หลบรี้ หนีอยู่ลำพัง ใช้ชีวิตแบบซ่อนตัวกัน
ที่ประเทศอินเดีย มีหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์ คือ

"อชันตา" ภาพสะท้อนของพุทธศาสนาในอินเดีย
www.madchima.org/forum/index.php?topic=9508.0

บันทึกการเข้า